ตอนที่ 15
Soh part
ช่วงหลังๆมานี้ ทั้งผม และเพื่อนๆผม ค่อนข้างที่จะยุ่งวุ่นวายกับชีิวิตเล็กน้อย เพราะตอนนี้ทุกคนเริ่มเข้ามาบริหารกิจการของที่บ้าน อย่างผมก็เริ่มไปช่วยพ่อเล็กน้อย ทั้งงานสายสีขาว และงานสายสีเทา..ทั้งของบ้านผม และของบ้านหลังใหม่อีกหลังที่ผมเพิ่งเข้าไปเหยียบเมื่อไม่นานมานี้
เมื่อประมาณปีที่แล้ว อยู่ๆผมก็กลายไปเป็นลูกบุญธรรมอีกคนของพ่อไอ้เคน ผมเลยต้องเหยียบเท้าก้าวเข้ามาอยู่ในแบล็กวูฟครึ่งหนึ่ง และอยู่กับบลัดเซนที่พ่อผมเป็นคนสร้างอีกครึ่งหนึ่ง เนื่องจาก พ่อผมจับมือเป็นพันธมิตรกันกับตระกูลแบล็กวูฟ ตระกูลของไอ้เคน ท่านบอกว่า มันคือการผูกมิตรเพื่อความยิ่งใหญ่ของกลุ่มผมเองด้วย เอาง่ายๆนะ ถ้าไอ้เคนเป็นผู้หญิง ผมก็คงโดนจับแต่งงานไปแล้วล่ะ แต่นี่ไอ้เคนเป็นผู้ชายไง ผมก็เลยไปเป็นลูกบุญธรรมของพ่อไอ้เคนแทน..ซึ่งนั่นถือว่าดีมากที่ไอ้เคนไม่ใช่ผู้หญิง
เพราะผมไม่มีทางที่จะแต่งงานกับใครแน่..ถ้าไม่ใช่..คนที่ผมเลือกเอง..และที่สำคัญ..ผมก็มีคนคนนั้นแล้วด้วย..และก็ต้องเป็นเธอเท่านั้น
และพอผมได้ก้าวขาเข้าไปในแบล็กวูฟแล้ว..มันเลยทำให้ผม ต้องร่วมทำภารกิจร่วมกับไอ้เคน นั่นก็คือ สร้างคาสิโน.. ที่ตอนนี้สร้างเสร็จไปประมาณ 30% แล้วล่ะ
มันเป็นโปรเจคที่ค่อนข้างใหญ่อยู่แล้ว แต่ไอ้เคนมันอยากจะมีลานแข่งรถอยู่ด้วย เลยกลายเป็นโปรเจคใหญ่ขึ้นมาเพิ่มกว่าเดิมอีกในตอนนี้
แต่ผมว่ามันก็สนุกและท้าทายดี.. และที่สำคัญไอ้เคนกับผม ก็นิสัยคล้ายๆกันแนวคิดคล้ายๆกัน ก็เลยทำให้งานมันออกมาค่อนข้างดีและราบรื่น.. และผมก็ทำงานไปด้วยความสนุก โดยเฉพาะตลอดเดือนกว่าๆที่ผ่านมา ช่วงของการระดมความคิดโครงสร้างและวางแผนผังแนวคิดสำหรับโดยรวมทั้งหมดของงานนี้
มันเลยทำให้เดือนกว่าๆที่ผ่านมานั้น ผมทุ่มเทกับงานมาก จนไม่ได้ยินเสียงเล็กๆจากใครบางคน ที่มักจะเข้ามาป่วนเปี้ยนในชีวิตของผมอยู่เสมอ.. แต่ถึงไม่ได้ยินเสียง ผมก็ได้เห็นหน้าของเธออยู่ตลอดเวลาอยู่ดี..
