บทที่ 159 ผิวกายที่ทำให้ผู้หญิงต่างอิจฉา   1/    
已经是第一章了
บทที่ 159 ผิวกายที่ทำให้ผู้หญิงต่างอิจฉา
บทที่ 159 ผิวกายที่ทำให้ผู้หญิงต่างอิจฉา เป้ยฉ่ายเวยเก็บความหงุดหงิดเอาไว้ได้แล้วจึงเปิดผ้าห่มที่คลุมอยู่ออก หายใจแรงๆออกมา ทันใดนั้นก็คิดถึงเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งได้ว่าเธอลืมถามฉูเจ๋อหยางเรื่องเงื่อนไขข้อสุดท้าย วันนี้ฉูเจ๋อหยางอุตส่าห์พูดดีๆกับเธอ แต่เธอก็ทำให้โอกาสที่หายากขนาดนี้เสียไปซะสูญเปล่า พลาดอย่างมหันเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดที่ฉูเจ๋อหยางพูดก่อนจะไป หรือรอยจูบที่แผ่วเบานั้น เป้ยฉ่ายเวยจึงไม่ได้ฝันร้ายอะไร ตอนเช้ามาถึง ฉูเจ๋อหยางก็กลับมาแล้ว ลองคิดว่าทันทีที่ลืมตาขึ้นมาแล้วก็เจอเข้ากับผู้ชายที่กวนใจตัวเองทั้งคืนที่จู่ๆก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า คุณจินตนาการออกไหม และแน่อยู่แล้วเป้ยฉ่ายเวยจินตนาการไม่ออก มื่อลืมตาขึ้นมาเธอก็ตกใจจนเกือบจะหล่นจากเตียง ยังดีที่ฉูเจ๋อหยางมือไวคว้าเธอเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย หลีกเลียงที่จะทำให้เธอเจ็บตัวอีกเป็นครั้งที่สอง น่าอาย น่าอายที่สุดในโลก ตอนนี้ถ้ามีหลุมให้มุด เป้ยฉ่ายเวยจะมุดเข้าไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย แต่วันเวลาก็ต้องเดินต่อไป คนยังไงก็ต้องได้เจอกันอยู่ดี ตอนที่เธอกำลังทำตัวไม่ถูกอยู่นั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาแกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ฉูเจ๋อหยาง คุณมาตั้งแต่ตอนไหน” ฉูเจ๋อหยางมองใบหน้าแดงซ่านของผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขน พูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ “สักพัก” “อ๋อ” เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้า ผู้ชายข้างกายเริ่มเผยนิสัยปากร้ายออกมาอีกครั้ง “กลับมาตอนที่คุณกำลังกรนพอดีเลย” “พูดอะไรเหลวไหล ฉันจะไปนอนกรนได้ยังไง” เป้ยฉ่ายเวยดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของเขา ลืมไปเลยว่ามือของตัวเองยังเป็นแผลอยู่ ฉูเจ๋อหยางขมวดคิ้วไม่พอใจ เมื่อเห็นเธอพยามดิ้นทั้งๆที่ไม่มีแรง จึงพูดขึ้นเสียงแข็งว่า “ให้ผมเปิดเสียงที่อัดไว้ให้ฟังไหม” “ฉูเจ๋อหยางนี่มันจะไม่มากไปหน่อยหรอ ถึงกับอัดเสียงเลยหรือไง” เป้ยฉ่ายเวยรีบกระโจนเข้าไปหาเขา “ส่งโทรศัพท์มา” “ผมไม่ได้อัด” ร่างสูงใหญ่ของฉูเจ๋อหยางจู่ๆก็โน้มลงมาอยู่ในระดับเดียวกับสายตาและใบหน้าแดงๆของเป้ยฉ่ายเวย ริมฝีปากบางขยับเป็นคำพูดเบาๆ “คุณมีขี้ตาน่ะ” เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกราวกับทั้งร่างโดนฟ้าผ่า