บทที่ 2
ในค่ำคืนนั้นเจติยาเดินเข้ามาในงานด้วยชุดราตรียาวสุดเซ็กซี่สีดำ ทันทีที่ปรากฏตัวทุกสายตาต่างก็จ้องมองมาที่ตัวเธอ ไม่เสียทีที่รั้งตำแหน่งคาสโนวี่สาวพราวเสน่ห์ เพียงแค่รอยยิ้มและการปรายสายตามองหนุ่มๆ ที่จ้องมองมาที่เธอก็เซ็กซี่กินขาดสาวคนอื่นๆ อีธานพาเธอมานั่งร่วมโต๊ะเดียวกับเขาที่โซนวีไอพี พร้อมกับแนะนำเพื่อนร่วมโต๊ะให้เธอรู้จัก
“เจนีนครับนี่อันนาแฟนผม และนั่นคริสเพื่อนรักของผม”
“คุณคือผู้หญิงที่ยืนคุยกับอีธานเมื่อเช้านี้ใช่ไหมคะ”
เจติยาพยักหน้าตอบ และใช้รอยยิ้มแทนคำทักทาย แต่รอยยิ้มของเธอต้องเลือนหายไปจากใบหน้า เมื่อหันไปเห็นหน้าตาเพื่อนของอีธานอย่างชัดเจน และต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบว่า
เพื่อนรักของกิ๊กเก่าคือชายแปลกหน้าที่พร่าพรหมจรรย์ของเธอไปเมื่อคืนวาน
“เราพบกันอีกแล้วนะครับ” คริสเอ่ยทักทายหญิงสาวอย่างคนคุ้นเคย
“นายรู้จักกับเจนีนตั้งแต่เมื่อไร และไปสนิทสนมกันตอนไหน”
“เราแค่รู้จักกันโดยบังเอิญค่ะอีธาน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”
เจติยาชิงตอบคำถามของอีธานแบบตัดบทอย่างคนร้อนตัว ด้วยเกรงว่าขืนชักช้าเขาจะตอบคำถามเพื่อนรักอย่างหมดเปลือก ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนั้นล่ะก็คงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคริส
ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกว่ารอยยิ้มและแววตาของเขาดูมีเลศนัย ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด
เห็นทีจะอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว คงต้องถอยไปตั้งหลักก่อน
“ฉันอยากเต้นรำ เราออกไปสนุกกันนะคะอีธาน”
เจติยาเอ่ยชวนอีธานออกไปเต้นรำด้วยกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคริส
“สำหรับคุณได้เสมอ”
ระหว่างที่กำลังเต้นจังหวะสโลว์กันอยู่นั้น จิตใจของเจติยาก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หัวสมองก็คิดหาทางหนีทีไล่ว่าจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้คริสเปิดเผย ถึงความสัมพันธ์เพียงชั่วข้ามคืนระหว่างเขาและเธอให้คนอื่นรู้
ทำเฉยๆ ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้ดีไหม
หรือว่าควรพูดกับเขาตรงๆ เพื่อไม่ให้เขาแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป
เพราะมันหมายถึงชื่อเสียงในแง่ลบที่อาจจะส่งผลกระทบต่อตัวเธอ
“ผมดีใจนะที่คุณมาร่วมสนุกกับเราในคืนนี้”
เจติยาตกอยู่ในวังวนความคิดของตัวเองจนไม่ได้ยินสิ่งที่อีธานพูด
“คุณกับคริสรู้จักกันได้ยังไงครับ”
“ว่าไงล่ะครับเจนีน ผมถามว่าคุณกับคริสรู้จักกันได้ยังไง และไปรู้จักกันตอนไหน”
แม้จะถามกลับไปหลายครั้งแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้จากฝ่ายตรงข้าม
“เจนีน...เจนีนครับ...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“ปะ...เปล่าค่ะ”
“แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไร”
“แน่ใจค่ะ ฉันแค่เผลอคิดอะไรบางอย่างก็เลยไม่ได้ยินที่คุณพูด”
“ผมถามคุณตั้งหลายครั้งแต่คุณก็ไม่ตอบ”
“คุณถามฉันว่าอะไรนะคะฉันไม่ทันได้ฟัง”
“ผมถามว่าคุณรู้จักกับคริสได้ยังไง”
“ฉันเจอเขาที่ผับโดยบังเอิญเมื่อคืนวานนี้ค่ะ เราก็เลยนั่งดื่มด้วยกัน”
“พบกันเมื่อคืน แต่ทำไมดูเหมือนสนิทกันจัง”
“หมายถึงฉันเหรอคะ”
“ผมหมายถึงคริสเพื่อนของผมครับ ปกติแล้วคริสจะไม่ค่อยให้ความสนิทสนมกับใครง่ายๆ โดยเฉพาะผู้หญิง”
“ทำไมคะ”
“ด้วยเหตุผลส่วนตัวครับ ผมถึงแปลกใจที่ได้ยินเขาทักทายคุณอย่างคนคุ้นเคย”
“เราก็แค่ทักทายกันธรรมดาไม่ได้มีอะไรพิเศษ คุณคิดมากไปเองหรือเปล่าคะอีธาน”
“ก็อาจจะเป็นได้”
เมื่อเพลงจบอีธานจึงชวนเธอไปนั่งพัก แม้จะไม่อยากกลับไปเผชิญหน้ากับเขาแต่ก็คงเลี่ยงไม่ได้
ระหว่างที่นั่งดื่มด้วยกันอยู่นั้นเจติยารู้สึกว่าเขาจ้องมองมาที่เธอตลอดเวลา โดยปกติแล้วเจติยาจะรู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งที่มีชายหนุ่มหน้าตาดีจ้องมองมาด้วยสายตาชื่นชม
แต่ไม่ใช่ในครั้งนี้!!