จนกระทั่งวันนี้ที่ผมเพิ่งได้รู้จากปากไอ้ไนท์ว่า เดย์มาเดินถือป้ายให้โรงเรียน แต่มันติดเคสผ่าตัดเลยไปไม่ได้ ตอนแรกผมก็แค่อยากจะไปดูเฉยๆเหมือนเช่นเคย ว่าเดย์จะแต่งตัวแบบไหน แต่พอผมเห็นตอนเธอเดินออกมาหยิบของนอกห้องแต่งตัวเท่านั้นล่ะ..ไม่ผ่าน
ชุดบ้าอะไร แม่งโคตรรัดรูปจนเห็นสัดส่วนชัดเจน ส่วนไอ้กระโปรงนั่นก็ไม่รู้ว่าจะแหวกไปถึงไหนต่อไหน นี่ถ้าเดย์ไม่ยอมเปลี่ยนเป็นชุดนักเรียน ผมไม่มีทางให้เธอเดินถือป้ายนั้นแน่ๆ
แต่นี่ขนาดว่าใส่ชุดนักเรียนนะ คนยังพูดไม่หยุดปาก..เหมือนกับที่ไอ้เหี้ยสายฟ้านั่นบอก ใครๆก็รู้จักเดย์ เพราะตลอดเวลาที่เดย์เดินถือป้าย ก็เอาแต่ยิ้ม จนผม..หวง..และผมก็แอบได้ยินตลอด ว่าคนถือป้ายโรงเรียน Ambid น่ารัก..ก็นั่นล่ะ..มันก็คือเรื่องจริง
นี่ผมพลาดไปหรือเปล่าวะ ที่ยอมปล่อยให้เดย์ถือป้ายนั้นจนได้..
แล้วยิ่งตอนที่เดินไปเอาของกับบอลลูน เพื่อนของเดย์ ผมก็เห็นตลอด ว่าไอ้พวกผู้ชายพวกนั้นมันมองเดย์ตลอดทาง..แม้ว่าเดย์จะพยายามเดินมาใกล้ผม และมองผมจนไม่ได้สนใจรอบข้างสักเท่าไร แต่ผมก็ต้องตัดปัญหา ให้ไอ้พวกนั้นรู้ว่า ผู้หญิงคนนี้ของผม....หึหึ
และหวังว่าไอ้พวกนั้นจะเข้าใจ..และไม่กล้าเข้ามายุ่งกับเธอ แต่ถึงยุ่งจริงผมก็มั่นใจว่าเดย์ไม่สนใจใครหรอก..และผมก็ไม่มีทางให้เดย์ไปสนใจคนอื่นที่ไม่ใช่ผมด้วยเช่นกัน..
แต่เรื่องนั้นไว้ก่อน เอาเรื่องตอนนี้ก่อนดีกว่า..
เรื่องที่เดย์อยู่ๆก็งอนผมกลางโต๊ะอาหาร แล้วก็เดินออกไปจากห้องกินข้าวทันทีในตอนนี้..และผมก็ไม่ได้ตามออกไป แต่เลือกที่จะเปิดดูกล้องวงจรปิดในมือถือของผมแทน
และมือถือกระเป๋าตังทุกอย่างตอนนี้ก็ยังวางอยู่บนโต๊ะอาหาร เพราะฉะนั้นตอนนี้เดย์ ไม่มีอะไรพกติดตัวสักอย่าง..และมันก็เลยทำให้ผมมั่นใจว่า เดี๋ยวเดย์ก็เดินกลับมาหาผม เดย์ไม่งอนผมจริงจังหรอก เหมือนกับคราวที่แล้ว ที่แป๊บเดียวเดี๋ยวเดย์ก็หายงอน
และจากภาพวีดีโอที่มองอยู่ตอนนี้ ภาพที่เธอหันหลังชะเง้อมองหาผมจากหน้าบ้าน มันก็ทำให้ผมอดที่จะยิ้มผ่านหน้าจอออกมาไม่ได้..
คงรอให้ผมไปหาและง้อสินะ..แต่เสียใจผมไม่ทำหรอก เดย์เอาแต่ใจจนเสียนิสัย ถ้าผมยอมทุกอย่าง เดย์ก็จะไม่รู้จักโต..และก็อย่างที่ผมบอก เดี๋ยวเดย์ก็เดินกลับมา..
แต่แล้ว สิ่งที่ผมคาดการณ์ไว้ ก็ผิดไป เมื่ออยู่ๆ เดย์ก็ไม่เดินย้อนกลับเข้ามาในบ้าน..แต่เลือกที่จะเดินมุ่งตรงไปข้างหน้าเพื่อที่จะออกจากบ้านของผมแทน..
