บทที่ 1
เจติยา ดิษยาลักษณ์ นางแบบสุดเซ็กซี่แถวหน้าของวงการแฟชั่น เจ้าของฉายาคาสโนวี่สาวพราวเสน่ห์จากการโหวตของพี่ๆ นักข่าวติดต่อกันมานานถึงห้าปีซ้อน ได้บินลัดฟ้ามาที่ประเทศสหรัฐอเมริกาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบโต เพื่อมาเที่ยวพักผ่อนและใช้ชีวิตหรูหราแบบเอ็กซ์ครูซีฟบนเรือรอยัลอินเตอร์ครุยส์อินเตอร์ครุยส์แต่เพียงลำพัง ไร้เงาผู้ติดตามหรือชายหนุ่มมาดแมนแอนด์แฮนซั่มข้างกายเหมือนเช่นทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว ถือได้ว่าเป็นการมาเที่ยวพักผ่อนอย่างแท้จริง
หลังจากเช็คอินบนเรือลำดังกล่าวเธอก็นำกระเป๋าเข้าไปเก็บในห้องพัก ซึ่งเป็นห้องสวีทขนาดใหญ่ที่มีระเบียงกว้างพอสมควร ก่อนจะตัดสินใจไปปลดปล่อยตัวเองจากความเครียด ที่เกิดจากการทำงานอย่างหนักในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเลือกที่จะเข้าไปดื่มด่ำกับแสงสีเสียงยามราตรีในผับ เธอทั้งดื่มและเต้นรำอย่างสนุกสนานกับชายแปลกหน้าที่บังเอิญมาเจอกัน ดื่มกันทั้งคืนสนุกแบบสุดเหวี่ยง มารู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นอีกทีก็ในเช้าวันต่อมา
เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ราวกับว่ามันจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ คงเพราะเมื่อคืนดื่มหนักมากไปหน่อยก็เลยเป็นแบบนี้ แต่นั่นยังไม่ร้ายแรงเท่ากับสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่
ไม่จริงใช่ไหม
เจติยาหยิกตัวเองอย่างแรงเมื่อลืมตาตื่นมาแล้วพบว่ากำลังนอนอยู่บนเตียง
กับผู้ชาย!!
ผู้ชายจริงๆ ด้วย
ที่สำคัญทั้งเขาและเธออยู่ในสภาพเปลือย
“ฉิบหายแล้ว”
เจติยาอุทานพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความลุกลี้ลุกลน พร้อมกับก้มลงสำรวจสภาพของตัวเองอีกครั้ง ทั้งเธอและเขาไร้เสื้อผ้าติดกาย มีเพียงผ้าห่มสีขาวผืนใหญ่เท่านั้นที่คลุมร่างอยู่
หญิงสาวยกมือกุมหัวตัวเอง
หมดกัน!!
ความบริสุทธิ์ผุดผ่องที่รักษามาทั้งชีวิต
กลับต้องมาเสียไปเพียงชั่วข้ามคืนเพราะความมึนเมา
ที่สำคัญยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายแปลกหน้าที่พร่าพรหมจรรย์ของตัวเองไปนั้นเป็นใคร ชื่ออะไร และมีประวัติความเป็นมาอย่างไร
เพราะน้ำเมาพวกนั้นใช่ไหมที่ทำให้ฉันต้องมาลงเอยกับผู้ชายแปลกหน้า
บนเตียงแบบนี้!!
เจติยาหันกลับไปมองชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างตัวอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขายังคงหลับอยู่ก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเอง ที่หล่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้นปะปนอยู่กับเสื้อผ้าของเขาขึ้นมาสวมใส่ด้วยความรีบร้อน
ฉันจะต้องรีบไปก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาประจันหน้ากัน
หลังจากแต่งตัวเสร็จก็ค่อยๆ ย่องออกจากห้องนั้นไปโดยไม่ให้เขารู้ตัว เธอเร่งฝีเท้าเดินกลับไปยังห้องของตัวเอง พร้อมกับพร่ำบ่นในใจไปตลอดทาง
เจนีน...นะ...เจนีน...ทำอะไรลงไป
ถ้าเกิดท้องขึ้นมาจะทำยังไง
ไม่หรอก...แค่ครั้งเดียว...
