บทที่ 1. คนร่วมบ้านตัวร้าย   1/    
已经是第一章了
บทที่ 1. คนร่วมบ้านตัวร้าย
“เรียนปีนี้ปีสุดท้ายแล้วใช่ไหมจ๊ะหนูฝน” คุณอโนมาถามสาวน้อยหวานซึ่งนั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้า ดวงหน้าหวานละมุนซึ่งประดับด้วยคิ้วเรียวกับดวงตากลมโตสดใสฉายประกายหวานซึ้ง จมูกโด่งเรียวเล็กรับกับริมฝีปากอิ่มระเรื่อด้วยวัยสาวสด แม้ปลายฝนไม่ได้เป็นคนสวยฉูดฉาดบาดตาแต่ใบหน้าหวานละมุนของเธอก็ทำให้คนมองรู้สึกสบายตา สบายใจเช่นเดียวกับสายฝนเย็นฉ่ำที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผืนโลก... “ค่ะคุณแม่” “เร็วจังเลยนะ เผลอแป๊บเดียวเด็กๆ ก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาวหมดแล้ว” คุณอัคคีซึ่งอยู่ในวัยล่วงเลยมากว่าห้าสิบปีเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มละไม ร่างสูงที่ยังคงงามสง่าไม่เสื่อมคลายลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาส่งให้ปลายฝนซึ่งก็ยื่นมือไปรับด้วยรู้ดีว่าไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่ท่านมอบให้ได้ “นี่เป็นของขวัญจากพ่อนะหนูฝน หนูควรจะได้รับมันให้สมกับที่เป็นเด็กดีของพ่อแม่มาตลอด” คุณอโนมาบอกเมื่อเห็นว่าปลายฝนมองสิ่งที่อยู่ในกล่องนิ่งเหมือนกังวล “ฝนขอบคุณมากค่ะคุณแม่ แต่ฝนเกรงว่า..” “ไม่ต้องกลัวว่าอาซันจะมาว่าหรอก เพราะเรื่องนี้เราจะเก็บเป็นความลับเฉพาะพวกเรา” คุณอัคคียิ้มกว้างรู้ทันความคิดของสาวน้อยที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ “ฝนอย่าคิดมากเลย อาซันก็ปากร้ายไปอย่างนั้นเอง แล้ววันนี้อาซันก็ไม่อยู่” เมื่อได้ยินว่าคนปากร้ายไม่อยู่ปลายฝนก็ยิ้มกว้างทันที “จริงเหรอคะ” “จ้า แหม ดูเราจะดีใจมากเลยนะที่อาซันไม่อยู่ แล้วฝนจะได้ยิ้มทุกวันเพราะอีกหน่อยอาซันจะต้องไปเรียนรู้งานที่อเมริกาตั้งสี่ปี” คุณอโนมาบอกด้วยรอยยิ้ม “ระหว่างนี้ฝนก็มาช่วยงานพ่อที่บริษัทในฐานะเลขาของพ่อได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร เริ่มฝึกงานเดือนหน้าเลยเป็นไง” “ได้ค่ะ ฝนยินดีจะทำตามที่คุณพ่อต้องการทุกอย่างเลยค่ะ” สาวน้อยยิ้มกว้างแล้วกราบลงที่ตักของท่านทั้งสองด้วยความนอบน้อมทำให้ผู้ที่ชุบเลี้ยงเธอมายิ้มกว้างด้วยความปลาบปลื้มตื้นตัน “เมื่อน้องอิ่มอุ่นกลับมาก็ช่วยสอนงานน้องต่อด้วยนะ เอาล่ะไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ก็ออกไปทำงานกับพ่อ” “ค่ะคุณพ่อ..” ปลายฝนสวมสร้อยคอทองคำขาวซึ่งมีจี้รูปปลาโลมาซึ่งมีดวงตาเป็นเพชรเม็ดเล็กๆ สีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นอัญมณีสีโปรดของเธอเลยทีเดียวนั้นติดตัวตลอดตั้งแต่ได้มันมา ปลายฝนชอบสีฟ้าซึ่งเธอก็จะมีสิ่งของเสื้อผ้าเป็นเสื้อผ้าโทนสีฟ้าเสียส่วนใหญ่ “หน้าบานเชียวนะประจบขออะไรจากเฮียไฟอีกล่ะ..” “คุ คุณซัน” เสียงห้าวดังขึ้นในขณะที่เธอกำลังคิดอะไรเพลินๆ จนกระบอกน้ำในมือแทบหลุดดีที่ว่าเธอประคองมันไว้ได้ทัน เธอคิดว่าดึกป่านนี้แล้วอัคคีคงไม่กลับเข้ามาที่เรือนใหญ่และเธอก็โล่งใจว่าอัคราไปเที่ยวพักผ่อนกับเพื่อนๆ ของเขาที่ต่างจังหวัดไม่คิดว่าเขาจะกลับมาเร็วขนาดนี้ ส่วนเธอเองก็เกิดหิวน้ำและน้ำอุ่นในกระบอกน้ำใบโปรดก็หมดพอดีจึงลงมากดน้ำอุ่นในครัวขึ้นไปเก็บไว้ดื่มในตอนเช้าเมื่อตื่นนอน “ใช่ฉันเอง คิดว่าผู้ชายที่ไหนล่ะ” ร่างสูงใหญ่ของอัคราเดินเข้ามาใกล้ทำให้ปลายฝนจำต้องถอยห่างหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้เขาให้มากที่สุด แม้จะอยู่ภายในรั้วบ้านเดียวกันแต่อัครจะอยู่เรือนหลังเล็กซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขาแต่อัคราจะมารับประทานอาหารกับคุณอโนมากับคุณอัคคีก่อนกลับเรือนเป็นประจำ “คือ ฝนคิดว่าคุณซันกลับเรือนไปแล้วค่ะ” “ที่นี่ก็บ้านฉันเหมือนกัน ฉันจะอยู่ตรงไหนมันก็เรื่องของฉัน คนอาศัยอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้กับฉัน” “เปล่านะคะ ฝนก็แค่..” “ไม่ต้องพูดไปให้พ้นๆ หน้าเลยไป เกะกะลูกตา” ปลายฝนก้มหน้าลงแล้วเดินตัวลีบผ่านหน้าเขาไปโดยไม่รีรอเพราะใจก็อยากจะไปให้พ้นๆ หน้าเขาอยู่แล้ว คนอะไรหน้าตาก็หล่อเหลาขั้นเทพแต่คำพูดที่ออกจากปากแต่ละคำเธอแทบทนฟังไม่ได้ แต่จะว่าไปแล้วอัคราก็พูดดีกับทุกคนยกเว้นเธอ.. “เดี๋ยวก่อน..” เท้าบางชะงักเมื่อได้ยินเสียงห้วนๆ ของเขาดังขึ้น หัวใจของปลายฝนเต้นระรัวด้วยความหวั่นระแวงว่าเขาจะต้องมีอะไรกับเธอแน่ๆ “ค่ะ” “ฉันไม่ชอบให้ใครหันหลังพูดด้วย..” ปลายฝนจำต้องค่อยๆ หันกลับมาแต่ไม่ได้เงยหน้ามองเขา