ตอนที่ 17
Soh part
“ไอ้เคน กูบอกแล้วใช่มั้ย ว่าช่วงนี้อย่าไปมีเรื่องกับไอ้พวกอินทรีย์ เราต้องพึ่งพวกมัน”
“เราไม่จำเป็นต้องเป็นพันธมิตรกับไอ้สวะพวกนั้น”
“แต่กูว่ามึงจำเป็นว่ะ! มึงอย่าทำตัวเป็นเด็กได้มั้ย มึงโตแล้วนะ”
“มึงนั่นล่ะที่เด็ก ไอ้โซ่.. มึงจะยอมไอ้พวกนั้นทำไมวะ ทั้งๆที่ก็รู้ว่าพวกเหี้ยนั่นไม่ได้จริงใจกับพวกเราเลยสักนิด”
ตอนนี้ผมกับไอ้เคน..กำลังคุยกันเรื่องคาสิโนที่จะสร้าง แต่มันจำเป็นต้องร่วมมือกับกลุ่มอินทรีย์ เพื่อที่จะทำให้งานทุกอย่างมันราบรื่น แต่แล้วเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แม่งไอ้เคน ก่อเรื่องไง ผมก็รู้ว่าไอ้กลุ่มนี้ มันไม่ได้จริงใจกับพวกผมหรอก แต่ตราบใดที่เรายังมีผลประโยชน์กันอยู่ มันก็จะยังไม่แว้งกัด บางทีเรื่องธุรกิจมันก็ต้องใส่หน้ากากเข้าหากันบ้าง เพื่อให้อยู่รอด
แต่สำหรับไอ้เคนแล้วไม่ไง มันเป็นสายลุย อะไรที่มันไม่พอใจ มันก็จัดการโดยที่ไม่สนใจ เหมือนกับตอนนี้ที่มันไปประกาศศึกฆ่าคนในกลุ่มนั้น ทำให้กลุ่มอินทรีย์กำลังจะกลายเป็นศัตรูกับแบล็กวูฟไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และผมก็รู้ดีว่าตอนนี้ไอ้เคนแม่งก็มีทิฐิในความคิดของมัน
แต่แล้วไง ผมเองก็มี..ในเมื่อมันทำไม่ถูก ผมก็ควรที่จะต้องเตือน
“มึงหัดนับดูบ้าง ว่ามึงมีศัตรูเท่าไร พันธมิตรเท่าไร วันๆมึงจะเพิ่มแต่ศัตรูไม่ได้นะโว้ย”
“ที่แท้มึงก็ขี้ขลาด?”
“ไอ้เคน..”
“กูว่าเรื่องนี้ มึงอย่าเสือกดีกว่านะไอโซ่”
“หึ! มึงลืมไปแล้วหรือไง ว่าตอนนี้กูก็เป็นแบล็กวูฟ”
“มึงมันก็แค่เบล็กวูฟปลอม นั่นมันสายเลือดกู เพราะฉะนั้นมึงอยู่เฉยๆดีกว่า อย่าเสือก!”
“... หึ!”
“สัสเคน ใจเย็นหน่อยดิวะ”
“มึงพูดแรงไปมั้ย ยังไง..”
ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ผมก็ลุกขึ้นยืนทันที พร้อมกับยกมือห้ามพวกเพื่อนผมที่เป็นคนกลาง ที่พยายามจะเอ่ยปากบอกให้มันใจเย็น
ใจเย็นงั้นเหรอ หึ..ไม่มีทางหรอก
นิสัยอย่างมัน ในเวลานี้ ใจเย็นไม่ได้หรอก!
ส่วนผม..ก็ไม่ต่างกับมันเช่นกัน!!
“หึ.. เอาแต่อารมณ์ตัวเองเป็นที่ตั้ง สร้างแต่ศัตรู มึงคิดว่าพ่อมึงจะภูมิใจในตัวมึงหรือไง หึ!! แต่กูมองยังไง ก็ไม่ว่ะ!”
