บทที่ 3 ข่าวดี?
1/
บทที่ 3 ข่าวดี?
ลุ้นรักวิวาห์ร้อน
(
)
已经是第一章了
บทที่ 3 ข่าวดี?
บทที่ 3 ข่าวดี? สองเดือนต่อมา หลังจากวันนั้นฉันก็ใช้ชีวิตตามปกติสุข คิดซะว่าเรื่องในวันนั้นเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเพียงเท่านั้น จนมาถึงวันนี้เมื่อฉันกับเพื่อนนัดเจอกันที่ร้านอาหารอีสานแห่งหนึ่ง หลังจากที่เราทั้งสามเลิกงานแล้ว “โทษทีว่ะมาสายไปหน่อย” เมื่อมาถึงก็รู้สึกเหนื่อยหอบเล็กน้อย เพราะพยายามเดินเร็วมาเนื่องจากผิดนัดไปเกือบครึ่งชั่วโมง ช่วงนี้งานค่อนข้างเยอะจึงทำเลยเวลาเป็นประจำ แต่ค่าแรงยังคงได้เท่าเดิม(แอบบ่น หุหุ) “ไม่หน่อยแล้วย่ะแค่เกือบครึ่งชั่วโมงเอง” โบ๊ทพูดจาเหน็บแนม ทำหน้าน่าหมั่นไส้ซะเหลือเกิน ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนรักฉันคงกระชากผมขึ้นมาตบซะแล้ว ฮ่าๆ “จ้า...ก็ขอโทษแล้วไงยะ ทีแกมาสายเพราะไปนอนกกผู้ชายพวกฉันยังไม่เห็นบ่นกันเลย” “ก็มันเป็นเหตุสุดวิสัยนี่นา ผู้ชายไม่ปล่อยฉันมาจะมาได้ไงยะ รีบสั่งอาหารกันดีกว่าฉันหิวจนท้องร้องโครกครากแล้วเนี่ย” แหมทีอย่างนี้ทำเป็นเปลี่ยนเรื่องนะยะ “เอ้อ...แล้วพี่ต๋องไม่มาด้วยเหรอแก” ฉันหันไปเอ่ยกับน้ำ “ฉันชวนแล้วแต่ติดงานน่ะ” เราคุยกันไปพร้อมทั้งกำลังเลือกเมนูอาหาร “เออว่ะลืมไปเลยพี่ฟีฟ่าของฉันล่ะเป็นไงบ้าง ตั้งแต่วันนั้นยังไม่ได้เจอกันอีกเลย” ได้ยินอย่างนั้นฉันจะทำหน้าเซ็ง ๆ ก้มลงไปดูเมนูปล่อยให้สองคนนั้นคุยกันต่อ “หลังจากวันนั้นก็เจอกันแค่ครั้งเดียวเอง” “ว่าแต่หล่อ ๆ อย่างนั้นมีแฟนหรือยังยะ ฉันล่ะอยากกินมากกกก หล่อ-ล่ำ-ขาว-ใหญ่ อร้ายยย!!” นางทำสีหน้าราวกับตอนนี้กำลังโดนเขาตอกเสาเข็มก็ไม่ปาน อะไรจะฟินขนาดนั้นยะอีโบ๊ท! “อีห่าดูทำหน้าทำตา ฉันก็ไม่รู้จักเขาดีเท่าไหร่หรอก แต่พี่ต๋องเคยเล่าให้ฟังว่าเจ้าชู้ตัวพ่อ คาสโนว่าขั้นเทพ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนจับได้แต่ก็ไม่เคยขาดผู้หญิง” “อุ๋ยๆๆๆ อย่างนี้ล่ะฉันชอบท้าทายเว่อร์!!” “หยุดมโน! คนอย่างพี่ฟีฟ่าไม่เอาแกหรอกย่ะ แต่ถ้าเป็นคนอื่นไม่แน่” น้ำว่าพร้อมทั้งปรายตามองมาที่ฉัน แถมยังอมยิ้มอย่างมีเลศนัยอีกต่างหาก “มองฉันอย่างนี้หมายความว่าไงยะ” ฉันเค้นเสียงถาม “หรือว่าพี่ฟีฟ่าสนใจอีข้าว ไม่จริงใช่ไหมวันนั้นยังจะตีกันอยู่เลย อ้อ!!! ฉันลืมไปว่าบ้านติดกันนี่นา อย่างนี้แกต้องเจอหน้าพี่ฟีฟ่าทุกวันเลยอ่ะดิ” โบ๊ททำสีหน้าระรื่นแสดงท่าทีดี๊ด๊าจนออกนอกหน้า “อย่ามโนฉันกับนายนั่นไม่เคยญาติดีกันอยู่แล้วทำไมจะต้องสนใจด้วยล่ะ เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะจะแดกไหมข้าว” “แดกสิยะแต่วันนี้ฉันขอไปบ้านแกด้วยได้ไหมเผื่อจะเจอพี่ฟีฟ่าบ้าง ฉันรับรองว่าจะไม่ทำให้แกเดือดร้อน นะๆๆๆ” ว่าแล้วเพื่อนตัวดีก็นวดแขนฉันอย่างออดอ้อน เฮ้อ! เรื่องผู้ชายมันทำได้ทุกอย่างเลยสินะ “ให้มันไปด้วยเถอะถือว่าสงสารลูกหมาตัวป้อม ๆ อ้วน ๆ” “อีน้ำตบปากตัวเองตามอายุเดี๋ยวนี้ ฉันผอมฉันสวยย่ะ!” เมื่อมีคนว่ามันอ้วนนางจะหันขวับมาจิกตาใส่ทันที เหมือนที่ทำกับน้ำในตอนนี้ “จ้าแกผอมมากกกก พอใจยัง” น้ำลากเสียงยาวประชด โบ๊ทเหลือบตามองอย่างไม่สนใจแล้วหันมาออดอ้อนฉันต่อ “นะเพื่อนข้าวให้เพื่อนไปด้วยนะ” “เออๆๆ ไปก็ไปแต่แกห้ามทำตัวตุ้งติ้งต่อหน้าป๊าฉันนะ แกก็รู้ว่าป๊าฉันไม่ชอบแบบนี้” “เออฉันรู้ จะทำตัวให้แมนที่สุดเลยย่ะ” “งั้นตกลงตามนี้ แต่ถ้าแกอยากเจอน้านายนั่นก็หาวิธีเอาเองละกันเพราะฉันจะไม่ช่วย” “ฉันรู้แล้วน่าว่าแกเกลียดเขาจะตาย ทั้งที่บ้านอยู่ติดกันแท้ ๆ น่าจะผูกมิตรกันไว้เฮ้อ” มันบ่นแต่กลับยิ้มไม่ยอมหุบ คงคิดสินะว่าคนอย่างนายนั่นจะมาสนใจ มึงคิดผิดแล้วอีโบ๊ท!!! นั่งรออยู่สักพักอาหารที่สั่งก็ถูกนำมาวางเรียงรายบนโต๊ะ เมนูต้นตำรับอาหารอีสานแท้ ๆ ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ แกงอ่อมเนื้อ ต้มแซ่บ และอื่น ๆ อีกสารพัดเมนูสั่งมาเพื่อสนองความอยากที่ไม่ได้เจอกันนาน กำลังจะลงมือทานกันอยู่แล้วเชียวแต่ทว่ากลับมีบางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้นกับฉัน “แหวะ! ทำไมมันเหม็นอย่างนี้เนี่ย” ตักส้มตำขึ้นมากำลังจะเอาเข้าปากอยู่แล้วเชียว แต่ทว่ามันกลับรู้สึกเหม็นจนฉันอยากจะอ้วกออกมา ซึ่งปกติแล้วมันไม่เคยเกิดขึ้นเลย เพราะฉันชอบทานปลาร้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว “แกจะบ้าเหรอเดี๋ยวเขาก็ไล่เราออกจากร้านหรอก ไม่เห็นจะเหม็นอะไรเลยรสชาติเดิมเป๊ะอย่างที่เคยกินนะยะ” เพื่อนสาวร่างท้วมว่าให้ฉัน “แกไม่สบายหรือเปล่าปกติไม่เคยเห็นเป็นอย่างนี้นี่นา” “ก็ไม่นะ อ้วกก! ฉันไม่ไหวแล้วไปห้องน้ำก่อนนะ” ฉันรีบลุกจากเก้าอี้วิ่งไปยังห้องน้ำของทางร้าน เมื่อมาถึงฉันก็สำรอกของเหลวในท้องลงในชักโครกจนหมดไส้หมดพุง ก่อนจะนั่งหมดแรงอยู่บนพื้นห้องน้ำ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่ “ข้าวแกเป็นไงบ้าง” น้ำเดินตามเข้ามาลูบหลังฉันเบา ๆ “ดีขึ้นแล้วล่ะแต่ฉันคงกินข้าวกับพวกแกไม่ไหวแล้วอ่ะ อ้วกก!!” พูดจบแล้วก็ต้องชะโงกหน้าไปที่ชักโครกอีกครั้ง สำรอกออกมาจนแทบไม่มีอะไรเหลือในท้องแล้ว ระหว่างนั้นยัยย้ำก็ใช้มือลูบหลังฉันป้อย ๆ “อ้วกอย่างกับคนแพ้ท้องซะอย่างนั้นล่ะ” ยัยน้ำเอ่ยเบา ๆ อย่างไม่คิดอะไร ประโยคเมื่อครู่ทำให้ฉันนึกเอะใจ ท้องงั้นเหรอ? มันไม่จริงใช่ไหม เรื่องอย่างนี้ต้องไม่เกิดขึ้นกับฉัน “มันจะเป็นไปได้ไหมแก” ฉันเริ่มใจไม่ดีน้ำใส ๆ เริ่มคลอหน่วยตาจวนจะพังลงมาเต็มที “รอบเดือนแกยังมาปกติอยู่ไหม” ฉันพยายามนึกว่ารอบเดือนมาครั้งสุดท้ายเดือนไหนกันแน่ “ไม่มาสองเดือนแล้วอ่ะแก” ฉันตอบเสียงสั่นหัวใจเต้นแรงกลัวว่ามันจะเป็นอย่างที่คิด “ทำใจดี ๆ ไว้นะแกฉันว่าคงใช่แล้วล่ะ ปกติรอบเดือนแกมาครบทุกเดือนอยู่ใช่ไหม” ฉันได้แต่พยักหน้าให้มัน “แค่ครั้งเดียวเองนะจะเป็นไปได้เหรอ” “เอางี้เราไปตรวจโรงพยาบาลกันให้มันรู้กันไปเลย แกจะได้ไม่ต้องเครียดไง บางทีมันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้นะ” น้ำพยายามหาทางออกให้ ซึ่งฉันเองก็เห็นด้วยแต่ทว่าหากมันใช่อย่างที่กลัวล่ะ ฉันจะทำยังไงดี “แกต้องไปเป็นเพื่อนฉันนะ..ฉันกลัวอ่ะ” “โอเค ๆ ฉันจะไปเป็นเพื่อน คนอย่างแกเคยกลัวอะไรซะที่ไหนกันอย่าทำตัวอ่อนแอสิยะ สูดหายใจเข้าลึก ๆ” ใช่สิ! ฉันไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้วนี่นา แต่ทว่าปัญหาในครั้งนี้มันช่างใหญ่หลวงนัก ขออ่อนแอสักวันนึงเถอะนะเพื่อนรัก ฉันหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกอย่างช้า ๆ ทำอย่างนั้นจนรู้สึกดีขึ้น “ฉันพร้อมแล้วรีบไปกันเถอะ” ฉันจูงมือน้ำกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับเอ่ยถามอะไรบางอย่างเสียก่อน “เดี๋ยว! แล้วอีโบ๊ทล่ะจะบอกมันไหม” “แล้วแกว่าไงล่ะ” ฉันถามกลับเพราะถึงอย่างไรมันก็เพื่อน หากมารู้ทีหลังมีหวังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ ๆ “ควรจะบอกความจริงมันได้แล้วล่ะ สมมติถ้าแกท้องขึ้นมางจริง ๆ หากมันรู้หลังจากนี้คงจะโกรธมากแน่ ๆ” “ไม่ต้องบอกแล้วย่ะฉันได้ยินหมดแล้ว พ่อเด็กเป็นใครบอกฉันมาเดี๋ยวนี้” โบ๊ทปรากฏตัวให้เห็นตรงหน้าประตูห้องน้ำ มันยืนกอดอกส่งสายตาอันดุดันมองมาที่เราทั้งสองคน โดยเฉพาะฉันที่ดูท่าจะเป็นผู้ต้องหารายแรกๆ ที่มันจะสำเร็จโทษ “แกมายืนอยู่ตรงนี้นานแล้วเหรอ” ฉันถามเสียงอ่อยเมื่อเห็นสีหน้าอันจริงจังของมัน นานทีปีหนจะเห็นอย่างนี้ “ก็นานจนรู้ว่าแกท้อง” “ยังไม่ได้ท้องแค่สันนิษฐานเท่านั้นเอง” ฉันตอบไป “แล้วสรุปแกไปมีอะไรกับใคร ทำไมฉันไม่รู้เรื่องนี้” “เอ่อ...