บทที่ 4 ออกรบ (1)   1/    
已经是第一章了
บทที่ 4 ออกรบ (1)
บทที่ 4 ออกรบ (1) ตอนที่หลงเส้าจิ่นฟื้นขึ้นมา พบว่าตนเองล้มอยู่ข้างขอบเตียง ความสามารถในการได้ยินของผู้ที่ฝึกวรยุทธ์ดีมากมาโดยตลอด ได้ยินเสียงดังอึกทึกมาจากห้องโถงใหญ่อย่างประหลาด จึงเดินออกมาจากลานของตน ใครจะรู้ว่าเพิ่งจะฟื้นคืนสติ ก็ได้ยินคำสบประมาทพวกนั้นของหลี่กงกง นางหยุดอยู่ในที่ลับตาคนครู่หนึ่ง จนกระทั่งมองเห็นหลงเส้าชีที่ใกล้จะหมดความอดทนแล้วจึงเดินออกไป   “คุณหนูหลง นี่คือวาจาอันใดกัน ข้าน้อยมาประกาศพระราชโองการ แน่นอนว่ายิ่งเร็วก็ยิ่งดี แต่นี่ไม่ใช่เลย เนิ่นนานแล้วยังไม่เห็นหลงเส้าจิ่นตัวจริงออกมาสักคน ข้าน้อยนึกว่า บ้านตระกูลหลงนี้เปลี่ยนเจ้าของแล้วเสียอีก” หลี่กงกงต้องไม่ยอมแพ้เป็นธรรมดา ต่อปากต่อคำกลับอย่างไม่ไว้เยื่อใย หลงเส้าจิ่นไม่แยแสท่าทีของหลี่กงกง นางปราดตามองพระราชโองการในมือของหลี่กงกง “บ้านตระกูลหลงเปลี่ยนมือแล้วหรือไม่ หลี่กงกงไม่ต้องเป็นกังวล หลี่กงกงรีบประกาศพระราชโองการดีกว่า มิเช่นนั้น ฮ่องเต้คงจะรอไม่ไหวแล้ว”  “เฮอะ บ้านตระกูลหลง คุณหนู หลงเส้าจิ่นรับพระราชโองการ!” มองดูสีของท้องฟ้า ที่แท้ก็เริ่มมืดพอสมควร หลี่กงกงก็รู้ว่าจะโอ้เอ้อยู่อีกไม่ได้แล้ว จึงเปิดพระราชโองการออก อ่านประกาศข้อความอย่างละเอียดถี่ถ้วน  “จบประกาศ! คุณหนูหลง รับพระราชโองการ” หลี่กงกงนำพระราชโองการวางไว้บนมือทั้งสองข้างของหลงเส้าจิ่น จากนั้นก็พาขันทีผู้ติดตามพวกนั้นกลับไปยังพระราชวังในทันใด  “เป็น...เป็นไปได้อย่างไรกัน” หลงเส้าชีหลังจากที่ขันทีผู้ประกาศพระราชโองการพวกนั้นจากไปแล้ว ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว หยิบพระราชโองการในมือของหลงเส้าจิ่นไป อ่านรอบแล้วรอบเล่า จนกระทั่งแน่ใจว่าตนเองไม่ได้อ่านผิดไป ทว่า หลังจากแน่ใจเนื้อหาข้อความแล้ว ใจของเขาก็สงบไม่ได้เลย  คิ้วของหลงเส้าจิ่นขมวดแน่น นางมองไปยังหลงเส้าชี แต่กลับทำได้เพียงพยักศีรษะอย่างเงียบ ๆ หลงเส้าจิ่นถือพระราชโองการกลับห้องของตนไป นางนำพระราชโองการวางไว้บนโต๊ะ ความทรงจำของชาติก่อนจู่โจมเข้ามาในทันใด แต่กลับไม่สอดคล้องกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยามนี้แม้แต่น้อย  หลงเส้าจิ่นคิดจนใจลอย ไม่รู้ตัวเลยว่า บนกำแพงมีเงาดำสายหนึ่งเข้ามาแล้วก็จากไป หลงเส้าจิ่นกดจุดขมับทั้งสองข้างที่ปวดเล็กน้อย ในหัวกลับมีแต่ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ในอดีตชาติ นางถูกบีบบังคับให้เข้าสนามรบ ถึงขนาดที่สามารถเรียกได้ว่าได้เข้าสนามรบเพราะถูกรังแก แต่ในชาตินี้ ทำไมถึงกลายเป็นคนนำรบแล้วล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นฮ่องเต้ที่มอบหมายหน้าที่แก่นางด้วย นี่มัน ไม่รู้จะพูดอย่างไรดีเลยจริง ๆ!  