“ไอ้โซ่!!!”
ทันทีที่ผมพูดอย่างนั้น ไอ้เคนก็ลุกขึ้นแล้วก็กระชากคอเสื้อผมด้วยความแรงทันที..พร้อมกับสีหน้าที่บิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ จากที่ผมพูดจี้ใจดำมัน และทำให้ ไอไนท์ ไอซัน และไอเค ลุกขึ้นพรวดพร้อมกับมาดึงไอ้เคนทันที
“สัสเคน หยุด!”
“สัส พวกมึงใจเย็นก่อน มีอะไรก็พูดกันดีดีดิวะ”
..และก็เป็นอีกครั้งที่ผมห้ามพวกมัน
“ ไม่ต้อง..”
พรึ่บ!
ผมพูดพร้อมกับสะบัดมือของมันที่จับคอเสื้อของผมอยู่ ก่อนที่ผมจะเอ่ยปากเสียงเรียบออกมาอีกครั้ง..
“สรุปมึงจะเอาใช่มั้ย มึงจะแตกหักกับกูใช่มั้ย ไอ้เคน!!”
“พวกมึงเป็นเหี้ยอะไรกันวะ เรื่องแค่นี้ พวกมึงจะทะเลาะกันถึงแตกหักเลยเหรอไง”
ผมกับมันได้แต่มองหน้ากันและกัน..ด้วยสายตาที่มันเดือดดาลและไม่มีใครยอมใครทั้งคู่.. จนกระทั่งผมสบถในลำคอขึ้นมาพร้อมกับปัดมือมันออกจากคอเสื้อผมด้วยความแรง ก่อนที่จะเดินก้าวเท้าออกมาจากห้องแห่งนี้ในบ้านไอ้ไนท์ทันที โดยที่ไม่ฟังไอ้เคน หรือใครพูดต่อ..
“หึ!!”
ปัง!!
ผมรู้ดีว่า นิสัยผมกับมันเหมือนกันหลายอย่างเกินไป ทั้งทิฐิที่มี และอารมณ์ร้อน เพราะฉะนั้นผมควรจะไปหาที่สงบๆ เพื่อให้ตัวเองใจเย็น..เพราะไม่อย่างนั้น ผมได้แตกหักกับมันแน่!!!
มันก็มีจุดยืนของมัน และผมก็มีจุดยืนของผม..
ไม่ว่ายังไง เรื่องนี้..ผมไม่ผิด!
มัน..เป็นคนพูดขึ้นมาก่อน ว่าผมแม่งเป็น แบล็กวูฟปลอม..หึ..!
ถึงแม้ว่าตั้งแต่แรก ผมคือ BloodChain กลุ่มเล็กๆที่พ่อของผมสร้างมันขึ้นมา ไม่ใช่ Blackwolf แต่ถ้าผมได้ยอมรับและกล่าวคำสัจ เข้าไปเป็นในกลุ่มของ blackwolf แล้ว ผมก็พร้อมที่จะซื่อสัตย์และภักดีกับกลุ่มของตัวเอง และคิดว่าเลือดทุกหยดในกายของผม มันก็คือแบล็กวูฟไม่ต่างจากไอ้เคนหรอก
แต่คำพูดของไอ้เคนเมื่อครู่..มันทำให้ผมได้รู้ซึ้งว่า เพื่อนที่โตมาด้วยกันตั้งแต่ 7 ขวบ แม่งไม่รู้จักตัวผมเลยจริงๆ!!
..มันพูดแบบนี้ เท่ากับเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของผมชัดๆ
และถ้าผมไม่เห็นมันเป็นเพื่อน..ผมก็ไม่มีทางออกมาสงบอารมณ์เหมือนในตอนนี้แน่ๆ
ปั่ก!!