ให้มันได้อย่างนี้สิ..บทจะดื้อ ก็ดื้อจริงๆ
เดย์เดินตามเส้นทางก่อนจะเข้ามายังบ้านผม..ที่มันค่อนข้างไกลพอสมควร แต่เธอก็ยังเลือกที่จะเดินไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยสักนิด
จากรั้วบ้าน จนถึงหน้าบ้าน..มันก็ระยะทางราว 2 กิโล ผมว่าเดย์เดินไป 1 กิโล ก็คงท้อแล้วกลับมาแล้วล่ะ..เพราะฉะนั้น ผมจะยังคงดูต่อไปละกัน
ที่ผ่านมา ผมไม่ค่อยจะตามใจเดย์สักเท่าไร ก็เพราะไอ้พวกเพื่อนผม โดยเฉพาะไอ้ไนท์ ค่อนข้างตามใจเดย์เยอะมากแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าผมตามใจอีก คงเสียคนมากกว่านี้ แค่นี้ก็เอาแต่ใจเกินไปแล้ว..ดูอย่างตอนนี้สิ ที่เธอยังคงเดินไปเรื่อยๆ จนจะถึงครึ่งทางแล้ว แต่ก็ไม่เหลียวหลังและมีแนวโน้มจะเดินกลับเลยสักนิด
สงสัยครั้งนี้จะงอนจริง..
ผมเปลี่ยนเป็นปิดหน้าจอมือถือ ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วก็มุ่งหน้าขับรถมอเตอร์ไซค์คันโปรดออกไปตามเส้นทางที่ยัยเดย์จอมดื้อเดินทันที..
ผมขับออกมาจนกระทั่งในที่สุดก็เห็นเดย์ ที่ยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆเหมือนเดิม และทำให้ผมตะโกนออกไปเสียงเรียบทันที
“เดย์ ขึ้นมา”
“ไม่!”
ปกติไม่เห็นจะงอนนานอะไรขนาดนี้เลย ..เรื่องที่ผมห้ามไม่ให้เดย์ไปสู้แบบวันนี้ มันทำให้น้อยใจขนาดนี้เลยเหรอ?
และที่ผมไม่ให้เดย์สู้ ไม่ใช่เพราะคิดว่าเดย์ไม่เก่ง..แต่ผม..กลัว..กลัวว่าเดย์จะพลาด เหมือนอย่างวันนี้ ถ้าผมไปช่วยไม่ทัน แล้วไอ้เหี้ยนั้นเอามีดแทงเดย์จริง ผมคงคลั่งตายแน่..
“เดย์ อย่าดื้อ หยุดเดินแล้วขึ้นมา”
“ไม่ต้องมายุ่ง เฮียไม่เคยสนใจเดย์อยู่แล้วนี่”
ลักษณะครั้งนี้จะงอนของจริงแหะ..
ผมเลยตัดสินใจจอดรถ แล้วก็ลงไปดึงมือของเดย์แทนเพื่อให้หยุดเดิน.. ก่อนที่จะกระชากให้หันมาพูดกันดีๆ
แต่แล้วสิ่งที่ผมเห็นกลับทำให้ผมนิ่งไปในทันที..
ภาพของผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้ม ที่มักจะยิ้มสดใส หรือเขินอายหลายต่อหลายครั้งเมื่อมองมาทางผม..บัดนี้กลายเป็นใบหน้าที่แดงไปด้วยความร้อนของอากาศ รวมไปถึงดวงตาที่แดงกล่ำ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับอากาศแต่อย่างใด แต่มันเป็นเพราะน้ำใสๆที่ไหลเอ่อออกมาจากดวงตากลมคู่นั้นต่างหาก..
และภาพนั้นมันก็ทำให้หัวใจของผมกระตุกหล่นลงเช่นกัน
“ปล่อยเดย์นะ ฮึก เฮียใจร้าย!”
