บทที่8 ก็แค่นั้นเอง
1/
บทที่8 ก็แค่นั้นเอง
แดดดี้สายเปย์ ลูกแฝดสุดน่ารัก
(
)
已经是第一章了
บทที่8 ก็แค่นั้นเอง
บทที่8 ก็แค่นั้นเอง เฉียวซู่นเฉินนำคนกลุ่มหนึ่งไปยังสำนักงานของแผนกซอฟต์แวร์อย่างสง่าผ่าเผย ท่าทางของเขาดูน่าเกรงขามอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ ในขณะที่เปิดประตูห้องประชุมใหญ่เข้าไป นัยน์ตาเข้มของเขาก็ตกลงที่ใบหน้าของฉินจิ้งเวิน เมื่อเห็นว่าฉินจิ้งเวินยังคงมีท่าทางมั่นใจเช่นเดิม คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นมา หลังจากที่ทุกคนนั่งลงเรียบร้อย ผู้ดำเนินการประชุมก็ทำการเริ่มเปิดการประชุม “ก่อนอื่น พวกเราขอต้อนรับวิศวกรซอฟต์แวร์จากบริษัทMT ฉินจิ้งเวิน” หลังจากผู้ดำเนินการประชุมเอ่ยจบ เสียงปรบมือต้อนรับก็ดังเกรียวกราวขึ้นมา ฉินจิ้งเวินลุกขึ้นมาอย่างสง่างามพร้อมรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะ ฉันคือฉินจิ้งเวิน มาจากสำนักงานใหญ่ของMT หลังจากนี้ไปเป็นระยะเวลาหนึ่งปี ฉันจะร่วมทำงานกับทุกท่าน และหวังว่าความขยันของพวกเราจะสามารถสร้างสรรค์บทใหม่ของโทรศัพท์มือถือขึ้นมา” คำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของฉินจิ้งเวินเอาชนะเสียงปรบมืออีกครั้ง แต่เฉียวซู่นเฉินไม่ได้รวมอยู่ในเสียงปรบมือนั้นอย่างแน่นอน สิ่งที่เขาต้องการคือผลลัพธ์ไม่ใช่การพูดปากเปล่า “เวลาประชุมมีจำกัด เข้าเรื่องการประชุม” เสียงปรบมือมาถึงจุดจบทันทีหลังจากเสียงเย็นชาของเฉียวซู่นเฉินดังขึ้น และเป็นอีกครั้งที่ฉินจิ้งเวินต้องเจอกับสถานการณ์ทำตัวไม่ถูก ฉินจิ้งเวินนั่งลงและขณะที่ดวงตายังคงมีความงงงวยไม่เข้าใจ เฉียวซู่นเฉินเดิมทีก็เป็นคนโหดร้ายชอบรังแกคนอื่นแบบนี้อยู่แล้วหรือเขากำลังตั้งแง่หาเรื่องเธอกันแน่? เธอก็แต่ไม่ได้บอกบริษัทล่วงหน้าเรื่องที่เธอมาถึงก่อนกำหนดก็เท่านั้น ถึงยังไงก็ไม่ใช่เรื่องผิดกฎระเบียบอะไร แต่ท่านประธานใหญ่ผู้หยิ่งยโสคนนี้ก็ยังคงลงแส้กับเธอ? “ผู้ตรวจการใหญ่ฉิน ขอเชิญคุณมาแนะนำเกี่ยวกับระบบซอฟต์แวร์และหลักการทำงานให้แก่พวกเรา” ผู้ดำเนินการประชุมไม่กล้าขัดขืนคำสั่งได้แต่รีบเข้าเรื่องประชุมโดยเร็ว “คำถามง่ายๆแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเอ่ยอธิบายอะไรแล้วค่ะ หากบริษัทต้องการผลิตอุปกรณ์ที่มีมูลค่าในระดับใด หน้าที่ของฉันก็คือการคัดสรรซอฟต์แวร์ที่เหมาะสม ชิปที่เหมาะสมกับอุปกรณ์นั้น รวมถึงดำเนินการให้คำแนะนำด้านเทคนิคซอฟต์แวร์ควบคู่ไปด้วย” ฉินจิ้งเวินยังคงมีความมั่นใจเช่นเดิม