บทที่ 6   1/    
已经是第一章了
บทที่ 6
ชินอ๋องหนุ่มในวัยยี่สิบห้าปีพยักหน้ารับ เพราะนอกจากอาหยางที่อยู่รับใช้เขามาตั้งแต่เยาว์วัยแล้ว เขาก็ไม่ไว้ใจผู้ใดอีก และแม้หัวหน้าองครักษ์ผู้นี้จะจงรักภักดีต่อเขามากเพียงใด ทว่าอีกฝ่ายกลับมานิสัยมุทะลุและไม่รอบคอบ จนเกือบจะทำให้งานใหญ่ต้องล่มไม่เป็นท่าอยู่หลายครา “อย่าไว้ใจข่าวใดที่ออกมาจากปากสตรี เพราะบางทีมันอาจเต็มไปด้วยความริษยา” รุ่ยชางเตือน “พ่ะย่ะค่ะ” หลังจากที่หัวหน้าองครักษ์หนุ่มออกไปสืบราชการได้ไม่ถึงสองชั่วยาม ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนก็เร้นกายเข้ามาใกล้บุรุษรูปงามภายใต้อาภรณ์ที่ถักทอจากผ้าไหมสีเทาหม่น อันเป็นสีประจำตัวของชินอ๋องหลงรุ่ยชางอย่างเงียบเชียบที่สุด ทว่าผู้ที่มีประสาทสัมผัสว่องไวกว่าคนทั่วไปย่อมรู้สึกได้ แม้มิได้ผินกายกลับมาทางต้นเสียง บุรุษลึกลับโค้งศีรษะทำความเคารพผู้เป็นนายเหนือหัว ก่อนจะกล่าวรายงานเสียงเรียบ “ราวสี่เค่อก่อนที่กระหม่อมจะมาถึงเหลาสุรา มีสตรีสองนางแต่งกายเยี่ยงบุรุษออกมาจากค่ายกลป่าไผ่ของเขาโลหิตพ่ะย่ะค่ะ ข้าสั่งให้อาซื่อเฝ้าค่ายกลไว้ และตามพวกนางออกมา แต่ว่า…” “มีอันใดหรือ” “พวกนางเข้าไปในหอโคมแดง กระหม่อมจึงรีบมารายงานท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” ใบหน้าสุขุมขยับเล็กน้อยเพื่อตอบรับคำบอกเล่าของอีกฝ่าย ก่อนที่ร่างกายกำยำสูงโปร่งจะลุกขึ้นจากเก้าอี้นวมตัวใหญ่ด้วยท่าทางเกียจคร้าน และหันไปออกคำสั่งกับองครักษ์เงาประจำพระองค์ที่เสด็จพ่อเป็นผู้ประทานให้เขาตั้งแต่เยาว์วัยด้วยน้ำเสียงพึงพอใจกว่าเมื่อสักครู่ “นำทางข้าไปยังทางเข้าค่ายกลป่าไผ่” “พ่ะย่ะค่ะ” ผู้ได้รับคำสั่งค้อมศีรษะรับคำ ก่อนที่สองร่างจะโจนทะยานออกไปจากเหลาสุราโดยไม่มีผู้ใดพบเห็น ใช้เวลาไม่นานองครักษ์เงาก็นำทางเขามาถึงที่หมาย ก่อนที่อีกฝ่ายจะส่งสัญญาณให้ใครอีกคนขยับกายออกมาจากพุ่มไม้ใหญ่ที่ใช้หลบซ่อนตัว “คารวะท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” “ได้ความว่าอย่างไรบ้างอาซื่อ นอกจากสตรีสองนางที่อาเหิงรายงานข้าแล้ว มีผู้ใดใช้เส้นทางนี้เข้าออกสำนักภูผาโลหิตบ้างหรือไม่” รุ่ยชางเอ่ยถามองครักษ์เงาที่ได้รับพระราชทานมาจากเสด็จพ่อเช่นเดียวกันกับคนก่อนหน้า “นอกจากสตรีสองนางที่พี่เหิงรายงานท่านอ๋อง ก็ไม่มีผู้ใดย่างกายออกมาจากค่ายกลป่าไผ่นี่เลยพ่ะย่ะค่ะ” รุ่ยชางพยักหน้ารับด้วยสีหน้าที่ไม่อาจคาดเดาได้ ก่อนที่ดวงตาคมกริบสีน้ำหมึกจะหลับลงคล้ายกำลังทำสมาธิเพื่อใช้โสตประสาทรับรู้ความเคลื่อนไหวรอบตัว แล้วเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกคราเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ ย่างเข้ามาใกล้ภายในระยะไม่เกินสิบลี้ ใช่… นี่คือความสามารถพิเศษของชินอ๋องหนุ่มที่ใช้เวลาฝึกอยู่นานนับสิบปี กว่าเขาจะมีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ใช้การได้ดีกว่าคนทั่วไป “ลงมือ!” สิ้นคำสั่งของผู้เป็นนาย องครักษ์เงาทั้งสองก็ค้อมศีรษะรับคำสั่งและลงมือสร้างสถานการณ์คล้ายกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทั้งที่ความจริงแล้วพวกเขาเพียงแค่ใช้ดาบคมกริบในมือกระหน่ำฟาดฟันใส่ต้นไผ่ริมทางให้ล้มระเนระนาด จนกระทั่งนายเหนือหัวมีคำสั่งให้หยุดก็เท่านั้น “อาเหิง” รุ่ยชางเรียก “พ่ะย่ะค่ะ” “แทงข้า” ผู้ได้รับคำสั่งใบหน้าซีดเผือดไปทันตา ในขณะที่คนสั่งยืนมองเขาด้วยสายตากดดันและเร่งเร้าให้รีบลงมือ “ข้า…” “รีบลงมือ” น้ำเสียงเฉียบขาดสั่งซ้ำ “ข้ามีหน้าที่ดูแลปกป้องท่านอ๋องด้วยชีวิต แล้วข้าจะ…” “นี่เป็นคำสั่งของข้า เจ้ากล้าขัดคำสั่งข้ารึ” ชินอ๋องหนุ่มเอ่ยถามองครักษ์เงาประจำพระองค์ด้วยน้ำเสียงดุดันกว่าในคราแรก เป็นเหตุให้ผู้ได้รับคำสั่งจับกระชับดาบในมือของตนให้แน่นขึ้น แต่ยังคงไม่กล้าลงมือเช่นเดิม นิ้วเรียวยาวของร่างสูงในชุดอาภรณ์สีเทาหม่นยื่นออกไปเบื้องหน้า และเป็นผู้ลงมือจับคมดาบขององครักษ์ให้เสียดแทงเข้ามาที่หน้าท้องแกร่งของตนอย่างไม่ออมแรง “ท่านอ๋อง!” อาเหิงตะโกนสุดเสียง “จะทำการใหญ่อย่ามัวแต่ขลาดเขลา… พวกนางกำลังมา” กล่าวจบร่างสูงใหญ่ก็ทรุดกายลงกับพื้นดินคล้ายได้รับบาดเจ็บอย่างแนบเนียน ทั้งที่ความจริงแล้วบาดแผลเพียงเท่านี้มิได้ระคายเคืองผิวของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่จะทำอย่างไรได้เล่า… ในเมื่อนางต้องการบุรุษรูปงามเพื่อแต่งเข้าตระกูลไป๋ เขาก็จะจัดสรรบุรุษผู้นั้นให้นางด้วยตนเอง
已经是最新一章了
加载中