บทที่7 เริ่มทำงานวันแรก   1/    
已经是第一章了
บทที่7 เริ่มทำงานวันแรก
บทที่7 เริ่มทำงานวันแรก “เวลาสี่ปี ดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนแปลงไปมากมาย” ฉินจิ้งเวิน ถอนหายใจ “ถูกต้อง เปลี่ยนไปเยอะมาก ไม่ใช่ว่าเธอก็เปลี่ยนไปแล้วหรือ ก่อนหน้านี้เธอแต่งตัวเป็นทางการจะตาย แต่ตอนนี้เธอกลับเปลี่ยนสไตล์แล้ว” ถังตันนีมองดูฉินจิ้งเวินผ่านกระจกหลัง การเปลี่ยนแปลงของเธอมากกว่าคำว่านิดเดียว ตอนที่พบหน้ากันที่สนามบิน ถังตันนียังคิดไปว่าตนเองมองผิดคน กางเกงยีนง่ายๆพับขาขึ้น สวมรองเท้าผ้าใบส้นเตี้ยคู่หนึ่ง เสื้อยืนทรงหลวมสีขาว มองดูแล้วคล้ายเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งก็มิปาน ไม่มีกลิ่นอายเมื่อก่อนเลยสักนิด “ไม่ได้เปลี่ยน เพียงแต่พอคลอดป้านเย่แล้วรู้สึกว่าแต่งตัวแบบนี้พาลูกไปไหนสบายขึ้นมาอยู่บ้าง ตอนทำงานใส่แต่ชุดเป็นทางการ พอกลับบ้านมาก็อยากใส่อะไรสบายๆบ้าง” ฉินจิ้งเวินไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปตรงไหน หากจะพูด ก็คงเป็นเรื่องราวโชคร้ายลำบากที่เธอเจอทำให้เธอเป็นผู้ใหญ่ขึ้น “อ้อใช่ ครั้งนี้เธอกลับมาแล้วยังจะกลับไปอีกไหม?” พูดถึงการจากไป ในใจของถังตันนีก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์ “ตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัด บริษัทฯให้ฉันมาช่วยแนะนำเทคนิคเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่รู้ว่าหลังจากหนึ่งปีแล้วบริษัทฯจะวางแผนยังไงต่อ” ฉินจิ้งเวินกล่อมป้านเย่ที่กำลังนอนอยู่บนตักของตนเบาๆ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเบา สำหรับเธอแล้วเมืองนี้นั้นมีความหลังกับเธออย่างลึกซึ้ง คิดอยากจะอยู่ แต่กลับไม่รู้ว่าได้หรือไม่ “อย่าไปเลย อย่ามากก็แค่ลาออกจากงานแล้วหาใหม่ ที่นี่ยังไงเสียก็เป็นบ้านของเธอ จะมัวแต่ไประหกระเหินอยู่ด้านนอกก็ไม่ได้ ป้านเย่ก็โตขึ้นเรื่อยๆ ต้องมีสภาพแวดล้อมที่มั่นคงให้กับเธอ” เวลาหนึ่งปีพึ่งจะเริ่มต้นขึ้น ถังตันนีก็เป็นกังวลเรื่องการจากไปของเพื่อนแล้วเป็นที่เรียบร้อย พบเจอกับการจากกันแล้วครึ่งหนึ่ง เธอไม่อยากเจอมันอีกครั้ง ความรู้สึกที่ทำให้คนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั่น “พูดไปแล้ว ยังมีคุณป้ากับจิ้งหยี อีก ฉันคนเดียวไปกำหนดอะไรไม่ได้หรอก” ฉินจิ้งเวินเอ่ยเสียงต่ำ สำหรับเธอแล้วเมืองนี้มีความหลังกับเธออย่างล้ำลึก แต่ก็เป็นที่ที่ให้ความเจ็บปวดกับเธออย่างที่สุดเช่นกัน “เอาเถอะ เรื่องภายหลังค่อยว่ากันทีหลัง ยังไงซะเธอก็มีเวลาคิดเกือบปี อ้อใช่ เธอกลับมาก่อนแบบนี้ทางบริษัทฯคงยังไม่รู้ใช่ไหม?” “ยังไม่รู้ เปลี่ยนไฟลท์กะทันหัน ก็เลยยังไม่ทันได้บอกพวกเขา” มองดูถนนนอกหน้าต่างที่พัฒนาไปมาก ฉินจิ้งเวินตอบกลับอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อย สี่ปีก่อนเธอจากไปอย่างคนจนตรอก มีเรื่องบางเรื่องที่ในใจยังคงไม่ได้คลี่คลาย ดังนั้นการกลับมาในครั้งนี้เธอไม่ได้รู้สึกสบายใจแต่อย่างใด อาคารสำนักงานใหญ่ของตระกูลเฉียว ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของเมือง B อีกทั้งยังเป็นอาคารสัญลักษณ์ของเมือง B ส่วนตระกูลเฉียวที่เป็นเจ้าของอาคารนั้น ก็กลายเป็นผู้มีอำนาจทางเศรษฐกิจของเมือง B เมือง Bนั้นเป็นเมืองศูนย์กลางของประเทศ เป็นหัวใจในด้านเศรษฐกิจ การปกครอง และวัฒนธรรมของประเทศ กล่าวได้ว่าเป็นเสมือนหน้าต่างสู่โลกภายนอกของประเทศ การครอบครองเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญเช่นนี้ อำนาจอิทธิพลของตระกูลเฉียวนั้นจึงเป็นสิ่งที่ผู้คนสามารถจินตนาการได้ เอเชียและประเทศอื่นๆทั่วโลกล้วนมีอาณาเขตและสาขาย่อยของตระกูลเฉียวตั้งอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคือคนที่สามารถครอบครองบริษัทฯที่มีมูลค่ามหาศาลเช่นนี้นั้นจะต้องเก่งกาจขนาดไหนกัน? ในห้องโถงขนาดโอฬารตระการตา มีกลุ่มคนแถวหนึ่งกำลังเดินเข้าไปอย่างสง่างาม ชายที่เดินนำหน้า ทั้งตัวใส่ชุดสูทสีดำ ท่าทางสง่าผ่าเผยอย่างยิ่ง ใบหน้าคมสันดวงตาเป็นประกายล้ำลึก รอบตัวราวกับมีพลังอำนาจของกษัตริย์ที่ทำให้คนขัดขืนไม่ได้แผ่ออกมา เขาก็คือเฉียวซู่นเฉินผู้กุมอำนาจของบริษัทตระกูลเฉียว และเป็นผู้ที่นำพาตระกูลเฉียวขึ้นไปสู่เวทีโลก เฉียวซู่นเฉินขึ้นลิฟต์ส่วนตัวเฉพาะประธานบริษัทฯเพื่อขึ้นไปยังห้องทำงานของประธานบริษัทฯ ประตูลิฟต์เปิดขึ้นพร้อมกับเฉียวซู่นเฉินที่ก้าวเท้ายาวไปยังหน้าโต๊ะทำงาน หลังจากนั้นก็กดปุ่มต่อสายภายใน เพียงไม่กี่วินาที ประตูไม้ทึบขนาดใหญ่ของห้องทำงานประธานบริษัทฯก็ถูกผลักเปิดโดยคนกลุ่มหนึ่ง ทั้งหมดล้วนแต่งตัวอย่างเป็นทางการและเดินเข้ามารายงาน “ท่านประธานเฉียว” ซูชิ่นเลขาหญิงเข้ามาเป็นคนสุดท้าย แต่เรื่องที่เธอต้องรายงานนั้นกลับเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด “.....” เฉียวซู่นเฉินเงยหน้าขึ้นอย่างเย็นชา “ท่านประธานเฉียวเก๋อ คนที่จัดไปยังสนามบินเมื่อเช้า ยังไม่ได้รับตัวที่ปรึกษาด้านเทคนิคที่บริษัทฯMTจัดมา” เลขาสาวราวกับเคยชินกับท่าทางเย็นชาไม่พูดจาของเฉียวซู่นเฉิน จึงเอ่ยรายงานต่อด้วยความนิ่ง “ไม่ได้รับคนมา ทำไมเรื่องง่ายๆแค่นี้ยังทำได้ไม่ชัดเจน” เฉียวซู่นเฉินขมวดคิ้วเอ่ยเสียงต่ำ “ท่านประธานเฉียว คนที่ไปยังสนามบินตรวจสอบแล้ว