แต่แล้วด้วยความที่ผมเองก็สติหลุด และโมโห ก็เลยทำให้รีบเร่งเดินออกจากห้องที่พวกผมมักจะมาคุยงานกันของบ้านของไอไนท์ไปยังหน้าบ้านเร็วไปหน่อย ก็เลยทำให้ผมชนเข้ากับคนที่เดินสวนเข้ามาในบ้านอย่างจัง
และคนที่ผมชนก็ไม่ใช่ใครคนอื่นไกล..นั่นก็คือประมุขของบ้านหลังนี้ พ่อของไอ้ไนท์
“ขอโทษครับคุณลุง..ผมรีบไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรๆ ลุงก็ไม่ทันดู”
เนื่องจากว่าคุณลุงถือเอกสารในมืออะไรบางอย่างมามากมาย..ทำให้แรงปะทะที่ชนเมื่อครู่ ทำให้เอกสารพวกนั่นปลิวว่อนไปทั่ว ผมก็เลยช่วยคุณลุงเก็บเอกสารพวกนั้นให้..
แต่ด้วยความไวของสายตา และการประมวลในสมองของผม..ที่ผมสามารถเห็นและจดจำทุกอย่างได้แม่นยำ แม้เห็นเพียงชั่วครู่เดียว ทำให้ผมได้เห็นเนื้อหาในเอกสารนั้นทันที..แต่แล้วเอกสารในมือก็ถูกกระชากไปด้วยความเร็ว..จากเจ้าของเอกสารแต่แรก ที่ดูมีสีหน้าอึกอักแปลกไป..แต่มันก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น ก่อนที่ปรับสีหน้ามาเป็นยิ้มแย้มปกติเช่นเดิม..
“..ขอบใจมากนะโซ่.. แล้วนี่จะกลับแล้วเหรอ?”
“อ่อ..ครับ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ..สวัสดีครับ”
ผมเอ่ยปากพร้อมยกมือไหว้ตามมารยาท ก่อนที่จะออกไปลานหน้าบ้าน ขึ้นมอเตอร์ไซค์คู่ใจ และบิดออกจากบ้านด้วยความเร็วทันที..
บรื้นนน
เพื่อให้ความเร็วของมัน ช่วยดับอารมณ์ในใจของผมให้เบาลงไปบ้าง
ทั้งเรื่องของไอ้เคน..และเรื่องที่ผมเห็นในเอกสารของคุณลุงเมื่อครู่
ทำไมคุณลุงถึงมีเอกสารการเงินของบริษัทพ่อผมได้..?
แล้วเอกสารหนังสือสัญญาโอนหุ้นของบริษัทพ่อผมเมื่อครู่ที่ผมเห็นอีกมันคืออะไร?
มันจะไม่อะไรเลย ถ้าในหนังสือสัญญาโอนหุ้นนั้น ชื่อของคนที่โอนไป ไม่ใช่ชื่อของพ่อผม..และชื่อของคนที่รับโอนคือชื่อของ..ไอ้ไนท์!
แม้ว่าจะยังไม่มีการลงลายเซ็น แต่ลายลักษณ์อักษรที่ผมเห็นเมื่อครู่ ผมก็ไม่ได้ตาฝาดแน่ๆ
ถึงแม้ว่าพ่อไอ้ไนท์และพ่อผม พวกท่านจะเป็นเพื่อนกัน แต่มันก็ไม่น่าจะมีโอกาสที่พ่อผม จะเอาข้อมูลการเงินของบริษัทตัวเอง ให้พ่อไอ้ไนท์ดูได้.. และก็ไม่น่าจะมีโอกาสที่จะโอนหุ้น 50% ให้ไอ้ไนท์ด้วยเช่นกัน..
บรื้นนน...
