บทที่ 10   1/    
已经是第一章了
บทที่ 10
สตรีสองนางผลัดการหอบหิ้วร่างสูงใหญ่ของบุรุษปริศนาเข้ามาภายในอาณาเขตของสำนักภูผาโลหิตในยามวิกาลโดยไม่มีผู้ใดพบเห็น เนื่องจากเส้นทางลับสายนี้เป็นทางเข้าออกของสำนักที่มีเพียงไป๋อวิ๋นลี่ อาอวี้ และอาซิ่นเท่านั้นที่รู้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นนั่นก็เพราะในช่วงวัยเยาว์พวกนางซุกซนและมักจะหลบหลีกอาจารย์ออกไปเที่ยวเล่นเสมอ จนกระทั่งมาพบเส้นทางลับนี้เข้า เดิมทีอวิ๋นลี่พยายามสืบหาที่มาที่ไปของมัน หากแต่เมื่อลองเกริ่นถามบิดาและอาจารย์ดูแล้ว ท่านทั้งสองกลับยืนยันกับนางว่าทางเข้าออกของสำนักภูผาโลหิตมีเพียงทางเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เส้นทางเดียวกันกับทางที่นางใช้เข้าออกสำนักอย่างแน่นอน “คุณหนูเจ้าขา” คนที่รับหน้าที่ในการพยุงบุรุษปริศนาต่อจากสาวใช้ที่เริ่มหมดแรงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนเรียกด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด และต่อให้สตรีเบื้องหน้าไม่ปริปากพูดคำใดออกมา อาอวี้ก็สัมผัสได้ว่าภายในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังมองนางคู่นั้น ต้องแฝงเร้นไปด้วยคำด่าทอนับร้อยนับพันอย่างแน่นอน “เอ่อ… แล้วเราจะนำบุรุษใกล้ตายผู้นี้ไปซ่อนไว้ที่ใดกันล่ะเจ้าคะ” คิ้วสวยราวคันธนูขมวดแน่น เมื่อได้ยินคำถามที่นางไม่เคยคิดหาคำตอบมาก่อน “อืม” อวิ๋นลี่ทำท่าทางครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ แล้วจ้องคนตรงหน้าเขม็งคล้ายเป็นการตอบคำถามนั้น “ไม่เกี่ยวกับข้านะเจ้าคะ” สตรีตาขาวรีบออกปากละล่ำละลักปฏิเสธทันควัน “ทำไมจะไม่เกี่ยวกับเจ้า ข้ากับเจ้าเป็นคนลากเขาฝ่าค่ายกลป่าไผ่เข้ามาด้วยกันเชียวนะ” อาอวี้ผงะเมื่อสิ่งที่ผู้เป็นนายเอ่ยออกมานั้น… เป็นความจริง “แต่ที่ข้าทำไป เพราะมันคือคำสั่งของคุณหนูนะเจ้าคะ” นางมารน้อยแห่งสำนักภูผาโลหิตถลึงตาใส่สาวใช้ ทว่าแม้จะถลึงตาด้วยความโกรธขึ้งเพียงใด ความงดงามปานล่มเมืองของนางก็มิได้ด้อยลงไปเลยสักนิด “แล้วเจ้าจะให้เขานอนในห้องข้ารึ” อวิ๋นลี่ถาม “นั่นยิ่งไม่เหมาะสม” อาอวี้รีบแย้ง “เพ่ย! นั่นก็ไม่ นี่ก็ไม่ แล้วเจ้าจะให้ข้าลากเขาไปทิ้งไว้หน้าห้องนอนของอาซิ่นหรือ” “ไม่ได้นะเจ้า” สาวใช้ตัวเล็กรีบออกปากห้ามผู้เป็นนาย ก่อนจะว่าต่อ “ขืนคุณหนูทำเช่นนั้น พี่ซิ่นต้องไปฟ้องท่านอาจารย์เป็นแน่ และข้าก็คง…” “เห็นหรือไม่เล่า หากเราไม่ซ่อนเขาไว้ที่ห้องเจ้า ก็ต้องซ่อนเขาไว้ที่ห้องข้า แล้วเจ้าก็ขี้ขลาดตาขาวออกปานนี้ เพราะฉะนั้นซ่อนไว้ที่ห้องข้าคงเหมาะสมที่สุด” คนที่ตัดสินใจแล้วบอกอย่างไม่ลังเล และโยนร่างหนาไปให้บ่าวรับใช้ของนางพยุงบ้าง “ข้าเมื่อยแล้ว เจ้าลากเขาตามมาก็แล้วกัน” “คะ คุณหนู” ใช้เวลาเพียงไม่ถึงสองเค่อ ร่างหนาของบุรุษนิรนามก็ถูกพาเข้ามาภายในเรือนทมิฬด้วยฝีมือของสตรีสองนางที่ผลัดกันลากผลัดกันพยุงเขามาจนถึงที่หมาย หลงรุ่ยชางแอบกัดฟันกรอดอยู่หลายหน เมื่อเขาถูกพวกนางทั้งลากทั้งจูงไปตามพื้นหินกรวดราวกับกำลังลากจูงซากสัตว์ที่ตายแล้วก็ไม่ปาน หากไม่ติดว่าเขาต้องการสืบเรื่องภายในสำนักภูผาโลหิตล่ะก็ เขาคงจะสั่งขังพวกนางในคุกหลวงมิให้เห็นเดือนเห็นตะวันกันเลยทีเดียว “เฮ้อ…” อวิ๋นลี่พรูลมหายใจออกมาทางปาก หลังจากที่นางเหวี่ยงร่างหนาลงกับพื้นห้องเย็นเฉียบในความมืด และหันไปตะโกนออกคำสั่งกับสาวใช้ที่คอยดูต้นทางให้อยู่ที่หน้าประตูเรือน “ไปนำยามาให้ข้าที” “ยา ยาอันใดหรือเจ้าคะ” “ยาสมานแผลอย่างไรเล่า แบกมาตั้งนานเจ้าไม่เห็นหรือว่าเขาบาดเจ็บ” “โอ… เจ้าค่ะๆ บ่าวจะไปนำยามาให้คุณหนูเดี๋ยวนี้ล่ะ เจ้าค่ะ” อาอวี้รีบตอบรับคำสั่ง ก่อนที่นางจะวิ่งออกไปยังเรือนยาของสำนักด้วยท่าทางร้อนรน เมื่ออยู่กันตามลำพัง มือเรียวสวยก็จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าสีเทาเนื้อดีของบุรุษปริศนาออกไปอย่างไม่เกรงฟ้าอายดินเพื่อสำรวจบาดแผลของเขา และพบว่ามันเกิดจากคมดาบที่แทงเข้ามาในระยะประชิด ราวกับว่าขณะที่พวกเขาต่อสู้กันทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่ถึงศอก อีกทั้งบาดแผลแม้จะถูกแทงเข้ามาลึกเพียงใด แต่ก็มิได้โดนจุดสำคัญจนสามารถสังหารคนคนหนึ่งได้ คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดแน่น ก่อนที่นางจะกวาดสายตามองหาบาดแผลอื่นๆ บนกายแกร่งซ้ำอีกครั้ง แต่กลับไม่พบบาดแผลตรงที่ใดเลย “แปลก คนลงมือมิได้ตั้งใจสังหารหรอกหรือ”
已经是最新一章了
加载中