บทที่ 2 ย้อนอดีต
1/
บทที่ 2 ย้อนอดีต
Catherine ข้าย้อนเวลามาทำอะไรในยุคอดีตเนี่ย!
(
)
已经是第一章了
บทที่ 2 ย้อนอดีต
รถยนต์ไร้ล้อค่อย ๆ แล่นมาจอดที่หน้าประตูรั้วคฤหาสน์หลังใหญ่จากนั้นเด็กรับใช้ก็วิ่งมาเปิดประตูให้ รถคันนั้นจึงเคลื่อนเข้าไป ทันทีที่มาถึงประตูทางเข้าตัวบ้าน คนใช้อีกคนก็วิ่งมาเปิดประตูให้ เด็กสาววัยสิบเก้าเจ้าของทรงผมทวินเทลจึงก้าวลงมาพร้อมกับถุงขนมของฝาก “คุณหนูแคทเธอรีน สวัสดีค่ะ” “สวัสดีค่ะ” เจ้าของชื่อยิ้มหวานพลางส่งของให้แม่บ้าน “พี่โฟรเซนอยู่หรือเปล่าคะ” วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ และเท่าที่เธอรู้มา คู่หมั้นจะอยู่ที่ลูซินน่าสักระยะหนึ่งแล้วจึงเดินทางไปที่อื่นต่อ “คุณชายอยู่ที่ห้องทำงานค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นฉันไปหาพี่เขาเลยนะคะ” ตั้งแต่อีกฝ่ายมารับเธอกลับบ้านในวันนั้น แคทเธอรีนก็เจอโฟรเซนทุกเช้าเย็น แต่เวลาที่ได้คุยกันยาว ๆ กลับมีไม่มากนักเพราะเธอเรียนตลอด ไหน ๆ วันนี้ก็เป็นวันหยุด เพื่อนสนิทไปเที่ยวกับครอบครัว เด็กสาวจึงอยากใช้เวลานี้มาหาคู่หมั้น ในยุคนี้ไม่มีกษัตริย์ปกครองอาณาจักรอีกแล้ว ระบบการปกครองนี้สิ้นสุดเมื่อหลายพันปีก่อน ผู้มีอำนาจส่วนใหญ่อย่างผู้นำประเทศสืบเชื้อสายมาจากตระกูลเก่าแก่ ตระกูลของเธอและตระกูลของคู่หมั้นก็เช่นกัน และที่ได้สนิทกันเพราะแม่ของเธอกับแม่ของอีกฝ่ายเคยเป็นเพื่อนสนิทร่วมชั้นเรียน จึงไม่แปลกที่พอแต่งงานมีลูกมีหลาน จะอยากให้เด็ก ๆ เกี่ยวดองกัน ’พี่โฟรเซนมีแขกเหรอ’ เธอได้ยินเสียงคุ้นหูกำลังคุยกับใครอีกคนอยู่ในห้อง ด้วยความอยากรู้ทำให้เด็กสาวใช้เวทกลบเสียงเดินขณะเปิดประตูแง้มดู เธอเห็นโฟรเซนนั่งอยู่ และคู่สนทนาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เป็นชายในชุดคลุมคล้ายนักบวช แต่ดูจากสัญลักษณ์คล้ายพระอาทิตย์ที่อยู่บนเสื้อแล้ว แคทเธอรีนเดาว่าผู้มาใหม่น่าจะเป็นคนจากประเทศไฮเปอร์เรี่ยน “เหตุการณ์แปลก ๆ ใกล้หมู่บ้านชายแดนลูซินน่า ทางเราได้ข้อมูลมาว่าศพที่ตายนั้นถูกดูดพลังชีวิตไปจนหมด ไม่เหลือแม้แต่เลือดเนื้อนอกจากหนังหุ้มกระดูกครับ” “คิดว่าเป็นฝีมือใครสักคนหรือเปล่า” โฟรเซนถามเสียงเรียบ “ทางเราก็ไม่แน่ใจครับ แต่พวกชาวบ้านหวาดกลัวกันมาก แค่วันเดียวก็พบศพเจ็ดรายแล้ว ดังนั้นสภานักบวชแห่งแสงจึงตกลงกันว่าควรขอความช่วยเหลือจากตระกูลอินเซนิโอ” นักบวชหนุ่มค้อมศีรษะอย่างนอบน้อมเมื่อกล่าวถึงตระกูลนี้ “คงต้องรบกวนคุณชายแล้ว” “ได้ ฉันจะช่วย” เจ้าของคฤหาสน์ชำเลืองมองรูปภาพที่ติดเรียงรายบนผนังนิดหน่อย