ตอนที่ 25
“ หึ.. เอาล่ะ เข้าบ้านก่อน มีคนรอเจอเดย์อยู่นะครับ..”
หลังจากพูดจบ..เฮียไนท์ก็เดินเข้าไปในบ้านทันที ก่อนที่เฮียโซ่จะเดินตามเข้าไปด้วยเช่นกัน และฉันรีบวิ่งตามเข้าไปติดๆอีกที
ส่วนคนที่เฮียบอกเมื่อครู่ว่ารอพบฉัน ฉันว่าไม่ใช่แค่อีกฝั่งหรอก ที่รอพบ เพราะฉันเองก็รอพบมานานหลายเดือนแล้ว ไม่ต่างกัน
“ป๊า ม๊าาาาา คิดถึงงจังเลยยยยย”
ฟอดดดดดดด
ฟอดดดดดดด
ฉันวิ่งเข้าไปหาพวกท่านทันที..ก่อนจะกอดและหอมแก้มพวกท่านด้วยความคิดถึง
ก็พ่อกับแม่ฉันนานน๊านนนทีจะกลับบ้าน ช่วงหลังๆมานี้ พวกท่านบินไปคุยงานที่ต่างประเทศตลอด จะไม่ให้ฉันคิดถึงได้ไงล่ะ
“พอๆเลย เมื่อไรจะโตเป็นผู้ใหญ่สักที รู้มั้ยว่าม๊าเป็นห่วงแค่ไหน..ที่ได้ยินเรื่องนั้น”
เรื่องที่เกิดวันนั้น ฉันพอจะรู้แล้วล่ะว่ามันเกิดอะไรบ้าง..และเพราะการกระทำของฉันมันเลยทำให้ตอนนี้เรื่องราวมันใหญ่โต
เผลอๆที่พ่อกับแม่ฉันกลับมา อาจจะเพราะเรื่องที่ฉันก่อไว้ด้วยซ้ำ
พอคิดได้อย่างนั้น ฉันก็หน้าหงอยขึ้นมาทันที..
“มาหาป๊า มาเดย์”
“…”
“...วันนั้นกลัวมากมั้ย..หื้มม”
แต่แล้ว..ป๊าก็ดึงตัวฉันไปกอด ก่อนจะลูบไหล่ฉันไปมา พร้อมกับพูดออกมา และฉันก็ส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเงยหน้าถามพ่อของฉันออกไป...
“วันนั้นเดย์ไม่รู้เรื่องอะไรเลย.. แล้วป๊า..ไม่โกรธเดย์เหรอ..”
“ป๊าจะโกรธเดย์ทำไม หื้ม.. คนที่ป๊าควรโกรธคือพวกมันต่างหาก กล้าดียังไง ถึงได้กล้าคิดมาทำกับลูกสาวสุดที่รักของป๊าคนนี้”
พรึ่บบบ
นอกจากเฮียแล้ว ก็พ่อของฉันนี่ล่ะ น่ารักที่สุดเลย
ฉันเลยกระโจนไปโอบกอดผู้เป็นบิดาอีกครั้ง ก่อนที่เสียงของม๊าจะพูดออกมาบ้าง
“นี่ถ้าไม่มีไนท์คอยดูแลน้อง ม๊าก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ขอบใจมากนะไนท์..โซ่ด้วย”
“ครับ”
“ไม่ว่ายังไง ผมก็ดูแลเดย์อยู่แล้ว.. แต่หลังจากนี้ผมคงสบายหน่อย เพราะยัยเดย์ก็บอกแล้วว่าจะไม่ซน ใช่มั้ย”
หงึก หงึก
“เดย์ไม่ซนแล้ว จริงๆ สัญญาด้วยเกียรติของลูกสาวคนเล็กตระกูลเหยียนเลย”
ฉันพูดพร้อมกับชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้วพร้อมกับหน้าตาที่จริงจัง
และหลังจากที่ฉันพูดเสร็จทุกคนก็หันมายิ้มให้ฉันเพียงเท่านั้น ส่วนฉันก็สบตาแต่ละคนไปมา ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่โหมดอ้อนป๊าม๊าแบบที่ฉันชอบทำบ่อยๆ ด้วยความรักและความคิดถึง.. และจะได้ดูเป็นเด็กดี ไม่ดื้อไม่ซน เหมือนที่เพิ่งบอกออกไปด้วย..