“ลุงเชิดครับ..ผมขอคุยด้วยหน่อย”
ทันทีที่ถึงบ้าน..ผมก็ตรงปรี่ไปหาลุงเชิดทันที คนที่เปรียบเสมือนมือขวาของพ่อผมเอง เพราะฉะนั้น คุณลุงน่าจะรู้ถึงเรื่องเช่นกัน
ส่วนที่ผมไม่ได้คุยกับพ่อผม.. ก็เป็นเพราะว่าพ่อของผมไม่ได้อยู่ที่ไทยน่ะสิ พ่อผมกำลังไปขยายกิจการโรงแรมที่ประเทศเกาหลีอยู่ และมันก็ค่อนข้างเป็นโปรเจคใหญ่ที่ต้องทำร่วมกับอีกฝั่ง พ่อเลยต้องอยู่นานพอสมควร และไม่ได้กลับบ้านมาเป็นเดือนแล้ว แถมยังไม่มีกำหนดแน่นอนว่าจะกลับมาเมื่อไร
ส่วนแม่ของผมนะเหรอ.. แม่ผมเลิกกับพ่อผมไปนานแล้วล่ะ ตั้งแต่ผมแทบจะยังจำความไม่ได้ ผมพอจะรู้มาบ้าง ว่าแม่เลิกกับพ่อเพราะพ่อผมบ้าทำงานเกินไป และช่วงนั้นเป็นช่วงที่พ่อผมเริ่มก่อสร้าง Bloodchain ขึ้นมา มันเลยทำให้พ่อตัดสินใจตัดขาดกับแม่ เพื่อไม่ให้แม่เป็นอันตราย และส่งแม่ผมไปอยู่ที่ประเทศอเมริกา และไม่นานแม่ผมก็พบรักใหม่ และก็อยู่ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้
ตอนเด็กผมอาจจะมีไม่เข้าใจบ้าง..ที่ไม่มีแม่เหมือนคนอื่น..แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกว่าขาดแม่หรอก เพราะถึงแม่จะมีครอบครัวใหม่แล้ว แต่แม่ของผมก็ติดต่อผมมาอยู่เสมอ..ไม่เคยขาด และในตอนนี้ผมก็โตพอที่จะเข้าใจในโลกที่มันโหดร้ายแล้ว มันไม่มีอะไรที่สมหวังไปทุกอย่างหรอก แค่เราประคับประคองชีวิตให้มันไปในสิ่งที่เราต้องการแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว..
“ว่าไงครับ คุณหนู”
ทันทีที่ลุงเชิด..เข้ามาในห้องทำงานของผม หลังจากที่ผมเรียกลุงเชิดมาพบ ผมก็เริ่มที่จะเอ่ยปากถามอย่างใช้จิตวิทยาทันที..
“ตอนนี้งานที่บริษัทเป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็เท่าที่คุณหนูดูนั่นล่ะครับ..บริษัทไปได้ดี และก็กำลังขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
“แล้ว..ทางบริษัทมีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหารใหม่ หรือปรับเปลี่ยนผู้ถือหุ้นรายใหม่ อะไรรึเปล่าครับช่วงนี้?”
“...คุณหนู..ถามทำไมเหรอครับ..”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมเห็นว่า อีกไม่นานผมก็จะไปดูกิจการสานต่อของพ่อ ผมก็ถามเป็นความรู้เท่านั้น”
“อืม..ช่วงนี้ไม่มีนะครับ และก็ไม่น่าจะมีด้วย เพราะทุกอย่างกำลังไปได้ดี..”
อืม..ลุงเชิดคงไม่รู้เรื่องอะไรสินะ..
“อ่อ ครับ..ถ้างั้นผมไม่รบกวนลุงแล้ว..”
“ครับ..เออ คุณโซ่ครับ วันก่อนคุณเดย์มาที่บ้าน มารอคุณหนู แต่คุณหนูก็ไม่กลับมา เธอก็เลยฝากสิ่งนี้ไว้ให้ครับ..”
หลังจากพูดจบ ลุงก็วางของบางอย่างไว้บนโต๊ะพร้อมกับซองจดหมายสีชมพูที่มีสติกเกอร์รูปหัวใจแปะเอาไว้ และทันทีที่ผมเห็นอย่างนั้น มันก็เลยทำให้วันที่เหนื่อยๆของผมในวันนี้ มันรู้สึกเฮือดหายไปในทันที
“ขอบคุณครับ คุณลุงไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ”
“ครับ”
กรึก..