พบว่าที่ปรึกษาด้านเทคนิคคนนี้มาถึงก่อนล่วงหน้าแล้วสาววันเพียงแค่ไม่ได้ติดต่อทางบริษัทฯเอาไว้” “ขอประทานโทษที่รบกวนนะคะ ฉันเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิคที่บริษัทฯMTส่งมาเองค่ะ” คำพูดของซูชิ่นเพิ่งจะเอ่ยจบ ก็ตามมาด้วยน้ำเสียงไพเราะอ่อนหวานของหญิงสาวอีกขึ้นดังขึ้นมา เฉียวซู่นเฉินหันไปมองตามเสียง ก็เห็นเป็นหญิงสาวรูปร่างโดดเด่นสง่างามคนหนึ่งกำลังเดินมาทางที่ตนอยู่ หญิงสาวแต่งตัวด้วยกางเกงขากว้างและรองเท้าส้นเข็ม จับคู่กับเสื้อเชิ้ตแขนตุ๊กตาสีขาวสง่างามมองดูแล้วสง่างามมีสไตล์แต่ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของหญิงสาววัยรุ่น ใบหน้ารูปไข่อมชมพูเรียวยาว ดวงตาเป็นใสเป็นประกายราวกับเทพธิดา จมูกโด่งได้รูป มุมปากที่กำลังยกขึ้นน้อยๆโชว์ให้เห็นลักยิ้มสองข้างที่กดลึกขึ้น ทุกท่วงท่าและรอยยิ้มของเธอแสดงออกถึงความละเอียดอ่อนสง่างาม อีกทั้งยังคงไว้ซึ่งความเป็นหญิงสาวฉลาดเฉลียว การปรากฏตัวของเธอพร้อมรูปลักษณ์ที่เหนือธรรมดาเช่นนี้ ทำเอาคนทั้งออฟฟิศตกตะลึงไป หญิงสาวตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งหมดขึ้นมาทันที แต่นัยน์ตากลับมีประกายประหลาดใจผุดขึ้นมาสายหนึ่ง หากเธอมองไม่ผิด ผู้ชายคนนี้สมควรจะเป็นพ่อของเด็กชายตัวน้อยคนนั้นที่เธอเจอบนเครื่องบินเมื่อสามวันก่อน เธอคิดไว้ไม่ผิด ทั้งคำพูดท่าทาง รวมถึงการแต่งตัวของเด็กคนนั้นมองก็รู้แล้วว่าต้องเกิดมาในตระกูลร่ำรวย แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคุณชายน้อยของตระกูลเฉียว ถึงแม้ว่าฉินจิ้งเวินจะจำเขาได้ แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยขึ้นมาแต่อย่างใด “ฉันแนะนำตัวเองสักหน่อยดีกว่าค่ะ ฉันชื่อฉินจิ้งเวิน เป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ที่สำนักงานใหญ่ของ MT” ฉินจิ้งเวินยื่นมือของเธอออกมา เพื่อทำการทักทายชายหนุ่มท่าทางเย็นชาตรงหน้าที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด เฉียวซู่นเฉินเหลือบมองมือเรียวขาวผ่องละเอียดอ่อนของเธอ แต่กลับไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆ เพียงแค่คิดว่าผู้หญิงตรงหน้าตนคนนี้ดูช่างแตกต่างกับหญิงสาวในชุดลำลองที่เขาบังเอิญเจอบนเครื่องบินอย่างห่างไกล “ท่านนี้คือเฉียวซู่นเฉิน ประธานบริษัทฯตระกูลเฉียว ของพวกเรา” เลขาเห็นว่าเฉียวซู่นเฉินไม่มีท่าทีตอบสนอง ดังนั้นจึงเอ่ยปากเพื่อทำลายสถานการณ์ ท่าทางของฉินจิ้งเวินที่ยกมือค้างอยู่กลางอากาศนั้นดูน่าอับอายอยู่บ้าง คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายคนนี้จะหยิ่งยโสเช่นนี้ แต่ก็แล้วไปเถอะ ใครใช้ให้เขาเป็นมหาเศรษฐี ใครใช้ให้เขาเป็นประธานของบริษัทฯข้ามชาติเล่า ฉินจิ้งเวินหัวเราะเบาๆอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะเก็บมือกลับมา “สมกับเป็นท่านประธานเฉียว” “วันแรกที่มาทำงานก็สายซะแล้ว ตอนนี้ผมกำลังเริ่มสงสัยถึงความสามารถของคุณ” มองเห็นสายตาที่แฝงความเยาะเย้ยของฉินจิ้งเวิน เฉียวซู่นเฉินจึงรู้สึกไม่สบอารมณ์ ฉินจิ้งเวินคิดไม่ถึงว่าเฉียวซู่นเฉินจะต้อนรับพาร์ทเนอร์ของบริษัทฯด้วยวิธีพิเศษเช่นนี้ มุมปากของเธอจึงยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “ท่านประธานเฉียว ก่อนที่จะมาที่นี่ ฉันไปรายงานตัวกับแผนกพัฒนาซอฟต์แวร์แล้วเรียบร้อย เพียงแค่ความเร็วในการสื่อสารของพนักงานคุณอาจมีข้อจำกัดอยู่บ้างเท่านั้น และฉันมาที่นี่ข้อแรกก็เพราะคิดอยากมาทักทายท่านประธานเฉียว ข้อสองก็คือ ขอบคุณท่านประธานที่หาอพาร์ทเมนต์สำหรับพักเอาไว้ให้ฉัน และขอบคุณที่ท่านจัดการเรื่องโรงเรียนอนุบาลที่ดีขนาดนี้ให้สำหรับลูกสาวของฉันค่ะ” คำพูดของฉินจิ้งเวินทั้งอ่อนโยนและสง่างาม แต่กลับทำให้สีหน้าของเฉียวซู่นเฉินแปรเปลี่ยนไป ส่วนผู้อำนวยการแต่ละแผนกกำลังนั้นกำลังตะลึงที่หญิงสาวที่หน้าตางดงามขนาดนี้นั้นแต่งงานแถมยังมีลูกไปเรียบร้อยแล้ว ในใจรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แต่เนื่องจากเห็นสีหน้าของเฉียวซู่นเฉินที่จู่ๆก็เปลี่ยนไปขึ้นมา ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าแสดงสีหน้าท่าทางใดๆออกมา “ขอบคุณนะคะท่านประธานเฉียว ฉันสมควรกลับไปทำงานแล้ว” ฉินจิ้งเวินเอ่ยอย่างเปิดเผยจริงใจก่อนจะหมุนตัวจากไป “ซูชิ่น ไปเตรียมให้พร้อม การประชุมของแผนกพัฒนาซอฟต์แวร์ฉันจะเป็นคนดำเนินการด้วยตัวเอง” เฉียวซู่นเฉินจู่ๆก็เปลี่ยนแผนตารางงานขึ้นมา เขาอยากเห็นนักว่าผู้หญิงคนนี้ไปเอาความความอวดดีมาจากไหน “ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ค่ะ” ซูชิ่นรับคำสั่ง ก่อนจะรีบออกไปเตรียมการทันที ตระกูลเฉียวเพิ่งจะเข้าซื้อบริษัทผลิตโทรศัพท์มือถือขนาดกลางในประเทศมา และเชื่อมั่นว่ามันจะทำให้ตระกูลเฉียวกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ หลังจากการซื้อกิจการมา แบรนด์โทรศัพท์มือถือถูกเปลี่ยนชื่อเป็น YB อย่างเป็นทางการ หลังจากการก่อตั้งแบรนด์เป็นที่เรียบร้อย ตระกูลเฉียวจึงร่วมมือกับบริษัทซอฟต์แวร์อย่างMT ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของโลก และฉินจิ้งเวินก็คือที่ปรึกษาด้านวิศวกรซอฟต์แวร์ระดับสูงที่ส่งมาโดย บริษัท MT เพื่อให้คำแนะนำด้านเทคนิคและได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการโดยตระกูลเฉียว
已经是最新一章了
加载中