ทั้งหมดนั้นคือผู้นำตระกูลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน “กลับไปแจ้งสภานักบวชแห่งแสงว่าฉันจะให้ความช่วยเหลือ อย่าลืมส่งรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้มาให้ฉันด้วย ฉันจำเป็นต้องรู้ข้อมูลให้มากกว่านี้” “ขอบพระคุณมากครับ” นักบวชหนุ่มลุกขึ้นทำความเคารพ โฟรเซนพยักหน้าให้เล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเดินออกมา แคทเธอรีนรีบวิ่งไปหาที่ซ่อน หลังจากแขกออกไปแล้ว เธอจึงก้าวออกมาจากหลังผ้าม่านข้างหน้าต่าง บริเวณหน้าห้องทำงาน “นักบวชจากไฮเปอร์เรี่ยนจริง ๆ ด้วย” เจ้าของเสียงหวานมองตามหลังอย่างสนใจก่อนจะหลุดสะดุ้งเมื่อใครบางคนออกมาเรียก “เคท ถ้าอยากรู้อะไรก็มาถามพี่ตรง ๆ ไม่ต้องแอบฟังแล้ว” “รู้ด้วยเหรอคะ” คนถูกเรียกหันกลับไปหาร่างสูงที่ก้าวออกมาจากห้องทำงาน โฟรเซนมองคู่หมั้นที่อายุน้อยกว่าจนบางทีเธอก็เหมือนน้องสาวแล้วค่อย ๆ คลี่ยิ้ม “เห็นกล้องวงจรปิดไหม” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นไปบนเพดาน ตรงมุมหนึ่งมีกล้องติดอยู่ ที่แท้เขาก็เห็นเธอผ่านกล้องนี่เอง “เข้ามาก่อนสิ” เจ้าของห้องผายมือเชื้อเชิญ “ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาอย่างตื่นเต้น เธอกวาดสายตามองรอบ ๆ อย่างสนใจเพราะในนี้ทั้งกว้าง ทั้งสวย ข้าวของเครื่องใช้ชั้นดีถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ บนชั้นก็มีหนังสือแปลกตามากมายที่เธอไม่เคยเห็น หลังจากสำรวจห้องจนพอใจแล้ว แคทเธอรีนจึงกลับมานั่งที่โซฟาซึ่งโฟรเซนกำลังรินน้ำชารออยู่ “ก่อนหน้านี้ คุณแม่บอกว่าคฤหาสน์อินเซนิโอมีการต่อเติมห้องทำงานใหม่ ไม่นึกว่าพอเสร็จแล้วจะดูดีกว่าที่คิดนะคะ” นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนหันไปเห็นรูปภาพผู้นำตระกูลในแต่ละรุ่นที่ติดอยู่บนฝาผนังก็เกิดความสนใจ “อีกสักหน่อยพี่ก็จะเอารูปตัวเองมาติดแล้วล่ะ” “ลืมไปเลยว่าตอนนี้พี่โฟรเซนเป็นผู้นำตระกูล” พ่อของโฟรเซนจากไปตั้งแต่ที่อีกฝ่ายยังเป็นเด็ก หลังจากนั้นสิบปี แม่ของเขาก็จากไปอีกคน ทำให้เขาใช้ชีวิตไม่เหมือนเด็กปกติ บางครั้งเวลาที่แคทเธอรีนมาเยี่ยมเขา เธอก็จะเห็นเจ้าตัวทำหน้าที่ในฐานะผู้นำตระกูลตลอด “เป็นยังไง เมื่อกี้เห็นแล้วใช่ไหม นักบวชจากไฮเปอร์เรี่ยนน่ะ” เจ้าของเสียงทุ้มถามถึงตอนที่เธอแอบฟังอยู่ข้างนอก “มีเหตุการณ์น่ากลัวเกิดขึ้น กรมตำรวจที่ดูแลเขตนั้นเลยส่งเรื่องมาที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของโลก พวกเขาเห็นว่าควรขอความช่วยเหลือจากตระกูลอินเซนิโอก็เลยส่งนักบวชมา” “ทางไฮเปอร์เรี่ยนเรียกตัวพี่ไปทำงานอีกแล้ว” แคทเธอรีนถึงกับหน้าจ๋อย อีกฝ่ายเพิ่งกลับมาได้แค่สัปดาห์เดียว แทนที่จะได้อยู่ด้วยกันนาน ๆ กลับต้องไปทำงานต่อแล้ว ไฮเปอร์เรี่ยน ประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มหานครที่อยู่ยืนยาวมาตั้งแต่หนึ่งพันปีก่อน ที่นั่นเป็นแหล่งรวบรวมความรู้และวิทยาการตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หนึ่งในนั้นมีบันทึกของยุคไร้แสงตะวันด้วย น่าเสียดายที่หอตำราเกิดเหตุไฟไหม้หลังจากยุคไร้แสงตะวันสิ้นสุดไม่กี่ปี บันทึกเหล่านั้นจึงสูญหายเกือบหมด “พี่คะ นักบวชคนนั้นมาจากสภานักบวชแห่งแสงใช่ไหม” “ใช่ พวกเขาเป็นข้ารับใช้ของเทพแห่งแสง ไม่สิ ตอนนี้ต้องบอกว่าเป็นผู้ใช้อำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่คอยช่วยดูแลโลกใบนี้เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ต่างหาก” “พูดถึงเทพแห่งแสงแล้ว จะว่าไปในวิชาตำนานโลก ฉันก็ได้ฟังบรรยายมาจากอาจารย์นะคะ เรื่องยุคไร้แสงตะวัน พี่โฟรเซนไปกลับระหว่างลูซินน่ากับไฮเปอร์เรี่ยนบ่อย ๆ พอจะรู้อะไรไหมคะ” ตอนนี้เธอชักจะสนใจเรื่องนั้นขึ้นมาแล้ว อาจเป็นเพราะความฝันในช่วงนี้ก็ได้ ทำให้เธออยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น “สิ่งหนึ่งที่ตระกูลพี่บันทึกไว้ เมื่อหนึ่งพันปีก่อน มีเทพแห่งแสงมากมายถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม” นัยน์ตาสีเขียวว่างเปล่ายามเมื่อกล่าวถึงอดีต แคทเธอรีนเห็นแววตานั้น เธอไม่รู้ว่าคู่หมั้นมีความรู้สึกแบบไหนยามเมื่อนึกถึงสิ่งที่บรรพบุรุษเคยเผชิญ ตระกูลอินเซนิโอนั้นถูกจัดว่าเป็นกลุ่มคนที่สำคัญมากต่อโลกใบนี้ เนื่องจากบรรพบุรุษของพวกเขาคือเทพแห่งแสง แม้เหล่าเทพจะหายไปจากโลกนี้ ทุกคนในอินเซนิโอทุกคนก็ยังทำหน้าที่แทนเทพแห่งแสงเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน “ใครเป็นคนสังหารเหล่าเทพเหรอคะ” เจ้าของเสียงหวานถามเสียงเบา “ความชั่วร้ายในยุคนั้นน่ะ” อย่าบอกนะว่าเป็นเทพแห่งความมืด เด็กสาวนึกภาพชายหนุ่มผมสีขาวที่เคยเห็นในความฝัน เจ้าตัวประกาศว่าจะฆ่าเทพทั้งสามให้ได้ เพราะแบบนี้ถึงกลายเป็นตัวอันตรายที่ใคร ๆ ก็หวาดกลัว “เคท ไปเดินเล่นกันไหม ไม่ไกลจากคฤหาสน์มีถนนคนเดิน” “จะว่าไปฉันก็ไม่ได้มาเที่ยวถนนคนเดินแถวบ้านพี่โฟรเซนนานแล้ว ไปก็ได้ค่ะ ออกไปสูดอากาศสักหน่อยคงจะดี” เด็กสาวตอบรับคำเชิญอย่างไม่ลังเล ตั้งแต่คู่หมั้นไปทำงานที่อื่น เธอก็ไม่มาแถวนี้อีกเลยยกเว้นตอนที่เจ้าตัวกลับมา