บทที่ 7
ขณะที่เจติยากำลังเข็นรถที่ใช้ขนกระเป๋าสัมภาระตรงมายังห้องโถงของผู้โดยสารขาเข้า สายตาก็มองหาใครบางคนที่มารอรับ
“ทางนี้เจนีน”
หญิงสาวรีบเดินตรงไปยังเสียงเรียกนั้น “รอนานไหมพี่นัตตี้”
“ไม่นาน ตอนแรกยังนึกว่าเครื่องบินจะดีเลย์ด้วยซ้ำ”
“การเดินทางเรียบร้อยดีใช่ไหม”
เจติยาพยักหน้าแทนคำตอบ ระหว่างทางที่จะเดินไปขึ้นรถก็มีคนมาขอลายเซ็น และขอถ่ายรูปกับเธอเป็นระยะ ซึ่งเธอเองก็ไม่ปฏิเสธ ยอมถ่ายรูปกับแฟนคลับตามคำขอด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม
ระหว่างขับรถกลับบ้านนัตตี้คันปาก อยากจะซักไซ้ประวัติสามีทางพฤตินัยของเจติยาใจจะขาด แต่เกรงว่านางจะวีนใส่ถ้าเอ่ยถามถึงเรื่องนี้ จึงได้แต่ลอบมองเป็นระยะ
“อยากจะถามอะไรก็ถามมาเลยพี่นัตตี้ มัวแต่จ้องอยู่ได้”
“ไปเที่ยวมาสนุกไหม”
“ความสนุกมันหมดไปตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นแล้วล่ะพี่นัตตี้”
“เป็นความผิดใครล่ะ”
“จะพูดตอกย้ำให้ได้อะไรขึ้นมา” น้ำเสียงติดจะเหวี่ยงวีน
“ที่พูดก็เพราะว่าพี่เป็นห่วง ว่าแต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นแล้วเขามีปฏิกิริยายังไง เคยคิดที่จะรับผิดชอบบ้างไหม”
“เรื่องนี้ล่ะที่ทำให้เจนีนเซ็ง”
สีหน้าของเธอฉายชัดถึงอารมณ์ความรู้สึกเบื่อหน่ายได้เป็นอย่างดี
“เขาไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยหรือไง” นัตตี้คาดเดา
“ตรงกันข้าม เขาเป็นสุภาพบุรุษที่พร้อมจะรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยการแต่งงานกับเจนีน”
“แต่งงาน! แมนมาก”
“แต่เจนีนจะไม่แต่งงานกับเขาเด็ดขาด”
“บอกได้ไหมว่าทำไม”
“ใครจะบ้าไปแต่งงานกับผู้ชายที่เพิ่งจะรู้จักกันเพียงไม่กี่วันบ้างล่ะพี่นัตตี้”
“ก็จริง ว่าแต่เขาชื่ออะไร เป็นใคร มาจากไหน”
“คำถามมาเป็นชุดเลยนะ”
“ก็คนมันอยากรู้ถึงได้ถาม”
“ชื่อคริส อะไรสักอย่าง”
เจนีนตอบได้แต่ชื่อของเขาเท่านั้น จำนามสกุลเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
“หา! อย่าบอกนะว่าแม้แต่นามสกุลของเขาก็จำไม่ได้”
“ไม่อยากจำมากกว่า”
“เขาทำงานอะไร”
“รู้แค่ว่าเขาเป็นเจ้าของธุรกิจท่องเที่ยวแต่ไม่รู้รายละเอียด”
“ใจคอจะไม่อยากรู้ประวัติของเขาบ้างเลยหรือไง”
“จะรู้ไปทำไม ถึงยังไงก็คงไม่ได้พบกันอีกอยู่ดี”
“แล้วถ้าเกิดท้องขึ้นมาจะติดต่อเขายังไง”
“มันคงไม่ซวยขนาดนั้นหรอก”
“ว่าได้เหรอเล่นรวมร่างกันมาหลายครั้งแล้วไหม”
“แค่สองครั้งเท่านั้น”
“ครั้งล่ะกี่ยกล่ะ”
“ใครจะไปรู้ก็บอกแล้วไงว่าเมา”
“ของแบบนี้ครั้งเดียวก็ท้องได้”
“ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน แต่อย่าเจอกันอีกดีกว่า”
มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ตรงกันข้ามเธอได้พบเขาเร็วกว่าที่คิดไว้จนคาดไม่ถึง
เมื่อกลับมาถึงบ้านเจติยาต้องตกใจสุดขีด ที่เห็นคริสกำลังนั่งคุยอยู่กับบิดามารดาที่ห้องนั่งเล่น
“คุณมาทำอะไรที่นี่” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงเข้ม
“ผมมาหาคุณ”
“เจนีนขอตัวสักครู่นะคะ ส่วนคุณตามฉันมานี่” เธอดึงมือเขาให้เดินตามเธอออกมาด้านนอก
“ทำไมลูกถึงได้ดูลุกลี้ลุกลนอย่างนั้นคะนนท์”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ดูจากปฏิกิริยาของเจติยาแล้วนัตตี้ก็เดาได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร
หล่อจัง แถมยังมาดแมน นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้ชายของเจติยาล่ะก็ งานนี้มีสอยมาเชยชมแน่ นัตตี้นึกในใจก่อนจะหันมาเห็นสายตาของผู้สูงวัยทั้งสองจ้องมองมาที่ตนเองเป็นเชิงถาม
“ทำไมคุณพ่อกับคุณแม่ถึงมองนัตตี้แบบนี้ละคะ นัตตี้ก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกันค่ะ”
“ไม่รู้เรื่องจริงๆ หรือว่าช่วยเจนีนปิดบังอะไรพ่อกับแม่”
เมื่อถูกดักคอก็ทำให้นัตตี้ไม่กล้าสบตาท่านทั้งสอง ได้แต่ตอบกลับไปว่า
“เรื่องบางเรื่องถึงนัตตี้รู้แต่ก็พูดไม่ได้ค่ะ มันเหมือนน้ำท่วมปาก ทางที่ดีพ่อกับแม่ฟังจากปากของเจนีนเองดีกว่านะคะ”
‘อยากรู้จริงว่าพวกเขาคุยอะไรกัน ถ้าไปแอบฟังจะเสียมารยาทไหม’
นัตตี้ได้แต่คิดไม่กล้าลงมือทำ เพราะเกรงว่าจะถูกผู้ใหญ่ทั้งสองตำหนิ ได้แต่เก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ในใจ
เจติยาฉุดมือคริสเดินออกมาคุยกันที่หน้าบ้าน เธอหันไปเผชิญหน้าเพื่อเปิดศึกกับเขาทันที
“คุณรู้จักบ้านฉันได้ยังไง”
นอกจากจะพูดเสียงขุ่นแล้ว เธอยังทำหน้าบึ้งตึงใส่เขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมที่จะสืบหาข้อมูลส่วนตัวของคุณ”
“ต้องการอะไรกันแน่ถึงได้ตามมารังควานฉันถึงที่นี่”
“ผมเคยบอกคุณไปแล้วว่าผมต้องการรับผิดชอบ เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราด้วยการแต่งงานกับคุณ”
“คุณจะบ้าเหรอ จะต้องให้ฉันย้ำอีกกี่ครั้งว่าฉันจะไม่แต่งงานกับคุณ ยังไงก็ไม่แต่ง เข้าใจบ้างไหม คุณพูดอะไรกับพ่อแม่ฉันไปบ้าง” ประโยคสุดท้ายเธอขึ้นเสียงคาดคั้นถามเขาด้วยความกราดเกรี้ยว
“อันที่จริงวันนี้ผมตั้งใจจะมาทำความรู้จักกับพ่อตาแม่ยายของผมเท่านั้น ยังไม่คิดที่จะเปิดเผยเรื่องของเรา แต่ถ้าคุณยังยืนกรานที่จะไม่แต่งงานกับผม ผมก็จะบอกพ่อกับแม่ของคุณว่าเราเป็นอะไรกัน”
“คุณต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ”
“ถ้าคุณไม่อยากให้พ่อกับแม่ของคุณรู้เรื่องที่เรามีอะไรกันคุณก็ต้องทำตามที่ผมบอก”
“หยุดบ้าแล้วก็กลับไปซะ”
ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์มือถือของเจติยาก็ดังขึ้น เธอกดรับทันทีเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนโทรมา แถมยังพูดจาออดอ้อนเสียงอ่อนหวานต่อหน้าเขา
“สวัสดีค่ะพี่ตรัย ไม่ได้เจอกันตั้งสองอาทิตย์ คิดถึงจังเลยค่ะ”
“พี่ก็คิดถึงเจนีน ถึงบ้านนานหรือยังครับ”
“เพิ่งจะถึงเดี๋ยวนี้เองค่ะ ทำไมวันนี้พี่ตรัยถึงมีเวลาโทรหาเจนีนได้คะ”
“พี่เพิ่งจะผ่าตัดเสร็จก็เลยว่าง อยากชวนเจนีนไปทานมื้อกลางวันด้วยกัน”
“ด้วยความยินดีค่ะ เราจะไปที่ไหนดีคะ”
ตรัยภูมิบอกชื่อร้านอาหารดัง ที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อยและบรรยากาศดี
“ให้พี่ไปรับที่บ้านไหม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวเจนีนให้พี่นัตตี้ขับรถไปส่ง พี่ตรัยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถย้อนไปย้อนมา แต่ขากลับคงต้องรบกวนให้พี่ตรัยมาส่งเจนีนที่นี่”
“ยินดีเสมอครับ”
เมื่อนัดเวลาและสถานที่เรียบร้อยแล้วก็วางสาย แต่ก่อนที่จะวางสายเธอก็ยังไม่วายพูดเสียงออดอ้อนว่า
“รักนะคะ”
“มีผัวอยู่แล้วทั้งคนแต่ยังกล้าหว่านเสน่ห์ให้ผู้ชายคนอื่นอีก”
“แค่นอนด้วยกันครั้งสองครั้งอย่าริอาจมาอ้างสิทธิความเป็นผัว สำหรับสิ่งที่ฉันเสียไปฉันจะถือซะว่าให้ทาน”
“ปากดีแบบนี้คงต้องสั่งสอนกันบ้าง”
แทนที่คริสจะดึงตัวเจติยาเข้ามาจูบ แต่เขาเลือกที่จะจับมือขวาของเธอตรึงเอาไว้ข้างลำตัว ส่วนอีกมือก็ประคองต้นคอเธอมาจูบ ริมฝีปากบางของหญิงสาวถูกริมฝีปากได้รูปประกบไว้แนบแน่น เขาจูบเธอตามอำเภอใจโดยที่เธอไม่สามารถจะทำอะไรเขาได้
ด้วยวิธีของเขาทำให้เจติยาไม่สามารถใช้มือผลักเขาไสเขาได้อย่างที่ใจคิด เพราะมือขวาของเธอจะถูกเขาจับไว้ส่วนมือซ้ายจะยกขึ้นปัดป้องก็ไม่ได้ เพราะถูกประคองต้นคอทำให้ท่อนแขนก็ถูกกันไว้ไม่ให้ยกขึ้นมาปัดป้องได้เช่นกัน เธอจึงถูกเขาลงทัณฑ์ด้วยการจูบจนกว่าเขาจะพอใจ ถือเป็นการสั่งสอนที่กล้าปากดีกับเขา
ทันทีที่เขาปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ เธอก็ตบหน้าเขาฉาดใหญ่โทษฐานที่บังอาจทำเช่นนั้นกับเธอ
คริสดันตัวเจติยาไปติดผนังโดยไม่ทันให้เธอตั้งตัว เขาก้มลงจูบริมฝีปากของเธออีกครั้งอย่างเร่าร้อนรุนแรงกว่าเดิม ก่อนจะละไล้เรื่อยมาที่ลำคอระหง เขาจูบเธอจนหนำใจจึงปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ
“จำไว้ผมไม่ใช่ขอทานที่ต้องมารอรับของฟรีจากคุณ และขอเตือนว่าอย่าลองดีกับผมอีก ไม่อย่างนั้นคุณจะโดนยิ่งกว่านี้”
เจติยาใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากของตัวเองอย่างแรง ราวกับจะลบรอยจูบของเขา
“คุณกลับไปได้แล้ว ที่นี่ไม่มีใครต้อนรับคุณ”
“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าเราจะพูดกันให้รู้เรื่อง”
“แล้วฉันจะติดต่อกลับไปเอง แต่ตอนนี้กลับไปซะก่อนที่ฉันจะฆ่าคุณ”
“วันนี้ผมจะยอมทำตามที่คุณต้องการ แต่ไม่ใช่เพราะกลัวคำขู่ของคุณหรอกนะ ผมเกรงว่าเส้นโลหิตในสมองของคุณจะแตก ตายไปซะก่อนที่เราจะได้แต่งงานกัน ผมยังไม่อยากเป็นม่ายไวนัก”
คริสใช้ความไวจูบแก้มของเธอก่อนจะเดินไปที่รถ
“มีอีกเรื่องที่คุณต้องรู้ไว้นะเจนีน ผมมีคลิปเด็ดของเราในตอนนั้นเก็บไว้ด้วย”
“อย่ามาโกหก”
“คุณอยากดูไหมล่ะ”
คริสหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดคลิปที่เขาเอ่ยถึง เจติยาได้ยินแต่เสียงรอดออกมาจากคลิปที่เขาเปิด เธอรีบวิ่งเข้าไปแย่งโทรศัพท์ของเขาเพื่อมาลบคลิปดังกล่าว แต่เขาสูงใหญ่และไวกว่าเธอ การที่ทำเช่นนั้นทำให้เธอตกอยู่ในวงแขนที่แข็งแกร่งของเขาอย่างง่ายดาย
“เอาโทรศัพท์คุณมาเดี๋ยวนี้นะ ไอ้โรคจิต ไอ้จอมวายร้าย ลบคลิปนั้นทิ้งไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ผมจะลบหลังจากที่เราแต่งงานกันแล้ว ขอเตือนว่าถ้าไม่อยากให้คลิปนี้ว่อนในอินเตอร์เน็ตล่ะก็ รู้ใช่ไหมว่าจะต้องทำยังไง”
คริสหัวเราะอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า จากนั้นก็เดินกลับไปขึ้นรถและสั่งให้ออกรถทันที
“ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ นายทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”
เจติยาตะโกนด่าตามหลังไปก่อนจะเดินอย่างคนหมดแรงกลับเข้าไปในบ้าน