สติสตังกระเจิดกระเจิง แทบจะปลดปล่อยอารมณ์ชั่ววูบออกมา ฉูเจ๋อหยางมองเป้ยฉ่ายเวยที่วิ่งตรงไปยังห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วก็ปิดประตูห้องน้ำลงอย่างแรง จนเกิดเสียงดังสนั่น หลังของเป้ยฉ่ายเวยพิงหลังกับบานประตูอยู่นิ่งๆ ในหูยังได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆที่ดูกวนประสาทของฉูเจ๋อหยาง ไปตายซะไอ้คนเลว!เธอสาปส่งเขาในใจ เป้ยฉ่ายเวยไม่เชื่อ จึงรีบเดินย่ำเท้าไปที่อ่างล้างมือมองเข้าไปในกระจกอย่างเอาจริงเอาจัง ก็พบว่าที่หางตามีขี้ตาอยู่จริงๆด้วย ฆ่ากันให้ตายเถอะ ทำไมต้องให้ฉูเจ๋อหยางมาเห็นเธอสภาพมอมแมมแบบนี้ด้วยนะ ทำไมต้องเป็นเธอ ทำไมเธอมีขี้ตา เพราะเมื่อวานไม่ได้ดื่มน้ำมากเลยโมโหง่ายหรอ? เป้ยฉ่ายเวยล้างหน้าเสร็จ ใบหน้าก็ยังคงแผ่ไอร้อนออกมาอยู่ ไม่อยากออกไปเลย จึงนั่งลงบนฝาชักโครกเริ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อย หรือเธอควรไปซื้อหวยซักใบดี? ก้มหน้าลงมองแปรงขัดห้องน้ำที่อยู่ข้างเท้า เธอคิดอยู่ว่าจะถือออกไปฆ่าปิดปากเขาด้วยดีไหม เมื่อคิดได้ว่าเธอและเขารูปร่างแตกต่างกันมาก เธอถึงได้ล้มเลิกความคิดนี้ไป ยืดตัวขึ้นไปเปิดหน้าต่างมองลงไปข้างล่าง ไม่ได้จะตามืดตามัวหาทางฆ่าตัวตาย เพราะเคยได้ยินมาว่าคนที่กระโดดตึกสมองจะแตกยับเยิน การตายวิธีนี้ดูสลดเกินไป ไม่เอาๆ มีชีวิตอยู่ดีกว่า “ออกมา” เสียงที่น่าฟังของชายหนุ่มถ้าเป็นตอนปกติเป้ยฉ่ายเวยคงไม่มีทางปฏิเสธได้ลงแน่ๆ ตอนนี้เธอคิดแค่ว่าเสียงของฉูเจ๋อหยางน่ากลัวเหมือนภูตผีที่จะมาพรากชีวิตไป “ฉันไม่ออก ฉูเจ๋อหยางคุณไปได้แล้ว เดี๋ยวฉันจะโทรหาซือซือให้มารับเอง” เป้ยฉ่ายเวยพูดเสียงดังตอบกลับไป ผู้ชายที่อยู่หน้าประตูเงียบไป เป้ยฉ่ายเวยเงี่ยหูฟังได้ยินเสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินออกไป ต่อมาก็เป็นเสียงปิดประตูเบาๆ ไปแล้ว? เป้ยฉ่ายเวยยังคงไม่เชื่อ จึงรอไปอีกสักพัก เมื่อเห็นว่าข้างนอกไร้เสียงใดๆแล้วถึงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ค่อยๆเปิดกลอนประตู ชะโงกหัวเยี่ยมๆมองๆก็เห็นเพียงห้องที่ว่างเปล่า โล่งใจไปหน่อย ค่อยยังชั่วไม่ต้องฆ่าปิดปากคนละ “อยากให้ผมไปขนาดนั้นเลยหรอ” ฉูเจ๋อหยางไม่ได้ไปไหน เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้หลอกง่ายแค่ไหน ดังนั้นจึงจงใจแกล้งทำเสียงเดิน แล้วก็แอบย่องเดินมาซ่อนอยู่หลังประตูห้องน้ำเงียบๆ รอให้เธอออกมาติดกับดักเอง เป้ยฉ่ายเวยเหมือนถูกตีเข้ากลางหัว ชี้นิ้วสั่นๆไปทางฉูเจ๋อหยาง ไม่รู้ก็อาจจะคิดว่าโรคพาร์กินสันกำเริบได้ “คุณ คุณ ฉัน ฉัน .....” “แบบไหนบ้างที่ผมไม่เคยเห็น”ฉูเจ๋อหยางยกมือขึ้นไปจับมือขาวบางของเธอไว้ ออกแรงเบาๆทั้งร่างของเธอก็ถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา เขาก้มหน้าลงมาขยับเข้าไปพูดชิดริมใบหูเธอว่า “ตอนที่คุณเปลือยล่อนจ้อนด้วยไหม” เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด ความร้อนบนใบหน้าราวกับจะเผาไหม้เธอทั้งร่าง พูดอึกๆอึกๆ “ฉูเจ๋อหยาง คุณ คุณบ้าไปแล้วหรือไง” ฉูเจ๋อหยางอุ้มเธอวางบนเตียง แขนขายาวๆขังเธอไว้ในอ้อมแขน ไม่ให้เธอดิ้นไปไหนได้ เสียงทุ้มต่ำที่มีความงัวเงียนิดหน่อยพูดขึ้น “นอนเป็นเพื่อนผมหน่อย” เป้ยฉ่ายเวยที่ดิ้นอยู่ก็หยุดดิ้นเมื่อได้ยินคำที่เขาพูด เธอพบว่าระยะห่างระหว่างเขาทั้งสองใกล้กันมากจนเห็นใบหน้าของฉูเจ๋อหยางชัดเจน ตรงหน้าผากของเขาปรากฏร่องรอยความเหนื่อยล้า ที่คางของเขาเริ่มมีไรหนวดขึ้นประปราย มันแปลกตรงที่เขารักสะอาดขนาดนั้น แต่ก็ไม่ยอมไปโกนออกแต่รีบกลับมาหาเธอทันที เธอคิดว่าเมื่อคืนเขาต้องไม่ได้หลับทั้งคืนแน่เลย วันนี้เลยมาที่นี่เช้าขนาดนี้ เป้ยฉ่ายเวยใจอ่อนทันที ยอมอยู่นิ่งๆในอ้อมกอดของเขาเหมือนแมวตัวหนึ่ง อยากจะเตือนเขาว่าคราวหน้าถ้าทำเรื่องอะไรก็หัดดูแลร่างกายบ้าง กำลังจะเปิดปากพูดแต่ก็รู้สึกไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ เลยเงียบปากไปไม่พูดดีกว่า ฉูเจ๋อหยางไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะกว่าจะจัดการเรื่องลิ่เวอ่อร์เสร็จ ใจที่คอยเอาแต่เป็นห่วงเธอก็รีบตรงกลับมาโรงพยาบาลเลย เพราะเหนื่อยมาทั้งคืนเขากอดเป้ยฉ่ายเวยไว้ไม่นานก็หลับไป เป้ยฉ่ายเวยที่นอนเต็มอิ่มมาทั้งคืนและก็เพิ่งตื่นมาเมื่อครู่เธอจึงไม่ง่วง แต่เธอก็ไม่กล้าดิ้นเพราะเธอรู้ดีว่าผู้ชายที่นอนอยู่ข้างๆความรู้สึกไวแค่ไหน แค่มีลมพัดมาเบาๆ ก็ปลุกเขาให้ตื่นได้แล้ว ช่วงเวลาที่น่าเบื่อมากมายแบบนี้ เธอทำได้แค่จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของฉูเจ๋อหยาง ไม่มีมุมไหนดูน่าเกลียดเลย มองยังไงก็หล่อ ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าทำไมขนตาของรุ่ยรุ่ยถึงได้ยาวนัก ที่แท้ก็ถ่ายทอดมากจากฉูเจ๋อหยางนี้เอง เธอที่เป็นผู้หญิงยังรู้สึกอิจฉาฉูเจ๋อหยางนิดๆเลยที่มีขนตายาวขนาดนี้ ผิวก็ดี ถึงจะไม่ขาวเท่าเธอแต่ก็เรียบเนียบจนแทบจะไม่มีรูขุมขน ไล่สายตาลงมองดูรูปปากที่สวยจนผู้หญิงยังอาย ไรหนวดตรงคางไม่ได้ทำให้ความหล่อของเขาลดลงเลย กลับกันยิ่งเพิ่มเสน่ห์เข้าไปอีก ถ้าเขาไม่ปากเสียเย็นชาก็จะยิ่งสมบูรณ์แบบกว่านี้เข้าไปอีก เป้ยฉ่ายเวยอยู่นิ่งๆไม่กล้าขยับ อยู่ๆก็รู้สึกง่วงขึ้นมา จึงหลับไปอย่างสะลึมสะลือ
已经是最新一章了
加载中