“ว่าแต่ป๊ากับม๊าเหนื่อยมั้ย ม่ะๆ เดี๋ยวเดย์นวดให้น้าา”
ฉันพูดพร้อมกับเข้าไปบีบนวดให้กับพวกท่าน..เพื่อเบี่ยงประเด็นความสนใจเรื่องของฉันออกไปบ้าง.. แต่ว่า...
“..ขี้อ้อนตลอดนะเราอะ.. เอาล่ะ ม๊าจะเข้าเรื่องที่มาวันนี้เลยละกัน”
หื้ม..มีเรื่องจะคุยงั้นเหรอ?
หลังจากที่แม่ฉันพูดจบ ฉันก็เอามือที่กำลังนวดออก ก่อนที่จะมองไปยังแม่ของฉันที่มองไปทางเฮียโซ่ และพูดอะไรออกมา
“โซ่ น้ารู้จากไนท์แล้วนะ เรื่องนั้น..”
รู้เรื่องอะไรอะ..
“ครับ..หลังจากนี้ผมขอดูแลลูกสาวคุณน้าและคุณลุงนะครับ..”
หื้มมม..เฮียโซ่หมายความว่าไงกัน? ดูแลฉันงั้นเหรอ?
“อืม.. ที่จริงน้าก็ดีใจนะที่เป็นโซ่ แต่ตอนนี้น้าขอให้เราดูแลเดย์แบบนี้ต่อไปในฐานะพี่ชายไปก่อน แล้วอนาคตเราค่อยมาคุยกันใหม่อีกที..”
“ครับ ผมเข้าใจ...ผมรอได้ และไม่ว่าจะสถานะยังไง ผมก็จะดูแลเดย์ให้ดีที่สุด”
“น้าดีใจนะที่ได้ยินอย่างนั้น ..และน้าก็หวังว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โซ่ก็จะไม่ทิ้งน้องนะ...”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เออ น้าหมายถึงว่า.. ถ้าอนาคตอาจจะมีคนอื่นเข้าหาโซ่ หรือมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้ความสัมพันธ์ของโซ่กับไนท์เปลี่ยนไป น้าหวังว่า โซ่จะไม่ทำร้ายน้องนะ..”
บอกหน่อย ว่าตอนนี้แม่ฉันกำลังคุยอะไรกับเฮียกันแน่ ฉันงงไปหมดแล้วนะ แล้วทำไมพ่อกับแม่ฉันต้องทำสีหน้าซีเรียสขนาดนั้นด้วยนะ?
และหลังจากที่แม่พูดไปแบบนั้น เฮียโซ่ก็นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะหันหน้ามามองฉัน แล้วก็หันกลับไปตอบคำถามแม่ของฉันอีกครั้ง
“ครับ.. ผมไม่มีวันทำร้ายเดย์อยู่แล้ว”
“จ้ะ ได้ยินแบบนั้น น้าก็ดีใจ..เดย์เปรียบเสมือนหัวใจของทุกคน เรื่องนั้นโซ่ก็คงรู้ดี..ลุงกับน้าฝากยัยเดย์เป็นน้องสาวของโซ่ด้วยนะ”
“ครับ\"
ฉันได้แต่หันหน้ามองทุกคนไปมาด้วยความงุนงง จนในที่สุดฉันก็เสียมารยาทแทรกถามออกไป
“ม๊าคุยอะไรกับเฮียโซ่อะ เดย์ไม่เข้าใจ.. แล้วอะไรคือให้เดย์เป็นน้องสาวของเฮียโซ่อีกคน เดย์ไม่เป็นน้องสาวเฮียโซ่นะม๊า”
“เดย์.. ม๊าบอกแล้วไง ว่าอย่าพูดแบบนี้ ยังไงเราก็เป็นผู้หญิง..”
ฉันก็รู้ว่ามันดูไม่ดี แต่ฉันไม่อยากให้เฮียโซ่เป็นพี่ชายอะะะ ฉันก็เลยทำเพียงทำหน้ายู่ส่งไปให้ม๊า และทุกๆคน และเลือกที่จะเงียบไม่พูดอะไรออกมา..
“เห้อออ..คุณดูสิ ลูกสาวเราไม่ต่างจากลูกชายเลย”
“หื้มม..ไม่ต่างจากผม..ยังไงเหรอครับ?”
“อะเออ เปล่าจ้ะๆ ม๊าก็พูดลอยๆน่ะ คิดว่าอนาคตถ้าลูกมีคนที่รัก ก็คงไม่ต่างจากยัยเดย์แน่ๆเลย..”
