บทที่ 3. จุดเปลี่ยนของอนาคต   1/    
已经是第一章了
บทที่ 3. จุดเปลี่ยนของอนาคต
“น้องฝนเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมหน้าซีดๆ” สิงหราชตั้งข้อสังเกตเมื่อสาวน้อยที่เดินเคียงข้างดูเหมือนจะแปลกๆ ไป แต่ปลายฝนก็ส่ายหน้าปฏิเสธ... “มะ ไม่เป็นไรค่ะ คงจะเหนื่อยและเพลียเพราะต้องตื่นเช้าและเหนื่อยกับการซ้อมรับปริญญามั้งคะ” “จริงเหรอ พี่ว่าเราน่าจะไปหาหมอบ้างดูพักนี้ผอมๆ ไปนะ” “ขอบคุณค่ะแต่ฝนไม่เป็นไรจริงๆ แล้วนี่พี่สิงโตกลับมากี่วันคะ” “พี่มาธุระให้คุณพ่อน่ะ มะรืนก็จะกลับแล้ว อีกย่างจะต้องกลับไปเรียนต่อด้วย นี่พี่หนีเรียนกลับมาเพราะว่าอยากมาร่วมยินดีกับบัณฑิตใหม่โดยเฉพาะเลยนะนี่” สิงหราชพูดยิ้มๆ ปลายฝนค้อนอย่างรู้ทัน “แหม.. อย่าเอาฝนมาเป็นกันชนเลยค่ะ รู้หรอกว่าที่มานี่เพราะอยากเจอว่าที่บัณฑิตใหม่มากกว่า” “คนรู้ทันแบบนี้ไม่ค่อยน่าคบเท่าไหร่ของขวัญที่ให้เอาคืนมาเลยนะ” “ให้แล้วให้เลยค่ะไม่คืนหรอก..” ปลายฝนยิ้มกว้างสิงหราชจึงขยี้เรือนผมที่เกล้าอย่างงดงามของเธอเบาๆ อย่างมันเขี้ยว แต่ภาพการหยอกล้อของทั้งสองทำให้ใครอีกคนมองอย่างไม่พอใจ “จริงๆ แล้วเขาจัดงานเลี้ยงเฉพาะคนในครอบครัวนะ คนอื่นไม่เกี่ยว..” อัจฉรียาพรเดินมาแทรกกลางระหว่างทั้งสองแล้วเกี่ยวแขนปลายฝนให้เดินห่างสิงหราชพลางเชิดหน้ามองชายหนุ่มอย่างบอกให้รู้ว่าเขาคือคนนอก “บังเอิญว่า พี่สิงโตเป็นลูกชายของพ่อเลี้ยงอินคำกับแม่เลี้ยงเกศราซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายพี่สาวของคุณอาอัคคี ดังนั้นพี่สิงโตก็เท่ากับเกี่ยวดองเป็นหลานของคุณอาและเป็นพี่ชายของยายเด็กอ้วนคนหนึ่งแถวๆ นี้ด้วย ก็เท่ากับว่าพี่สิงโตคือเป็นคนในครอบครัวเหมือนกัน” ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มเยื้อนยียวนอัจฉรียาพรหน้าแดงก่ำปล่อยแขนปลายฝนแล้วเดินมายืนประจันหน้ากับเขาอย่างไม่พอใจ “นายว่าใครอ้วนไอ้พี่สิงโตขี้เก๊ก” “ว่าใครกันนะ..” สิงหราชกอดอกมองสาวน้อยที่เท้าสะเอวมองเขาอย่างเอาเรื่องด้วยนึกสนุกที่ได้ต่อปากต่อคำกับเธอ “เอาล่ะๆ ทั้งสองคนไปหาอะไรกินกันดีกว่าค่ะ..” ปลายฝนห้ามทัพแล้วดึงแขนของอัจฉรียาพรเดินนำหน้าไปยังสวนหย่อมที่จัดเตรียมไว้สำหรับงานเลี้ยงฉลองบัณฑิตใหม่ของปลายฝนซึ่งทุกคนในบ้านรวมไปถึงคนสวนคนขับรถและสาวใช้ทุกคนก็ต่างมาร่วมแสดงความยินดีและรับประทานอาหารร่วมกันด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเองซึ่งคุณอโนมาผู้เป็นนายผู้หญิงของบ้านต่างก็อยากให้ทุกคนได้รับความสุขอิ่มหนำสำราญถ้วนหน้ากัน “ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้พี่สิงโตจอมเก๊ก..” อัจฉรียาพรยังคงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปหันมาชี้หน้าและแลบลิ้นปลิ้นตาใส่สิงหราชเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กทั้งที่ตอนนี้เธอโตเป็นสาวสะพรั่งแล้ว สิงหราชได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ กับยายเด็กตัวอ้วนกลมในวันวานที่ทำให้หัวใจหนุ่มกระชุ่มกระชวยทุกครั้งที่คิดถึงเธอ...  บรรยากาศในบ้านอบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ทุกคนพูดคุยกันอย่างออกรสและตักอาหารรับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย แต่ในขณะที่อัจฉรียาพรตักยำวุ้นเส้นรวมมิตรของโปรดของปลายฝนมาให้อย่างเอาใจ “ฝนจ๋า อิ่มอุ่นตักของโปรดมาให้แล้ว” “อุ๊บ..” ปลายฝนก็ลุกพรวดขึ้นแล้ววิ่งเข้าบ้านไปท่ามกลางความตกใจของทุกคน “ฝน.. นี่น้องอิ่มอุ่นทำอะไรผิดไหมคะคุณแม่ คุณพ่อ..” สาวน้อยหน้าซีดทำท่าเหมือนจะร้องไห้เมื่อคิดว่าตนทำให้ปลายฝนไม่พอใจคุณอัคคีจึงเข้ามาโอบกอดแล้วลูบศีรษะเล็กเบาๆ “ไม่หรอกลูก หนูฝนเขาอาจจะไม่สบาย” “เดี๋ยวแม่จะเข้าไปดูหนูฝนหน่อยนะ เอาล่ะทุกคนไม่ต้องตกใจนะจ๊ะ ตามสบายเลยจ้ะ..” คุณอโนมาลุกเดินตามปลายฝนเข้าไปในบ้าน ผู้สูงวัยหน้าซีเผือดเมื่อได้ยินเสียงอาเจียนโอ้กอ้ากดังออกมาจากห้องน้ำรับรองชั้นล่าง ร่างระหงที่ยังคงงดงามสมวัยเดินไปหาสาวน้อยที่โก่งคออาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตายช้าๆ “เป็นอย่างไรบ้างหนูฝน” “ฝน.. เวียนหัวค่ะ” สาวน้อยตอบอย่างแผ่วระโหย พลางโผเผล ออกมาจากห้องน้ำ คุณอโนมาส่งกระดาษให้เช็ดหน้าแล้วประคองร่างบอบบางไปนั่งที่โซฟาช้าๆ “คุณแม่ขา ฝน..” ปลายฝนเงยหน้ามองผู้มีพระคุณด้วยน้ำตาเมื่อรู้ตัวดีว่าสาเหตุที่ตนอาเจียนเช่นนี้เกิดจากสาเหตุอะไรแม้ไม่ค่อยแน่ใจแต่ลึกๆ แล้วเธอรู้ตัวดี “ไม่เป็นไรจ้ะคนดีของแม่อ้อน ไม่ต้องเสียใจนะเราจะช่วยกันแก้ไข ไหนบอกมาสิว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” ผู้เป็นเสมือนมารดาแท้ๆ เอ่ยถามเสียงนุ่มนวลปลายฝนยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิมรู้สึกละอายใจเกินจะเอื้อนเอ่ยคำใดๆ ออกมาได้แต่ส่ายหน้ากับอกนุ่มอบอุ่นของนางอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี “ฝนบอกไม่ได้ค่ะ ฝน..” “เอาเถอะ ยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เราจะไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจให้แน่ใจและฝากท้องให้เรียบร้อยดีไหม” “ฝนขอโทษค่ะ ฝนเป็นลูกที่ไม่ดีทำให้คุณแม่คุณพ่อผิดหวัง อับอาย..” “ไม่เลยจ้ะ ทุกคนเรามันก็ต้องมีผิดพลาดและพลั้งเผลอกันได้ทุกเมื่อ แม่อ้อนเองก็เคยพลั้งพลาด การที่ใครสักคนจะทำผิดทั้งโดยไม่ตั้งใจหรือตั้งใจ ไม่ได้หมายถึงว่าคนคนนั้นเป็นคนไม่ดีหรือเหลวไหลน่าอับอาย แต่เมื่อผิดแล้วแก้ไขก็สมควรแก่การให้อภัย แต่ถ้าผิดพลาดพลั้งแล้วไม่แก้ไขไม่ปรับปรุงตัวยังคงทำผิดอยู่ซ้ำๆ ต่างหากที่น่าเป็นห่วงและน่าอับอายน่าผิดหวัง ฝนไมได้ทำให้แม่กับพ่อผิดหวังเลยนะจ๊ะตรงกันข้ามฝนเป็นเด็กดีและทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจมาก อย่าคิดมากเลยลูก” “แต่ฝน..” ปลายฝนสะอื้นฮึกตีบตันไปทั้งใจ “เช็ดน้ำตาซะ แล้วออกไปทานข้าวกันกับครอบครัวของเรา จำไว้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราคือคนในครอบครัวเดียวกัน ต้องรักกันสามัคคีและให้กำลังใจกัน ถ้าหากฝนท้องจริงๆ แม่ก็ดีใจที่จะได้อุ้มหลานไม่ว่าเด็กคนนี้จะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม เขาคือลูกของฝนและเป็นหลานของแม่ จำไว้นะลูก” คุณอโนมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มขาวซีดเบาๆ ปลายฝนพยักหน้าแล้วกราบลงกับอกอุ่นของนางด้วยความซาบซึ้ง หนทางที่มืดมนก่อนหน้านี้พลันสว่างไสวไปด้วยความรักและเมตตาของคุณอโนมา เธอช่างมีบุญเหลือเกินที่ได้คุณอโนมารับอุปการะเลี้ยงดูด้วยดีเสมอมา..  สี่ปีผ่านไปเร็วราวติดปีกจากสาวน้อยวัยสวยสดปลายฝนเติบใหญ่กลายเป็นหญิงสาววัยยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ที่สวยสะพรั่งทั้งยังเนื้อหอมด้วยความสวยและฉลาดเฉลียว เป็นเลขาที่เก่งฉกาจของคุณอัคคีซึ่งปัจจุบันก็ได้วางมือจากงานลงบ้างแล้ว โดยให้อัคราเป็นผู้บริหารจัดการงานในสาขาต่างประเทศส่วนบริษัทอสังหาริมทรัพย์รวมไปถึงโรงแรมและรีสอร์ตบางแห่งในประเทศไทยเขาก็ได้วางใจให้ปลายฝนดูแล ซึ่งปลายฝนก็ทำได้ดีเป็นที่เคารพและไว้วางใจของพนักงานและได้รับการยอมรับของคณะกรรมการผู้บริหารระดับสูงขององค์กร ตอนนี้เธอกลายเป็นว่าที่นักธุรกิจหญิงที่สวยเก่งฉลาดไปโดยปริยายแต่ก็ยังคงทำหน้าที่เลขาให้กับคุณอัคคีอยู่เช่นเดิม “วันนี้คุณพ่อคุณแม่จะกลับรึยังครับพี่ฝน” อาทิตย์วราหนุ่มน้อยวัยสิบแปดปีเศษซึ่งกำลังศึกษาในชั้นปีที่หนึ่งของมหาวิทยาลัยชื่อดังเอ่ยถามพี่สาวซึ่งตักข้าวใส่จานให้ตน “ยังไม่กลับจ้ะ อยู่ที่เกาะพราวแสงจันทร์อีกอาทิตย์หนึ่งแน่ะ พี่ล่ะคิดถึงจะแย่แล้ว” “ที่คิดถึงเนี่ยคิดถึง น้องแซม หรือคิดถึงคุณพ่อคุณแม่ครับ” “ก็ทั้งสามคนนั่นล่ะ แล้วนี่อิ่มอุ่นพี่สาวเราไปไหนเสียล่ะไม่เห็นลงมาทานข้าว” “เมื่อคืนกลับมาดึกครับเมื่อกี้ผมไปเคาะประตูก็เงียบ สงสัยเมาหนักเลยแฮ้งค์มั้ง” “เอ๊ะ อิ่มอุ่นไม่ใช่นักเที่ยวจะเมาได้ยังไง ไม่ได้การแล้วพี่จะขึ้นไปดูพี่สาวเราหน่อย โอมทานข้าวไปก่อนนะจ๊ะ..” ปลายฝนในชุดทำงานสวยทันสมัยหน้ายุ่งไม่อยากจะเชื่อว่าน้องสาวของตนจะทำตัวเหลวไหล “คร้าบผม..” หนุ่มน้อยรับคำแล้วก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยทั้งยังยกหนังสือนวนิยายแปลเล่มโปรดขึ้นอ่านไปด้วยเพราะปกติแล้วเวลาที่บิดามารดาอยู่ร่วมโต๊ะด้วยเขาไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้นั่นเอง... ทางด้านปลายฝนซึ่งขึ้นมาดูน้องสาวก็เคาะประตูเบาๆ แล้วร้องเรียกเจ้าของห้องสักครู่ประตูก็เปิดออกเจ้าของห้องยังอยู่ในสภาพใบหน้ายุ่งเหยิงตาบวมแดงก่ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก “อิ่มอุ่นเป็นอะไรไป..” ปลายฝนหน้าตื่นแล้วโอบกอดร่างที่โผเข้าหาอย่างตกใจ “ฮือๆ ฝนช่วยอิ่มอุ่นด้วย” “ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูดมา เกิดอะไรขึ้น” เมื่อเข้ามาในห้องนอนสีหวานของอัจฉรียาพร “ไหนมีอะไรบอกฝนมาสิ” “ฮือออ เจ็บใจนัก อิ่มอุ่นเสียท่าพี่สิงโต” อัจฉรียาพรทุบหมอนปุบๆ ด้วยท่าทางฉุนเฉียวปลายฝนตกใจหน้าซีดไม่คิดว่าสิงหราชจะมีนิสัยชอบรังแกผู้หญิงเหมือนกับใครบางคน “นี่หมายความว่า...” “ยังคะ อิ่มอุ่นยังไม่ได้พลาดท่าเสียทีพี่สิงโตถึงขั้นนั้น แต่พี่สิงโตจะต้องรับผิดชอบอิ่มอุ่นที่บังอาจมาจูบอิ่มอุ่น” สีหน้าแววตาท่าทางของอัจฉรียาพรดูจะเอาจริงเอาจังแววตาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจเมื่อพูดถึงสิงหราช ปลายฝนลอบถอนใจโล่งอกที่อัจฉรียาพรยังไม่ได้มีอะไรเกินเลยกับสิงหราช ไม่เช่นนั้นคงจะเกิดเรื่องใหญ่แน่นอน “แล้วอิ่มอุ่นจะทำไงล่ะจ๊ะ” “อยากเจ้าชู้ เห็นผู้หญิงเป็นของเล่นดีนัก น้องอิ่มอุ่นจะดัดนิสัยคนนิสัยเสียให้หลาบจำเลยทีเดียว” “อิ่มอุ่นจะทำอะไรจ๊ะ” “พรุ่งนี้อิ่มอุ่นจะไปหาคุณป้าเกศรากับคุณลุงที่คุ้ม พี่สิงโตจะต้องหมั้นกับอิ่มอุ่นโดยทันที” “เอ่อ.. จะ จะดีเหรอจ๊ะไม่รอคุณพ่อคุณแม่มาก่อนเหรอ” ปลายฝนหน้ายุ่งเมื่อเห็นเค้าลางความวุ่นวายของคนทั้งคู่ “ไม่ต้องห่วงค่ะ อิ่มอุ่นโทร. บอกพวกท่านแล้ว คุณพ่อคุณแม่จะตามอิ่มอุ่นไปค่ะจะพาน้องแซมไปด้วย” “หา.. รวดเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ” ปลายฝนอุทานอย่างไม่อยากเชื่อว่าน้องอิ่มอุ่นจัดการเรื่องต่างๆ ได้รวดเร็วจนเธอตั้งตัวไม่ทัน “แล้วนี่พี่สิงโต..” “หึ ไอ้พี่สิงโตกระอักเลือดแน่ๆ ที่กล้ามาล่วงเกินอิ่มอุ่น คราวนี้ล่ะจะจัดการให้อ่วมเลย บังอาจกับอิ่มอุ่นดีนัก” หญิงสาวยิ้มอย่างพอใจทั้งที่เมื่อครู่ยังร้องไห้ตาบวมอยู่เลย... “แล้วอิ่มอุ่นคิดจะแต่งงานกับพี่สิงโตจริงๆ เหรอ” “ไม่ค่ะ..” “อ้าว..” ปลายฝนมึนไปกับคำตอบแสนมั่นใจของน้องสาว “ก็อิ่มอุ่นจะทำให้พี่สิงโตเสียหน้าแล้วจะยั่วให้รักอิ่มอุ่น หลังจากนั้นก็จะชิ่งถอนหมั้นไงคะแล้วอิ่มอุ่นจะหนีไปไกลๆ สักพักปล่อยให้พี่สิงโตเดียวดายในวันแต่งงาน พี่สิงโตจะได้รู้ว่าอย่าคิดเล่นๆ กับผู้หญิง อย่าคิดว่าทำเหมือนพวกเราเป็นดอกไม้ข้างทาง ฮ่าๆ” อัจฉรียาพรเช็ดน้ำตาแล้วยิ้มกว้างอย่างมั่นใจ “โธ่เอ๊ย คิดแบบเด็กๆ น่าอิ่มอุ่น” “ไม่รู้ละ อิ่มอุ่นไม่ยอมโดนจูบฟรีๆ หรอก คอยดูนะ จะแก้แค้นให้สาสมเลย” ปลายฝนถอนใจไม่รู้จะพูดให้อัจฉรียาพรเปลี่ยนใจกับแผนการที่คิดไว้ได้อย่างไร เพราะหากเจ้าหล่อนคิดจะทำอะไรแล้วก็จะมุ่งมั่นทำจนสำเร็จและหากแค้นใจใครก็จะตามเอาคืนจนสาสมจนพอใจนั่นล่ะอัจฉรียาพรจึงจะหยุด เรื่องนี้ก็เช่นกันเห็นทีคราวนี้ไม่ใครก็ใครล่ะจะตกหลุมพรางของตัวเอง “เอาล่ะในเมื่อคิดว่ามันสมควรแล้วฝนก็ไม่ห้ามหรอก แต่อยากจะบอกว่าให้อิ่มอุ่นคิดไตร่ตรองดีๆ ก่อนก็เท่านั้น เพราะต่างก็มีหน้ามีตาทั้งสองฝ่าย อีกอย่างคุณลุงคุณป้าก็เป็นคนที่เรารักและเคารพจะทำการหักหน้าท่านด้วยการหนีการแต่งงานก็กระไรอยู่” ปลายฝนเตือนสติ “อิ่มอุ่นรู้ค่ะ แต่ฝนไม่ต้องห่วงเพราะอิ่มอุ่นมีแผนในใจแล้ว” “จ้าแม่คนเก่ง เอาล่ะในเมื่อไม่เป็นอะไรก็ลงไปทานข้าวได้แล้ว” “ค่า คุณแม่ คุณแม่ฝนเจ้าระเบียบ..” อัจฉรียาพรลากเสียงล้อเลียนปลายฝนส่ายหน้ายิ้มๆ กับท่าทางเหมือนเด็กๆ ของอีกฝ่ายก่อนจะเดินลงไปรับประทานอาหารพร้อมกัน  “สำลี อยู่ไหนลูกมากินข้าวเร็ว สำลี..” ปลายฝนก้มๆ เงยๆ ร้องเรียกเจ้าแมวเหมียวตัวสีขาวสะอาดทั้งตัวซึ่งเธอชุบเลี้ยงมันจากแมวจรจัดตัวผอมแห้งจนตอนนี้กลายเป็นแมวอ้วนฉุแสนจะขี้เกียจและชอบเที่ยวซุกซนไปทั่วทั้งบ้านวันนี้เธอเห็นฝนตั้งเค้ามาก็กลัวมันจะไปเล่นเพลินแล้วเปียกฝนยิ่งฝนลงเม็ดบางๆ มาก็ยิ่งนึกห่วงแล้วช่วงปลายฝนต้นหนาวเช่นนี้ก็มีฝนตกตลอดหลายวันที่ผ่านมา “ไปไหนกันนะสำลี อย่าบอกนะว่าไปหลบที่บ้านนั้นอีกแล้ว” ปลายฝนถอนใจเมื่อมองไปยังบ้านหลังงามที่ยังคงได้รับการดูแลอย่างดีสะอาดสะอ้านเหมือนเดิมทุกอย่างแม้เจ้าของบ้านจะไม่เคยกลับมาเลยกว่าสี่ปีที่ผ่านมาก็ตาม หญิงสาวมองรั้วต้นโมกข์ที่ออกดอกขาวสะพรั่งอย่างปวดร้าวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อน และตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่เคยเข้าไปในบ้านหลังนั้นอีกเลย... “มีใครอยู่บ้างนะ จะให้คนเข้าไปดูเสียหน่อย” เมื่อต้องการจะหาตัวเจ้าสำลีที่มักจะชอบแอบไปนอนเล่นที่บ้านหลังนั้นเธอจะให้คนอื่นเข้าไปตามหามันและก็จะเจอตัวเจ้าสำลีนอนอย่างสบายอารมณ์อยู่ในบ้านหลังนั้นเป็นประจำ... “พี่สมรคะ พี่ๆ เขาไปไหนกันหมดคะ” ปลายฝนถาม พี่สมร สาวใช้ซึ่งเดินผ่านมาด้วยท่าทางร้อนรน “คุณหนูอิ่มอุ่นไปเชียงใหม่ค่ะ ส่วนคุณหนูโอมไปค่ายกับมหาวิทยาลัย ป้าโฉมกับพี่สนพาลุงอินไปหาหมอค่ะลุงอินแกปวดท้องกะทันหันไม่รู้ว่าไส้ติ่งอักเสบรึเปล่านะคะ ส่วนพี่เข้มกับเมียก็ขอลากลับบ้านที่ต่างจังหวัดสองสามวันค่ะ พี่ศักดิ์กับเมียก็ไปกับคุณท่านไงคะ พี่สมรกับพี่สมใจก็กำลังจะไปตลาดค่ะ คุณฝนมีอะไรจะใช้พี่สมรหรือคะ” ถามนิดเดียวพี่สมรสาวใช้ช่างพูดบรรยายเสียจนปลายฝนต้องส่ายหน้ายิ้มๆ “งั้นก็ไปเถอะค่ะ” “ค่า..” พี่สมรยิ้มแหยๆ เมื่อเห็นแววตาขันๆ ของผู้เป็นนายแล้วรีบเดินไปหาพี่สมใจซึ่งเป็นพี่สาวของตนที่ติดเครื่องยนต์รถกระบะคันเก่งของเหล่าสาวใช้ที่ใช้เดินทางไปจับจ่ายซื้อของที่ตลาดตลอดจนห้างสรรพสินค้าซึ่งมันปลอดภัยและสะดวกกับบรรดาสาวๆ ที่ออกไปตลาดซึ่งบางวันคนขับรถคนสวนไม่อยู่พวกเธอก็จะขับไปกันเองจนตอนนี้เหล่าสาวใช้ขับรถเก่งกันทุกคนและไม่ง้อพวกผู้ชายซึ่งบางทีมีงานติดพันก็ไม่อยากละมือจากงานที่ทำอยู่นั่นเอง เมื่อพี่สมรออกไปแล้วปลายฝนก็ถอนใจออกมาเบาๆ เมื่อตอนนี้ไม่มีใครจะไปตามเจ้าสำลีให้อีกแล้ว และฝนก็ทำท่าจะตกหนักมากขึ้น หรือว่าเธอจะปล่อยให้มันนอนอยู่ที่นั่น.. ปลายฝนหันไปมองบ้านที่เต็มไปด้วยความหลังอันแสนเจ็บปวดก่อนจะตัดสินใจก้าวกลับไปที่นั่นอีกครั้ง กับความรู้สึกที่พยายามปลอบตัวเองว่า ไม่เป็นไร เขาไม่อยู่ ไม่ต้องกลัว รีบไปรีบกลับ... ปลายฝนเดินเร็วๆ หมายจะไปตามหาเจ้าสำลีและพามันกลับบ้านใหญ่โดยเร็ว ในขณะที่เมฆฝนตั้งเค้าทะมึนและสายฝนเริ่มตกปรอยๆ
已经是最新一章了
加载中