บอกไปแกก็ไม่รู้จักหรอก จะมายืนคุยอะไรหน้าห้องน้ำรีบไปกันเถอะ” ฉันรีบจูงมือน้ำออกไปก่อนที่โบ๊ทจะถามอะไรไปมากกว่านี้ ไม่นานหลังจากนั้นเราสามคนก็มาถึงโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด โดยแทบไม่ได้แตะต้องอาหารที่สั่งมาเลยสักคำ หลังจากไปเจาะเลือดแล้วฉันก็นั่งรอผลตรวจที่หน้าห้อง โดยมีเพื่อนทั้งสองนั่งประกบข้างคอยให้กำลังใจไม่ห่าง ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่หัวใจยิ่งเต้นแรง รู้สึกกดดันมากเหลือเกิน ภาวนาในใจขอให้ตัวเองไม่ท้อง “คุณขวัญข้าวเชิญพบคุณหมอได้เลยค่ะ” ได้ยินเสียงพยาบาลเรียกชื่อความคิดต่าง ๆ ในหัวก็สลายหายไปจนหมด จากนั้นจึงตั้งสติเพื่อไปฟังผลตรวจที่กำลังจะรู้ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แล้ว “ให้เพื่อนเข้าไปข้างในด้วยได้ไหมคะ” “ถ้าเป็นความต้องการของคุณก็ได้ค่ะ” ได้ยินอย่างนั้นฉันก็รู้สึกโล่ง อย่างน้อยหากรู้ผลแล้วเกิดอะไรขึ้นเพื่อนทั้งสองจะได้ช่วยพยุงตัวฉันไว้ได้ทันการ “พวกฉันจะอยู่ข้าง ๆ แกเองไม่ต้องเครียดนะ” น้ำเอ่ยให้กำลังใจ “ขอบใจนะ ฉันกลัวว่ามันจะเป็นอย่างที่คิดน่ะสิ” “เอาน่าถ้าท้องขึ้นมาจริง ๆ ฉันจะรับเป็นลูกเองไม่ต้องห่วง” โบ๊ทพูดติดตลกเพื่อให้ฉันคลายความกังวล แต่มันกลับทำให้ฉันเครียดขึ้นกว่าเดินน่ะสิ ถ้าท้องขึ้นมาจริง ๆ จะบอกเรื่องนี้กับป๊ายังไงดี “ถ้างั้นแกต้องแอ๊บแมนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนะยะ” ฉันตอบ นั่นทำให้เราทั้งสามมีรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องตรวจพร้อมกัน เข้าไปข้างในแล้วคุณหมอก็ทักทายอย่างเป็นกันเอง แต่ทว่าความตื่นเต้นกลับไม่ลดลงเลยสักนิด ก่อนจะแจ้งผลคุณหมอก็อธิบายเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ให้ฟังอย่างคร่าว ๆ นั่นทำให้ฉันยิ่งคิดว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นไปได้ “สรุปว่าฉันท้องหรือเปล่าคะคุณหมอ” เมื่อคุณหมอพูดจบฉันจึงเริ่มยิงคำถามทันที “ว่าแต่วันนี้แฟนคุณไม่มาด้วยหรอกเหรอครับ หรือว่าเป็นคุณคนนี้” คุณหมอไม่ตอบแต่กลับถามฉันคืน แต่ทว่าคำถามนั่นกลับทำให้ฉันรู้สึกขำ “ว้าย! หนูเป็นเพื่อนค่ะคุณหมอไม่ใช่แฟน” นางรีบปฏิเสธเสียงแข็งกลัวว่าคุณหมอจะเข้าใจผิด ฉันรู้ว่ามันกำลังจ้องจะงาบคุณหมอนั่นเอง เพราะคุณหมอหล่อไม่ใช่น้อยตรงสเปกมันเลยทีเดียว “หมอรู้อยู่แล้วล่ะแค่อยากให้คุณผ่อนคลายบ้างเท่านั้นเอง” “คุณหมอนี่ตลกจังเลยนะคะ คือว่า...ฉันยังไม่มีแฟนหรอกค่ะ” “หืม! ยังไม่มีแฟนแล้วทำไมถึง...” คุณหมอขมวดคิ้วมองหน้าฉันอย่างประหลาดใจ ฉันเองคาดเดาไม่ออกว่าเขากำลังมองฉันในแง่ลบหรือบวกกันแน่ “มันเกิดจากความผิดพลาดค่ะ คุณหมอคงเข้าใจคำว่าพลาดนะคะ” “ผมเข้าใจครับ เพราะคนไข้ผมหลาย ๆ เคสก็เป็นอย่างคุณนี่ล่ะ ตอนนี้คุณพร้อมจะฟังผลแล้วใช่ไหม” คุณหมอหนุ่มสุดหล่อเอ่ยถามอีกครั้ง “พร้อมตั้งนานแล้วค่ะคุณหมอ รีบบอกมาเถอะก่อนที่ฉันจะเป็นลมไปเสียก่อน” ตอนนี้เริ่มหงุดหงิดคุณหมอคนนี้ซะแล้ว ลีลาอยู่ได้จะบอกก็รีบบอกซะที “โทษทีครับงั้นฟังให้ดี ๆ หมอขอแสดงความยินดีด้วยครับคุณตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว” ฉันอึ้ง!!!!! นั่งเอ๋อแดกอยู่อย่างนั้น มองหน้าคุณหมอตาค้าง ในสมองมันขาวโพลนไปหมดคิดอะไรไม่ออก “คะ..คุณหมอลองพูดอีกครั้งได้ไหมคะ ฉันได้ยินไม่ถนัด” “คุณตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้ว ชัดหรือยังครับ” “ชัดแล้วค่ะ เต็มสองรูหูเลยค่ะ” ว่าแล้วก็หันไปมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนอย่างเซ็ง ๆ “ทำใจดี ๆ ไว้นะแกทุกอย่างมันต้องมีทางออก” น้ำเอ่ยพลางตบไหล่ฉันเบา ๆ เพื่อเป็นการปลอบใจ “ไม่ต้องห่วงพวกฉันจะช่วยเลี้ยงหลานเองนะ” โบ๊ทเอ่ยหลังจากนั้น “ขอบใจพวกแกมาก แต่ฉัน....ฉันทำให้ป๊ากับม๊าเสียใจ ฮึก” ฉันเอ่ยเสียงสั่นจะร้องไห้ออกมารอมร่อ ทั้งที่พยายามห้ามแล้วแต่มันก็ทำไม่ได้ “ทุกปัญหาย่อมมีทางออก หมอยินดีให้คำปรึกษาตลอดเวลาเมื่อคุณต้องการนะครับ” คุณหมอยื่นนามบัตรให้จากนั้นจึงพูดต่อ “ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนะครับ ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ในท้อง เขาจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว หมอเข้าใจว่าการโดนทิ้งมันเจ็บปวดมากแค่ไหน เพราะหมอเองก็เคยโดนทิ้งเหมือนกัน แต่อดีตมันผ่านมาแล้วเราต้องเดินหน้าสู้ต่อไปนะครับ” เดี๋ยวนะหมอ! ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าโดนทิ้ง “หมอรู้ได้ไงว่าฉันโดนทิ้งคะ” ฉันจ้องหน้าถาม คำว่าโดนทิ้งไม่มีในสารบบความคิดฉันเลย และมันจะไม่มีวันนั้น “อ้าว! ก็พวกคุณพูดไปในแนวทางนั้นนี่นา ผมเลยเดาว่าน่าจะใช่” หมอเอ่ยหน้าตาย แถมยังส่งยิ้มหล่อมาให้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย “ฉันทิ้งผู้ชายต่างหากค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะ” ฉันยกมือไหว้แล้วรีบลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องทันที หมอบ้าอะไรจะทำให้คนไข้อารมณ์เสียอย่างนี้ “เดี๋ยวคุณ! ไปรับยาก่อนค่อยกลับนะครับ” “ไม่ต้องห่วงค่ะคุณหมอเดี๋ยวพวกหนูไปรับให้มันเอง ไปแล้วนะคะ” ฉันได้ยินเสียงสองคนนั้นพูดคุยกับคุณหมอก่อนจะเดินตามหลังออกมา “ข้าวรอพวกฉันด้วย!” ได้ยินเสียงเพื่อนเรียกฉันจึงหยุดชะงัก ยืนกอดอกรอพวกมันสองคนด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว ตอนนี้ไม่รู้จะโมโหให้ใครก่อนดี ระหว่างไอ้คนที่ทำให้ฉันต้องเป็นทุกข์อย่างนายฟีฟ่า หรือคุณหมอที่พูดจาหมาไม่แดกนั่น “วันนี้ไม่ต้องไปบ้านฉันแล้วนะไม่มีอารมณ์รับแขก” “เออ ๆ ไม่ไปก็ได้แต่แกต้องสัญญานะว่าจะดูแลตัวเองดี ๆ นี่ยาฉันไปเอามาให้” โบ๊ทยื่นถุงยาให้ “ขอบใจละกัน โทษทีที่พูดใส่อารมณ์ ฉันรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกน่ะสิ” “อย่างนี้ล่ะอารมณ์ของคนท้องมักจะแปรปรวนในช่วงแรก ๆ” น้ำว่า “ทำอย่างกับแกเคยท้องงั้นล่ะ” “ไม่เคยท้องแต่ก็เคยอ่านในเน็ตย่ะ เพราะอีกไม่นานฉันก็จะท้องเหมือนกัน” “ขอบใจพวกแกสองคนนะที่มาเป็นเพื่อน แต่เรื่องนี้ห้ามบอกใครเด็ดขาด โดยเฉพาะนายนั่น” พูดถึงแล้วก็อยากฆ่าให้ตายซะเหลือเกิน ถ้าเขารู้จะทำหน้ายังไงนะ จะดีใจหรือเสียใจที่มีลูกกับฉัน แต่สำหรับฉันเสียใจมากที่มีลูกกับผู้ชายคนนั้น “ฉันว่าควรให้พี่ฟีฟ่ารู้นะอย่างน้อยเขาก็เป็นพ่อของลูก หรือว่าแกจะเอาเด็กออกงั้นเหรอ อย่าทำอย่างนั้นเด็ดขาดนะ” น้ำมันคิดเองเออเองจับมือฉันเขย่าแรง ๆ “ทำไมฉันจะต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ คิด ๆ ดูแล้วเป็นอย่างนี้มันก็ดีเหมือนกันนะ เพราะฉันเองก็ไม่คิดอยากจะมีครอบครัวอยู่แล้ว ฉันจะเลี้ยงลูกเอง” ฉันเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ต้องเดินหน้าสู้ต่อไปอย่างที่คุณหมอหน้าหล่อนั่นบอก “อ้าว! พ่อของลูกในท้องแกคือพี่ฟีฟ่างั้นเหรอ ไหนบอกว่าเกลียดกันนักหนาทำไมถึงมีอะไรกันล่ะยะ หมดกันผู้ชายที่ฉันหมายปอง” โบ๊ทจ้องหน้าฉันราวกับเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตาย คงจะช็อกที่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นเขา “สรุปแกห่วงฉันหรือห่วงผู้ชายกันแน่” “ก็ห่วงแกนั่นล่ะเพียงแต่ฉันสงสัยเฉย