บทที่4 DNA แก้ปัญหาทั้งหมด   1/    
已经是第一章了
บทที่4 DNA แก้ปัญหาทั้งหมด
บทที่4 DNA แก้ปัญหาทั้งหมด น้ำตาของฉินจิ้งเวินไหลออกมาทีละหยดทีละหยดอย่างห้ามไม่อยู่และตกลงบนตัวของลูกชายเธอ ต่อให้เธอจะตัดใจไม่ขาดเพียงใด แต่เธอก็ยังต้องส่งเขาให้พ่อของเขาอยู่ดี นั่นเพราะฉินจิ้งเวินต้องการเงิน นั่นเพราะฉินจิ้งเวินไม่มีความสามารถพอที่จะเลี้ยงเขาให้เติบโตได้ ช่วงชีวิตของคนเรามีเรื่องราวมากมายที่ไม่ทำอะไรได้ นี่คือสิ่งที่โหดร้ายที่สุด และเธอกำลังเผชิญกับมัน ผ่านไปสี่สิบนาที เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ฉินจิ้งเวินปิดไฟในห้องลงก่อนจะอนุญาตให้คนด้านนอกเข้ามา ท่ามกลางความมืด ท่าทางร่างสูงโปร่งสง่างามนั้นยังคงเป็นเช่นดังเดิม ยังคงเป็นกลิ่นโคโลญอ่อนๆเช่นเดิม ทั้งหมดล้วนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป สิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงก็คือในห้องนี้มีเด็กเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน “ตอนเธอไป เธอยืนยันแล้วว่าไม่มีครรภ์ เด็กคนนี้คืออะไร?” ขณะที่ชายหนุ่มเอ่ยพูด ดวงตาแหลมคมของเขาก็ตกลงบนตัวเด็กที่กำลังคลานอยู่บนเตียง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของเด็กได้ชัดเจน แต่ก็รู้สึกถึงความอ่อนแอของเขา “คุณหมอบอกว่าสถานการณ์ของฉันเกิดขึ้นได้ เป็นเพราะฉันมีประจำเดือนอยู่ทุกเดือน จนกระทั่งเดือนที่สี่เข้าไปแล้วฉันถึงรู้ว่าตัวเองกำลังท้อง” พูดเรื่องส่วนตัวของตนเองกับชายหนุ่มแปลกหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินจิ้งเวินกระทำ ดังนั้นเธอจึงดูไม่สงบอยู่บ้าง “เด็กคลอดออกมาแล้วถึงค่อยมาหาฉัน เธอมีจุดประสงค์อะไร” น้ำเสียงเย็นชาแข็งกระด้างของชายหนุ่มแสดงออกได้ชัดถึงความโกรธ “เงิน ถ้าไม่ใช่เพราะฉันต้องการเงินฉันไม่มีทางเอาลูกมาให้คุณเด็ดขาด” ฉินจิ้งเวินพูดอย่างตรงไปตรงมา ถ้าหากไม่ใช่เพราะเงิน เธอคงพาลูกไปผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากด้วยกันแต่ไม่ยอมพาเขามาส่งที่นี่อย่างแน่นอน ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเงิน “ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ขาดเงินแค่ตอนนี้สักหน่อย บอกจุดประสงค์จริงๆมาซะ ฉันเกลียดคนที่มาใช้เล่ห์เหลี่ยมกับฉัน” ชายหนุ่มเอ่ยคำรามเสียงต่ำอย่างหมดความอดทน “ฉันไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร คุณคิดมากไปแล้ว ฉันควรจะมาหาคุณตั้งแต่รู้ว่าท้อง แต่ตอนนั้นฉันไม่ได้มีความจำเป็นเร่งด่วนอะไร คิดเพียงแค่อยากอยู่ใช้ชีวิตกับลูกเท่านั้น แต่ตอนนี้ทุกอย่างไม่ง่ายเหมือนที่ฉันคิดเอาไว้ ฉันไม่มีความสามารถพอที่จะดูแลเขา” ฉินจิ้งเวินพยายามอดทนอดกลั้นเอาไว้ บังคับให้ตนเองเอ่ยออกมาให้จบ ตอนนี้ไม่มีใครเข้าใจความเจ็บปวดของเธอทั้งนั้น “ไม่ต้องพูดอะไรอีก และคุณก็ไม่ต้องสงสัยอะไรฉัน รอตรวจDNAก่อนแล้วพวกเราค่อยคุยกัน” ฉินจิ้งเวินไม่อยากจะพูดกับชายคนนี้อีกต่อไป ถึงแม้ว่าเด็กจะยังเล็ก ไม่มีความทรงจำ ไม่รู้ความ อีกทั้งยังฟังไม่รู้เรื่องว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน แต่คำพูดเหล่านี้ก็ยังคงโหดร้ายเกินไปสำหรับเขา ฉินจิ้งเวินรู้ว่าชายหนุ่มกำลังสงสัยอะไร และเข้าใจว่าทำไมเขาถึงมีท่าทีเช่นนี้ เพียงแต่DNA จะเป็นตัวพิสูจน์ทุกอย่างเองไม่ใช่หรือ “เธอคิดว่าDNAจะช่วยแก้ไขปัญหาทุกอย่างอย่างนั้นหรือ? เธอจากไปสิบเดือน เธอรู้รึเปล่าว่าเวลานานขนาดนั้นมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง?” จู่ๆชายหนุ่มก็เอ่ยคำรามเสียงดังขึ้นมา จนทำให้เด็กทารกที่อยู่นเตียงตกใจ เด็กน้อยร้องไห้เสียงดังขึ้นมา ฉินจิ้งเวินรีบหมุนตัวเข้าไปปลอบลูกน้อย ถึงแม้จะไม่เห็นสีหน้าของเธอ แต่น้ำเสียงความเป็นมารดานั้นชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย “ลูกรักอย่าร้องไห้ แม่อยู่นี่ไม่ต้องกลัว” ราวกับเด็กน้อยถูกทำให้ตกใจเข้าแล้วจริงๆ ไม่ว่าฉินจิ้งเวินจะปลอบโยนอย่างไรเขาก็ยังคงไม่หยุดร้องไห้ ฉินจิ้งเวินไม่มีทางเลือกจึงได้แต่ป้อมนมแม่ให้เขาดื่ม ฉินจิ้งเวินอุ้มลูกเอาไว้และหันหลังให้ชายหนุ่ม ก่อนจะป้อมนมแม่ให้ลูกอย่างคุ้นเคย ท่าทางที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทำให้ชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วอย่างเย็นชา ในที่สุดเด็กทารกก็หยุดร้องลง ไม่นานนักก็หลับไป ฉินจิ้งเวินวางลูกลงอย่างทะนุถนอมพอหันกลับมาอีกครั้งก็เผชิญหน้ากับชายหนุ่ม เช่นเคย เธอยังคงไม่เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน แต่เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นชาของเขาอย่างชัดเจน “พูดเบาๆหน่อยนะคะ อย่าทำให้ลูกตกใจอีกครั้ง” เธอเอ่ยเตือนก่อน ก่อนจะเอ่ยปากต่อ “ฉันไม่รู้ว่าเมื่อกี้ที่คุณโมโหใส่ฉันนั้นเป็นเพราะต้องการจะบอกอะไรกับฉัน