บทที่ 1 โลกในยุคที่สงบสุข
1/
บทที่ 1 โลกในยุคที่สงบสุข
Catherine ข้าย้อนเวลามาทำอะไรในยุคอดีตเนี่ย!
(
)
已经是第一章了
บทที่ 1 โลกในยุคที่สงบสุข
เสียงนกร้องยามเช้าวันใหม่ทำให้ร่างที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มขยับ เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อย ๆ ลืมขึ้นมองภาพเหตุการณ์ในโลกแห่งความจริง ความฝันเมื่อคืนทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ยังดีที่มันไม่ใช่ความจริง ไม่อย่างนั้นเธอคงตายไปแล้วเพราะถูกคลื่นพลังนั้นดูดกลืน “กี่โมงแล้วเนี่ย” เจ้าของเสียงหวานควานหานาฬิกามาดู พลันนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนก็เบิกกว้างเมื่อพบว่าเข็มยาวนั้นชี้เลขสิบสอง ส่วนเข็มสั้นชี้ไปที่เลขแปด “แคทเธอรีนตื่นหรือยังลูก! วันนี้มีเรียนเช้าไม่ใช่เหรอ!” เสียงตะโกนของผู้เป็นแม่ดังแว่วมาจากทางประตูทำให้เด็กสาววัยสิบเก้าปีรีบลุกขึ้นจากเตียง เธอคว้าผ้าขนหนูพลางวิ่งเข้าห้องน้ำโดยด่วน ขืนชักช้ามีหวังไปโรงเรียนสายแน่ ๆ “หนูไปก่อนนะคะ คุณแม่!” หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเสร็จ เธอก็หิ้วกระเป๋าวิ่งลงไปที่ห้องครัวก่อนจะคว้าขนมปังเข้าปากสองแผ่นตามด้วยวิ่งไปสวมรองเท้า จากนั้นก็รีบออกไปข้างนอกโดยไม่ลืมโบกมือทักทายคนสวนที่กำลังทำงานอยู่บริเวณโดยรอบคฤหาสน์ “คุณหนูอย่าวิ่งสิครับ เดี๋ยวล้ม!” “หนูไปก่อนนะคะ คุณลุง” แคทเธอรีนโบกมือทักทายขณะวิ่งออกไปที่ประตูรั้ว จังหวะนั้นยานพาหนะไร้ล้อก็แล่นมาจอดก่อนที่ประตูจะเปิดออก แล้วเด็กสาววัยเดียวกันที่นั่งอยู่ด้านในก็โบกมือเรียก “ขึ้นมาเร็ว สายแล้ว!” “ฉันเพิ่งตื่นเมื่อสิบห้านาทีที่แล้วนี่เอง” เจ้าของผมยาวสีฟ้าอ่อนกระโดดขึ้นรถไปกับเพื่อนสนิททันที ระหว่างนี้เธอก็หยิบริบบิ้นออกมามัดผมเป็นทรงทวินเทลทั้งที่ในปากก็เคี้ยวขนมปังรองท้องเป็นมื้อเช้า “เปิดเทอมได้แค่สัปดาห์เดียว เราก็เป็นเด็กปีหนึ่งที่หัดมาสายซะแล้ว” เพื่อนสาวพึมพำพลางหยิบขนมปังในกล่องมากินเป็นอาหารเช้าเนื่องจากเธอก็ตื่นสายเช่นกัน และด้วยความที่กลัวว่าเพื่อนจะรอนานจึงสั่งให้คนขับรถเหยียบมิด โชคดีที่พอมาถึงปุ๊บ แคทเธอรีนก็วิ่งออกมาจากประตูรั้วปั๊บ “อลิซ วันนี้เราเรียนอะไรนะ ฉันยังจำตารางเรียนไม่ได้” เด็กสาวถามเพื่อนสนิทพลางเปิดกระเป๋าตรวจสอบอุปกรณ์การเรียน ทางด้านคนถูกถามก็เปิดสมุดดูตารางเรียน เธอไล่นิ้วไปตามวันและเวลาที่กำหนดจนกระทั่งพบกับชื่อวิชา “วันนี้เราเรียนวิชาตำนานโลก ตายล่ะ อาจารย์ที่สอนแกระเบียบจัดด้วยสิ พวกรุ่นพี่รีวิวมาน่ะ” สีหน้าเครียด ๆ ของอลิซทำให้แคทเธอรีนใจคอไม่ดี เธอกับเพื่อนสนิทเป็นคนในตระกูลมีชื่อ ถ้าไปโรงเรียนสายคงถูกต่อว่าอย่างหนักแน่ รถยนต์ไร้ล้อแต่เคลื่อนที่ด้วยพลังเวทมนตร์ซึ่งเป็นอำนาจเหนือธรรมชาติที่ใคร ๆ ก็สามารถใช้ได้ดังใจ ตอนนี้มันแล่นเข้ามายังใจกลางเมืองและจอดอยู่ตรงหน้าประตูรั้วขนาดใหญ่ที่มีนักเรียนหลายคนกำลังวิ่งเข้าไปด้านในอย่างเร่งรีบ สองสาวรีบลงจากรถก่อนจะเร่งฝีเท้าตามคนอื่นเข้าไปบ้าง “ทันพอดี” นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนมองกลับไปด้านหลัง ประตูบานใหญ่ค่อย ๆ เลื่อนมาปิดสนิททำให้นักเรียนบางส่วนติดค้างอยู่ด้านนอก แน่นอนว่าพวกนั้นจะถูกฝ่ายปกครองทำโทษที่มาสายในภายหลัง ส่วนพวกที่เข้ามาทันก็รอดไปอย่างเฉียดฉิว \"ขอต้อนรับสู่โรงเรียนลูซินน่า ยามเช้าวันนี้สภาพอากาศแจ่มใส นักเรียนทุกคนคงเตรียมพร้อมเข้าห้องเรียนแล้วสินะคะ ขอให้ทุกคนสนุกกับการเรียนในวันนี้...\" เสียงประกาศก่อนขึ้นเรียนที่ได้ยินทุกวันโดยเฉพาะพวกรุ่นพี่ปีสองถึงปีสี่ต่างก็จำจนขึ้นใจแล้วว่าเสียงนั้นจะพูดอะไรบ้าง ถึงขนาดมีการเอาไปล้อเลียนในช่วงพักเที่ยงตลอด ทางด้านสองสาวก็รีบกางแผนที่โรงเรียน เนื่องจากเป็นน้องใหม่ จึงยังไม่คุ้นชินเส้นทาง บางครั้งก็หาห้องเรียนไม่เจอ หลงทางไปที่อื่นมาแล้วก็มี “โอ๊ะ!” “โอ๊ย! นี่พวกเธอ กล้าดียังไงมาชนฉันเนี่ย!” เจ้าของเสียงแหลมสูงคือรุ่นพี่ปีสี่ของโรงเรียนลูซินน่า สองสาวที่มัวแต่มองแผนที่จึงไม่ได้ดูทางทำให้ชนเข้ากับอีกฝ่ายเข้าเต็ม ๆ “พวกเราไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษด้วยค่ะ” แคทเธอรีนกับอลิซรีบขอโทษขอโพย ทว่าอีกฝ่ายกลับยังไม่พอใจ เธอกวาดสายตามองรุ่นน้องตั้งแต่หัวจรดเท้า นัยน์ตาสีชมพูบานเย็นฉายแววเหยียด ๆ แวบหนึ่งก่อนที่หญิงสาวจะถอยออกมาดูทั้งสองชัด ๆ ชุดยูนิฟอร์มไม่ต่างกันเลยยกเว้นสีของเนกไทเท่านั้นที่ไม่เหมือน “เนกไทสีเหลือง? รุ่นน้องปีหนึ่งสินะ” “ค่ะ พวกเรากำลังหาห้องเรียนอยู่” แคทเธอรีนอธิบายทั้งที่เสียงเบาลงเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายมองมาอย่างเหยียด ๆ มากกว่าเดิม “ไม่ได้เรื่อง แค่ห้องเรียนก็ยังไม่มีปัญญาหา รุ่นน้องที่เข้ามาใหม่นี่ใช้ไม่ได้เลย” เธอส่ายหน้าเอือมระอาก่อนจะเดินชนสองสาวไปแบบหน้าตาเฉย ทั้งคู่มองตามหลังสาว ๆ พวกนั้นไปอย่างไม่เข้าใจว่าพวกเธอไปทำอะไรให้ถึงได้รังเกียจนัก “อะไรน่ะ รุ่นพี่คนนั้น” “เดี๋ยว ๆ ฉันรู้สึกคุ้น ๆ หน้านะ อ้อ นึกออกแล้ว นั่นน่ะดาวโรงเรียน” อลิซเคยเห็นผ่าน ๆ ตาช่วงที่เดินผ่านซุ้มที่ใช้จัดกิจกรรมรับน้องใหม่ในวันเปิดเทอมวันแรก “คิดว่าเป็นดาวโรงเรียนแล้วจะทำเป็นอวดเบ่งใส่ใครก็ได้เหรอ” แคทเธอรีนรู้สึกหมั่นไส้ เธอคว้าข้อมือเพื่อนสนิทก่อนจะโบกมือส่งพลังเวทจาง ๆ ออกไปผลักรุ่นพี่ดาวโรงเรียนจนล้มหัวทิ่มต่อหน้าสาธารณชน ส่วนสองสาวก็รีบหนีไปจากตรงนั้นก่อนแล้ว ทางด้านรุ่นพี่คนนั้นก็ปล่อยให้ร้องกรี๊ด ๆ ต่อไป กว่าจะไปถึงห้องเรียน สองสาวก็แทบขาลากเพราะหาห้องไม่เจอจนต้องสำรวจชั้นเรียนบางอาคารมันทุกชั้น จนกระทั่งขึ้นมาถึงชั้นเจ็ด เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับห้องเรียนขนาดใหญ่ที่บรรจุคนได้หลายร้อยคน มีนักเรียนเข้ามานั่งรอฟังบรรยายเยอะแล้ว และอาจารย์ก็กำลังเตรียมการสอนพอดี สองสาวจึงรีบเข้าไปหาที่นั่ง “พวกเธอ! เงียบ ๆ ได้แล้ว ครูจะเริ่มสอนแล้วนะ!” อาจารย์สาวที่แต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าทุบโต๊ะเรียกความสนใจ เสียงของมันดังผ่านไมโครโฟนแบบมีสายทำให้ทุกคนยกมือปิดหูแทบไม่ทัน “มีเรื่องอะไรค่อยไปคุยกันนอกห้อง มันหนวกหู!” ’โดนด่าแต่เช้าเลย’ แคทเธอรีนกล่าวในใจพลางหยิบสมุดกับปากกาออกมาจากกระเป๋าเพื่อเตรียมจดบันทึกระหว่างฟังอาจารย์บรรยายไป “สวัสดีเด็ก ๆ ทุกคน ครูชื่อโรเซ่ ฮิสเทีย เป็นผู้สอนวิชาตำนานโลก ห้องทำงานของอาจารย์อยู่ที่ตึกสาม ชั้นสอง ห้องที่สี่ ใครมีอะไรก็ไปติดต่ออาจารย์ได้นะคะ” หญิงสาวปรับระดับน้ำเสียงให้เป็นปกติจากนั้นก็โบกมือเรียกจอภาพสามมิติขนาดใหญ่ขึ้นมาบนเวที แล้วเริ่มบรรยายเนื้อหาในวันนี้ “เธอ ๆ มีปากกาให้ยืมไหม” เด็กสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังสะกิดเรียกเพราะปากกาเขียนไม่ออก “เอาไปสิ” แคทเธอรีนส่งปากกาของตัวเองให้คนด้านหลัง จากนั้นก็หยิบวัตถุที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าออกมาจากกระเป๋า เธอเปิดเครื่องตามด้วยเปิดหน้าจอที่เป็นสมุดโน้ตก่อนจะใช้ปากกาพลาสติกจิ้มหน้าจอแล้วเขียนตัวหนังสือลงไป “พกแท็บเล็ตมาด้วยเหรอ” อลิซหันมาเห็นอุปกรณ์การเรียนของเพื่อนสาว “ฉันก็พกมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว เดี๋ยวถ้าอันไหนเธอตามไม่ทัน ฉันจะถ่ายรูปส่งไปให้นะ” ยุคสมัยนี้นอกจากเวทมนตร์แล้วก็มีข้าวของเครื่องใช้อย่างอื่นที่คอยอำนวยความสะดวก แคทเธอรีนจึงไม่ค่อยกังวลนักหากจดเนื้อหาที่อาจารย์บรรยายไม่ทัน “อาจารย์ครับ” นักเรียนชายคนหนึ่งชูมือขึ้นทำให้ทั้งห้องหันไปสนใจเขาทันที “อาจารย์พอจะทราบเรื่องตำนานเมื่อหนึ่งพันปีก่อนไหมครับ” “ตำนานเมื่อหนึ่งพันปีก่อน?” หญิงสาวกล่าวผ่านทางไมโครโฟน “ก็เรื่องราวของเทพแห่งแสงทั้งสามกับเทพแห่งความมืดน่ะครับ คุณตาของผมเคยเล่าให้ฟังว่าช่วงนั้นโลกเรากลายเป็นยุคไร้แสงตะวัน” เด็กหนุ่มคนนั้นขยายความเพิ่มเติมก่อนที่ทุกสายตาในห้องเรียนจะย้ายไปที่อาจารย์สาวอย่างพร้อมเพรียง “เรื่องนั้นเองเหรอ วันนี้ครูก็จะบรรยายอยู่พอดี” หญิงสาวโบกมือให้ภาพสามมิติปรากฏขึ้นเป็นแบบจำลองแผนที่โลกในสมัยก่อน “ตำนานที่ครูจะเล่าไม่ใช่นิทานแต่เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง ในอดีตมีครั้งหนึ่งที่โลกของเราถูกปกคลุมด้วยความมืดและความหนาวเย็น จึงถูกเรียกว่ายุคไร้แสงตะวัน ตอนนั้นได้มีสามพี่น้องเทพแห่งแสงปรากฏตัวขึ้น พวกเขาสร้างเสาพลังงานไว้ตามเมืองต่าง ๆ เพื่อควบคุมสภาพอากาศจำลองสำหรับการดำรงชีวิต ขณะเดียวกันในช่วงเวลานั้นก็มีเทพแห่งความมืดและความหนาวเย็นที่เป็นศัตรูกับเทพทั้งสาม เขาคือต้นเหตุที่ทำให้เกิดยุคไร้แสงตะวัน งานของเขาคือทำลายเสาพลังงานและฆ่าเทพทั้งสาม น่าเสียดายที่บันทึกเรื่องราวเหล่านั้นสูญหายไปหลังจากเหตุไฟไหม้ในหอตำราโบราณที่ตั้งอยู่ในประเทศไฮเปอร์เรี่ยน ข้อมูลที่เรารวบรวมมาได้ก็มีเพียงแค่นี้” “อาจารย์คะ แล้วยุคไร้แสงตะวันจบลงได้ยังไงคะ” อลิซยกมือถามด้วยความอยากรู้โดยไม่ทันสังเกตเลยว่าเพื่อนสนิทของเธอมีอาการแปลก ๆ เกิดขึ้น “น่าเสียดายที่คำตอบนั้นสูญหายไป แต่ข้อสันนิษฐานที่นักประวัติศาสตร์ยอมรับมากที่สุดคือเทพแห่งความมืดสิ้นชีพ ทำให้แสงสว่างกลับมาสู่โลกนี้อีกครั้ง แต่เทพแห่งแสงทั้งสามตายหรือยังอยู่ก็ไม่มีใครรู้” อาจารย์สาวโบกมืออีกครั้งทำให้ภาพสามมิติที่ฉายรูปวาดเหตุการณ์ต่าง ๆ เท่าที่หาได้แปรเปลี่ยนเป็นภาพของบุรุษสี่คน “นี่คือภาพวาดการปะทะกันของเทพแห่งแสงทั้งสามกับเทพแห่งความมืด” “ภาพนั้น...” แคทเธอรีนกล่าวเสียงเบาราวกับละเมอ ภาพที่แสดงอยู่ตรงหน้าคือบุรุษสามคนที่รวมพลังกันต่อสู้กับบุรุษผมยาวผู้ทรงมังกร พลันภาพความฝันก็ย้อนกลับเข้ามาในสมอง สิ่งที่เธอเห็นมันช่างเหมือนกับภาพวาดนั้นไม่มีผิด “...รีน” หรือว่าสิ่งที่เธอฝันมันคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ๆ “แคท...” แล้วทำไมเธอถึงฝันเห็นเหตุการณ์ในอดีต หรือมันต้องการบอกอะไร “แคทเธอรีน ๆ” อลิซเขย่าตัวเพื่อนสาวที่นั่งเหม่อจนได้สติ คนถูกเรียกสะดุ้งโหยงก่อนจะหันมาสบตากับคนข้าง ๆ “เป็นอะไร เห็นนั่งเหม่อตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” “คือ... แค่กำลังคิดว่าหลังเลิกเรียน จะกินข้าวกับอะไรดี” เจ้าของทรงผมทวินเทลหาข้ออ้างเรื่องหิวข้าวมาใช้ เมื่อเพื่อนสาวหันกลับไปฟังบรรยายต่อ เธอก็กลับเข้าสู่โลกแห่งความคิดอีกครั้งเพราะยังสงสัยอยู่ ช่วงหลังเลิกเรียน ประตูโรงเรียนก็เปิดให้บุคคลภายนอกสามารถเข้ามาในโรงเรียนได้ ทำให้นักเรียนบางส่วนที่ไม่มีเรียนในช่วงบ่ายพากันกลับหอพักที่อยู่ใกล้ ๆ บางส่วนที่มีบ้านอยู่ในเมืองก็พากันเดินหรือไม่ก็นั่งรถกลับ สองสาวเองก็เช่นกัน พวกเธอไม่มีเรียนในช่วงบ่ายจึงคิดจะพากันนั่งรถไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า จังหวะที่ทั้งคู่เดินมาถึงสระน้ำพุหน้าอาคารหลังใหญ่ใกล้ทางออก พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น “มีคนโทรมาหาเธอน่ะ” “ใครเนี่ย เบอร์ไม่คุ้นเลย” แคทเธอรีนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากกระเป๋า เมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์อยู่บนหน้าจอก็จำได้ว่าไม่เคยผ่านตาแน่ ๆ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจรับ “สวัสดีค่ะ แคทเธอรีนพูดค่ะ” \"คุณได้รับสิทธิ์ลุ้นชิงโชค...\" ’เบอร์พวกนี้อีกแล้ว’ เด็กสาวกดตัดสายอย่างหงุดหงิด อลิซเห็นสีหน้าเพื่อนก็พอจะเดาออกว่าเป็นพวกเบอร์โทรน่ารำคาญที่ใคร ๆ ก็โดนกันถ้วนหน้า “ดีนะไม่ใช่พวกขายประกัน ไม่อย่างนั้นฉันด่ากลับแน่” เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนหงุดหงิดจริง ๆ พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก แคทเธอรีนจึงกดรับสายพร้อมสวนไปด้วยคำต่อว่า “นี่คุณ! ถ้ายังโทรมาอีก อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ฉันจะตามไปกระทืบคุณแน่ถ้ายังกวนไม่เลิก!” \"เธอจะกระทืบพี่เหรอ\" “!!!” เสียงทุ้มที่ตอบกลับมาทำให้เจ้าของเสียงหวานเบิกตากว้างก่อนจะไปมองหน้าเพื่อนสนิทที่ตอนนี้เอาหูมาแนบกับโทรศัพท์มือถือของเธอ อีกฝ่ายก็คงได้ยินเช่นกันว่าเป็นเสียงใคร \"ไม่ได้เจอกันตั้งนาน นี่เธอเกลียดพี่ขนาดนี้เชียวเหรอ\" “พี่โฟรเซนเหรอคะ” \"ใช่ พี่เอง\" “พี่คะ ไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะ พอดีเมื่อกี้มีเบอร์แปลก ๆ โทรมา ฉันก็เลยหงุดหงิด พี่อย่าโกรธฉันนะคะ” แคทเธอรีนอยากจะเอาหัวโขกพื้นตายให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อกี้เธอลืมดูเบอร์ก็เลยไม่รู้ว่าใครโทรมา \"ก็ดี พี่นึกว่าจะโดนเธอเกลียดซะแล้ว\" “ว่าแต่พี่สบายดีหรือเปล่าคะ อยู่ที่ไฮเปอร์เรี่ยน ลำบากไหม สะดวกสบายเหมือนที่ลูซินน่าหรือเปล่า” เจ้าของเสียงหวานยิ้มกว้างพลางถามอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง \"ก็สบายดี พี่ไม่ได้ลำบากอะไร ว่าแต่เราเถอะ เลิกเรียนแล้วใช่ไหม\" “พี่รู้ได้ยังไงคะ ว่าฉันเลิกเรียนแล้ว...” พูดไม่ทันขาดคำก็มีเสียงร้องวี้ดว้ายดังแว่วมา แคทเธอรีนยื่นโทรศัพท์ออกไปห่าง ๆ เพราะมันแสบแก้วหู แถมเสียงที่ลอดผ่านเข้ามาในโทรศัพท์นั้นยังเป็นเสียงเดียวกันกับเสียงที่ดังอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ด้วย “แคทเธอรีน โน่น ๆ หันไปดูเร็ว” อลิซจับหน้าเพื่อนสนิทให้หันไปมองประตูทางออก และนั่นทำให้พวกเธอพบสาเหตุที่มีสาว ๆ ร้องวี้ดว้ายอย่างกับเจอดารา บริเวณประตูรั้วโรงเรียนมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับลดมือข้างที่ถือโทรศัพท์ลง เขาเป็นผู้ชายผมสีเขียวซอยยาวระคอ นัยน์ตาก็เป็นสีเดียวกันกับเส้นผม ใบหน้าหล่อเหลาติดไปทางอารมณ์ดี แม้จะสวมชุดไปรเวตสบาย ๆ แต่ก็ยังเป็นผู้ชายดูดี และสาเหตุที่ทำให้สาว ๆ กรี๊ดนั้นคงไม่พ้นรอยยิ้ม “โอ๊ย! รังสีคนหล่อสาดแสง” “ใครเหรอแก ทำไมหล่อจัง” “ถ้าฉันไปขอเบอร์ เขาจะให้ไหม อยากได้ ๆ” “พะ... พี่โฟรเซน” แคทเธอรีนไม่สนใจเสียงนกเสียงกา ตอนนี้เธอคิดว่าตัวเองกำลังตาฝาด คนโทรหาเธอปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ถ้าจำไม่ผิดตอนนี้เขาควรจะอยู่ที่ต่างประเทศไม่ใช่เหรอ “ไม่ได้เห็นหน้าเป็นปี เธอสวยกว่าในรูปถ่ายอีก” โฟรเซนยิ้มสว่างไสวขณะทักทายอีกฝ่าย ทำเอาผู้คนในบริเวณนั้นแทบจะยกมือป้องหน้าเพราะแสบตา คนอะไรสว่างไสวเกินไปแล้ว! “พี่โฟรเซน ยายแคทเธอรีนกำลังหิว รีบพาไปกินข้าวเลยค่ะ” อลิซก็รู้จักคนตรงหน้าเช่นกันจึงรีบดันหลังเพื่อนสาวให้ไปหาร่างสูงทันที “พอดีว่าเธอไม่ได้กินข้าวเช้าน่ะค่ะ” “อะไรนะ ไม่ได้กินข้าวเหรอ ไม่ได้การแล้ว รีบไปเดี๋ยวนี้เลย ไม่กลัวโรคกระเพาะถามหาหรือไง” เจ้าตัวทำหน้าดุ ๆ ใส่แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้ความหล่อลดน้อยลงเลย โฟรเซนไม่รอให้แคทเธอรีนพูดอะไรอีกแต่รีบจูงมือเธอไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าโรงเรียนทันที “น้อง ๆ ผู้ชายคนนั้นเป็นใครทำไมหล่อจัง” รุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาถามอลิซที่ยืนอยู่คนเดียว “อ้อ นั่นคู่หมั้นเพื่อนฉันเองค่ะ พี่เขาอายุมากกว่าเลยใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าพี่” เด็กสาวตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่สาว ๆ ทั้งหลายที่ได้ยินกลับทำหน้าจ๋อยเพราะผู้ชายคนนั้นมีเจ้าของแล้ว
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 1 โลกในยุคที่สงบสุข
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A