“ถ้าอย่างนั้น ม๊าก็วางใจได้เลย ผมไม่มีแน่เรื่องแบบนั้น.. แล้วอีกอย่าง ผมไม่รอใครนานขนาดยัยเดย์หรอก”
หลังจากเฮียพูดจบ ฉันก็ยู่ปากเล็กน้อยอีกครั้ง และขี้เกียจที่จะเถียงออกไป
รอนานแล้วไง เช๊อะ..! ส่วนเรื่องของเฮีย ถ้าไม่เกิดเรื่องนั้น เฮียก็ไม่ต่างจากฉันหรอก!
“อืม.. ก็ดีแล้ว ..ส่วนเรื่องของเดย์..ถ้าเดย์เข้ามหาลัยแล้ว.. เดย์ยังชอบเฮียโซ่ของเดย์อยู่ และโซ่ก็ยังดูแลเดย์ดีเหมือนตอนนี้ วันนั้นม๊าจะไม่ห้ามอะไรทั้งคู่เลย .. โอเคมั้ย”
เข้ามหาลัยเหรอ.. ก็อีก 3 ปีสินะ
สบายๆ ฉันชอบเฮียมาตั้งแต่ประถม ทำไมจะชอบต่อจนมหาลัยไม่ได้ล่ะ
“ได้เลย.. ต่อให้เดย์อายุสามสิบ เดย์ก็ยังรักเฮียโซ่เหมือนเดิม..”
หลังจากที่ฉันพูดจบพร้อมรอยยิ้มอย่างมีความหวังและมีความสุข ม๊าก็มองไปทางป๊าและเฮียไนท์ ก่อนจะถอนหายใจออกมา..
“เห้อออ.. ให้มันได้อย่างนี้สิ ลูกสาวฉัน..เอาเป็นว่าตามนี้นะโซ่”
“ครับ..”
จะว่าไป..ทำไมจากประโยคสนทนาทั้งหมด พอมาประมวลแล้วมันก็ดูเหมือนว่า เฮียโซ่เองก็รอฉัน งั้นเหรอ?..
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉันก็หันไปถามเฮียทันที..
“เฮียก็รอเดย์ด้วยเหรอ”
“รอถึงมหาลัย เดี๋ยวก็รู้เองครับ..”
อีกละ.. ทำไมต้องความลับอะไรเยอะแยะด้วยนะ
“เอ่อ ว่าแต่ช่วงนี้โซ่เป็นไงบ้าง งานเป็นไงบ้าง”
แต่แล้ว อยู่ๆเสียงพ่อฉันก็แทรกเข้ามา เปลี่ยนหัวข้อเรื่องทันที..ส่วนเฮียก็ตอบกลับไปอย่างสุภาพ...
“ก็เหมือนเดิมครับ.. งานเยอะเหมือนเดิม”
“อืม.. แบบนี้แหละ ถ้าจะมายืนในจุดๆนี้ จะมานั่งกินนอนกินไม่ได้หรอกนะ เวลาทุกนาทีมีค่า”
“ครับ..ว่าแต่คุณลุงไปทำงานครั้งนี้ นานเลยนะครับ.. งานที่นั่นเป็นไงบ้างครับ”
“อืม…ก็ดี อีกไม่นานก็ลงตัวทุกอย่างละ”
“ผมอยากศึกษาความรู้จากคุณลุงเยอะๆ งั้น..ผมขอปรึกษาคุณลุงด้วยได้มั้ยครับ”
“ได้สิ ได้เลย”
แล้วหลังจากนั้น เฮียไนท์ เฮียโซ่ ป๊าและม๊าของฉันก็คุยอะไรกันไม่รู้มากมาย ที่ฉันไม่เข้าใจสักอย่าง ฉันเลยขอตัวออกมาดีกว่า..
เอาไว้ฉันโตกว่านี้หน่อย ฉันค่อยมาช่วยป๊ากับม๊าแล้วกัน และที่สำคัญ ถ้าฉันโต ฉันก็อาจจะได้เป็นกับเฮียโซ่มากกว่าพี่ชายน้องสาวด้วย
อยากให้ถึงอนาคตเร็วๆจังเลย
.
.
.
.
.
.