และไม่นานภาพนั้นก็ถูกตัดไป จากฝีมือของผมเอง ..เพราะตอนนี้ผมดึงเดย์มากอดเอาไว้อย่างแนบแน่น ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของเธอ ส่วนเดย์ก็เอาแต่พูดไม่หยุด พร้อมกับผลักผมออก แต่ไม่นานเธอก็นิ่งสงบแต่โดยดี แต่ก็ยังคงพูดออกมาวนซ้ำเหมือนเดิมไม่หยุดปาก
“ฮึก เฮียนิสัยไม่ดี เฮียใจร้าย”
“ครับๆ เฮียมันนิสัยไม่ดี เฮียมันใจร้าย..แต่ตอนนี้ เดย์หยุดร้องแล้วกลับเข้าบ้านกับเฮียก่อนนะครับ..”
ผมพูดออกมาพร้อมกับลูบหัวเดย์ไปด้วยความแผ่วเบา..และนั่นก็ทำให้เดย์นิ่งเงียบไป แต่ยังคงมีเสียงสะอื้นเล็กน้อย ที่ผ่านบนแผงอกของผมอยู่บ้าง..
ผ่านไปสักพัก ที่ผมคิดว่ามันน่าจะดีขึ้นแล้วผมก็ค่อยๆผละอ้อมกอดนี้ออกไป พร้อมกับจ้องมองไปยังแววตาน้อย ที่มันยังคงเปียกชื้นจากน้ำตาที่มองมาที่ผมไม่วางตา ก่อนที่ผมจะจูงมือเดย์พามาขึ้นไปบนมอเตอร์ไซค์ แต่เมื่อผมขึ้นไป เดย์ก็ยังคงยืนนิ่ง ไม่ยอมขึ้นรถตามมาเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผมทำ
“เดย์.. เข้าบ้านก่อนแล้วเรามาคุยกันใหม่นะครับ”
หลังจากที่ผมพูดไปแบบนั้น เดย์ก็เอาแต่มองมาที่รถ แล้วก็มองมาทางผมไม่วางตา..แต่เธอก็ยังไม่ก้าวเท้าขึ้นมาบนรถเหมือนเดิม
บทจะดื้อ เธอก็ดื้อจริงๆ ให้ตายเถอะ..
ผมลงจากรถ ก่อนจะหิ้วเธอที่เบาหวิวขึ้นมานั่งบนรถโดยทันที..และก็ตามมาด้วยตัวผมเองที่รีบขึ้นช้อนด้านหลังของเธอเอาไว้ เพื่อกันไม่ให้เธอลงหนีจากรถได้ ก่อนที่จะขับรถมุ่งหน้าไปยังตัวบ้านของผมอีกครั้ง
“โอ๊ย..”
ทันทีที่ถึงบ้าน ผมก็ลงจากรถ และจูงมือให้เธอลงมาด้วย แต่แล้วอยู่ๆ เดย์ก็ร้องออกมาเบาๆ พร้อมกับเซไปเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะก้มมองไปที่เท้าตัวเองด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด ผมเลยรีบก้มลงไปถอดรองเท้าออกมาดูความผิดปกติที่เกิดขึ้นในทันที
“ฮะเฮีย ทำอะไรอะ!!”
ผมไม่สนใจกับเสียงตกใจของเธอเลยสักนิด เพราะภาพที่ผมเห็น หลังจากถอดรองเท้านั่นออก มันทำให้ผมมีแต่ความเจ็บใจตัวเองเข้ามาแทนที่..เจ็บใจที่ตัวเองทำอะไรลงไป ผมปล่อยให้เดย์เดินออกไปหน้าบ้านตั้งไกล ทั้งๆที่เธอโดนรองเท้ากัดจนเป็นแผลเต็มไปหมดแบบนี้ได้ยังไงกัน?!
ควับ!