ถูกแล้ว บนพระราชโองการเขียนไว้อย่างชัดเจน มอบหมายให้หลงเส้าจิ่นเป็นแม่ทัพ นำทัพทหารชั้นยอดหนึ่งหมื่นนายออกศึก ต่อต้านการบุกโจมตีของแคว้นข้างเคียงแคว้นหานเย่น  ไม่กี่วันมานี้ ด่านชายแดนรายงานสถานการณ์การรบมา แคว้นหานเย่นระดมพลทหารบุกเข้ามาโจมตีอย่างฉับพลัน แม่ทัพด่านชายแดนถูกจับตัวเป็นเชลย ด่านชายแดนใกล้จะคุ้มครองไว้ไม่ไหว วิงวอนให้เมืองหลวงส่งทหารกองหนุนไปช่วยเหลือ ในเมืองหลวง ผู้คนต่างรู้กันดีว่า แม่ทัพหลงลุ่ยฉีรักบุตรสาวดั่งดวงใจ จะไปไหนก็พาไปด้วย แต่ว่า ใครก็นึกไม่ถึงว่าแคว้นหานเย่นบุกโจมตีครั้งนี้ จะให้หลงเส้าจิ่นเป็นคนนำทัพ ดังนั้น ในชั่วพริบตาราษฎรในเมืองหลวงจึงวุ่นวายอลหม่านกันไปหมด! “นี่ พวกเจ้าได้ยินกันรึยัง บุตรสาวของแม่ทัพหลงลุ่ยฉีจะนำทัพออกศึกแล้ว!” ที่โรงน้ำชาโรงเหล้า พวกชาวบ้านกลุ่มเล็ก ๆ จับกลุ่มกันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์พระราชโองการอันน่าฉงนนี้  “ฮ่องเต้คิดอันใดอยู่กันแน่ แคว้นยู่หลิวของพวกข้าก่อตั้งมาร้อยกว่าปีแล้ว เคยปรากฏว่ามีสตรีเป็นแม่ทัพด้วยหรือ ล้อเล่นกันหรือเปล่า!” “หรือว่าแคว้นยู่หลิวของพวกข้าไม่มีบุตรชายแล้ว ถือสิทธิ์อันใดให้หญิงสาวอย่างนางมาบุกเข้ายึดอำนาจด้วยกำลังอาวุธ!” ......  ท่ามกลางเหล่าราษฎร มีเสียงคัดค้านมากมายทีเดียว ในบรรดาฝูงชนเหล่านั้นมีบุรุษเลือดร้อนอยู่ไม่น้อย ที่ม้วนแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้น อยากจะไปช่วงชิงตำแหน่งสูงต่ำในสนามรบเสียในยามนี้  อย่างไรก็ดี ไม่ว่าประชาชนจะต่อต้านอย่างไร พระราชโองการก็คือพระราชโองการ ไม่ใช่สิ่งที่เหล่าชาวบ้านพูดกันแค่ไม่กี่ประโยคก็จะสามารถแก้ไขผลลัพธ์ได้ หลงเส้าจิ่นกลายเป็นแม่ทัพนำทัพออกศึกเป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว  “เส้าจิ่น เจ้าจะไปจริง ๆ หรือ” หลงเส้าชีมองหลงเส้าจิ่นในชุดทหาร ในแววตามีอารมณ์บางอย่างที่อ่านไม่ออก “พระราชโองการก็รับมาแล้ว จะไปหรือไม่ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้าเลย” หลงเส้าจิ่นจัดเสื้อผ้าตนให้เรียบร้อย ฝูหลิงผูกพู่ให้ที่กระบี่ข้างเอว ทำให้กระบี่ที่แข็งแกร่งดูอ่อนโยนขึ้นมาไม่น้อย เหมาะสมกับหลงเส้าจิ่นยิ่งกว่าเดิม หลงเส้าชีกัดฟัน มองตาของหลงเส้าจิ่นที่เด็ดเดี่ยวหนักแน่น “เส้าจิ่น ข้าจะเป็นรองแม่ทัพให้เจ้าเอง ข้ากับเจ้าออกศึกด้วยกัน” “หืม?” ได้ยินคำของหลงเส้าชี หลงเส้าจิ่นเงยศีรษะปราดตามองเขาอย่างแปลกใจ นางเห็นความมุ่งมั่นในแววตาของหลงเส้าชี หลังจากชั่วพริบตาที่หลงเส้าจิ่นรู้สึกประหลาดใจแล้ว นางก็ส่ายศีรษะในทันใด มองไปยังหลงเส้าชี “เจ้าไปกับข้าไม่ได้”  “ทำไมเล่า!” หลงเส้าชีได้รับคำบอกปัดของหลงเส้าจิ่น เขาก็ยื่นมือไปคว้ามือของหลงเส้าจิ่น จับไว้แน่นด้วยความเป็นกังวล ราวกับว่าหากปล่อยมือแล้ว หลงเส้าจิ่นจะหายสาบสูญไปอย่างไรอย่างนั้น หลงเส้าจิ่นเห็นหลงเส้าชีคว้ามือของตนไว้ หมุนตัวไปทางหลงเส้าชี “ข้ารับพระราชโองการมาแล้ว แล้วเจ้าล่ะ เจ้ามีเหตุผลอะไรในการออกรบ ท่านพ่อตอนนี้ป่วยหนัก แม้จะไม่ได้ถึงชีวิต แต่ว่าถ้าเจ้ากับข้าไปกันหมด ใครจะมาดูแลจวนหลงเล่า ศัตรูของจวนหลงมีมากมายถึงเพียงนั้น เจ้ารับประกันได้ไหมว่าตอนพวกข้าออกไปรบที่ข้างนอกจะไม่มีคนมาลงมือที่จวนหลง?” ในหัวของหลงเส้าจิ่นนิ่งสงบเป็นพิเศษ นางวิเคราะห์สถานการณ์ในทันใด ส่วนหลงเส้าชีกลับผิดหวังกับข้อเท็จจริงเหล่านี้ หลงเส้าชีค่อย ๆ คลายนิ้วมือของตนออก มองไปยังแววตาของหลงเส้าจิ่นที่ซับซ้อนลึกล้ำ   “คุณหนู ไปเถิด” ฝูหลิงในชุดทหาร ยืนอยู่ตรงประตูมองคุณหนูของตน หลงเส้าจิ่นขมวดคิ้วมองฝูหลิง สาวใช้คนนี้ ทำไมถึงได้สวมชุดเช่นนี้เล่า “คุณหนู เป็นอย่างไรบ้าง ฝูหลิงสวมชุดบุรุษ ก็ไม่แย่ใช่ไหมเจ้าค่ะ” ฝูหลิงเดินไปอยู่ใกล้ ๆ หลงเส้าจิ่นอย่างเป็นธรรมชาติ บนร่างแบกกระเป๋าสัมภาระของนางไว้ หลงเส้าจิ่นไม่มีท่าทีอันใด ก้มศีรษะหยิบกระเป๋าเดินทางของตนขึ้น “เจ้าอยู่ที่จวนนี่แหละ” น้ำเสียงนั้นหนักแน่นจนไม่อาจปฏิเสธได้  “คุณหนู!” ฝูหลิงมองหลงเส้าจิ่น ในทันใดก็รู้สึกร้อนใจจนตาเริ่มแดง รีบเข้าไปคว้ากระเป๋าเดินทางของหลงเส้าจิ่นไว้อย่างกระวนกระวายใจ “คุณหนู ที่บ้านมีคุณชายก็เพียงพอแล้ว ฝูหลิงตามคุณหนูไป ยังสามารถดูแลคุณหนูได้ ในค่ายทหารมีเหล่าท่านนายมากมายถึงเพียงนั้น คุณหนูคงจะมีอะไรไม่สะดวกสบายหลาย ๆ อย่าง”  “เจ้าก็รู้นี่ว่าในค่ายทหารมีแต่พวกท่านนาย สาวใช้อย่างเจ้าติดตามไปด้วย ข้าก็จะสบายแล้วหรืออย่างไร” ไม่มีอันใดให้พูดกันอีก หลงเส้าจิ่นไม่อยากพาสาวใช้ที่ไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับสังคมภายนอกไปเป็นภาระให้ตนเอง อย่างไรก็ตาม หลงเส้าจิ่นประเมินความแน่วแน่ตั้งใจของฝูหลิงต่ำเกินไป นางอยากจะติดตามหลงเส้าจิ่นไปดูแลการอยู่การกินของหลงเส้าจิ่น เรื่องนี้ไม่มีใครสามารถมาขัดขวางนางได้ ในเมื่อหารือกันไม่ได้ ก็ทำได้เพียงกระเง้ากระงอดแล้ว!  อื้ม! ฝูหลิงตัดสินใจในทันใด ในชั่วพริบตา คนที่ยืนอยู่เมื่อครู่ก็ทิ้งตัวลงบนพื้น โผกอดรองเท้าบู๊ทของหลงเส้าจิ่นไว้ ก่อนร้องตะโกนเสียงดัง  “คุณหนู! คุณหนูไม่ต้องการฝูหลิงแล้ว คุณหนูทอดทิ้งฝูหลิง! ฮือ ๆๆ~~~” เสียงของฝูหลิงดังเป็นที่สุด ดึงดูดความสนใจของเหล่าคนใช้ในจวนหลงไว้โดยทั่วหน้า หลงเส้าจิ่นเห็นคนมามุงดูมากขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของนางก็ยิ่งอึมครึม สองมือค่อย ๆ กำแน่นจนเป็นกำปั้น ร้องดิ้นรนต่อไปอีกสักพัก นางจึงทำได้เพียงพยักศีรษะเล็ก ๆ นับว่ายินยอมแล้ว เห็นคุณหนูยินยอมแล้ว ครู่หนึ่ง ฝูหลิงก็พลิกตัวลุกขึ้นมา ใบหน้าปรากฏความเจ้าเล่ห์ดังจิ้งจอกที่ลวงคนได้สำเร็จ
已经是最新一章了
加载中