6 เดือน ผ่านไป
ตอนนี้ฉันขึ้นเกรด 10 แล้วล่ะ ส่วนพวกเฮียก็เกรด 12 ใกล้จะเรียนจบแล้ว อันที่จริง จะเรียกว่าเรียนจบในระดับโรงเรียนก็ไม่ค่อยถูก เพราะจริงๆพวกเฮียจบมหาลัยกันหมดแล้วด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้น ป๊าม๊าของฉันและของพวกเฮีย ก็ลงความเห็นว่า อยากให้พวกเฮียเข้าเรียนในมหาลัยต่ออยู่ดี เพราะลึกๆแล้ว ป๊าม๊าก็อยากให้พวกเฮียๆใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นธรรมดามากกว่า
แต่เชื่อเถอะ ฉันว่าพวกเฮียเข้ามหาลัยแล้ว ก็ไม่ต่างจากตอนอยู่โรงเรียนนี้หรอก ฉันรู้จักพวกเฮียๆดี พวกเฮียใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นธรรมดาๆไม่ได้หรอก เพราะแต่ละคนธรรมดากันซะที่ไหนล่ะ
อันที่จริง ฉันก็ไม่ต่างไปจากพวกเฮียหรอก ฉันก็สามารถเป็นอย่างพวกเฮียได้ แต่ว่าฉันก็เลือกที่จะเป็นคนธรรมดามากกว่า ฉันว่าช่วงชีวิตที่ได้เป็นเด็ก เป็นวัยรุ่นสนุกจะตายไป โดยเฉพาะชีวิตช่วงมหาลัย ฉันคิดว่ามันต้องสนุกมากๆแน่เลยล่ะ อย่างตอนนี้ แค่ฉันโตมากกว่าเดิมครึ่งปี ฉันก็รู้สึกได้แล้วว่า ชีวิตฉันมันมีสีสันมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย..
โดยเฉพาะเรื่องเฮียโซ่ แม้ว่าเฮียจะยังมีช่องว่างอยู่บ้าง แต่เฮียก็น่ารักกับฉันมากกว่าก่อนหน้านี้มากเลยล่ะ
“พวกแก ฉันไปก่อนนะ เฮียมารอรับละ”
ฉันเอ่ยลา โบกมือเพื่อนฉันกลุ่มเดิม ที่มียัยน้ำ ฟ้า และบอลลูน ที่มันยังคงติดเหนียวหนึบความเป็นเพื่อนของฉันข้ามมาอีกชั้นปีหนึ่ง หลังจากที่ฉันเห็นใครบางคนที่ยืนพิงมอเตอร์ไซค์คันเท่ห์ และกำลังเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ไปมาระหว่างรอใครสักคน และคนที่เขากำลังรอ ก็คือฉันยังไงล่ะ..
ตั้งแต่วันนั้นที่เขาบอกว่าจะมารับมาส่งฉัน เฮียโซ่ก็ทำแบบนี้ทุกวันจริงๆ ไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยสักวันจริงๆ แม้ว่าเฮียจะไม่ค่อยมีเวลาก็ตามที
“มารับส่งขนาดนี้ทุกวัน แต่ไม่เป็นแฟนกันสักที ฉันล่ะไม่เข้าใจเฮียโซ่ของแกเลยจริงๆ”
“เออจริง ฉันเห็นด้วยกับไอ้บอลลูนว่ะ นี่ก็แสดงความเป็นเจ้าของชัดมาก จนไม่มีผู้ไหนกล้าจีบมันละ”
ที่เพื่อนฉันพูดออกมาแบบนั้นก็ไม่แปลก เพราะตั้งแต่วันนั้นที่เฮียเริ่มมารับมาส่งฉัน เขาก็ทำแบบนั้นทุกวันไม่ขาดตกบกพร่องไปเลยแม้แต่วันเดียว แม้ว่าเฮียจะงานยุ่งมากแค่ไหนก็ตามที.. ตอนแรกคนในโรงเรียนก็คิดว่าเฮียมารับฉันเพราะเป็นน้องของเพื่อนนั่นล่ะ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ใครๆก็รู้ว่าฉันสนิทกับพวกเฮียๆ แต่แล้วความคิดของทุกคนก็เปลี่ยนไป และกระจายข่าวลือว่าฉันเป็นแฟนของเฮีย เพราะเหตุการณ์บางอย่าง
และเหตุการณ์นั้นนั่นก็คือ มันมีอยู่วันหนึ่งพี่เต้ นักเลงรุ่นพี่ของโรงเรียนนี้ ที่ตามจีบฉันมาเป็นเดือน ด้วยการแซวบ้าง ส่งของให้ฉันบ้าง แต่ฉันก็ไม่สนใจและไม่เล่นด้วย จนมีอยู่วันหนึ่ง พี่เต้ก็ไม่รู้คิดยังไง อยู่ๆก็เดินมาจับมือฉันเอาไว้ทันที เมื่อเห็นว่าฉันกำลังเดินไปหาเฮียโซ่ที่จอดรอฉันอยู่หน้าโรงเรียนคนเดียว เพราะวันนั้นเพื่อนฉันมีเวรทำความสะอาดห้องพร้อมกัน
และไม่ได้จับมืออย่างเดียวนะ พี่เต้ยังตะโกนเสียงดังลั่น..จนคนทั่วบริเวณนั้นหันมามองอีกด้วย
“จับมือน้องเดย์ได้แล้วโว้ยยย เป็นไงล่ะพวกมึง กูบอกว่าแค่นี้สบาย!!!”