ทันทีที่เสียงประตูปิดลง ผมก็เอื้อมมือไปหยิบซองสีชมพูสดใส ที่ไม่เหมาะกับตัวผมเลยสักนิด แต่มันเหมาะกับเจ้าของซองนั้นมากกว่า ก่อนจะค่อยๆแกะสติกเกอร์รูปหัวใจออก และดึงกระดาษสีขาวที่พับอยู่ข้างในขึ้นมาอ่าน..
ถึง..เฮียโซ่ที่รัก
ผ้าเช็ดหน้าอันนั้น เดย์ว่ามันคงเปื้อนเลือดจนซักไม่ออกแล้ว ถ้าเฮียเอามาใช้ มันคงน่าเกลียดและสยองน่าดู เดย์ก็เลยทำอันใหม่มาให้ค่ะ ^ ^
ปล ทุกครั้งที่ใช้ อย่าลืมคิดถึงหน้าเดย์ด้วยน้าา
[รูปวาดของเดย์ ที่เป็นรูปโซ่กำลังถือผ้าเช็ดหน้า ที่มีหัวใจลอยออกมาจากผ้าเช็ดหน้าและลอยไปยังตรงบริเวณหัวใจของโซ่]
คิดถึงมากกกก..เดย์
ผมอมยิ้มเล็กน้อยกับจดหมายนั้น ก่อนที่จะเปิดลิ้นชัก และวางจดหมายฉบับนั้นซ้อนทับกับจดหมายอื่นๆที่กองอยู่ประมาณสิบกว่าใบ..
จดหมายจากคนคนเดิม ที่มักจะเขียนให้ผมเวลาที่ไม่ได้เจอแบบนี้อยู่เสมอ
และก็หยิบเจ้าผ้าเช็ดหน้าผืนเก่า ที่ผมพยายามหาวิธีสักมัน จนไม่มีคราบเลือดอย่างที่เจ้าของจดหมายก่อนหน้ากังวลใจออกจนหมด ออกมา
ก่อนที่จะนึกถึงใบหน้าเจ้าของ..ผ้าเช็ดหน้านี้อีกครั้ง
ใบหน้าของเด็กสดใส ที่ผมไม่ได้เจอมาหลายวันแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น
และสายตาผมก็ไม่พลาดที่จะมองอีกสิ่งหนึ่งที่อยู่ในลิ้นชักใต้ผ้าเช็ดหน้านั้น
มันคือบัตร 3 ใบ ที่เดย์ออกแบบและทำมาแบบเด็กๆ และเป็นแบบเด็กๆที่ทำให้ผมต้องอมยิ้มกับมัน
บัตรขอเดท 1 ใบ และบัตร คำสั่ง 2 ใบ
เพราะเธอเห็นว่า ผมใช้คำว่า ‘ยังไม่ถึงเวลา’ กับพวกนี้ เธอเลยทำบัตรมาให้เพราะกลัวว่าผมจะลืม.. โดยเฉพาะใบขอเดท..
แต่เธอคงไม่รู้หรอก ถึงแม้จะไม่มีบัตรพวกนี้ แต่ผมก็ไม่มีวันลืมอย่างแน่นนอน..แต่ก็อย่างที่บอก ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา และถ้าถึงเวลานั้นเมื่อไร เดย์ไม่มีวันหนีผมพ้นแน่ๆ..หึหึ
หลังจากคิดแบบนั้น ผมก็เอาผ้าเช็ดหน้าสองผืนที่เหมือนกัน เก็บเข้าลิ้นชักเหมือนเดิม ก่อนที่จะเริ่มลงมือเคลียร์งานของตัวเองอย่างจริงจัง
บางที..ผมอาจจะต้องเคลียร์งานให้เบาลง..เพื่อที่จะได้มีเวลาให้เธอมาวุ่นวายกับชีวิตผมบ้างแล้วล่ะ..หึหึ
ส่วนเรื่องไอ้เคนนั้น.. ก็ให้เป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกัน