บทที่ 2 : สิ่งที่กาลเวลาไม่อาจลบเลือน   1/    
已经是第一章了
บทที่ 2 : สิ่งที่กาลเวลาไม่อาจลบเลือน
อาทิตย์คาดการณ์ไว้ถูกต้อง เพราะเมื่อถึงตอนบ่ายฝนก็หยุดตกจริงๆ แต่กว่าจะแวะซื้อของเยี่ยมเสร็จ เธอกับพ่อก็มาถึงโรงพยาบาลเกือบบ่ายสามโมง ปลายตะวันเป็นคนแรกที่เปิดประตูเข้าไป เธอส่งเสียงทักทายคนป่วยอย่างอารมณ์ดี “ตะวันมาแล้วค่ะคุณป้า...” เสียงของเธอเงียบหายไปเมื่อพบว่าในห้องไม่ได้มีแค่คนป่วย แต่กลับมีใครคนหนึ่งที่เธอคิดถึงอย่างสุดหัวใจนั่งอยู่ในห้องด้วย เป็น ‘เขา’ จริงๆ เธอไม่ได้ฝันไป ตึกตัก... หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก เนิ่นนานเหลือเกินที่เธอไม่ได้พบเขา พชรในวัยสามสิบสองไม่ได้ดูแก่ขึ้นจากเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขากลับดูเหมือนคนอายุแค่ยี่สิบกลางๆเท่านั้น ผิวพรรณของเขาขาวจัดอย่างคนที่อยู่เมืองหนาวมานาน รับกับเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม ยิ่งขับให้ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นดูขาวยิ่งขึ้นไปอีก ร่างสูงเงยหน้ามองผู้มาเยี่ยมมารดา ใบหน้าของเขาช่างหล่อเหลาราวกับเจ้าชายในเทพนิยาย แต่ทว่า... กลับเรียบเฉยเย็นชายิ่งนัก ดวงตาสีนิลยังคงไร้ชีวิตชีวาไม่ต่างจากเมื่อครั้งสุดท้ายที่พบกัน “อ้าว อาทิตย์ หนูตะวัน” บุษบาที่ยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่บนเตียงผู้ป่วยร้องทัก ปลายตะวันยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่า เธอเดาว่าที่หญิงชราอารมณ์ดีขนาดนี้คงเป็นเพราะตัวต้นเหตุที่กำลังยกมือไหว้พ่อของเธออยู่ “เห็นมั้ยอาทิตย์ ลูกชายฉันกลับมาแล้ว” คนป่วยรีบรายงานเพื่อนบ้านคนสนิท อาทิตย์หัวเราะ “ก็ดีนี่พี่ พี่จะได้เลิกไปบ่นกับผมซักที” อาทิตย์ตอบก่อนจะหันไปหาคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน “ไงล่ะเรา กว่าจะโผล่หน้ามาได้นะ รู้มั้ยว่าแม่เราเขาคิดถึงน่ะ” “ครับ” คนถูกถามตอบเสียงเรียบ “แล้วจะกลับมาอยู่ที่นี่เลยมั้ย หรือจะกลับไปที่โน่นอีก” “โอ๊ย ฉันไม่ให้กลับแล้วล่ะ” คราวนี้คนตอบกลับเป็นคนป่วยซะเอง “นี่ตากัญจน์ก็เพิ่งไปเมืองนอก ถ้าตาพีร์กลับไปอีกฉันคงอยู่คนเดียวพอดี” “พะ... พี่กัญจน์ไปเมืองนอกจริงๆเหรอคะ” ปลายตะวันโพล่งถามขึ้น บุษบาดูจะผงะไปเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า “ใช่จ้ะ ส่งข้อความมาบอกดนัยว่าอยากไปดูงานศิลปะที่ฝรั่งเศสแล้วก็ไปเลย นี่ขนาดป้ายังนอนอยู่โรงพยาบาลนะ ไม่ไหวจริงๆเลยลูกคนนี้” หลังจากนั้นพ่อของเธอกับบุษบาก็คุยกันตามประสาคนแก่โดยที่เธอกับใครอีกคนที่เอาแต่นั่งอ่านหนังสือไม่ได้มีส่วนร่วมในการสนทนาเลยแม้แต่น้อย ปลายตะวันลอบมองเสี้ยวหน้าของพชรอยู่หลายครั้ง จากเด็กหนุ่มตัวผอมสูงกลายเป็นคุณหมอหนุ่มที่ดูภูมิฐาน สง่างาม แต่กลับแผ่ไอรังสีน่ากลัวบางอย่างที่ทำเอาเธอขนลุกซู่ ปลายตะวันถอนหายใจเฮือก เธอกำลังลังเล ใจหนึ่งก็อยากจะเข้าไปทักทายถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของเขา แต่ก็ดันก้าวขาไม่ออก เขาดูเย็นชาราวกับน้ำแข็ง นอกจากนั้นเธอกับพชรก็ไม่ได้นับว่าสนิทกันเหมือนเมื่อครั้งเธอยังเด็ก ปลายตะวันไม่รู้ว่ามีสาเหตุอะไรที่ทำให้จู่ๆเขาก็ทำหมางเมินใส่เธอ ผิดกับกัญจน์ที่รายนั้นขยันวิ่งเข้าวิ่งออกบ้านเธอเป็นว่าเล่นจนผู้หลักผู้ใหญ่ต่างพากันจับคู่ให้ แต่สุดท้ายก็แห้วรับประทานกันไปตามระเบียบเมื่อเธอกับกัญจน์ยืนยันว่าทั้งคู่คิดกันแค่พี่น้อง “คุณย่า!” เสียงเจื้อยแจ้วดังพร้อมๆกับประตูห้องผู้ป่วยเปิดออก เด็กชายวัยสี่ขวบวิ่งปรู๊ดเข้ามาในห้องก่อนจะปีนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วยที่ว่างอยู่เพื่อขึ้นไปนั่งบนเตียงกับคนป่วย ‘เพชรกล้า’ ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่อยู่ในห้องก่อนที่เด็กน้อยจะสังเกตเห็นใครคนหนึ่งที่นั่งบนโซฟา “เอ๋ นั่น... ลุงพีร์!” เด็กน้อยตะโกนออกมาทันทีเมื่อจำได้ว่าผู้ชายคนนั้นหน้าเหมือนคนในรูปที่พ่อของเขาเอามาให้ดูบ่อยๆ เจ้าของชื่อละสายตาจากหนังสือ แต่ปรายตามองคนเรียกแป๊บเดียวก็กลับไปสนใจหนังสือต่อ การกระทำนั้นทำให้เพชรกล้ารู้สึกไม่ถูกชะตากับคุณลุงที่เขาชื่นชมขึ้นมาเสียดื้อๆ ใจร้ายจัง “ว่าไงหลานย่า มาคนเดียวเหรอจ๊ะ” บุษบาเอ่ยทักหลานชายที่ปีนขอบเตียงขึ้นมานั่งข้างๆ เพชรกล้าที่อารมณ์บูดยิ้มกว้างทันที “เปล่าครับ คุณแม่มาด้วย แต่คุณแม่ช้า เพชรก็เลยขึ้นมาก่อน” “เป็นเด็กไม่ดีเลยนะเรา ทีหลังต้องรอคุณแม่นะ เข้าใจไหมครับ” คนเป็นย่าดุ “ครับ!” “ตาเพชร หนีแม่ขึ้นมาหาคุณย่าก่อนอีกแล้วนะ” พูดไม่ทันขาดคำมารดาของเด็กน้อยก็เดินเข้าห้องมาพร้อมกับผลไม้ที่เธอแวะซื้อก่อนเข้ามาเยี่ยม เพียงฟ้าชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีแขก เธอยกมือไหว้อาทิตย์กับแม่สามี พลันสายตาก็สังเกตเห็นใครบางคนที่มองเธอด้วยสายตาว่างเปล่านับตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอเดินเข้ามา แล้วจู่ๆมือของเธอก็ไร้เรี่ยวแรงจนเผลอปล่อยถุงใส่ผลไม้จนมันหกกระจายเรี่ยราด “พี่พีร์...” เสียงพึมพำแผ่วเบานั้นได้ยินกันทั่วห้อง อาจเพราะตอนนี้ทุกคนต่างเงียบไม่มีแม้เสียงหายใจ บรรยากาศภายในห้องอึดอัดลงทันตา แม้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มจะทำเป็นไม่สนใจและกลับไปก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อแล้วก็ตาม “สวัสดีค่ะพี่พีร์” สาวสวยกระพุ่มมือไหว้อดีตคนรักที่ตอนนี้มีสถานะเป็นพี่สามี หากแต่ชายหนุ่มไม่รับไหว้ เขาเก็บหนังสือทางการแพทย์ที่หยิบมาอ่านฆ่าเวลาก่อนจะลุกยืนขึ้นเต็มความสูง “ผมขอกลับคอนโดก่อนนะครับ เดี๋ยวค่ำๆจะแวะมาใหม่” พูดจบเจ้าตัวก็ยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่แล้วเดินออกจากห้องไปทั้งอย่างนั้น เพียงฟ้าทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา ขอบตารื้นไปด้วยน้ำใสๆ “เขาไม่ให้อภัยฟ้า” เธอพูดแค่นั้นแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลท่ามกลางความรู้สึกสงสารของคนในห้อง กาลเวลาไม่ได้ทำให้พชรใจอ่อนลงเลย บุษบามองภาพนั้นพลางถอนหายใจ ใช่ว่าเธอจะไม่โกรธลูกสะใภ้คนนี้ที่เป็นสาเหตุทำให้พี่น้องทะเลาะกันจนพชรไม่ยอมกลับบ้าน แต่เพราะความผิดส่วนหนึ่งเป็นของลูกชายอีกคน และหญิงสาวก็เป็นถึงแม่ของหลาน เธอจึงยอมให้อภัย แต่สำหรับคนที่ถูกทรยศอย่างพชร การให้อภัยคงเป็นเรื่องยาก...
已经是最新一章了
加载中