“เห้!!!”
และเสียงนั้นก็ถูกส่งไปยังเพื่อนในกลุ่มของพี่เต้ ที่นั่งอยู่ไม่ไกล..เหมือนจงใจที่จะแสดงความภาคภูมิใจผิดๆ ที่คิดว่ามันดูเท่ห์ แต่แท้จริงแล้วมันดูกร่างและน่ารังเกียจมากกว่า
และคิดว่าฉันจะยอมให้มือผู้ชายคนไหนมาจับฉันได้นานเกิน 10 วินาทีมั้ยล่ะ
เพราะฉะนั้นทันทีที่ฉันโดนจับมืออย่างนั้นฉันก็จับพี่เต้บิดข้อมือและดึงมือตัวเองออกมาทันที.. แต่ว่า..มันก็ไม่หลุด
เพราะอย่างที่บอก พี่เต้ก็นักเลงประมาณหนึ่ง เรื่องการต่อสู้ก็คงมีติดตัวอยู่บ้างแต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ยอมโดนรังแกง่ายๆหรอกนะ..
ฉันเลยง้างมือเพื่อที่จะจับแขนอีกฝ่ายและบิดด้วยท่าที่ฉันคาดว่าการเกาะกุมนี้จะหลุด
และมันก็หลุดจริงๆ แต่ไม่ได้หลุดเพราะฝีมือฉันหรอกนะ..แต่เป็นเพราะฝีมือของใครอีกคนที่พุ่งตรงเข้ามาบิดแขนของผู้ชายตรงหน้าไม่รู้ตอนไหนด้วยความเร็ว ไว และแรง
“อ๊ากก ปล่อยกู!! มึง ไอ้โซ่!! คิดว่ากูกลัวมึงหรือไง!! อ๊ากกกกก”
“คนนี้..ผู้หญิงกู!”
“อ๊าก..ปล่อยกูวววว”
“หึ..”
ทั้งคำพูด และ เหตุการณ์นั้นทำให้คนทั้งโรงเรียนหยุดที่จะเดินออกโรงเรียน และเปลี่ยนทิศทางหันมามุงดูกันในทันที.. พร้อมกับเสียงซุบซิบที่ดั่งไปทั่วบริเวณนี้ แต่นั่นก็ไม่เท่ากับเสียงโอดครวญของผู้ชายที่ถูกเฮียจับบิดมือจนตอนนี้หรอก..เพราะตอนนี้ฉันคิดว่า กระดูกน่าจะหักแล้วล่ะ..
“เฮีย..พอเถอะ”
ที่ฉันห้าม ไม่ใช่ว่าฉันสงสารหรอกนะ เพราะมันหลายครั้งแล้วที่ฉันรำคาญรุ่นพี่คนนี้ แต่ก็เห็นว่าที่ผ่านแค่แซวเลยปล่อยผ่านไป แต่วันนี้มันไม่ใช่..และที่ฉันพูดบอกเฮียไปแบบนั้น ก็เพราะว่า
“เดย์ขอจัดการเอง”
และทันทีที่ฉันพูดไปแบบนั้น เฮียโซ่ที่หน้านิ่งพร้อมกับสายตาราวกับเปลวเพลิงก็ปล่อยแขนนั่นลง จนคนโอดครวญก่อนหน้าถึงกับล้มลงไปนอนที่พื้น ด้วยสภาพแขนผิดรูป ที่ฉันคาดว่ามันคงกระดูกหักจริงๆ ส่วนฉันก็ขอทำอะไรเล็กๆน้อยๆก็พอ..
“อย่าคิดว่าเป็นรุ่นพี่แล้วเดย์จะไม่กล้าทำอะไรนะ..และก็รู้เอาไว้ด้วยว่า แขนนี้..พี่ไม่มีสิทธิ์มาจับ!!!”
ปั่ก
“อ๊ากกกก”
“เพราะคนที่มีสิทธิ์ คือคนนี้ต่างหาก!”