ระหว่างที่ยังไม่ไปไหน ตอนนี้ต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า! บรรยากาศในถนนคนเดินซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวและอยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์อินเซนิโอเต็มไปด้วยความคึกคัก ผู้คนมากมายต่างพากันมาเดินเล่น บางคนก็ไปถ่ายรูปตามซุ้มต่าง ๆ ที่ถูกจัดไว้ ตอนนี้สองหนุ่มสาวเดินขึ้นมาบนสะพานข้ามคลองสายเล็ก น้ำใสที่ไหลผ่านทำให้เห็นเหล่าปลาน้อยกำลังแหวกว่ายอยู่เต็มไปหมด “พี่โฟรเซนถ่ายรูปให้หน่อยสิคะ บรรยากาศกำลังดีเลย” แคทเธอรีนวิ่งมาหยุดอยู่ที่ราวสะพานพลางจัดท่าหวังจะให้อีกฝ่ายถ่ายรูป โฟรเซนควานหาโทรศัพท์มือถือแต่ก็ไม่พบจนกระทั่งนึกได้ว่าลืมเอามา “เคท ท่าทางพี่จะลืมมือถือ” “งั้นใช้มือถือของฉันก็ได้ค่ะ” สมัยนี้มีโทรศัพท์มือถือที่สามารถใช้ถ่ายรูปได้ แคทเธอรีนจึงหยิบของตัวเองมาให้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับไว้ “พี่เพิ่งออกเครื่องใหม่ เป็นรุ่นที่กล้องชัดที่สุด พี่อยากได้รูปเธอสวย ๆ ถ้ายังไงก็ช่วยรอก่อนนะ เดี๋ยวพี่วิ่งกลับไปเอาที่คฤหาสน์แป๊บเดียว” “งั้นฉันจะรออยู่ตรงนี้นะคะ” “พี่จะรีบไปรีบมา” โฟรเซนรีบวิ่งลงจากสะพานและมุ่งหน้าไปยังทิศที่ตั้งของคฤหาสน์อินเซนิโอซึ่งอยู่ไม่ไกลจากถนนคนเดินมากนัก ทางด้านแคทเธอรีนก็ยืนดูปลารออย่างสบายอารมณ์ วันนี้เธอไม่ได้รีบไปไหน รออีกฝ่ายสักนิดก็ไม่เห็นเป็นไร “กรี๊ด!” “ว้าก!” “หนีเร็ว!” เสียงเอะอะโวยวายดังอยู่ไม่ไกลทำให้เด็กสาวที่กำลังชมน้ำคลองใส ๆ อยู่ขมวดคิ้วก่อนจะหันกลับไปดู แล้วนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนก็เบิกกว้างเมื่อรถยนต์ไร้ล้อคันหนึ่งเบรกแตกพุ่งขึ้นมาบนสะพานแถมยังตรงมาหาเธอด้วย! “กรี๊ด!” โครม! ยานพาหนะคันนั้นพุ่งชนแคทเธอรีนอัดกับราวสะพานไม้จนหักก่อนที่เธอจะตกลงไปในน้ำ ท่ามกลางเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกของผู้คนมากมายที่อยู่ในเหตุการณ์ “เคท!” โฟรเซนที่กลับมาถึงแล้วเห็นรถชนคู่หมั้นต่อหน้าต่อตาจึงรีบกระโดดลงไปในคลองโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาดำน้ำลงไปฉุดเด็กสาวกลับขึ้นมาโดยมีคนช่วยดึงจากริมฝั่ง เมื่อขึ้นมาบนบก ชายหนุ่มรีบตั้งสติแล้วปฐมพยาบาลเบื้องต้นสลับกับเรียกอีกฝ่ายให้ตื่น “เคท ๆ พี่มาช่วยแล้ว ตื่นเร็ว พี่ขอร้อง” แต่ไม่ว่าจะปลุกอย่างไร แคทเธอรีนก็ไม่ลืมตาขึ้นมา “ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลที!” โฟรเซนตะโกนลั่นในขณะที่สองมือยังคงประคองร่างเด็กสาว