บทที่ 3 มีพระราชโองการมา   1/    
已经是第一章了
บทที่ 3 มีพระราชโองการมา
บทที่ 3 มีพระราชโองการมา “เส้าจิ่น เป็นไรไป” หลงเส้าชีเห็นหลงเส้าจิ่นจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงถามขึ้นในทันใด  หลงเส้าจิ่นส่ายศีรษะ ไม่ได้ตอบคำถามของหลงเส้าชี นางมองท่านพ่อที่นอนอยู่บนเตียง หลังจากแน่ใจแล้วว่าท่านพ่อไม่มีอันตรายถึงชีวิตก็กลับห้องของตนเองไป เป็นไปได้อย่างไร หลงเส้าจิ่นฉงนใจ นางนึกถึงเรื่องในอดีตชาติขึ้นมาได้โดยไม่ตั้งใจ ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาดไป เช่นนั้น พระราชโองการก็คงใกล้จะมาถึงแล้ว! เป็นไปไม่ได้ หลงเส้าจิ่นส่ายศีรษะ เรื่องนี้กับเรื่องในชาติก่อนเวลาไม่ตรงกัน ในอดีตชาติ ยามนี้ตนเองควรจะกำลังเตรียมงานวันเกิดให้ท่านพ่ออย่างลับ ๆ นี่!    ไม่สิ! หลงเส้าจิ่นตื่นตกใจ ถ้าหากว่าคำนวณตามนี้แล้ว  นับตั้งแต่เธอจัดเตรียมงานวันเกิดให้ท่านพ่อจนถึงตอนที่มีพระราชโองการลงมา อย่างน้อยก็มีระยะเวลาห่างกันเป็นครึ่งปีนี่    ยามนี้เป็นเดือนสามอยู่แท้ ๆ จะมีพระราชโองการมาในยามนี้ได้อย่างไรกัน งานวันเกิดคุณพ่อจัดขึ้นในเดือนสามเป็นแน่ ทว่า พระราชโองการนี้กับเหตุการณ์ที่ท่านพ่อล้มป่วยนั้น ไม่ควรเกิดขึ้นในยามนี้เลยนี่!   หลงเส้าจิ่นยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นตกใจ ราวกับว่ามีอะไรมาควบคุมชะตานางไว้อยู่ก็มิปาน  หลงเส้าจิ่นค่อย ๆ รู้สึกไร้เรี่ยวแรง ภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่ามัว นางเคลื่อนตัวไปอยู่ด้านหน้าเตียงอย่างยากลำบาก เพิ่งจะถึงขอบเตียง ร่างกายก็อ่อนยวบลง หมดสติไปในทันใด  ในพระราชวัง ที่ห้องทรงพระอักษร ร่างสูงใหญ่กำยำสองร่างยืนเคียงกัน ราวกับว่ากำลังหารืออันใดกันอยู่   “เจ้าทำเช่นนี้ เหมาะสมแล้วหรือ นางจะนั่งอยู่บนตำแหน่งนั้นได้จริงหรือไม่”    ผู้สวมเสื้อแพร ผมดำขลับดุจไหม หลุบตาลงตามอารมณ์อย่างเกียจคร้าน หันไปมอง ใบหน้าหล่อเหล่าที่เดิมทีควรชวนให้คนรู้สึกตกตะลึง แต่กลับถูกหน้ากากเงินบดบังไว้จนมิด เห็นเพียงแค่ดวงตาคู่ที่ลึกล้ำนั้น ปราดตามองดู หากไม่ระวังให้ดีอาจถูกดึงดูดให้ถลำลึกไปได้ คนที่พูดขึ้นก็คือคนผู้นี้ และที่เบื้องหน้าเขาก็คือฮ่องเต้ในยามนี้ ผู้ปกครองสูงสุดแห่งแคว้นยู่หลิว