ครั้งเดียวเอง
คงไม่ซวยขนาดนั้นหรอก!!
แล้วถ้าต้องเจอกันอีก ก่อนจะรีบสะบัดหัวอย่างแรง
ครั้งเดียวก็เกินพอ ขออย่าให้ได้พบกันอีกเลย
เจติยาเดินเข้าไปชำระล้างร่างกายอยู่พักใหญ่ ก่อนจะมายืนมองดูตัวเองในกระจก หน้าตาโทรมเกินบรรยาย
นี่ถ้ามีใครรู้ว่าคาสโนวี่สาวพราวเสน่ห์อย่างเจติยาเสียทีชายแปลกหน้า โดนเขาเจาะไข่แดงโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร จะเอาหน้าไปไว้ไหน รู้ถึงไหนก็อายถึงนั่น ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นรอยคิสมาร์กที่เขาฝากไว้ที่บริเวณลำคอแล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างแรง เพราะมันยิ่งตอกย้ำว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงมิใช่ความฝัน
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร!!
เจติยาเปิดก๊อกน้ำ ก่อนจะวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าของตนเองอีกครั้ง หัวสมองก็เริ่มคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในค่ำคืนที่ผ่านมา ทุกอย่างเหมือนม้วนฟิล์มที่ถูกกรอกลับอย่างรวดเร็ว
จำได้ว่าหลังจากเดินเข้าไปในผับก็สั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ค่อนข้างแรงมาดื่ม ทั้งที่รู้ดีว่าตัวเองเป็นคนคออ่อน แต่คืนนี้เธออยากสนุกให้สุดเหวี่ยงก็เลยทำตามใจตัวเองสักครั้ง ขณะที่กำลังมองหาที่นั่งอยู่นั้นก็หันไปสะดุดตากับผู้ชายมาดแมนแอนด์แฮนซั่มที่กำลังนั่งดื่มอยู่เพียงลำพังจึงเดินไปขอนั่งร่วมโต๊ะ
“ขอนั่งด้วยคนนะคะ”
เขาเหลือบมามองเธอก่อนจะเอ่ยปาก “เชิญครับ”
โดยปกติแล้วคริสจะไม่ชอบให้ใครมารบกวนความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะผู้หญิง แต่ไม่รู้ทำไมครั้งนี้ถึงได้อนุญาตให้เธอนั่งร่วมโต๊ะด้วย
“ทำไมถึงมานั่งหลบมุมดื่มอยู่คนเดียวตรงนี้ละคะ”
“ผมไม่ชอบคนพลุกพล่าน”
“ตายจริง! นี่ฉันมารบกวนเวลาแห่งความสุขของคุณหรือเปล่าคะ” เจติยาเอ่ยถามพร้อมกับส่งสายตาหวานซึ้งไปให้
“ไม่ครับ มีสาวสวยมาดื่มเป็นเพื่อนก็ดีเหมือนกัน”
เขาและเธอนั่งดื่มและพูดคุยกันอย่างถูกคอ จากการพูดคุยทำให้เจติยารู้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่มีความรอบรู้ในทุกๆ เรื่อง แม้กระทั่งในเรื่องของวงการแฟชั่น สามารถวิเคราะห์อย่างเจาะลึกและวิจารณ์ได้อย่างคนรู้จริง คริสสั่งเครื่องดื่มมาเพิ่มให้กับตัวเองและหญิงสาวอย่างต่อเนื่อง เจติยาดื่มไปแก้วแล้วแก้วเล่าอย่างเพลิดเพลินจนนับไม่ถ้วนราวกับดื่มน้ำเปล่า ลืมนึกไปเลยว่าตนเองเป็นคนคออ่อน ดื่มแอลกอฮอล์ได้ไม่เท่าไรก็เมา แถมตอนเมายังชอบทำพฤติกรรมแปลกๆ อีกด้วย เจติยาชวนเขาไปเต้นรำกับเธอที่ฟลอร์ ซึ่งเขาก็ไม่ปฏิเสธ ทั้งคู่ทั้งดื่มและเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน เมื่อเขาเห็นเธอเริ่มเมาก็อาสาจะพาไปส่งที่ห้อง แต่เจติยาปฏิเสธ
“ฉันยังไม่อยากกลับห้อง”
“ไม่กลับแล้วจะไปไหน”
“ไปที่ไหนก็ได้ที่มีแต่เราสองคน”
“แน่ใจนะ!”
ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เจติยาพูดกลับไปว่า
“แน่ใจสิ ไม่เคยแน่ใจอะไรมากเท่านี้มาก่อนเลย”
จากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างก็จำไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็มานอนอยู่บนเตียงกับเขาในสภาพเปลือย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
จะโทษใครได้นอกจากโทษตัวเองที่รนหาที่
เจติยาส่ายหัวไปมาอย่างแรงเพื่อลบภาพที่ติดอยู่ในสมอง ก่อนจะลงมือแต่งตัวไปกินอาหารเช้า
ขณะที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่นั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นเพื่อนเก่าคนหนึ่ง อันที่จริงจะเรียกกิ๊กเก่าก็ไม่ผิดนัก แม้ระยะเวลาที่คบกันจะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ ก็ตาม เขายังคงความหล่อและเท่เหมือนเดิม เจติยาเดินตรงเข้าไปทักอีกฝ่ายโดยไม่ลังเล
“สบายดีเหรอคะอีธาน”
“เจนีน นึกไม่ถึงเลยว่าผมจะได้พบคุณที่นี่”
อีธานตรงเข้าสวมกอดและจูบแก้มเจติยาเบาๆ ดวงตาของเขาฉายแววยินดีที่มีโอกาสได้พบกับเธออีกครั้ง
“ฉันมาเที่ยวพักผ่อนหลังจากทำงานหนักมาหลายเดือน ดีใจจังที่ได้พบคุณอีก”
“ผมเองก็ดีใจที่ได้พบคุณเช่นกัน คุณยังสวยเหมือนเดิมเลยนะเจนีน”
เจติยายิ้มรับคำชม…นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้ยินคำชม
คำพูดเหล่านี้เธอได้ยินบ่อยจนชิน แต่ก็รู้สึกดีที่ได้ยินจากปากของกิ๊กเก่าสุดหล่ออย่างอีธาน
“คืนนี้ผมจะจัดงานปาร์ตี้ถ้าคุณมีเวลาก็มาร่วมสนุกด้วยกันสิ”
เมื่ออีธานอุตส่าห์เอ่ยปากชวนไปร่วมงานปาร์ตี้ส่วนตัว ที่เขาจะจัดขึ้นในค่ำคืนนี้ทั้งที มีหรือที่ปาร์ตี้เกิร์ลอย่างเจติยาจะปฏิเสธ ไม่มีทางที่เธอจะพลาดงานเลี้ยงที่สนุกสนานเช่นนี้แน่นอน
“ด้วยความยินดีค่ะ”
อีธานบอกเวลาและสถานที่ที่ใช้สำหรับจัดงาน
“แล้วพบกันคืนนี้นะคะ” จากนั้นก็เอ่ยปากขอตัว
“เมื่อกี้คุณคุยกับใครอยู่เหรอคะอีธาน” อันนาเอ่ยถามเมื่อเห็นแฟนหนุ่มยืนคุยอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง
“เพื่อนผมเอง ผมชวนเธอมาร่วมงานปาร์ตี้กับเราคืนนี้ด้วยนะ”
อันนาไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นเพียงแค่เพื่อนเก่าของอีธาน เพราะเธอรู้ถึงความเจ้าชู้ในอดีตของเขาดี แต่ก็ไม่เซ้าซี้ถามด้วยรู้ดีว่าเขาไม่ชอบให้เธอทำเช่นนั้น