ทางด้านคนอื่น ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ช่วยกันโทรเรียกรถพยาบาลอย่างเร่งรีบ ส่วนคนขับรถที่ก่อเหตุ พอเห็นว่ามีคนถูกชนก็รีบวิ่งหนีเอาตัวรอด! ภาพความฝันนั้นกลับมาอีกแล้ว ร่างบางยืนอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ระหว่างคนสองกลุ่มได้แก่เทพแห่งแสงทั้งสามกับเทพแห่งความมืดที่มีมังกรน้ำแข็งคอยสนับสนุน การปะทะนั้นรุนแรงถึงขนาดทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าพังพินาศ เจ้าของเสียงหวานกรีดร้องเมื่อภาพตรงหน้าสว่างวาบก่อนที่ความทรงจำหนึ่งจะผุดเข้ามาในสมอง เธอจำได้ว่าตัวเองยืนรอโฟรเซนอยู่บนสะพาน แต่อยู่ ๆ ก็มีรถยนต์เบรกแตกพุ่งมาชน! “กรี๊ด!” เด็กสาวร้องลั่นเมื่อรู้สึกเหมือนตกจากที่สูง พลันร่างบางก็สะดุ้งตื่นก่อนจะลุกขึ้นมานั่งหอบ สิ่งที่เกิดขึ้นมันช่างระทึกขวัญจนเธอไม่กล้านอนต่อแล้ว! แคทเธอรีนยกมือกุมหน้าพลางพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ ที่แท้ก็ฝันไปนี่เอง ทำเอาเธอตกใจแทบแย่ พลันลมหนาววูบหนึ่งก็พัดมาทำให้คนเพิ่งตื่นหลุดสะดุ้งจนต้องรีบกอดอก และนั่นทำให้เธอพบว่าตัวเองนอนอยู่ในตรอกซอยแห่งหนึ่งใกล้ ๆ กับกองขยะ เมื่อก้มมองสภาพร่างกายก็พบว่าตัวเองสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ ขาด ๆ พอมองสิ่งก่อสร้างรอบตัว บ้านเรือนที่ควรจะทันสมัยกลับเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ท้องฟ้าสีครามในความทรงจำก็เต็มไปด้วยความมืดมิด มีเพียงแสงไฟจากตะเกียงตามบ้านต่าง ๆ เท่านั้นที่ให้แสงสว่าง “ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย” เธอกระชับเสื้อคลุมเก่า ๆ ขณะลุกจากเพิงที่พักเก่า ๆ แล้วเดินออกมาบนถนนที่ตัดผ่านกลางหมู่บ้าน ผู้คนบางกลุ่มซึ่งเดินผ่านไปผ่านมาสวมเสื้อผ้าเหมือนคนในสมัยก่อน ๆ และแคทเธอรีนจำได้ว่าเคยเห็นในพิพิธภัณฑ์ตอนไปทัศนศึกษากับโรงเรียนสมัยประถม “หลีกทางหน่อยแม่หนู ข้าจะเข้าบ้าน” คุณยายคนหนึ่งหิ้วถุงผ้าตรงมาทางนี้ ทำให้ร่างบางรีบหลีกทางทันที แน่นอนว่าสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้ไม่เหมือนคนในยุคปัจจุบันเลย “ลมหนาวมาอีกแล้ว” “เข้าบ้านกันเถอะ” “อีกหน่อยพายุหิมะคงจะมา” “นั่นสิ หิมะเริ่มตกแล้ว” คนอีกกลุ่มรีบเดินกลับเข้าที่พักอาศัยเมื่อเห็นละอองสีขาวโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า แถมลมที่พัดมาจากเดิมทีแค่เบา ๆ ก็เริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ สัญชาตญาณของแคทเธอรีนบอกว่าเธอต้องหาที่พัก