แล้วหัวใจของเธอก็เต้นแรงมากขึ้นเมื่อเห็นปลายเท้าแกร่งสะอาดสะอ้านของเขามาหยุดอยู่ในโฟกัสสายตาที่หลุบมองพื้นในระยะที่คิดว่าจะมองไม่เห็นอัคราเพราะปลายฝนเองก็ไม่ได้อยากเห็นหน้าเขานักหรอก “พื้นมันดีกว่าหน้าฉันรึไงถึงมองอยู่ได้” หาเรื่องกันได้ตลอด หาเรื่องกันได้ทุกอย่างจริงๆ ปลายฝนคิดเช่นนั้นก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเพียงอกว้างของเขาซึ่งชายหนุ่มปลดกระดุมเสื้อออกทั้งแถวเผยให้เห็นอกแกร่งที่แม้ว่าเขาจะสวมเสื้อกล้ามสีขาวสะอาดไว้อีกชั้นแต่ก็ไม่อาจปิดบังอกกว้างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของบุรุษเพศได้ ปลายฝนหน้าร้อนผ่าวด้วยความขัดเขิน ก็ใครจะไปหน้าทนมองผู้ชายโชว์กล้ามเป็นมัดๆ ให้ดูได้หน้าตาเฉยกันล่ะ… “คุณซันมีอะไรกับฝนรึเปล่าคะ” “มี.. ฉันหิวข้าว มีอะไรกันบ้าง” ที่แท้ก็หิว ปลายฝนแอบผ่อนลมหายใจวางกระบอกน้ำลงแล้วไปเปิดตู้เย็นนำอาหารกล่องแช่แข็งออกมาสองสามกล่อง แม้ที่นี่จะชอบทำอาหารรับประทานเองจากของสดแต่ก็จะมีอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งติดบ้านไว้เผื่อมีใครหิวกลางดึกหรือมีเหตุจำเป็นต้องรับประทานอาหารพวกนี้ เช่นในยามนี้ เธอคงไม่คิดจะทำอาหารตอนดึกแน่ๆ เพราะมันดึกเกินกว่าจะลุกมาทำอาหาร “ตอนนี้มีแค่อาหารพวกนี้นะคะ คุณซันจะทานอะไรคะฝนจะเวฟให้” “อะไรก็ได้เร็วๆ ฉันหิวมาก” ปลายฝนแอบย่นจมูกใส่เขาแล้วหยิบข้าวผัดแกงเขียวหวานไก่ไปใส่ไมโครเวฟให้เขาจนเมื่อได้เวลาที่เวฟเสร็จแล้วเธอก็หยิบกล่องออกมาเทใส่จานให้เขาพร้อมด้วยน้ำเปล่าและน้ำส้มคั้นสดอีกหนึ่งแก้ว “ฝนออกไปได้แล้วใช่ไหมคะ” “ไปสิ จะยืนเกะกะทำไมเห็นหน้าแล้วกินข้าวไม่ลง” ปลายฝนอยากจะกรีดร้องใส่หน้าหล่อๆ นั่นให้สาแก่ใจ คนอะไรจะขอบคุณสักคำก็ไม่มีซ้ำยังไล่เธอเหมือนหมูเหมือนหมา แต่สิ่งที่ปลายฝนทำคือเดินออกไปเงียบๆ แต่แล้วเสียงเข้มๆ ก็ดังขึ้น “ฉันรู้แล้วว่าเธอประจบเอาอะไรจากเฮียไฟ..” ปลายฝนหายใจวาบแล้วกุมสร้อยคอไว้แน่นก่อนจะคว้ากระบอกน้ำแล้ววิ่งแจ้นออกไปจากห้องครัวทันทีราวกับกลัวว่าเขาจะแย่งชิงสิ่งนั้นไปจากเธอ... อัครามองตามร่างเล็กในชุดนอนแบบกระโปรงยาวแขนตุ๊กตาสั้นเสมอเข่าไปยิ้มๆ สะใจที่ทำให้เจ้าหล่อนหวาดกลัวเขาได้จนวิ่งแจ้นไปเหมือนสมัยเด็กๆ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนปลายฝนก็จะต้องหวาดกลัวเขาจนตัวสั่น นั่นคือสิ่งที่อัครต้องการ “ปลายฝน.. เธอจะต้องเจอกับฉันอีกนาน แล้วฉันจะทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าที่ฉันกับแม่เจ็บปวด..” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองแล้วมองจานข้าวตรงหน้า คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างสงสัย เธอรู้ได้ยังไงว่าเขาชอบข้าวผัดแกงเขียวหวานและชอบดื่มน้ำส้มคั้น.. มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญกระมัง.. อัคราไหวไหล่แล้วหยิบช้อนตักข้าวเข้าปากอย่างหิวโหย รอยยิ้มบางๆ ประดับที่ริมฝีปากหยักสวยโดยที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าเผลอยิ้มออกมา... วันรุ่งขึ้นปลายฝนก็แต่งตัวอย่างเรียบร้อยสวยงามเพื่อจะเข้าบริษัทไปฝึกงานพร้อมคุณอัคคี สาวน้อยยิ้มสดใสและเข้าไปช่วยงานในครัวเช่นทุกวันแต่วันนี้เหล่าแม่ครัวไม่ยอมให้เธอช่วยทำเพราะกลัวว่ากลิ่นอาหารจะติดเสื้อผ้าสวยๆ ของเธอเสียหมด “โธ่ รู้แบบนี้ฝนใส่ชุดอยู่บ้านเก่าๆ มาช่วยป้าแย้มกับป้าโฉมทำกับข้าวดีกว่า” ปลายฝนบ่นยิ้มๆ แต่ก็ช่วยสาวใช้ยกสำรับอาหารมาตั้งโต๊ะเหมือนดังเช่นทุกวันโดยไม่รู้ว่าขณะที่ตนกำลังจัดโต๊ะอยู่นั้นอัคราได้ยืนมองเธออยู่นานแล้ว “นี่คิดจะประจบเอาตำแหน่งไหนในบริษัทล่ะ” เสียงพูดลอยๆ ของน้ำเสียงที่เธอจำได้แม้แต่ในเวลาหลับก็ทำให้ปลายฝนชะงักใจเต้นรัวก้มหน้านิ่งไม่กล้าเงยหน้ามองเขากลัวว่าเขาจะหาเรื่องด่าว่าเธออีก “ทำเป็นเงียบนี่คืออะไร มารยาหรือเพราะละอายใจ” อัคราเสียงเข้มขึ้นปลายฝนเดาได้ไม่ยากว่าเขาจะทำหน้าแบบไหน คงจะมองเธอเหมือนสิ่งที่น่ารังเกียจและดวงตาเต็มไปด้วยแววดูแคลนอีกเช่นเดิม “อ้าว อาซันมาแต่เช้าเลยนะเรา..” คุณอัคคีซึ่งเดินลงมาพร้อมกับภรรยาที่รักเอ่ยทักยิ้มๆ อัคราค่อยๆ เลื่อนเก้าอี้นั่งลงตรงข้ามคนที่เขาไม่ค่อยชอบหน้าแต่ต้องนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกันทุกวันและต้องนั่งเผชิญหน้ากันทุกครั้งด้วย “วันนี้แต่งตัวสวยเชียวนะหนูฝน” คุณอโนมายิ้มให้สาวน้อยที่นั่งก้มหน้าน้อยๆ อย่างเจียมตัวด้วยอยากให้ใครอีกคนมองเห็นเหมือนตนบ้าง “ไม่เห็นจะสวยเลย เหมือนเด็กกะโปโลแก่แดด บ้านนอกเข้ากรุง ดูสิทาแก้มแดงอย่างกับตูดลิง” “ซัน..” ทั้งคุณอัคคีและคุณอโนมาร้องขึ้นพร้อมกันชายหนุ่มจึงตักอาหารใส่ปากเคี้ยวเรื่อยๆ อย่างอารมณ์ดีในขณะที่อีกสามคนที่ร่วมโต๊ะทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ โดยเฉพาะปลายฝนรู้สึกลำคอตีบตันจนกลืนอะไรไม่ลงเลยทีเดียว สาวน้อยก้มมองชุดที่ตัวเองใส่อย่างเป็นกังวลแล้วลูบแก้มตัวเองเบาๆ เหมือนให้แน่ใจว่าแก้มของตนไม่ได้แดงเหมือนตูดลิงอย่างที่อัคราว่า คุณอโนมาเห็นแล้วก็เข้าใจในสิ่งที่ปลายฝนคิดอยู่จึงพูดขึ้นเรียบๆ “เดี๋ยวเย็นนี้แม่จะพาหนูฝนไปซื้อชุดสวยๆ กับเครื่องสำอางดีว่า เป็นลูกผู้หญิงหัดแต่งหน้าบ้างก็ดี อีกหน่อยก็จะได้มีหนุ่มๆ มาเข้าแถวรอยื่นใบสมัครมาเป็นเขยของแม่อ้อนเพียบแน่ๆ ว่ามั้ยคะพี่ไฟ..” คุณอโนมาหันไปยิ้มให้สามี “จริงด้วย เดี๋ยวหลังเลิกงานแล้วพ่อกับแม่จะพาฝนไปซื้อของ คงสนุกน่าดูว่าไหมที่รัก” “จริงค่ะ เอาล่ะเราทานข้าวกันเถอะหนูฝนจะได้ออกไปพร้อมคุณพ่อ” คุณอโนมายิ้มกว้างในขณะที่อัคราแอบเบ้ปากอย่างไม่ชอบใจ มื้ออาหารเช้าผ่านไปด้วยดีปลายฝนก็รีบไปรอคุณอัคคีที่รถด้วยไม่อยากเจอหน้าอัคราแต่กลายเป็นว่าชายหนุ่มนั่งหน้าตึงอยู่ในรถแล้วด้วยท่าทางแสนสบายทั้งยังกางแขนกางขาขวางไว้เหมือนจงใจบอกเธอว่ารถคันนี้เธอไม่มีสิทธิ์จะใช้ร่วมกับเขา รถแวนแสนกว้างขวางเมื่อมีร่างใหญ่ของเขาอยู่ก็ดูจะคับแคบไปทันที... “เธอคงต้องไปรถเมล์แล้วล่ะ เพราะรถคันนี้ที่เต็มแล้ว” คำพูดของเขาบ่งบอกเจตนาชัดเจน “อ้อ แล้วก็อย่าไปฟ้องเฮียไฟล่ะว่าฉันแกล้งเธอ ฉันรู้นะเธอคิดอะไรอยู่” ปลายฝนซึ่งกำลังจะเดินไปที่หน้าบ้านชะงักแล้วก้มหน้าเดินต่อไปจึงไม่ได้เห็นแววตาสะใจของเขา ทางด้านอัครายิ้มบางๆ อย่างสมใจที่ไล่ให้ปลายฝนไปขึ้นรถเมล์ได้ การได้แกล้งปลายฝนเป็นความสุขอย่างหนึ่งของเขาเลยทีเดียว แล้วชายหนุ่มก็ต้องรีบปรับสีหน้าเมื่อเห็นพี่ชายของตนเดินมา “อ้าว แล้วหนูฝนล่ะซัน..” คุณอัคคีซึ่งขึ้นไปหยิบเอกสารที่ลืมไว้บนห้องทำงานเดินลงมาก็ถามหาปลายฝนด้วยความสงสัยเพราะตนบอกว่าเธอมารอที่รถเพื่อจะได้ไปพร้อมกัน “เธอไปแล้วครับ อาซันบอกว่าให้รอไปพร้อมกันก็ไม่ยอมรอ เธอบอกว่าอยากลองนั่งรถเมล์ไปทำงาน ก็ดีแล้วนี่เฮียเขาจะได้เจียมตัว..” อัคราพูดโดยไม่มองหน้าพี่ชายที่อายุห่างกันแทบจะเรียกว่าเป็นพ่อลูกกันได้อย่างซ่อนพิรุธ “แต่แม่อ้อนว่า ต้องมีใครสักคนแถวนี้ไล่ให้น้องไปขึ้นรถเมล์..” คุณอโนมาซึ่งเดินมาสมทบกับสามีพูดขึ้นทั้งยังมองชายหนุ่มอย่างไม่พอใจ “ใช่สิ อาซันพูดอะไรก็ผิด” คนร้อนตัวพูดขึ้นอย่างน้อยใจ เมื่อพูดกับคุณอโนมาชายหนุ่มมักจะแทนตัวเองว่า อาซัน ด้วยความเคยชินและเมื่อตอนเด็กๆ หากเขาอ้อนเอาอะไรก็จะได้อย่างต้องการหาก ว่ามันสมเหตุสมผลเพราะคุณอโนมารักและเอ็นดูเขาไม่ต่างจากลูกแท้ๆ “หึ.. รู้สึกผิดจริงๆ รึเปล่าก็ไม่รู้ อ้อนขึ้นรถเถอะเผื่อไปทันหนูฝน” อัคคีปรายตามองน้องชายต่างแม่ผู้แสนเอาแต่ใจแล้วรีบขับรถออกไปโดยเร็ว อัคราซึ่งอุตส่าห์ตั้งใจว่าจะไม่ขับรถไปทำงานเองและมาขึ้นรถคันเดียวกับพี่ชายเพื่อกันท่าปลายฝนก็ได้แต่นั่งหน้าตึงอยู่เบาะด้านหลัง โดยท่าทางของชายหนุ่มไม่ได้รอดพ้นจากสายตาอันแหลมคมของคุณอโนมาที่เฝ้าจับสังเกตเขาอยู่เงียบๆ ไปได้...  “นั่นหนูฝนนี่คะคุณพี่ อ้าวแล้วนั่นขึ้นรถไปกับใครแล้วนะ ท่าทางสนิทสนมกันน่าดู” คุณอโนมาพูดขึ้นพร้อมทั้งชี้ให้สามีดูเมื่อพวกตนมาทันก่อนที่ปลายฝนจะไปถึงป้ายรถเมล์และก็พบว่าปลายฝนขึ้นรถไปกับชายหนุ่มคนหนึ่งท่าทางภูมิฐานและรถยนต์ที่ชายหนุ่มคนนั้นจอดรับก็บ่งบอกฐานะของคนขับเป็นอย่างดี รถราคาหลายสิบล้านก็คงไม่ธรรมดา แม้จะมองเห็นไกลๆ ชายหนุ่มที่ลงมาเปิดประตูให้ปลายฝนก็ดูมีสง่าราศีไม่เบาเลยทีเดียว และดูท่าว่าหน้าตาคงจะหล่อเหลาเอาการทีเดียวทั้งรูปร่างยังสูงสง่าน่ามองอีกด้วย “ท่าทางจะหล่อเหลาใช้ได้นะอ้อน แหม.. ถ้าเขาเป็นคนรักของหนูฝนพี่นี่พร้อมจะยกให้เลยนะเนี่ย” คุณอัครายิ้มกว้าง “จริงด้วยค่ะ อืม.. ว่าแต่หน้าตาคุ้นๆ นะคะ เหมือนเคยเห็นหน้าเด็กคนนั้นที่ไหนนะ” “สงสัยคงเป็นหนุ่มๆ ในสต๊อกของยายนั่นล่ะมั้งครับคุณแม่ ยายนั่นก็ท่าทางไม่เบาที่มหาวิทยาลัยก็เห็นมีคนมาติดพันตั้งหลายคน” คนที่นั่งอยู่ข้างหลังอดแขวะไม่ได้ คุณอโนมาหันไปสบตากับสามีแล้วยิ้มบางๆ “ก็คนสวยน่ารักอย่างหนูฝนจะมีคนมารักมาชอบพอติดพันก็เป็นธรรมดานะอาซัน ใครจะเหมือนอิ่มอุ่นแม่น้องสาวตัวดีของเราล่ะ รายนั้นน่ะ แม่อ้อนจะต้องบังคับให้ผู้ชายสักคนมาขอแต่งงานด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้เพราะหากไม่บังคับหรือยกให้ฟรีๆ พร้อมข้าวสารอีกสิบกระสอบก็คงไม่มีหนุ่มๆ ที่ไหนกล้ามาจีบมาขอแต่งงานแน่ๆ” “พี่ว่าจะลองแนะนำลูกชายเพื่อนๆ ของพี่มาดูตัวหนูฝนบ้าง มีหลายคนนิสัยอนาคตไกล เผื่อว่าเราจะได้มีลูกเขยเก่งๆ ดีๆ มาช่วยแบ่งเบาดูแลลูกๆ” “ดีสิคะ อ้อนสนับสนุนค่ะที่รัก..” คุณอโนมายื่นหน้าไปจูบแก้มสามีเบาๆ แล้วยิ้มกว้าง ส่วนอัคราแอบเบ้ปากขุ่นเคืองในใจที่ใครๆ ต่างก็รักและห่วงใยปลายฝนสารพัดทั้งยังจะหาคู่ครองที่ดีให้เจ้าหล่อนอีกด้วย ส่วนเขาไม่ว่าจะพูดอะไรเกี่ยวกับปลายฝนก็ดูจะไม่เข้าหูของคุณอโนมากับคุณอัคคีและยังถูกมองว่าหาเรื่องแม่ตัวดีนั่นอีกด้วย คิดขึ้นมาอัคราก็รุ่มร้อนอย่างไม่รู้สาเหตุ...  แล้วเมื่อทั้งสามมาถึงบริษัทของตระกูลจงบริบูรณ์ไพศาลก็พบว่าปลายฝนยืนรออยู่หน้าบริษัทพร้อมด้วยชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นคนเดียวกับที่รับเธอมาระหว่างทางและเมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มคนนั้นชัดๆ คุณอัคคีกับคุณอโนมาก็ยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้น... “ตาสิงโต.. โถ อานึกว่าใคร..” อัคคีกับอโนมารับไหว้ สิงโต หรือ สิงหราช ลูกชายของ พ่อเลี้ยงอินคำกับแม่เลี้ยงเกศรา ญาติสนิทของพวกตนนั่นเอง “แล้วไปไงมาไงล่ะจ๊ะนี่” คุณอโนมาลูบหลังลูบไหล่ชายหนุ่มรูปงามอย่างตื่นเต้น “ผมก็จะมาหาคุณอากับอาซันนั่นล่ะครับแต่พอดีเจอน้องฝนกลางทาง เห็นว่าคุณอาจะมาที่บริษัทก็มาดักรอที่นี่เสียเลย แถมยังได้นั่งรถมาพร้อมสาวสวยแสนน่ารักด้วย เหมือนได้โชคสองชั้นเลยครับ” สิงหราชเล่าอย่างอารมณ์ดีซึ่งเป็นบุคลิกของเขา สิงหราชเป็นชายหนุ่มที่ยิ้มหัวง่ายช่างพูดช่างคุยมาแต่ไหนแต่ไรจนทำให้เขาดูเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่มมีข่าวกับสาวๆ ไม่เว้นวัน จนได้ชื่อว่าคาสโนว่าตัวพ่อเหมือนคุณอัคคีตอนหนุ่มๆ ไม่มีผิด “ใครอยากให้นายมาวะ” อัคราพูดแทรกขึ้นหน้าตาหล่อเหลาดูไม่สบอารมณ์นักที่เพื่อนรักมาหาสิงหราชหัวเราะเบาๆ อย่างไม่ถือสา “นายอาจจะไม่อยากให้ฉันมา แต่ฉันอยากมาและฉันก็ดีใจที่มาแล้วเจอน้องฝนด้วย” “หึ.. คงอ่อยเขาไว้ล่ะสิท่า” อัคราพูดอย่างไม่ไว้หน้าปลายฝนซึ่งหน้าเสียทันทีที่ได้ยินคำพูดแสนร้ายกาจนั้น สาวน้อยก้มหน้าลงอย่างอับอายน้ำตาจวนเจียนจะไหล “อย่าไปสนใจคนปากเสียเลยน้องฝน สักวันหนึ่งเถอะมันจะต้องคลานมาขอความเห็นใจจากน้องฝนของพี่สิงโต..” สิงหราชลูบศีรษะเล็กเบาๆ อย่างเห็นใจ คุณอัคคีกับภรรยาหันมามองหน้ากันแล้วถอนใจมองตามแผ่นหลังกว้างของคนปากเสียไปอย่างเอือมระอา...
已经是最新一章了
加载中