และฉันก็ไม่อยากรู้ด้วยเช่นกัน วันนี้ที่ฉันมาเพราะอยากคุยกับคุณเรื่องลูก ถ้าหากคุณอยากตรวจความเป็นพ่อลูก คุณสามารถพาเขาไปได้ทันที ฉันไม่มีเงิน และฉันก็ไม่อยากทำให้เขาต้องอดตาย” “ยังมีอีก วันนี้เป็นครั้งสุดท้ายของทั้งคุณและฉัน หลังจากนี้ฉันและลูกจะไม่มาหาคุณที่วิลล่าอีก และขอร้องคุณอย่าได้ตามหาพวกเราอีกตลอดชั่วทั้งชีวิตนี้” ฉินจิ้งเวินพูดจบก็หมุนตัวอุ้มลูกออกไป แต่กลับถูกชายหนุ่มดึงกลับมาอย่างแรง ถูกชายหนุ่มดึงเข้าอย่างแรงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ฉินจิ้งเวินจึงตกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดเขาและกระแทกเข้ากับแผงอกอันแข็งแกร่งของเขาเข้า “คุณ....” ผ่านไปชั่วครู่ ฉินจิ้งเวินถึงค่อยยืนตัวตรงขึ้นมาได้ “ลูกของฉัน ฉันไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนเอาไปทั้งนั้น เธอเป็นแค่เครื่องมือตั้งครรภ์ชิ้นหนึ่งก็เท่านั้น เพราะเงินเธอก็เลยเอาลูกกลับมาให้ฉัน เธอไม่มีคุณสมบัติอะไรที่จะพาเขาไป” ความโกรธของชายหนุ่มรุนแรงขึ้นกว่าเดิม แต่กลับไม่ได้ใช้น้ำเสียงดังข่มขู่อีก แต่กลับเอาความโกรธนั้นไประบายลงที่ข้อมือของฉินจิ้งเวินแทน เขามือบีบของฉินจิ้งเวินเอาไว้อย่างแรงจนเธอรู้สึกเจ็บ “คุณกำลังทำให้มือของฉันเจ็บ โปรดปล่อยมือฉันด้วยค่ะ” ฉินจิ้งเวินเอ่ยอย่างดื้อรั้น เวลานี้เธอรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในใจราวกับโดนมีดกรีดก็มิปาน เธอได้แต่โทษตัวเอง ขายลูกของตัวเองนี้ก็เพียงพอให้เธอใจสลายแล้ว เธอไม่มีศักดิ์ศรีอะไรมาเสียต่อหน้าชายคนนี้อีกต่อไป ชายหนุ่มผ่อนแรงลงมา ฉินจิ้งเวินได้โอกาสจึงรีบสะบัดมือออกจากเขาทันที “ในเมื่อคุณอยากได้ลูก พวกเราก็ต้องตกลงเงื่อนไขกัน” “ฉันจะต้องแน่ใจก่อนว่าเด็กเป็นลูกของฉัน ถึงค่อยคุยเงื่อนไขกับเธอ” ชายหนุ่มพูดจบก็เดินตรงไปยังเด็กน้อย แต่ฉินจิ้งเวินกลับรีบเดินมาขวางเขาไว้ก่อนก้าวหนึ่ง “คุณคิดจะทำอะไร?” “พาลูกไป” “ไม่ ไม่ได้ หากยังไม่ได้สรุปข้อตกลง ไม่อนุญาตให้พาเด็กไปไหนทั้งนั้น” ฉินจิ้งเวินยังคงยืนยันคำพูดเดิม เธอไม่ได้กลัวว่าชายหนุ่มจะพาลูกไปแล้วไม่ให้เงินกับเธอ แต่เป็นเพราะจู่ๆเธอก็รู้สึกตัดใจไม่ขาดขึ้นมาอย่างเอ่อล้น “ฉันจะทำการพิสูจน์สายเลือด” “พิสูจน์สายเลือดใช้เส้นผมก็พอ คุณอุ้มเขาไปที่ห้องน้ำ หลังจากนั้นก็เอากรรไกรมาตัดผมของเขาไปและเอาเด็กมาคืนฉัน” ชายหนุ่มไม่เอ่ยพูดอีกต่อไป