เขาจะรู้ตัวไหมว่าการที่เขาเอาแต่นั่งจ้องหน้าเธออยู่แบบนี้ มันสร้างความเครียดให้กับเธอ โดยเฉพาะตอนที่ต้องนั่งอยู่ด้วยกันแบบสองต่อสองอย่างนี้ เพราะอันนาชวนอีธานออกไปเต้นรำที่ฟลอร์ เจติยาจึงต้องนั่งอยู่กับคริสตามลำพังท่ามกลางบรรยากาศที่น่าอึดอัด เธอจึงเลือกที่จะนั่งดื่มเงียบๆ และทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น คริสเป็นฝ่ายทำลายความเงียบด้วยการเปิดประเด็นถาม
“หน้าตาคุณดูเหมือนไม่ค่อยสบาย เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร ฉันสบายดี”
“จำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราเมื่อคืนนี้”
จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้
จู่ๆ ก็เสียตัวครั้งแรกให้กับชายแปลกหน้าที่เพิ่งจะพบกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง ใครจำไม่ได้ก็บ้าแล้ว
“เรื่องที่เกิดขึ้น...ผมยินดีที่จะรับผิดชอบ...”
หา!! ฟังไม่ผิดใช่ไหม
ถามฉันสักคำไหมว่าต้องการหรือเปล่า
“ไม่จำเป็น ฉันรับผิดชอบตัวเองได้ และอยากให้คุณลืมเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราเมื่อคืนนี้ไปซะ”
“ลืม!”
“ใช่ คิดซะว่าไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น โอเคไหม”
“คุณแน่ใจเหรอว่าต้องการอย่างนี้จริงๆ”
“แน่ใจค่ะ อย่ารื้อฟื้นเรื่องนี้มาพูดอีกเลยนะคะ และเก็บมันไว้เป็นความลับระหว่างเราได้ไหม ถือว่าฉันขอร้อง”
คริสไม่ตอบ เขาได้จ้องมองหน้าเธอนิ่งนานจนเจติยารู้สึกอึดอัด
จังหวะนั้นเองอีธานและอันนาก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ เขาเอ่ยปากชักชวนให้ทุกคนเล่นเกมร่วมกับเขา
“มาเล่นเกมกันดีกว่า”
“คุณจะให้เราเล่นเกมอะไร” อันนาเอ่ยถาม
“เกมหมุนขวดเป็นไง”
“ไหนลองอธิบายกติกาให้ฟังซิคะ”
“ง่ายมาก เกมเริ่มต้นจากการหมุนขวด ถ้าปากขวดไปหยุดอยู่ที่ใคร คนนั้นคือผู้โชคดีที่จะต้องเป็นคนดื่มจนหมดแก้ว แต่เขาสามารถชนแก้วกับใครก็ได้โดยเลือกได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น เมื่อชนแก้วกับใครแล้วคนที่ถูกชนแก้วก็จะต้องดื่มจนหมดแก้วเช่นกัน”
“กติกามีแค่นี้เองเหรอคะ”
“ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ผู้โชคดีมีสิทธิถามผู้ที่ถูกชนแก้วได้หนึ่งคำถาม คนที่ถูกถามจะต้องตอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องตอบตามความเป็นจริงเท่านั้น เริ่มเลยนะ”
อีธานหมุนขวดครั้งแรกปากขวดไปตกที่อันนา เธอเลือกที่จะชนแก้วกับผู้หญิงอีกคนที่ร่วมวงด้วย เจติยาจึงต้องดื่มเหล้าตรงหน้าพร้อมกับตอบคำถามของอันนา
“คุณเคยมีเซ็กส์กับอีธานไหม”
สองหนุ่มถึงกับเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำถามนั้นและก็รอฟังคำตอบ
นึกว่าจะถามเรื่องอะไร!!
ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง คงจะระแวงเกรงว่าอีธานจะนอกใจ
“ถึงภายนอกฉันจะดูเหมือนคนเจ้าชู้ แต่ก็ไม่เคยปล่อยตัวให้ใคร มีบ้างที่บางครั้งเคยคิดอยากลองอยู่เหมือนกัน”
ครั้งนี้อันนาเป็นคนหมุนขวด คริสคือผู้โชคดีรายต่อไป เจติยาถูกเลือกอีกครั้ง เธอจึงจำเป็นต้องดื่มตามกติกา
“คุณมีแฟนหรือยังเจนีน” เขาเรียกชื่อเธออย่างสนิทสนมเช่นเดียวกับที่อีธานเรียก
“แฟนเป็นตัวเป็นตนไม่มี ส่วนกิ๊กนี่มีมากมายจนนับไม่ถ้วน แต่ฉันมีกฎเหล็กอยู่ข้อหนึ่งคือจะไม่ยุ่งกับผู้ชายที่มีเจ้าของแล้ว”
จากคำถามที่หนึ่ง ไปถึงคำถามที่สอง สาม สี่ เรื่อยไปจนนับไม่ถ้วน ดูเหมือนว่าคนที่ต้องดื่มมากที่สุดในค่ำคืนนี้คือเจติยา ทั้งในฐานะผู้โชคดีและในฐานะบุคคลที่ถูกเลือกให้ชนแก้ว เธอดื่มจนมึนเมาและก็เป็นคนที่ต้องตอบคำถามของคนอื่นมากที่สุด เมื่อเธอเป็นผู้โชคดีก็เลือกที่จะชนแก้วกับอีธาน
“คุณเคยรักฉันบ้างไหมอีธาน”
“รักสิ และเคยรู้สึกเสียดายที่ความรักของเรามันจบลงอย่างรวดเร็ว”
ในครั้งนี้อีธานขอเป็นฝ่ายหมุนขวด เพราะเขาต้องการถามอะไรบางอย่างกับเจติยา โชคดีเป็นของเขาเพราะปากขวดมาหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าเขาพอดี เขาเลือกที่จะชนแก้วกับเธออีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยถามสิ่งที่เคยติดค้างอยู่ในใจ
“ทำไมคุณถึงบอกเลิกผม”
“เพราะคุณรุกหนักมากจนฉันกลัว”
“กลัวอะไร!” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความประหลาดใจ
“ก็กลัวว่าตัวเองจะเผลอใจให้ในสิ่งที่คุณต้องการ จึงต้องตัดไฟซะตั้งแต่ต้นลม คุณเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มาก ใครก็ตามที่ได้อยู่ใกล้ชิดคุณเป็นต้องเผลอใจรัก และฉันยังไม่อยากเป็นผู้หญิงในฮาเร็มของคุณ ถึงได้ขอยุติความสัมพันธ์ของเราก่อนที่มันจะสายเกินไป”
แล้วก็มาถึงคำถามเด็ดที่เจติยาเลือกถามคริส ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอถามเขาว่า
“ผู้ชายหน้าตาดีอย่างคุณเคยโดนผู้หญิงทิ้งบ้างไหม”
คนถูกถามถึงกับต้องขบกรามของตัวเองเมื่อได้ยินคำถามนี้ เพราะมันเป็นคำถามที่ไปจี้จุดอ่อนของเขา
อีธานเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพูดตัดบท “คุณเมามากแล้วนะเจนีน ผมพาคุณไปส่งที่ห้องก่อนดีกว่า”
“ไม่เป็นไรอีธาน คุณไม่ต้องเป็นห่วง ฉันมาเองได้ฉันก็กลับเองได้” น้ำเสียงของเธอบ่งบอกให้รู้เลยว่าเมา
แต่ทันทีที่ลุกขึ้นยืนก็รู้สึกเหมือนพื้นมันโคลงเคลงจนยืนไม่อยู่ คริสเห็นเช่นนั้นจึงรีบตรงเข้าไปประคองก่อนที่เธอจะล้มลงไปนอนวัดพื้น
“สภาพแบบนี้คุณคงกลับห้องพักเองไม่ได้หรอก ให้ผมไปส่งคุณดีกว่า”
อันนาเห็นด้วยกับคำพูดของคริส “เราฝากคุณดูแลเจนีนด้วยนะคะ รบกวนคุณส่งเธอให้ถึงห้องเลยนะ”
เธอไม่อยากให้อีธานไปส่งเจติยาด้วยตัวเอง เพราะไม่อยากให้เขาได้อยู่ใกล้ชิดกับหญิงสาวตามลำพัง โดยเฉพาะในสภาพที่กำลังมึนเมาแบบนี้ กลัวว่าถ่านไฟเก่าจะกลับมาคุกรุ่นขึ้นอีกครั้ง เธอยอมรับโดยไม่อายว่าหึงหวงแฟนหนุ่มกับหญิงสาวที่มีเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างเจติยา ก็ทั้งสวยและเซ็กซี่ขนาดนี้มีหรือที่ผู้ชายจะอดใจไหว
เจติยาดูท่าจะเมาจริง เวลาเดินยังเดินไม่ค่อยจะตรงทาง คริสต้องคอยประคองตลอดเวลา จนกระทั่งเธอสะดุดจนเกือบพาเขาล้มลงไปด้วย เขาจึงตัดสินใจอุ้มเธอไปส่งที่ห้องพัก
“ฉันกลับเองด้ายยยย”
“ผมรู้ แต่คงดีกว่าถ้าให้ผมไปส่ง”
ดูจากสภาพของเธอตอนนี้แล้วคงปล่อยให้กลับไปตามลำพังไม่ได้แน่