แต่เธอจะไปหาที่ไหน ในเมื่อยังไม่รู้เลยว่าตัวเองมาโผล่ที่นี่ได้อย่างไร “ยังมีสถานที่กันดารอยู่แบบนี้อีกเหรอ ถ้าเกิดพายุหิมะ ในแต่ละเมืองก็จะมีเครื่องสร้างเกราะป้องกันไว้นี่ แม้แต่ในหมู่บ้านก็ยังมีเครื่องนี้ แล้วทำไม...” “บ่นอะไรน่ะเจ้า ยังไม่รีบหาที่หลบอีก ไม่สิ แต่งตัวแบบนั้น เจ้าเป็นขอทานใช่ไหม” หญิงสาวคนหนึ่งกำลังจะเข้าบ้าน เห็นแคทเธอรีนยืนหันซ้ายหันขวาไม่รู้จะไปที่ไหนจึงเข้าไปทัก “ขอทาน?” เจ้าของเสียงหวานเลิกคิ้วแล้วสำรวจตัวเองอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เธอจำได้ว่ามาเที่ยวกับโฟรเซนก่อนจะถูกรถชนจากนั้นก็มาโผล่ที่นี่ แล้วทำไมถึงกลายเป็นขอทานไปได้ล่ะเนี่ย! “ข้าได้ยินเจ้าบ่นว่าเครื่องสร้างเกราะป้องกันอะไรสักอย่าง ถ้าเจ้าหมายถึงเขตแดนปรับสภาพอากาศ ในหมู่บ้านไม่มีของพวกนั้นหรอก ถ้าอยากได้ที่อุ่น ๆ ไร้ความหนาวเย็นจริง ๆ ต้องที่ในเมืองโน้น แต่กว่าเจ้าจะไปถึงคงหนาวตายกลางทางซะก่อน ในยุคไร้แสงตะวัน ไม่มีใครกล้าออกจากบ้านนาน ๆ หรอกนะ” “ยุคไร้แสงตะวัน?” เธอได้ยินอีกฝ่ายพูดก็ชะงัก “พี่สาวคะ ไม่ทราบว่าปีนี้เป็นปีอะไรคะ” หลังจากนิ่งไปชั่วขณะเพราะกำลังประมวลผลในสมอง แคทเธอรีนก็ตัดสินใจถามออกไป “ถ้าข้าจำไม่ผิด ปีนี้น่าจะเป็นปี...” คนถูกถามบอกปีออกไป จากนั้นคนฟังก็เริ่มนับเลขและคำนวณเวลาในใจตามที่เคยเรียนมาในวิชาประวัติศาสตร์ก่อนจะเบิกตากว้าง “นะ... หนึ่งพันปี นี่เรามาอยู่ในยุคไร้แสงตะวันจริง ๆ เหรอ” ’ถูกรถยนต์ชนแล้วทะลุมิติมาเนี่ยนะ! แน่จริงไม่เอารถบรรทุกมาชนเลยล่ะ!’ แน่นอนว่าแคทเธอรีนประชด พอนึกได้ว่าอีกฝ่ายเห็นเธอเป็นขอทาน ร่างบางจึงคิดว่านี่อาจไม่ใช่ร่างของเธอ “พายุหิมะกำลังมา ข้าต้องเข้าบ้านแล้ว” “พี่สาวคะ เดี๋ยวก่อนค่ะ!” เจ้าของเสียงหวานตะโกนเรียกก่อนที่คู่สนทนาจะเข้าบ้าน “คือว่าฉัน เอ่อ...คือว่าข้าไม่มีที่อยู่ พี่สาวจะกรุณาให้ฉัน โอ๊ย! ผิดอีกแล้ว จะกรุณาให้ข้าหลบภัยหนาวได้ไหมคะ แค่คืนเดียวก็ยังดี ถือซะว่าเมตตาคนไร้บ้านสักครั้งนะคะ” “บ้านข้าไม่มีเสบียงเก็บมาก ให้อยู่ได้แค่คืนเดียวเท่านั้นนะ” “ขอบคุณมากค่ะ!” แคทเธอรีนแทบจะพุ่งลงไปซบฝ่าเท้าอีกฝ่ายนักถ้าไม่ติดว่าคุณเธอหันหลังเดินเข้าบ้านก่อน ร่างบางแอบกรี๊ดไร้เสียงแล้วจึงวิ่งตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว เรื่องหาที่พักต้องมาก่อน ส่วนเรื่องอื่นเอาไว้คิดทีหลัง!
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 2 ย้อนอดีต
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A