จุนหลิว นามหลินเย่  ส่วนเขา ก็เป็นพระอนุชาร่วมพระมารดาของจุนหลินเย่ และก็เป็น อ๋องฝู่เจิ้ง(ผู้ที่ช่วยดูแลประเทษ) ในยามนี้ จุนหลิว นามจื่อซิว “บ้านตระกูลหลงมาถึงรุ่นนี้แล้ว มีเพียงหลงเส้าจิ่นที่เป็นผู้มีความสามารถ แต่น่าเสียดาย ที่นางเป็นบุตรสาว ทว่า หากปฏิบัติตนเยี่ยงผู้ปกครอง ยามที่ต้องโหดเหี้ยมก็โหดเหี้ยมได้ เป็นสตรีแล้วจะเป็นไรไป ข้าต้องการตะกรุดในมือของบ้านตระกูลหลงชิ้นนั้น เพียงแค่ถ่ายทอดพระราชโองการไป ก็ไม่ต้องคิดว่าจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมแล้ว” ในแววตาของจุนหลินเย่แฝงความเยือกเย็น พู่กันในมือหล่นลง สีหมึกเปรอะบนผ้าไหมสีเหลืองสด จากนั้นก็เรียกคนรับใช้หนุ่มคนหนึ่งมานำพระราชโองการไป “ได้ยินมาว่าหลงเส้าจิ่นมีความสามารถมาก จื่อซิว เกรงว่าจะต้องให้เจ้าไปด้วยตนเองแล้ว” จุนหลินเย่หมุนตัวกลับ มองคนที่มีรูปร่างใกล้เคียงกับตน แต่กลับดูเหมือนเป็นน้องชายผู้ที่เย็นชาและเหินห่างอยู่เสมอ เขาราวกับว่ากำลังใคร่ครวญอะไรบางอย่างในหัวของเขา  จุนจื่อซิวพยักศีรษะโดยไม่กล่าวอันใด จากนั้นก็ออกจากห้องทรงพระอักษรไปในทันใด เขารู้ว่าเสด็จพี่ของตนอยากให้เขาทำอะไร ไม่มีข้อคิดเห็นคัดค้านอันใด มีภารกิจมา ไปทำก็ถูกต้องแล้ว ห้องทรงพระอักษรอันโอ่อ่า หลังจุนจื่อซิวจากไปแล้ว ก็เหลือจุนหลินเย่แต่เพียงผู้เดียว เขานำหยกแขวนในมือขึ้นมาชม นึกถึงคำที่ พระภิกษุสงฆ์ ในพระอารามหลวงพูดไว้เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ‘ลูกสาวมังกรจะเกิดมาในโลกนี้ วิญญาณไม่ธรรมดา จะทำร้ายทุกคนในโลกนี้ได้ ‘   ลูกสาวมังกร? ลูกสาวของบ้านตระกูลหลงอย่างนั้นหรือ วิญญาณไม่ธรรมดา? หึหึ หลงเส้าจิ่น ข้าจะไม่ให้เจ้าได้มีโอกาสทำร้ายทุกคนในโลกนี้หรอก ลมเย็นพัดมาวูบหนึ่ง ประตูห้องทรงพระอักษรก็ปิดลงเสียงดัง ไฟในตะเกียงถูกเป่าจนกึ่งติดกึ่งดับ ภายใต้แสงไฟนั่น สีหน้าของจุนหลินเย่อึมครึมจนน่าหวาดกลัว อ๋องเต้ที่เยาว์วัยผู้นี้ ความโหดเหี้ยมอำมหิตของเขาชวนให้ขุนนางในราชสำนักทุกคนรู้สึกตกอยู่ในอันตราย เกรงว่าหากไม่ระวังก็จะถูกฆ่าเอาได้ แต่ครั้งนี้ อ๋องเต้ที่เยาว์วัยผู้นี้ เล็งหัวหอกไปยังบ้านตระกูลหลงที่จิตใจซื่อสัตย์และจงรักภักดีมาหลายชั่วคน บ้านตระกูลหลงที่มีคุณูปการมากมาย “มีพระราชโองการมา!” ที่ห้องโถงด้านหน้าจวนหลง ขันทีใหญ่ผู้หนึ่งนำอยู่หน้ากลุ่มขันทีชั้นผู้น้อย ยืนกันอยู่บนพื้นที่ของจวนหลงอย่างเป็นระเบียบ มองกลุ่มคนที่นั่งคุกเข่าพวกนี้ ในแววตาของขันทีใหญ่แฝงประกายความไม่ยินดี นี่เป็นพระราชโองการ บ้านตระกูลหลงเห็นสิ่งนี้เป็นอันใดกัน คนใหญ่ตระกูลหลงไม่อยู่กันสักคน ไม่เห็นราชสำนักอยู่ในสายตา หากกลับไปแล้ว เขาจะส่งสาส์นกล่าวโทษให้ฮ่องเต้สักเล่ม เพื่อรักษาอาการไม่เห็นใครอยู่ในสายตานี้ของบ้านตระกูลหลง “หลงเส้าชี ข้าน้อยนำพระราชโองการมา พวกท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน” น้ำเสียงของขันทีใหญ่ร้ายกาจเป็นที่สุด เขามองหลงเส้าชีและคนรับใช้บ้านตระกูลหลงที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นด้วยแววตาชั่วร้าย หากไม่ใช่ว่านำพระราชโองการมาด้วย เขาอยากจะสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปจริง ๆ คนโปรดข้างกายฮ่องเต้อย่างเขา ใต้เท้าคนใดพบเห็นแล้วไม่รีบก้มหัวประจบเอาใจบ้าง มีใครเป็นดังเช่นบ้านตระกูลหลงกัน? ขันทีใหญ่ผู้นี้เป็นคนข้างกายฮ่องเต้ที่คอยดูแลจัดการกิจธุระต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจเล็กหรือกิจใหญ่ก็ล้วนแทบจะต้องผ่านมือเขาไปก่อน จึงจะไปถึงยังมือของฮ่องเต้ได้ ดังนั้น ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักก็ต้องเอาอกเอาใจประจบสอพลอเขาเป็นธรรมดา แต่ก็ต้องพูดไว้เลยว่า ขันทีใหญ่ผู้นี้กับบ้านตระกูลหลงนั้น นับว่าเคยมีความแค้นต่อกันมา  มีครั้งหนึ่ง แม่ทัพบ้านตระกูลหลงหลงลุ่ยฉี ส่งรายงานสถานการณ์การรบมา ขอร้องให้ฮ่องเต้ส่งทหารกองหนุนไปเป็นกำลังเสริม เพียงแต่รายงานมาถึงขันทีใหญ่ผู้นี้ ก็ถูกชะลอไว้เพราะไม่มีเงินสินบน ในยามที่ฮ่องเต้ได้อ่านจดหมายขอความช่วยเหลือนี้ กองทัพของแม่ทัพใหญ่หลงก็ได้คว้าชัยชนะกลับมาแล้ว    แต่ก็แลกมาด้วยความชอกช้ำใจเป็นอย่างยิ่ง ทหารชั้นยอดห้าหมื่นนายของแม่ทัพหลง สุดท้ายแล้วเหลืออยู่ไม่ถึงห้าพันนาย บาดเจ็บล้มตายกันไปมากถึงเพียงนี้ ฮ่องเต้ก็พิโรธมาก ท้ายที่สุดสืบหาความต่อไป ขันทีใหญ่ผู้นี้ก็ถูกลงโทษสถานหนักดังที่ควรจะเป็น   และก็เป็นครั้งนั้นเอง ที่ขันทีผู้นี้ถูกตีจนขาหักไปข้างหนึ่ง จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังคงเดินกะโผลกกะเผลกอยู่ ดังนั้นบัญชีแค้นนี้ เขารอชำระกับบ้านตระกูลหลงมาโดยตลอด  “หลี่กงกง ต้องขออภัยจริง ๆ ท่านพ่อล้มป่วยหนัก ลุกไม่ได้ น้องสาวข้าก็ไม่อยู่ในจวนในยามนี้ ดังนั้น จำต้องให้ ข้ารับพระราชโองการไว้เป็นการชั่วคราว ขอหลี่กงกงโปรดอภัย” หลงเส้าชีไม่ได้แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งหรือถ่อมตัวจนดูต้อยต่ำ คำตอบของเขารอบคอบไร้ซึ่งช่องโหว่ หลี่กงกงเบะปากเล็กน้อย พูดอย่างดูแคลนในบัดดลว่า “หลงเส้าชี เจ้าเป็นใครถือสิทธิ์อันใดกัน พระราชโองการที่มอบให้บ้านตระกูลหลงนี้ ท่านมีคุณสมบัติอะไรที่จะรับมันไว้?” คิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญนักหรืออย่างไร หลงเส้าชีเป็นเพียงแค่บุตรที่บ้านตระกูลหลงรับมาอุปการะเลี้ยงดู มีใครในเมืองหลวงไม่รู้บ้าง เขาคนนี้จะรับพระราชโองการไว้ เหมาะสมหรือ?  น้ำเสียงเสียดสีชัดเจนถึงเพียงนั้น หลงเส้าชีแม้ว่าจะคุกเข่าอยู่ ทว่า มือทั้งสองข้างของเขากำแน่นเป็นกำปั้น เส้นเลือดดำปูดโปน ราวกับว่าในวินาทีถัดไปก็สามารถพุ่งไปฆ่าหลี่กงกงให้ตายคาที่ได้ “หึ ถึงกับพูดไม่ออกเลยหรือ ลูกเลี้ยงก็คือลูกเลี้ยงอยู่วันยังค่ำ เจ้านึกว่าเจ้าใช้แซ่ของบ้านตระกูลหลงแล้ว เจ้าก็จะเป็นหลงเส้าจิ่นอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ! ฮ่า ๆๆ! พวกเจ้าว่าคนเช่นนี้ ใช่คนโง่หรือไม่ ฮ่า ๆๆ!”   หลี่กงกง หันไปหัวเราะกับเหล่าขันทีที่อยู่เบื้องหลังของเขาอย่างออกท่าทีมากเกินไป “ฮ่า ๆๆ ใช่เลย ไม่รู้จักดูพื้นเพของตัวเองเสียบ้าง”    “คนสภาพอย่างเจ้า ยังคิดสำคัญตัวอีก ฮ่า ๆๆ!”  ขันทีชั้นผู้น้อยพวกนั้นยิ่งพูด วาจาก็ยิ่งบาดหูขึ้นไปทุกขณะ แต่ละคนหัวเราะกันจนท้องแข็ง ตัวโยกไปมา ในช่วงชีวิตพวกเขา จะมีความสุขที่สุดก็ตอนที่เหยียบย่ำคนอื่นนี่แหละ   หลงเส้าชีเงยศีรษะขึ้น โทสะในตาของเขาลุกโชน เขาแทบจะคุมสติตนเองไว้ไม่อยู่แล้ว “หลี่กงกงมาประกาศพระราชโองการ แต่กลับมาเหยียดหยามขุนนางใหญ่ที่นี่ ประสิทธิภาพการทำงานเช่นนี้จะปฏิบัติกิจทันหรือ?” หลงเส้าจิ่นที่แอบสังเกตการณ์อยู่ทางด้านหนึ่งเดินออกมา มองดูกลุ่มขันทีที่มีท่าทีภาคภูมิใจ นางเอ่ยปากขึ้นอย่างเย็นชา น้ำเสียงหนาวเหน็บจนชวนให้คนฟังตัวสั่น
已经是最新一章了
加载中