คำพูดที่เธอเอ่ยออกมาไม่มีใครสามารถหาข้อบกพร่องขึ้นมาจับผิดได้ สำหรับการประชุมในวันนี้ ฉินจิ้งเวินเตรียมตัวเอาไว้ตั้งนานแล้ว อีกทั้งตนเองยังมีความคิดที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ดังนั้นไม่ว่าใครจะเป็นประธานการประชุม เธอก็มั่นใจว่าตนเองสามารถรับมือได้ แต่เมื่อเห็นเฉียวซู่นเฉินกำลังสงสัยในความสามารถของตนเอง ทำให้เธอต้องทิ้งสิ่งที่เตรียมมาในก่อนหน้านี้ ในเมื่อเขาอยากรู้ความสามารถของเธอ เธอก็จะไม่บอก รอให้สินค้าที่ออกมาเป็นตัวบอกผลลัพธ์ คำพูดของฉินจิ้งเวินทำให้คนในห้องประชุมที่นั่งอยู่หันมามองหน้ากัน ต้องเป็นวิศวกรระดับสูงหรือมีตำแหน่งสูงระดับไหนกันถึงได้กล้าหาญเช่นนี้? “.....” ผู้ดำเนินการประชุมรู้สึกอับจนหนทางอยู่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าตนเองควรไปต่อแบบไหนดี ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูดต่อ ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของ เฉียวซู่นเฉินดังขึ้นมาเสียก่อน “หัวหน้าวิศวกรของMT ก็แค่เท่านี้” เฉียวซู่นเฉินลุกขึ้น นัยน์ตาเป็นประกายเข้มขึ้น คิ้วขมวดมองฉินจิ้งเวินแวบหนึ่งก่อนจะก้าวออกไป ใบหน้าเต็มใบด้วยความเชื่อมั่นของฉินจิ้งเวินทำให้ในใจของเฉียวซู่นเฉินรู้สึกไม่สบอารมณ์ หลังจากกลับไปที่สำนักงานของประธานบริษัท เฉียวซู่นเฉินจึงสั่งให้เลขานุการส่งข้อมูลพื้นฐานของฉินจิ้งเวินมาให้เขา ซูชิ่นรีบเตรียมเอกสารข้อมูลของฉินจิ้งเวินส่งไปให้เฉียวซู่นเฉินตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ฉินจิ้งเวิน เพศหญิง อายุ27ปี 27ปี? 27ปีก็มีความมั่นใจถึงขนาดนี้ ช่างไม่สอดคล้องกับอายุเอาเสียเลย สมาชิกในครอบครัว ลูกสาวอายุสี่ขวบ การศึกษาระดับปริญญาโท ปริญญาตรี ศึกษาที่ประเทศM ตอนนี้มีตำแหน่งเป็นวิศวกรระดับสูงของเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ MT เคยได้รับรางวัลที่สำคัญมากมายในการแข่งขันเขียนโปรแกรมซอฟต์แวร์ระหว่างประเทศ เธอมีส่วนร่วมในด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ การเขียนโปรแกรมซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์และการพัฒนาชิปของเครื่องใช้ในครัวเรือนต่างๆ มีความสำเร็จที่โดดเด่นมากมาย นอกจากนี้เธอยังถือใบรับรองคุณวุฒิครูที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศ และมีใบรับรองคุณสมบัติทนายความอื่นๆ โปรไฟล์ที่งดงามขนาดนี้เป็นเรื่องจริงหรือเท็จ? หลังอ่านประวัติของฉินจิ้งเวินจนจบ คิ้วของเขาก็ขมวดเข้ม “นี่คือทั้งหมดแล้ว?” “ใช่ค่ะ” ซูชิ่นตอบอย่างมั่นคง “สมาชิกในครอบครัวมีแค่เธอกับลูกสาว ทำไมถึงไม่มีประวัติพ่อแม่คู่สมรส?” เฉียวซู่นเฉินถามอย่างไม่พอใจ “ฉันเพิ่งจะตรวจสอบไป สามีของคุณหนูฉินเป็นเพื่อนในมหาลัย หลังคลอดลูกไม่นานก็หย่ากัน ลูกเป็นเธอที่ดูแลเลี้ยงดู ส่วนประวัติพ่อแม่นั้นไม่มีค่ะ” ซูชิ่นทำงานให้กับเฉียวซู่นเฉินมาเกือบสี่ปีแล้ว เธอเข้าใจว่าตนเองนั้นเข้าใจเขายิ่งกว่าใครทั้งนั้น ดังนั้นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติครอบครัวแค่พื้นฐานของฉินจิ้งเวิน เป็นเรื่องแน่นอนว่าเฉียวซู่นเฉินนั้นจะต้องไม่พอใจ ดังนั้นเธอจึงเตรียมการตรวจสอบมาแล้วล่วงหน้า แต่เธอกลับหามาได้แค่นี้เท่านั้น “ออกไปเถอะ” เฉียวซู่นเฉินออกคำสั่ง สำหรับการเริ่มงานวันแรก ฉินจิ้งเวินถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ถ้าหากท่านประธานหน้าตายคนนั้นไม่ปรากฏตัวขึ้นมาบางทีอาจจะดีขึ้นอีกโข ฉินจิ้งเวินเลิกงานตามเวลาและลงไปยังลานจอดรถเพื่อรับรถ ในขณะที่กำลังจะเปิดประตูรถก็บังเอิญเห็นเฉียวซู่นเฉินเข้าพอดี ฉินจิ้งเวินปิดประตูรถลงอย่างเด็ดเดี่ยวและเดินตรงไปที่รถของเฉียวซู่นเฉิน “ฉันอยากคุยกับท่านประธานเฉียวตามลำพังสักครู่ ไม่ทราบว่าคุณทั้งสองพอจะให้โอกาสได้ไหมคะ?” ฉินจิ้งเวินเอ่ยถามคนขับรถและผู้ช่วยที่กำลังจะขึ้นรถไป แต่ยังไม่ทันให้ทั้งคู่ได้ตอบกลับ ฉินจิ้งเวินก็เปิดประตูรถและนั่งลงข้างๆเฉียวซู่นเฉินแล้วเป็นที่เรียบร้อย “ท่านประธานเฉียว” “ใครให้เธอขึ้นมา?” เฉียวซู่นเฉินจู่ๆก็หน้าคล้ำขึ้นมากะทันหัน “แน่นอนว่าเป็นตัวฉันเองค่ะ” ฉินจิ้งเวินพูดอย่างไม่เกรงกลัว “ท่านประธานเฉียว ฉันอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงมีท่าทีแบบนี้กับฉันคะ? ดูเหมือนว่าฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ” มองเห็นใบหน้าอึมครึมเย็นชาของเฉียวซู่นเฉิน พอนึกถึงสีหน้าดูถูกของเขาตอนเดินออกไปจากห้องประชุม ในใจของฉินจิ้งเวินก็รู้สึกไม่พอใจ “ทำงานของเธอให้ดี อย่าทำให้ฉันรู้สึกว่าเธอดีแค่เปลือก” เฉียวซู่นเฉินเอ่ยอย่างมีอารมณ์เสีย “ฉันยังไม่ทำอะไรเลย คุณรู้ได้ยังคะว่าฉันดีแค่เปลือก? เห็นทีท่านประธานเฉียวคงสงสัยในความสามารถของฉันไปทุกอย่าง ในเมื่อเป็นแบบนี้ ท่านประธานเฉียวสามารถร้องขอเปลี่ยนคนได้นะคะ” ฉินจิ้งเวินพูดจบก็เหลือบมองเฉียวซู่นเฉินแวบหนึ่งก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ แต่ยังไม่ทันได้แตะประตูเธอก็ถึงแรงแรงหนึ่งดึงกลับไปเสียก่อน “ไม่มีใครกล้าพูดกับฉันแบบนี้ นี่เธอกำลังยั่วยุฉันในฐานะท่านประธานหรือกำลังยั่วยุผู้ชายคนหนึ่ง?” มือซ้ายของเฉียวซู่นเฉินกำแขนของฉินจิ้งเวินเอาไว้แน่น นัยน์ตาเผยให้เห็นถึงความอันตรายและความเย็นชา “ไม่มีใครเคยพูดกับคุณแบบนี้ นั่นก็เพราะพวกเขาเป็นพนักงานของคุณ พวกเอาอาศัยเงินเดือนจากคุณ ฉันไม่กลัว เพราะฉันไม่ได้ติดค้างอะไรคุณ” “ยังมีอีก ฉัน....โอ้ย...” ฉินจิ้งเวินแค่อยากจะบอกว่าเธอไม่ได้ต้องการยั่วยุประธานบริษัทหรือผู้ชายอะไรทั้งนั้น มันก็เป็นแค่เรื่องของการถกเถียง แต่เฉียวซู่นเฉินกลับจู่ๆก็ใช้กำลังบังคับให้เธอจนต้องตกอยู่ในอ้อมแขนของชายที่แสนเย็นชาคนนี้ “ไม่ใช่เพราะเรื่องงาน ที่เธอขึ้นรถฉันมาก่อนแบบนี้ก็เพราะฉันเป็นผู้ชาย” น้ำเสียงของเฉียวซู่นเฉินเต็มไปด้วยความเย็นชา ราวกับว่าคำพูดที่พูดไปกับเขานั้นไม่เกี่ยวข้องกันสักนิด กลิ่นนี้ กลิ่นโคโลญจน์นี้..... ฉินจิ้งเวินสติหลุดไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบลุกขึ้นหนีทันที “คุณ......หยิ่งผยองนัก” ฉินจิ้งเวินตอกกลับเสียงต่ำ เกรงว่าคนด้านนอกจะได้ยินแล้วเข้าใจผิด พูดจบถึงค่อยพบว่าไม่รู้ว่ามือของตนเองนั้นถูกมือของเฉียวซู่นเฉินกุมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ดังนั้นจึงรีบดึงกลับมาทันทีอย่างรีบร้อน “ท่านประธานเฉียว รบกวนช่วยปล่อยมือของฉันด้วย” ฉินจิ้งเวินเตือนขึ้นมา เฉียวซู่นเฉินถึงปล่อยมือเธอออก เมื่อครู่เขากลับสูญเสียความคิดไปชั่วครู่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเช่นกัน แต่สัมผัสของมือนั้น... “มีความสามารถก็แสดงออกมาซะ ถ้าหากไม่มี ไม่ต้องรอให้เธอเอ่ยฉันก็ส่งเธอกลับไปแน่ ฉันขอเตือนเธอเอาไว้ การเป็นพาร์ทเนอร์กันก็ควรสนใจแค่ที่งาน อย่าเห็นว่าฉันเป็นผู้ชายแล้วมาท้าทายฉัน ผลลัพธ์ที่ตามมาเธอรับไม่ไหวแน่” นัยน์ตาของเฉียวซู่นเฉินมีประกายแวบหนึ่งผ่านไป ก่อนจะตามมาด้วยการเตือนอย่างโหดเหี้ยมและรังเกียจกลับไปเป็นเขาที่เย็นชากระด้างเช่นเดิม “คุณ...” “ลงจากรถไป หากยังไม่ลงไปอีกฉันจะให้เลขาเปิดห้องแทน” “คนหน้าไม่อาย” ฉินจิ้งเวินลงจากรถด้วยความโมโห เธอแค่คิดจะพูดถึงปัญหาด้านทัศนคติของเขาเท่านั้น ใครจะคิดว่าตนเองจะถูกด่าว่ามายั่วยุท้าทายเขา ปัญหามันเกิดจากการแสดงออกของเธอหรือสมองของคนยโสโอหังคนนั้นมีปัญหากันแน่
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่8 ก็แค่นั้นเอง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A