บทที่ 5 เรื่องเล่าในยุคไร้แสงตะวัน   1/    
已经是第一章了
บทที่ 5 เรื่องเล่าในยุคไร้แสงตะวัน
ภาพของเด็กสาววัยสิบเก้าที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถชน แม้เธอจะพ้นขีดอันตรายแล้วแถมสภาพร่างกายก็พร้อมออกจากโรงพยาบาล ทว่าเธอยังคงนอนไร้สติเป็นเจ้าหญิงนิทราสร้างความประหลาดใจให้หมอที่ทำการรักษารวมทั้งทุกคนที่มาเยี่ยมอย่างมาก และนั่นทำให้คนอยู่ในเหตุการณ์อย่างเขาไม่เป็นอันทำงาน อยู่คฤหาสน์ก็เครียด บางทีก็รู้สึกผิด เสียใจ โทษตัวเอง สุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องหนีมาเฝ้าใกล้ ๆ เลย “โฟรเซน กลับไปพักที่บ้านเถอะ เธออยู่เฝ้าน้องมาสามวันแล้วนะ” หญิงวัยกลางคนซึ่งมีศักดิ์เป็นถึงภรรยาผู้นำตระกูลโฟติเน่เปิดประตูเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยแล้วเห็นว่าใครนั่งเครียดอยู่จึงตรงเข้ามาปลอบ “คุณแม่ครับ ให้พี่โฟรเซนเฝ้าพี่แคทเธอรีนต่อไปเถอะ ขืนให้กลับบ้านเดี๋ยวก็สติแตกพอดี” เด็กหนุ่มอีกคนซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องชายของคนป่วยรู้สึกเห็นใจว่าที่พี่เขยที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ ยิ่งเห็นขอบตาคล้ำ ๆ ก็รู้ทันทีว่าต้องอดนอนแน่ ๆ “ป้าไม่โทษเธอหรอกนะ โฟรเซน ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ป้าเป็นห่วงลูกสาวป้า แต่ป้าก็ห่วงเธอด้วย ตอนนี้ตระกูลอินเซนิโอเหลือแค่เธอคนเดียว ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา ไม่ใช่แค่คนในคฤหาสน์แต่รวมทั้งคนทั่วโลกด้วยที่จะเดือดร้อน อย่าลืมสิว่าเธอคือทายาทคนสุดท้ายของเทพแห่งแสง” คามิลล่า โฟติเน่ แม่ของแคทเธอรีนกล่าวเตือนด้วยความหวังดีเพราะรู้ว่าคนตรงหน้าสำคัญแค่ไหน โฟรเซนไม่ได้เป็นแค่คนสำคัญของตระกูลแต่ยังเป็นบุคคลที่มนุษย์ทั้งโลกให้ความสำคัญในฐานะทายาทของเทพแห่งแสงด้วย “ผมเข้าใจดีว่าตัวเองมีความสำคัญยังไง แต่ผมไปไม่ได้ ถ้าเคทได้ยินเสียงผม ผมอยากให้เธอรู้ครับคุณป้า ผมอยากบอกเธอว่าขอโทษที่ดูแลไม่ดี ขอโทษที่...” “เอาล่ะ ๆ ไม่ต้องขอโทษอะไรแล้ว ทำใจให้สบายนะ แคทเธอรีนจะต้องตื่นสักวัน เธอไม่ต้องเสียใจไปหรอก” คามิลล่านั่งลงข้าง ๆ คนที่ทำท่าจะร้องไห้พลางดึงอีกฝ่ายมากอดปลอบเหมือนเห็นเป็นลูกชายอีกคน นางชำเลืองมองลูกชายคนเล็กที่ส่งสายตาเห็นใจมาให้ ซึ่งทางนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน เด็กหนุ่มอยากตะโกนบอกพี่สาวให้รีบตื่นขึ้นมาเร็ว ๆ นัก จะได้รู้ว่าคู่หมั้นเป็นห่วงขนาดไหน! ดวงอาทิตย์จำลองในมหานครใหญ่กำลังควบคุมสภาพอากาศให้เป็นช่วงเวลาเช้ามืด หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีฟ้าอ่อนยาวสยายก็ลุกจากที่นอนทั้งที่รู้สึกว่าปกติเวลานี้เธอจะยังไม่ตื่น อยู่ ๆ แคทเธอรีนก็รู้สึกคิดถึงคู่หมั้นอย่างบอกไม่ถูก และนั่นทำให้เธอนึกถึงช่วงเวลาที่ตัวเองจากมายิ่งขึ้นไปอีก “ทำไมฉันต้องย้อนเวลามาด้วยเนี่ย คิดถึงพี่โฟรเซนชะมัด ไหนจะพ่อ แม่ เจ้าน้องชายตัวยุ่งอีก” หญิงสาวยกมือกุมหน้าทั้งที่น้ำตาซึม อยากกลับบ้านก็อยาก แต่ไม่รู้ว่าจะกลับไปอย่างไร ซึ่งนั่นคือปัญหาที่เธอหาทางแก้ไม่ได้ ร่างบางลงจากเตียงแล้วไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ช่วงสาย ๆ จะมีนัดกินข้าวเช้ากับเฮเลนน่าแต่อีกนานกว่าจะถึงเวลานั้น เธอจึงคิดว่าออกไปเดินเล่นข้างนอกที่พักรับรองเพื่อสูดอากาศดีกว่า แม้ว่าสภาพอากาศในเมืองนี้จะเป็นของจำลองก็ตาม หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อย แคทเธอรีนก็เดินออกมาข้างนอก เสาพลังงานและดวงอาทิตย์จำลองยังคงทำหน้าที่ของมันอยู่ตลอด เธอหยิบแผนผังเมืองขึ้นมาดู ถ้าจำไม่ผิด ในโลกปัจจุบัน หอเก็บบันทึกโบราณตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง แม้จะถูกไฟไหม้แต่ก็มีการซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ บางทีถ้าเธอไปที่นั่นก็อาจได้พบกับบันทึกที่เคยสูญหายไปในยุคปัจจุบันก็ได้ “เดินจากตรงนี้ไปก็เลี้ยวซ้ายสินะ” หญิงสาวเดินตามเส้นทางในแผนที่ ยังดีที่การวางผังของเมืองไม่ได้ซับซ้อนมากนัก เธอจึงหาทางไปถูก หากดูแผนที่ไม่เข้าใจก็ถามเส้นทางจากพวกชาวบ้านก็ได้ ในที่สุดแคทเธอรีนก็มาถึงที่หมาย ตัวอาคารสีงาช้างสามชั้นมีสนามหญ้าล้อมรอบ และมีรั้วล้อมอีกชั้น เธอจึงเข้าไปสอบถามยามเฝ้าประตูว่าสามารถเข้าไปได้หรือไม่ เมื่อทางนั้นอนุญาต เธอจึงก้าวเข้าไปข้างใน ’ใหญ่กว่าหอสมุดประจำเมืองลูซินน่าซะอีก’ เจ้าของทรงผมทวินเทลกวาดสายตามองไปรอบ ๆ หลังจากเข้ามาในตัวอาคาร พื้นทางเดินทำจากกระเบื้องเงาวับชนิดที่ว่าถ้ามีน้ำเจิ่งนองคงลื่นล้มได้ไม่ยาก โต๊ะ เก้าอี้ และชั้นหนังสือทำจากไม้ชั้นดี หน้าต่างเป็นแบบสไตล์หลุยส์และมีผ้าม่านสีขาวที่พับเป็นจีบสวยงาม เพดานมีโคมไฟระย้าราคาแพงคอยให้แสงสว่างตลอดเวลา “มีพวกตำนานโลกหรือเปล่านะ” “อยากได้หนังสือตำนานเรื่องอะไรล่ะ” “เกี่ยวกับเทพแห่งแสงและเทพแห่งความมืดน่ะ เรื่องยุคไร้แสงตะวันด้วย ข้าอยากรู้ให้มากกว่านี้” พอมีคนถาม แคทเธอรีนก็ตอบไปโดยไม่ต้องคิดพลางเดินดูหนังสือตามชั้นต่าง ๆ ก่อนจะชะงักเมื่อนึกได้ว่ามีคนคุยกับเธอจึงรีบหันหลังไปอย่างรวดเร็วแล้วก็พบกับชายหนุ่มผมสีทองยืนยิ้มอยู่ “สหายของท่านหญิงเฮเลนน่านั่นเอง” มอสเวนยังคงมีสีหน้าสดใสไม่ต่างจากเมื่อวานเลย แถมออร่าสีทองจาง ๆ ที่แผ่ออกมาก็ยิ่งบ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพี่ใหญ่แห่งสามเทพ “สะ... สวัสดีค่ะ!” เจ้าของเสียงหวานรีบเก็บอาการหน้าเหวอแล้วทักทายตามมารยาท “ได้ยินว่าเจ้าอยากรู้เรื่องเทพแห่งแสง เทพแห่งความมืด และยุคไร้แสงตะวันสินะ” เขาได้ยินเธอตอบชัดเจนเต็มสองรูหู แคทเธอรีนก็ยิ้มฝืด ๆ พลางพยักหน้ารับ “คือว่าแถวบ้านข้ามีเรื่องเกี่ยวกับพวกนี้น้อยมาก ข้าก็แค่อยากรู้เฉย ๆ น่ะค่ะ เวลากลับไปบ้าน จะได้เล่าให้น้องชายฟัง” หญิงสาวยกเอาน้องชายในโลกปัจจุบันมาอ้าง มอสเวนพยักหน้าเข้าใจแล้วผายมือไปยังบันไดขึ้นชั้นสองของหอตำรา “ทุกอย่างถูกรวบรวมไว้ชั้นบน หากเจ้าอยากรู้ ข้าจะพาไปดูก็ได้” “ข้าไม่กล้ารบกวนหรอกค่ะ” “เช้านี้ข้าว่าง ตอนบ่ายถึงจะไปตรวจสอบความเรียบร้อยที่เสาพลังงานกับน้อง ๆ ทั้งสอง เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้อะไร เจ้าจะถามข้าก็ได้นะ” ด้วยความเป็นเทพแห่งแสง ทำให้มอสเวนเป็นคนมีน้ำใจ แม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อย ๆ ก็ยังอยากจะช่วย แคทเธอรีนก็ไม่กล้าขัดจึงยอมรับความช่วยเหลือแต่โดยดี ’ทำไมถึงเหมือนพี่โฟรเซนนักนะ เพราะพี่เขาเป็นทายาทของเทพแห่งแสงหรือเปล่า ทุกอย่างถึงได้เหมือนกันขนาดนี้’ เธอนึกถึงใบหน้าของคู่หมั้นหนุ่ม ถ้านำมาเปรียบเทียบกับมอสเวน ทั้งสองคนก็เหมือนกันมาก จนบางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นคนเดียวกัน “ที่นี่แหละ” มอสเวนพาแขกมาถึงชั้นสองของหอตำรา เขาผายมือไปยังบันทึกปกสีขาวเล่มหนึ่งซึ่งวางอยู่บนชั้นวางด้านในสุดของห้องโถง บนผนังห้องมีภาพวาดเหมือนของบุรุษผมสีทองในชุดสีขาว แคทเธอรีนเห็นเข้า ก็จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งเธอเคยฝันเห็นชายคนนี้ “เมื่อหกสิบปีก่อน มีนักเวทกลุ่มหนึ่งได้ทดลองนำเอาอำนาจด้านลบของโลกมาใช้ให้เกิดประโยชน์แต่พวกเขาควบคุมมันไม่ได้ อำนาจนั้นจึงหลุดจากที่กักกันและเริ่มกลืนกินโลก” มอสเวนวาดมือออกไปทำให้บันทึกปกสีขาวพลิกหน้าเปิดไปเรื่อย ๆ “เทพแห่งแสงที่อาศัยอยู่บนโลกและทำหน้าที่พิทักษ์มวลมนุษย์เรื่อยมาจึงรวมกลุ่มกันต่อสู้ แต่เราก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้” “แล้วยังไงต่อคะ” หญิงสาวหันมาถามด้วยความอยากรู้ “บุตรคนเล็กของผู้นำเทพแห่งแสงได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำแทนบิดาและพี่ชายที่จากไป” ชายหนุ่มเงยหน้ามองภาพวาดเหมือนพลางค้อมศีรษะอย่างนอบน้อมเป็นการให้เกียรติบุคคลในภาพวาด “อินเซนิโอ เทพแห่งแสงผู้กล้าหาญ เขาและเทพแห่งแสงกลุ่มสุดท้ายได้ต่อสู้กับสิ่งชั่วร้าย แต่น่าเสียดายที่พวกเขาพ่ายแพ้” ’นึกแล้วว่าต้องแพ้ เดี๋ยวก่อนนะ อินเซนิโอ? นี่มันนามสกุลของพี่โฟรเซนไม่ใช่เหรอ คุณพระ! นี่เรากำลังฟังเรื่องราวบรรพบุรุษของพี่โฟรเซนใช่ไหม!’ พอมองภาพวาดเหมือนของอินเซนิโอแล้ว เธอก็พบว่าเขาหน้าเหมือนมอสเวนและคู่หมั้นของเธอมาก “เขาเหมือนท่านมากเลยค่ะ ท่านมอสเวน” “เขาเป็นพ่อข้า” “พะ... พ่อเหรอ!” เจ้าของเสียงหวานถึงกับหน้าเหวอ “ใช่ พ่อแท้ ๆ เลยล่ะ ข้ากับน้องชายทั้งสองเป็นทายาทของเขา” มอสเวนปรับสีหน้าหมอง ๆ ให้เป็นปกติจากนั้นก็วาดมือเปิดหนังสือหน้าถัดไป “ข้ามีรูปลักษณ์เหมือนท่านพ่อมาก อีกทั้งพลังและความทรงจำบางส่วนของท่านพ่อ ข้าก็ยังมีมัน แต่ตอนนี้ในโลกมีอยู่สองคนที่หน้าเหมือนท่านพ่ออินเซนิโอ นอกจากข้าแล้วก็คือเทพแห่งความมืด” “นี่มัน...” แคทเธอรีนเห็นภาพวาดเหมือนในหนังสือ ชายผมยาวสีขาวผู้ทรงมังกร เขามีใบหน้าเหมือนมอสเวน ไม่สิ ต้องบอกว่าเหมือนอินเซนิโอมาก และยังเหมือนพี่โฟรเซนของเธอด้วย “หลังจากที่เหล่าเทพแห่งแสงสิ้นชีพกันหมด ความมืดก็เริ่มปกคลุมโลกทั้งใบ แต่ข้ากับน้อง ๆ โชคดีที่มีโอกาสเกิดมาและปกป้องโลกนี้ต่อไป” “แล้วเทพแห่งความมืดล่ะคะ” “เขาถือกำเนิดจากความชั่วร้ายและซากศพของเทพแห่งแสงที่ตาย กลายเป็นราชาแห่งยุคไร้แสงตะวัน ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ โลกนี้ก็จะถูกปกคลุมด้วยความมืดและความหนาวเย็นไปอีกนาน สักวันหนึ่งข้ากับน้อง ๆ จะทำลายเขาเพื่อปลดปล่อยโลกนี้” แววตาหนักแน่นของมอสเวนนั้นแสดงให้เห็นว่าเขาเอาจริงแน่ แม้จะเคยชนะศัตรูมาแล้วแต่ทางนั้นก็ไม่มีวันตายสักที วันหนึ่งเขาจะต้องกำจัดต้นตอแห่งความมืดให้ได้! “การมีตัวตนของเทพแห่งความมืดทำให้เกิดยุคไร้แสงตะวันสินะคะ สัตว์ร้ายที่ออกอาละวาดตามที่ต่าง ๆ ก็เป็นลูกสมุนของเขาด้วยเหรอคะ” เธอนึกถึงพวกที่โจมตีขบวนเดินทางของเฮเลนน่าจึงคิดว่านั่นน่าจะเป็นสัตว์อสูรรับใช้ของเทพแห่งความมืด “เข้าใจถูกแล้ว หากเมืองไหนไร้เสาพลังงาน สัตว์ร้ายจะโจมตีเมืองนั้น ตอนนี้เรากำลังเร่งสร้างเสาพลังงานตามหมู่บ้าน พวกเขาอยู่กับความหวาดกลัวมานานแล้ว” ’หมู่บ้านที่เราไปอยู่ก็ไม่มีเสาพลังงานนี่นา เข้าใจแล้ว พวกเมืองต่าง ๆ มีเสาพลังงานหมด แต่ตามหมู่บ้านเล็ก ๆ ยังไม่มีนี่เอง’ หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจแล้วว่าทำไมหมู่บ้านที่เธอลืมตาตื่นถึงตกอยู่ในความมืด มีเพียงแสงจากตะเกียงเท่านั้นที่ให้แสงสว่าง “ท่านพี่มอสเวน!” เสียงของผู้มาใหม่ดังขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มผมสีทองอีกสองคนและมีใบหน้าคล้ายคลึงกับมอสเวนบางส่วนจะวิ่งเข้ามา ออร่าที่แผ่ออกมานั้นทำให้แคทเธอรีนรู้ทันทีว่าทั้งสองคือน้องชายของมอสเวน “เดลลาโน่ ไนเรล มีอะไรถึงวิ่งหน้าตาตื่นมาเชียว” “เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ เสาพลังงานในเมืองแถบตะวันตกถูกทำลายแล้ว” ชายหนุ่มที่อธิบายมีผมสีทองยาวระคอ นัยน์ตาสีม่วงอ่อน เขาคือไนเรล น้องชายคนเล็กนั่นเอง “เทพแห่งความมืดขโมยแกนกลางดวงอาทิตย์จำลองไปด้วย ตอนนี้เมืองนั้นต้องการกำลังพลโดยด่วน เห็นว่ามีรายงานการโจมตีของพวกสัตว์ร้าย” ชายหนุ่มที่เสริมต่อมีผมสีทองรวบยาวเป็นหางม้า นัยน์ตาสีน้ำเงินสดใส เขาเป็นพี่คนรองต่อจากมอสเวน “ข้าจะไปพบดยุกกับดัชเชสแห่งไฮเปอร์เรี่ยน” จากนั้นเทพผู้เป็นพี่ใหญ่ก็หันมาสบตากับหญิงสาวแล้วฝืนยิ้ม “ถ้าอยากรู้อะไรก็อ่านหนังสือในนี้ไปนะ ข้าต้องขอตัวก่อน ไว้คราวหน้าค่อยพบกันใหม่” “ค่ะ ขอบคุณที่เล่าให้ฟังนะคะ” แคทเธอรีนค้อมศีรษะเล็กน้อยพลางมองตามหลังสามพี่น้องที่รีบเดินออกไปเพราะมีเรื่องด่วนต้องจัดการ ’ทำไมรอยยิ้มถึงเหมือนพี่โฟรเซนขนาดนี้เนี่ย’ เมื่อครู่อีกฝ่ายยิ้มให้เธอ หญิงสาวจึงอดจินตนาการถึงตอนที่คู่หมั้นหนุ่มยิ้มให้เธอไม่ได้ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เหมือนกันราวกับเป็นคนเดียวกันจริง ๆ “พี่โฟรเซนคะ ตอนนี้ฉันอยู่ในอดีต กำลังสืบหาเรื่องราวที่เกี่ยวกับบรรพบุรุษของพี่ ทีนี้ประวัติศาสตร์ที่หายไปจะได้ถูกเปิดเผยสักที” เจ้าของเสียงหวานหันหลังกลับมามองภาพวาดเหมือนของเทพแห่งแสงอินเซนิโอ รอยยิ้มอบอุ่นที่แฝงไปด้วยความเมตตานั้นสามารถทำให้ผู้พบเห็นเกิดความรู้สึกรักและเคารพได้ไม่ยาก ’ท่านอินเซนิโอ ในโลกอนาคต ยุคไร้แสงตะวันสิ้นสุดแล้วนะคะ บ้านเรือนก็เจริญมากด้วย’ เธอกล่าวในใจพลางค้อมศีรษะทำความเคารพ หวังว่าวิญญาณของอีกฝ่ายจะรับรู้ เขาจะได้สบายใจและหมดห่วงกับอนาคตของสถานที่ที่เขากับเหล่าเทพแห่งแสงพยายามปกป้อง เสาพลังงานอีกแห่งในเมืองต่อมาถูกทำลายก่อนที่บุรุษในชุดดำจะคว้าแกนกลางของดวงอาทิตย์จำลองซึ่งเป็นผลึกสีขาวบริสุทธิ์ออกมาจากเศษซากของเสาพลังงาน ทหารประจำเมืองพร้อมอาวุธครบมือวิ่งมาทางนี้อย่างพร้อมเพรียง เทพแห่งความมืดทำเป็นไม่สนใจนอกจากสะบัดมือซัดคลื่นลมใส่พวกเขาทีเดียวปลิวหายไปทั้งกองพันเลย “สโนว์!” เจ้าของเสียงทุ้มก้าวผ่านกองเพลิงแล้วกระโจนข้ามซากปรักหักพังออกมา เขาเรียกหามังกรรับใช้แต่ผ่านไปชั่วครู่ อีกฝ่ายก็ยังไม่มา “สโนว์! ข้าเรียกเจ้าอยู่ไม่ได้ยินหรือไง!” วิ้ว... สายลมที่พัดผ่านมานั้นเป็นของธรรมชาติ ไม่ใช่แรงลมจากการกระพือปีกของมังกร ความหงุดหงิดเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเทพแห่งความมืด ข้ารับใช้ของเขาทำตัวไม่ได้ดังใจให้โมโหอีกแล้ว! “ไอ้กิ้งก่า! มุดหัวอยู่ที่ไหน! ออกมาเดี๋ยวนี้ก่อนที่ข้าจะตามไปจวกท้องเจ้าแล้วควักตับไตไส้พุงออกมาโยนให้สัตว์อสูรกิน! โผล่หัวมาได้แล้ว! รำคาญ!” \"มาแล้ว ๆ ข้ามาแล้วครับ\" “ชักช้าจริง! ไอ้มังกรไร้สมอง!” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังพลางตวัดมือส่งคลื่นไอเย็นไปแช่แข็งทหารอีกหลายสิบนายที่กำลังวิ่งมาทางนี้ จังหวะที่สโนว์ค่อย ๆ ร่อนลงมา ร่างสูงก็ดีดตัวขึ้นไปนั่งชันเข่าบนหลังของมังกรหนุ่ม ดาบสีดำปรากฏขึ้นในมือก่อนที่เขาจะใช้มันแทงใส่กลางหน้าผากข้ารับใช้ เจ้าสัตว์ยักษ์กรีดร้องอย่างเจ็บปวด ใครจะไปนึกว่านายของมันจะหงุดหงิดถึงขนาดชักดาบออกมาแทงหัวลูกน้อง! \"นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว!\" “ชาติก่อนเป็นเต่าล้านปีหรือไงถึงปล่อยให้ข้ารอนาน บอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าข้าเรียก เจ้าต้องรีบมา!” เจ้าตัวตะคอกใส่โดยไม่สนใจเลยว่ามังกรน้ำแข็งกำลังน้ำตาแตก “ข้าพูดอะไร จำใส่สมองไว้ด้วย!” \"ครับ ๆ ข้าจะจำไว้\" “ไม่ได้ยิน! พูดดัง ๆ สิเจ้ามังกรโง่! หลอดเสียงมีปัญหาเหรอ!” \"ข้าจะไม่ปล่อยให้นายท่านรอนานอีกแล้วครับ!\" “เออ ๆ คราวหน้าทำตามที่พูดไว้ด้วย” ชายหนุ่มผมสีขาวกระชากดาบออกก่อนจะใช้เวทเก็บมันพร้อมกับคริสทัลที่ก่อนหน้าเป็นแกนกลางของดวงอาทิตย์จำลอง \"นายท่าน เราจะไปไหนต่อหรือครับ\" “ไฮเปอร์เรี่ยน” \"ดะ... เดี๋ยวนะครับ ที่นั่นน่ะมัน...\" “ไอ้สามทรราชอยู่ที่นั่น เจ้าจะบอกแบบนี้ใช่ไหม” สโนว์ไม่ตอบแต่เงียบแบบนี้แสดงว่าเขาพูดถูก “วางใจเถอะ ข้าไม่เข้าไปก่อเรื่องหรอก แค่จะไปดูสักหน่อยว่าพวกมันคิดจะทำอะไรต่อ” \"ถ้าอย่างนั้นข้าจะเปลี่ยนทิศทางการบินนะครับ\" “ก็เปลี่ยนสิ ใครห้ามเจ้าไม่ทราบ” เขาก็คิดว่าเขาบอกชัดแล้วว่าจะไปไหน มังกรแห่งดินแดนหนาวเย็นพ่นลมหายใจพรืดใหญ่เพราะขี้เกียจเถียงจากนั้นก็สะบัดปีกบินเลี้ยวไปยังทิศที่ตั้งของเมืองไฮเปอร์เรี่ยนตามความต้องการเจ้านาย ระวังตัวให้ดี เทพแห่งความมืดกำลังมา!
已经是最新一章了
加载中