ๆ” “งานเลี้ยงวันนั้นที่แกกลับก่อนไง ไอ้นั่นมันเข้าห้องผิดแล้วก็เกิดเรื่องบ้า ๆ ขึ้น ถ้าวันนั้นแกไม่กลับก่อนฉันคงไม่ต้องมาเครียดอยู่อย่างนี้หรอก” เมื่อพูดถึงก็พาลหาเรื่องเพื่อนซะงั้น “ฉันขอโทษก็วันนั้นผู้หล่อมากฉันพลาดไม่ได้นี่นา” มันทำหน้าหงอยอย่างสำนึกผิด “เออ ๆ ช่างเถอะมันเกิดขึ้นแล้วนี่นา เอาเป็นว่าฉันกลับก่อนนะ ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน ๆ รู้สึกกระอักกระอ่วนเต็มที” ฉันไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาลเลยสักนิด มันรู้สึกอย่างที่พูดจริง ๆ “ขับรถดี ๆ ละกันนึกถึงลูกในท้องให้มาก ๆ” น้ำบอก “โอเค ๆ ไปละนะ” ฉันโบกมือลาเพื่อนก่อนจะเดินแยกตัวออกไป *-*-*-*-*-*-* ในระหว่างขับรถกลับบ้านฉันก็คิดเรื่องป๊าไปด้วย กำลังตัดสินใจว่าจะบอกท่านตอนไหนดี จะเกริ่นเข้าเรื่องยังไง หากรู้ว่าพ่อของลูกในท้องคือนายฟีฟ่ามีหวังบ้านอีกหลังได้โดนถล่มแหลกเป็นจุณแน่ ๆ ที่สำคัญฉันกลัวว่าป๊าจะเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตัวด้วยน่ะสิ ขับรถมาถึงหน้าบ้านก็พบว่าน้องชายสุดที่รักกำลังยืนคุยกับลูกชายคนเล็กของบ้านโน้น ใช่แล้วค่ะ นั่นคือน้องชายของนายฟีฟ่าชื่อยูโร ส่วนน้องชายฉันชื่อเจ้านาย ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกัน ตอนนี้อยู่มอหกกันแล้ว แปลกไหมล่ะพ่อทะเลาะกันทุกวัน แต่ลูกชายกลับเป็นเพื่อนสนิทกันซะอย่างนั้น ปี๊บ ๆ ๆ ฉันบีบแตรรถเพื่อให้คนทั้งสองหลีกทางให้ เพราะตอนนี้ยืนคุยกันอยู่ตรงประตูรั้วทางเข้า ไม่รู้คุยอะไรกันนักหนาถึงมองไม่เห็นว่ารถขับมาจะเลี้ยวเข้าบ้าน เจ้านายเปิดประตูให้จากนั้นก็ยืนคุยกับเพื่อนต่อ ลงรถแล้วฉันจึงเดินออกมาหาน้องชายเพื่อถามหาป๊ากับม๊า “สวัสดีครับพี่ข้าว” ยูโรยกมือไหว้ฉันอย่างมีสัมมาคารวะ นิสัยดีต่างจากพี่ชายมากมาย “สวัสดีจ้ะยูโร คุยกันถึงพริกถึงขิงเลยนะจนลืมดูว่าพี่ขับรถมา” “ก็นิดหน่อยครับ” ยูโรตอบยิ้ม ๆ “ว่าแต่ป๊ากับม๊ายังไม่กลับเหรอนาย” “ยังอ่ะพี่ข้าวสงสัยเย็นโน่นล่ะ ลูกค้าคงเข้าร้านเยอะมั้ง” น้องชายผู้แสนเรียบร้อยและบอบบางของฉันหันมาเอ่ยด้วย เจ้านายเป็นผู้ชายตัวเล็ก ๆ บอบบางกว่าผู้หญิงอย่างฉันเสียอีก แต่ทว่าเป็นคนที่เรียนเก่งมาก ๆ ได้ที่หนึ่งของห้องมาโดยตลอด ส่วนยูโรจะนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง รายนั้นเป็นผู้ชายห้าว ๆ แมน ๆ ชอบแต่งรถ ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทกันได้ยังไง “ออ...