“เฮ้ย เฮีย ทำอะไร ดะ.. เดย์เดินเองได้”
และก็เป็นอีกครั้งที่ผมไม่ได้สนใจเสียงของเดย์ แต่เปลี่ยนเป็นอุ้มเธอขึ้นมา เพื่อไม่ต้องให้เธอเดินไปมากกว่านี้อีกแล้ว ก่อนจะก้าวขาพาเข้าไปในตัวบ้าน แล้ววางลงบนโซฟาช้าๆ จากนั้นผมก็ไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมา..เพื่อที่จะเอามาทายาให้ผู้หญิงตรงหน้าอย่างแผ่วเบา โดยที่เดย์ไม่ได้พูด หรือบ่นออกมาสักคำเดียว นอกจากเสียงหัวใจที่มันเต้นดัง เหมือนในหลายๆครั้งที่ผมได้ยินจากร่างกายของผู้หญิงตรงหน้าคนนี้
และตลอดการทายา เธอก็สะดุ้งอยู่เป็นระยะๆ..การตอบสนองและภาพบาดแผลนั่นมันยิ่งทำให้ผม..โมโหตัวเอง..
ผู้หญิงที่ผมทะนุถนอมมานาน..กลับต้องมีบาดแผลแบบนี้เพราะผมเอง..ยิ่งนึกก็ยิ่งเจ็บใจ.. นี่ผมปล่อยให้เดย์เดินออกจากบ้านผมไปแบบนั้นตั้งนานได้ยังไง ทั้งๆที่ก็รู้อยู่ว่าเธอเดินพาเหรดบ้าๆนั่นมาไกลแค่ไหน!..
แต่แล้วในขณะที่ผมเจ็บใจตัวเองอยู่นั้นพร้อมกับทำแผลเสร็จพอดี เสียงเล็กๆก็เปล่งออกมา..ที่ทำให้ผมกลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง
“ขอบคุณนะคะ”
เสียงที่ได้ยินนั้น ทำให้ผมข่มอารมณ์ที่โมโหตัวเองเอาไว้ ก่อนจะเงยหน้าไปมองหน้าใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มที่ตอนนี้ไร้น้ำตาและเริ่มกลับมาส่งยิ้มให้ผมอีกครั้ง จนทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามออกมา และเปลี่ยนจากนั่งที่พื้นเป็นลุกขึ้นไปนั่งข้างๆบนโซฟาตัวเดียวกัน
“ขอโทษนะครับ..”
และทันทีที่ผมพูดแบบนั้น เดย์ก็มองผมนิ่งไปเล็กน้อย..พร้อมยิ้มเขินแบบที่เธอทำอยู่บ่อยครั้ง แต่แล้ว..อยู่ๆ เธอก็เปลี่ยนเป็นเหล่ตามาทางผม ก่อนจะกอดอกและสะบัดหน้าใส่ผมในทันที..
หึหึ..คงอยากจะงอนผมนานๆสินะ.. แต่ผมว่าไม่นานหรอก ..ผมเลยเอื้อมมือไปคว้าไหล่ของเธอให้หันมาหาผม พร้อมกับพูดและยิ้มส่งไปให้ในทันที
“ไหน งอนอะไรเฮีย เล่ามาซิ..”
และทันทีที่สบตาผม เดย์ก็กลับมามีดวงตาที่สั่นไหวอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะพูดออกมา
“ก็ ก็เฮีย..ไม่สนใจเดย์ ปล่อยให้เดย์เดินออกไปตั้งนาน..เดย์นึกว่า..เฮียจะไม่มาตามเดย์แล้ว เดย์นึกว่าเฮีย..จะไม่สนใจเดย์แล้ว..เดย์กลัว..”
เดย์ก็คือเดย์ เด็กผู้หญิงที่นึกถึงแต่ผม..และก็เป็นคนที่ทำให้ผม..ยิ้มออกมาอย่างง่ายดาย เหมือนอย่างในตอนนี้
“เฮียก็ออกไปตามแล้วไงครับ..”
“ก็กว่าจะไปตามอะ เดย์เดินจนเท้าจะฉีกอยู่แล้ว”
ใช่..กว่าผมจะไปตาม..เธอก็เดินไปเยอะแล้วจริงๆ
ผมยอมรับผิด..เพราะฉะนั้น
“งั้น..เฮียให้ตีทีนึง”
ผมพูดพร้อมกับแบมือออกไป และนั่นก็ทำให้เดย์ที่ทำหน้ายู่ไปมาอย่างน่ารักก่อนหน้า กลับมาเป็นเดย์คนเดิม คนที่ยิ้มเก่งและเขินเล็กน้อย..เมื่ออยู่ใกล้ผม
“แต่เดย์ตีเจ็บนะ”
“ไม่เป็นไร เฮียยอมเจ็บ ถือว่าไถ่โทษที่ทำให้เดย์..เสียใจ”
พรึ่บ..