และทำตามที่ฉินจิ้งเวินบอก อุ้มเด็กไปยังห้องน้ำ หลังจากนั้นสิบนาที ชายหนุ่มก็อุ้มลูกมาคืนให้แก่ฉินจิ้งเวินก่อนจะสาวเท้าออกไปทันที ฉินจิ้งเวินถอนหายใจออกมา ก่อนจะอุ้มลูกเข้าอ้อมกอดอย่างไม่อาจตัดใจ “ลูกรัก หม่ามี้ไม่มีหนทางแล้วจริงๆ หม่ามี้ก็ไม่อยากไปจากหนูเช่นกัน” ตอนที่เธอเพิ่งจะตั้งครรภ์ ฉินจิ้งเวินคิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าความรู้สึกที่มีต่อลูกของเธอนั้นจะลึกซึ้งถึงขนาดนี้ ดังนั้นในตอนนี้เธอจึงทุกข์ทรมานอย่างไม่สามารถเปรียบเทียบกับสิ่งใดได้ หากไม่ใช่เพราะเธอต้องจ่ายหนี้ หากไม่ใช่เพราะเธอจำเป็นต้องจ่ายค่าชดเชย ต่อให้เธอต้องทุกข์ทนกว่านี้เธอก็จะเลี้ยงดูลูกให้เติบใหญ่ด้วยตนเอง มองดูลูกน้อยที่กำลังหลับสนิท มองดูใบหน้าน่ารักของเขา จู่ๆฉินจิ้งเวินก็รู้สึกอยากเก็บลูกน้อยเอาไว้กับตัวขึ้นมา จนกระทั่งเธอกำลังเริ่มเก็บของใช้ของลูก โทรศัพท์ของคุณป้าฉินหลานก็ดังขึ้น “เวินเวิน เรื่องเป็นยังไงบ้างแล้ว?” “คุณป้า หนูอยาก....” ฉินจิ้งเวินกำลังคิดจะบอกเรื่องที่เธอจะเก็บเด็กกลับคืนมา เธอก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์จากคนอื่นดังขึ้นมาในหู “อย่ามาผัดวันประกันพรุ่ง สามีของฉันตายไปเกือบจะปีแล้ว เงินค่าชดเชยของพวกคุณยังไม่ให้พวกเราเลยสักนิด พวกเรามีพ่อแก่แม่เฒ่าลูกเล็กเด็กแดงต้องเลี้ยงดู พวกเราจะอยู่ต่อไปยังไง?” “นั่นสิ รีบเอาเงินมาให้พวกเรา ไม่ต้องมาเอ่ยข้ออ้างอะไรอีก พวกคุณบอกว่าไม่มีเงิน แต่ดูคล้ายพวกคุณจะมีชีวิตดีกว่าใครๆทั้งนั้น?” ฉินจิ้งเวินได้ยินก็พอจะรู้เรื่องราว สมควรเป็นครอบครัวของผู้เสียชีวิต จากวันที่เกิดอุบัติเหตุรถชนวันนั้นจนกระทั่งตอนนี้เป็นเวลาเกือบปีแล้ว ฉินจิ้งเวินไม่มีโอกาสได้พบหน้าครอบครัวผู้ตายเลยสักนิด นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขามาตามถึงหน้าบ้าน รับว่าพวกเขาใจกว้างเป็นอย่างยิ่งแล้ว “เวินเวิน หากไม่ได้ผลก็กลับมาเถอะ พวกเราค่อยมาหาวิธีอื่น” น้ำเสียงของฉินหลานคล้ายกับตัดใจไม่ได้อยู่บ้าง “คุณป้า บอกพวกเขาว่าไม่ต้องรีบร้อน อีกไม่กี่วัน ฉันจะต้องให้คำตอบกับพวกเขาแน่นอน” ในสถานการณ์เช่นนี้ฉินจิ้งเวินได้แต่ขจัดความคิดในหัวออกไปในที่สุด ค่ำวันนั้น ชายหนุ่มก็มาหาอีกครั้ง ตอนที่เขาผลักประตูเข้ามา ในห้องเต็มไปด้วยความมืดมิด “ผลออกมาแล้วหรือคะ?” ฉินจิ้งเวินเอ่ยถามเสียงเบา กลัวว่าจะปลุกลูกให้ตื่น
已经是最新一章了
加载中