งั้นคุยกันต่อเถอะพี่จะเข้าบ้านแล้ว” “ครับ” กำลังจะเดินเข้าบ้านแต่ฉันก็ตาดีเห็นสิ่งผิดปกติที่คอน้องชาย มันคือรอยแดงเป็นจ้ำ ๆ คล้ายกับรอยคิสมาร์กที่นายฟีฟ่าเคยทำไว้บนตัวฉันเมื่อสองเดือนก่อน “เอ๊ะ! คอแกไปโดนอะไรมา ทำไมมันเป็นรอยคล้ายกับโดนใครดูดมา” ไม่ว่าเปล่าฉันรีบเดินเข้าไปใกล้ เอื้อมมือจะจับแต่ทว่าอีกฝ่ายรีบจับคอเสื้อนักเรียนปิดไว้ แก้มที่เคยขาวใสแดงก่ำขึ้นมาทันที “มะ...ไม่มีอะไรหรอกพี่พอดีเกิดอุบัติเหตุที่โรงเรียนนิดหน่อย” น้องชายสุดที่รักไม่ยอมสบตาฉัน แค่นี้ก็รู้แล้วว่าโกหกคำโต ต้องมีอะไรแน่ ๆ หรือว่ามันกำลังจะมีแฟนงั้นเหรอ “แกกำลังโกหกพี่ บอกมาซะดี ๆ ว่าใครทำ แกไปมีแฟนตั้งแต่ตอนไหนทำไมพี่ไม่รู้” หากป๊ารู้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ เพราะท่านหวังกับเจ้านายไว้มาก ไม่อยากให้ชิงสุกก่อนห่าม แกทำใครท้องขึ้นมามีหวังอนาคตดับแน่ “มันยังไม่มีแฟนหรอกครับพี่ข้าว วัน ๆ ก็อยู่แต่กับผมถ้ามีผมต้องรู้ดิ” กลายเป็นว่ายูโรตอบแทนซะงั้น รักเพื่อนมากเหลือเกินนะ “ชะ...ใช่ครับพี่ข้าว ผมยังไม่คิดเรื่องจะมีแฟนเลย ผมรู้ว่าป๊าอยากให้เรียนหมอ ผมไม่ทำให้ป๊าผิดหวังเด็ดขาด” ได้ยินอย่างนั้นฉันก็เหลือบตามองเด็กทั้งสองคนสลับไปมาอย่างจับผิด พูดยืนยันกันขนาดนี้ก็คงต้องเชื่อแล้วล่ะ อีกอย่างเจ้านายก็ไม่เคยโกหกเลยสักครั้งฉันคงจะคิดมากไปเอง “พี่จะเชื่อก็ได้ ที่บอกเพราะอยากให้แกตั้งใจเรียนเพราะป๊าหวังกับแกไว้มาก อย่าทำให้ป๊าผิดหวังเหมือน...” “เหมือนใครพี่” เจ้านายถาม “ปะ...เปล่าไม่มีอะไรคุยกันต่อเถอะพี่เข้าบ้านละ” “พี่ข้าวไม่ต้องห่วงนะครับผมจะดูแลมันเอง โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ไม่มีทางเข้าหามันหรอกถ้าผมอยู่ด้วย” ยูโรกล่าว “ยังไงก็ฝากมันด้วยนะยูโร” “ครับผมจะดูแลให้ดีเลยล่ะ ไอ้นี่มันว่านอนสอนง่าย ไม่กล้าหือกับผมหรอก” ว่าแล้วยูโรก็ยกมือขึ้นไปลูบกลางกระหม่อมเจ้านายเบา ๆ ราวกับเอ็นดูกันมากซะเหลือเกิน ดูแล้วทำไมรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ช่างเถอะเด็กผู้ชายสนิทกันมากคงจะแสดงออกประมาณนี้ล่ะมั้ง ตอนนี้สิ่งที่ฉันควรกังวลคือเรื่องตัวเองมากกว่า...ว่าควรจะหาวิธีบอกป๊ายังไงไม่ให้บ้านแตก
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 3 ข่าวดี?
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A