แต่แล้วเดย์ก็ไม่ได้ตีผม..แต่เปลี่ยนเป็นเอาแขนมาสอดที่แขนของผมแทน ก่อนที่เอนหัวมาซบลงตรงไหล่ของผม...แล้วเอ่ยปากออกมาเสียงเบา และเป็นคำถามที่ผมไม่คิดเลยว่าเดย์จะถามออกมา
“เฮียรำคาญเดย์มั้ย”
ผมไม่รำคาญเธอหรอก..และคงไม่มีวันนั้นด้วย
“ไม่”
“..แค่นี้..ก็พอแล้ว สำหรับ..เดย์”
และนั่นก็เป็นคำพูดเบาๆสุดท้าย..ก่อนที่อยู่ๆเสียงของเดย์ก็เงียบไปพร้อมกับเสียงหายใจที่เป็นจังหวะ..
จนผมค่อยๆเอียงหน้าไปมอง..ผู้หญิงที่ซบลงตรงไหล่ของผม ก่อนจะพบว่า ตอนนี้ดวงตาน้อยๆนั้นได้ปิดสนิทลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วันนี้เดย์คงเหนื่อยมามากสินะ เพราะตอนกินอาหารแม้เธอจะพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด แต่ก็หลายครั้งที่ผมเห็นเธอหาวง่วงนอน และผมก็รู้ว่าเธอไม่อยากไปนอนหรอก เพราะเดย์อยากพูดคุยกับผมมากกว่า และนั่นก็เลยทำให้ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อยๆเอาแขนที่เดย์สอดไว้อยู่ออกอย่างช้าๆ และเปลี่ยนเป็นอุ้มเธอ เดินไปวางไว้บนเตียงนอนในห้องนอนของผมแทน..
หลังจากที่ผมคลุมผ้าห่มให้ผู้หญิงที่ผมแอบมองและเฝ้าถนอมมาหลายปี ผมก็ค่อยๆนั่งลงบนขอบข้างเตียง พร้อมกับมองหน้าของเธอที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์หนา..ที่มันทำให้ผมไม่สบอารมณ์วันนี้ทั้งวัน เพราะมันทำให้มีแต่คนมองเธอทั้งงาน..
แต่แล้วผมก็คิดได้ว่า ก่อนหน้านี้เธอบ่นไม่หยุดว่าเหนียวตัวและเหนอะหน้าไปหมด นั่นก็เลยทำให้ผม..ลุกขึ้นและออกจากบ้านเพื่อไปซื้ออะไรบางอย่างในทันที
และในเวลาไม่ถึง 10 นาที ผมก็กลับมาที่ห้องเดิมอีกครั้ง พร้อมกับของในมือที่ผมไม่เคยใช้มันและได้แต่ศึกษาผ่านรีวิวในโลกอินเตอร์เน็ตเท่านั้น นั่นก็คือ คลีนซิ่ง..น้ำยาเช็ดเครื่องสำอางค์..
ผมเอาน้ำชุบกะละมังเพื่อเช็ดตามคอและแขนเล็กน้อยให้เธอสบายตัว ก่อนที่จะเริ่มเช็ดเครื่องสำอางบนใบหน้าน้อยนั้น จนในที่สุดก็สะอาดหมดจดกลับมาเป็นเดย์ที่น่ารักของผม.. ก่อนจะตามด้วยผ้าสะอาดชุบน้ำและเช็ดบนใบหน้าเธออย่างแผ่วเบาอีกครั้ง
หลังจากที่ผมจัดการทุกอย่างเสร็จ ผมก็มองเธอที่นอนบนเตียงนอนของผมอีกครั้ง..ก่อนที่จะลูบใบหน้าแสนน่ารักนั้นอย่างแผ่วเบา และอดไม่ได้ที่จะแนบริมฝีปากตัวเองลงอย่างช้าๆบนหน้าผากมนนั่น..
“ฝันดีนะครับ my princess”