บทที่ 5 ชั่วโมงเร่งด่วน
1/
บทที่ 5 ชั่วโมงเร่งด่วน
ลุ้นรักวิวาห์ร้อน
(
)
已经是第一章了
บทที่ 5 ชั่วโมงเร่งด่วน
บทที่ 5 ชั่วโมงเร่งด่วน หลังจากแยกย้ายกันในคืนนั้นแล้ว เราทั้งคู่ต่างก็ไปทำความเข้าใจกับครอบครัวจนทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี โชคดีที่ทุกคนต่างก็ยอมรับการตัดสินใจของเรา นั่นเพื่อหลานตัวน้อยที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาดูโลก โดยเฉพาะป๊าที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจเพราะท่านยอมลดทิฐิเพราะอยากให้หลานมีพ่อเหมือนเด็กคนอื่น ๆ เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ชีวิตฉันก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ทว่ากลับมีบางอย่างที่ต้องทำใจนั่นคือการต้องพบเจอกับนายฟีฟ่าบ่อยขึ้น เพื่อจัดการเรื่องงานแต่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ ฉันรู้สึกว่านายฟีฟ่าเข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น จากที่นาน ๆ จะเห็นหน้ากลับเห็นเกือบทุกวัน ได้ยินเสียงทุกวันไม่เคยขาด ทำทีโทรมาปรึกษาเรื่องงานแต่ง แล้วก็ตบท้ายด้วยการกวนประสาทจนฉันต้องด่าให้ จากนั้นก็หัวเราะคิกคักราวกับถูกใจมาก สงสัยจะเป็นโรคจิตชอบถูกด่ากระมัง ตอนนี้ฉันกำลังขับรถไปที่ร้านเวดดิ้งของอีโบ๊ท โดยนัดหมายกับนายฟีฟ่าให้ไปเจอกันที่นั่นห้าโมงเย็น ใจจริงว่าจะตัดชุดใส่เองให้สมกับเป็นดีไซเนอร์มือทอง แต่ติดตรงเวลากระชั้นชิดเลยตัดสินใจอุดหนุนร้านเพื่อนแทน มันเปิดร้านเวดดิ้งมาได้สองปีแล้ว กิจการกำลังไปได้สวย มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการไม่หยุดหย่อน นั่นเพราะมันเป็นคนที่ใส่ใจทุกรายละเอียดมาก งานเนี้ยบทุกฝีเข็มเลยทีเดียว “สวัสดีค่ะพี่แอม” เมื่อเดินเข้าไปในร้านฉันก็เอ่ยทักทายพี่แอมซึ่งเป็นลูกจ้างของทางร้าน “สวัสดีค่ะคุณข้าว ว่าแต่เจ้าบ่าวไม่มาด้วยกันเหรอคะ” พนักงานสาวสวยถาม “กำลังเดินทางมาค่ะ” “งั้นเชิญนั่งดื่มน้ำส้มคั้นเย็น ๆ รอก่อนนะคะ คุณโบ๊ทกำลังคุยกับลูกค้าอีกรายในห้อง” “ค่ะพี่” ฉันเดินไปนั่งรอที่โซฟาจากนั้นพี่แอมก็ยกแก้วน้ำส้มคั้นมาวางที่โต๊ะกระจกตรงหน้า ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานฉันเดินทางมาแค่แป๊บเดียวก็ถึง แต่สำหรับนายนั่นฉันไม่รู้ว่าเขาทำงานที่ไหนหรอก และไม่อยากรู้ให้รกสมองด้วย “โทษทีที่ให้รอนานพอดีรถติดน่ะ” นั่งรอไม่นานเขาก็เดินเข้ามาในร้าน สวมชุดพนักงานออฟฟิศเสื้อเชิ้ตกางเกงสแล็คแลดูภูมิฐาน แถมยังเซทผมซะเท่เชียว หากไม่อคติเขาก็เป็นผู้ชายที่หล่อมากคนหนึ่งเลยล่ะ “จะบอกทำไมต่างคนต่างมา ฉันไม่ได้รอนายสักหน่อย” มองหน้าเขาแวบหนึ่งแล้วทำเป็นเมิน ยกแก้วน้ำส้มคั้นมาจิบอย่างสบาย ๆ “จะแต่งงานกันอยู่แล้วไม่คิดจะญาติดีกันบ้างเลยเหรอ” เขาว่าพลางเดินเข้ามานั่งข้างฉัน ทำเป็นบิดขี้เกียจแล้วเลื้อยมือมาโอบไหล่อย่างถือวิสาสะ “ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันบอกแล้วไงว่าเราจะแต่งงานกันแค่ในนามเท่านั้น” ฉันจ้องตาขวาง พยายามแกะมือตุ๊กแกนั่นออกแต่กลับไม่เป็นผล “เล่นละครหน่อยไม่ได้รึไง วันนี้มาลองชุดนะครับคุณผู้หญิง เดี๋ยวก็ไม่สมบทบาทหรอก” เขายิ้มมุมปาก ยักคิ้วให้กวน ๆ เห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้ซะเหลือเกิน “ไม่จำเป็นต้องถึงเนื้อถึงตัวอย่างนี้ เพราะนี่ร้านโบ๊ทเพื่อนฉันเองย่ะ” “แล้วไงใครแคร์ น้องโบ๊ทจะได้รู้ว่าเราแต่งงานกันเพราะรักยังไงล่ะ” “พูดเป็นเรื่องตลกไปได้ ใคร ๆ ก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรอย่ามาหัวหมอไปหน่อยเลย” “มากันแล้วเหรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว สวัสดีค่ะพี่ฟีฟ่า” โบ๊ทเดินยิ้มมาหาเราหลังจากคุยกับลูกค้าเสร็จแล้ว นางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นนายฟีฟ่ากำลังโอบไหล่ฉัน จนเริ่มหมั่นไส้มันไปอีกคน ตอนแรกชอบเขามากไม่ใช่เหรอควรจะร้องไห้เสียใจสิถึงจะถูก “สวัสดีครับน้องโบ๊ทคนสวย รบกวนด้วยนะครับ” “ได้เลยค่ะพี่ฟีฟ่าขา จะจัดชุดที่เลิศที่สุดในร้านให้เลยค่ะ” “อย่ามัวแต่โม้รีบพาไปลองชุดสิยะ เสียเวลาทำมาหากิน” “ค่ะคุณแม่ ตามมาทางนี้เลยค่ะ” ว่าแล้วโบ๊ทก็ผายมือเชิญเราทั้งคู่ไปดูชุดที่แขวนอยู่อีกมุม ในร้านมีชุดให้เลือกค่อนข้างเยอะ ดีไซน์สวย ๆ ทั้งนั้นจนเลือกไม่ถูก ฉันเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นเจ้าสาวว่าตื่นเต้นมากแค่ไหน แม้รู้อยู่แก่ใจว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความรัก แต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี “เห็นแกบอกว่าจะจัดแบบจีนใช่ไหม” เมื่อมาถึงแล้วโบ๊ทก็เดินไปหยิบชุดกี่เพ้าสีแดงมาให้ ดีไซน์เรียบหรูปักลวดลายสวยงาม ฝีมือตัดเย็บประณีตเลยทีเดียว “อ่ะ” “สวยอ่ะแก ฝีมือดีไม่เคยตกเลยนะยะ” ฉันรับชุดนั้นมาแล้วทาบบนตัว ยิ้มตลอดเวลาราวกับมีความสุขมากที่ได้เห็นชุดนี้ แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องไปดูชุดอื่นให้เสียเวลา ในเมื่อได้ของดีถูกใจแล้ว “แน่นอนเพิ่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง ไม่นึกว่าแกจะได้เจิมเป็นคนแรกเลย งั้นเข้าไปลองในห้องก่อน เดี๋ยวฉันจัดการหาชุดให้พี่ฟีฟ่าก่อน” “โอเค ๆ” ฉันแสดงท่าทีดี๊ด๊าจนลืมไปเลยว่าเขาอยู่ตรงนั้นด้วย เมื่อหันไปมองหน้าก็พบว่าอีกฝ่ายยิ้มอยู่ก่อนแล้ว ฉันจึงหุบยิ้มลงทันทีเปลี่ยนเป็นเบะปากแล้วเข้าไปในห้องลองเสื้อ ขณะกำลังเปลี่ยนชุดอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเพื่อนสาวพูดจาแทะเล็มว่าที่เจ้าบ่าวของฉัน สรุปว่าที่มันไล่ฉันเข้ามาในห้องนี้เพื่อต้องการได้อยู่กับเขาสองต่อสองสินะ อิเพื่อนฉลาดแกมโกง ฮ่าๆๆ เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วฉันก็ยืนส่องกระจกบานใหญ่ เอี้ยวตัวซ้ายขวามองดูความเรียบร้อย ไม่น่าเชื่อเลยว่ามันจะพอดีไม่คับไม่หลวม ความยาวของชายกระโปรงก็อยู่ในช่วงกำลังดี ราวกับโบ๊ทตัดชุดนี้ไว้เพื่อฉันโดยเฉพาะซะอย่างนั้น “เป็นไงบ้างแกโอเคมะ” ฉันเดินออกไปก็พบว่าตอนนี้นายฟีฟ่าได้เปลี่ยนชุดแล้วเหมือนกัน เขายืนอยู่ตรงหน้าสวมชุดคอจีนสีแดงลวดลายเดียวกับชุดที่ฉันสวมใส่อยู่ ยืนจ้องมองมาแทบไม่กะพริบตา จะจ้องอะไรนักหนาก็ไม่รู้ “สวยมากแก!! สวยจนฉันแทบจะร้องไห้ภูมิใจกับผลงานของตัวเองจริง ๆ” โบ๊ทเดินวนรอบตัวฉันด้วยความภาคภูมิใจกับผลงานของตัวเอง “พี่ฟีฟ่าว่าไงคะเจ้าสาวสวยไหม” “สวยมาก” เขาเอ่ยเบาเสียงราวกับกำลังอยู่ในห้วงแห่งความคิดอะไรบางอย่าง “ฉันสวยอยู่แล้วย่ะไม่จำเป็นต้องชมให้เสียเวลา\" ฉันตอบกลับเสียงดังทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อย “ใครบอกว่าฉันชมเธอฉันชมชุดต่างหาก น้องโบ๊ททำชุดสวยมากเลยนะครับ เอาไว้ถ้ามีโอกาสผมจะมาใช้บริการอีกแน่นอน” พูดอย่างนี้หมายความว่าไง? นายจะแต่งงานอีกรอบงั้นเหรอ พูดจาไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด เพื่อนสาวฉันเองก็ยิ้มแหย ๆ หรี่ตามองมาที่ฉัน “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะครับน้องโบ๊ท ผมแค่ล้อเล่นเองน่า คงไม่มีใครคิดอยากจะแต่งงานหลายรอบหรอกจริงไหม” เขาจ้องมองมาราวกับตั้งใจถามฉันโดยตรง “นายถามฉันงั้นเหรอ” ฉันเลิกคิ้วถามกลับ “ก็ไม่รู้สินะคิดเอาเอง” คนพูดทำลอยหน้าลอยตาอย่างน่าหมั่นไส้ “ถ้างั้นฉันจะตอบให้นายฟังชัด ๆ เพราะได้แต่งงานกับนายเป็นคนแรกยังไงล่ะถึงได้คิดอยากจะแต่งอีกครั้งชัดเจนไหม” ฉันพูดเพราะอยากอาชนะแค่นั้นเอง ใจจริงไม่เคยคิดอยากจะแต่งงานด้วยซ้ำ “แล้วคิดว่ามันจะง่ายอย่างนั้นเหรอยัยตัวแสบ คนอย่างฉันไม่ยอมให้ใครมาหยามศักดิ์ศรีได้ง่าย ๆ หรอกนะรู้ไว้ด้วย” เมื่อได้ยินอย่างนั้นเขาก็ทำหน้าซีเรียสทันที “แล้วคิดว่าฉันจะยอมทนอยู่กับคนอย่างนายไปตลอดชีวิตงั้นเหรอ” เราก้าวเท้าเข้ามาเผชิญหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร “ก็ลองดูแล้วกันว่าคนอย่างฉันจะกำราบเธอให้อยู่หมัดได้ไหม” “ไม่มีทาง! คนอย่างนายมันก็แค่ผู้ชายไม่เอาไหน ทำตัวเจ้าชู้ไปวัน ๆ ถ้าไม่เห็นแก่หน้าป๊าฉันไม่ยอมแต่งงานกับนายหรอก” “พอได้แล้ว! จะทะเลาะกันไปทำไมเนี่ยอีกไม่กี่วันก็จะแต่งงานกันแล้วนะคะ” โบ๊ทเดินเข้ามาแทรกตรงกลาง ในขณะนั้นเองเจ้ามือถือของนายฟีฟ่าที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น เขาจึงรีบเดินไปรับสาย Rrrr…. “ฮัลโลครับน้องจอย” ได้ยินอย่างนั้นใบหูฉันก็กระดิกทันที ตอนแรกนึกว่าชื่อนี้เป็นแค่ชื่อที่เขามโนขึ้นมาตอนเมาเท่านั้น ไม่นึกว่าคนชื่อจอยจะมีตัวตนจริง ๆ “พี่มาทำธุระครับผม” “ได้ครับเอาไว้ว่าง ๆ ค่อยนัดเจอกันนะ แค่นี้ก่อนนะพี่กำลังยุ่ง” “จุ๊บ ๆ ครับผม” ฉันไม่รู้ว่าทำไมต้องมาทนยืนฟังคำพูดแสลงหูพวกนี้ด้วยนะ โบ๊ทเหล่ตามองฉันเชิงตั้งคำถามว่าโอเคไหม ฉันเลิกคิ้ว ยิ้มแบบสตรองสื่อว่าเรื่องที่เกี่ยวกับเขาไม่ได้มีผลกระทบต่อจิตใจเลยสักนิด “เพื่อนเหรอคะพี่ฟีฟ่า คุยกันน่ารักนะคะ” ยังจะกล้าถามอีกนะเพื่อนโบ๊ทชัดเจนขนาดนี้แล้ว “เปล่าครับ เด็กในสังกัดผมเองล่ะคุยเล่น ๆ แก้เหงา ระหว่างรอแต่งงานครับ” เขาเอ่ยหน้าตาย เหลือบตามองมาที่ฉันแวบหนึ่ง ขอโทษฉันไม่รู้สึกอะไรค่ะ “หล่อเลือกได้ก็งี้ล่ะค่ะ แกต้องดีใจรู้ไหมข้าวที่ได้แต่งงานกับหนุ่มสุดฮอตอย่างพี่ฟีฟ่า” “จ้า...โชคดีที่สุดในโลกเลยล่ะ” ฉันเอ่ยประชด “สรุปฉันเอาชุดนี้นะเดี๋ยวเข้าไปเปลี่ยนก่อน” “อย่าเพิ่งสิยะถ่ายรูปคู่ให้ฉันก่อน ฉันจะเอาไปโปรโมทร้าน” โบ๊ทรีบรั้งมือฉันไว้ ดึงเข้ามายืนใกล้เขาอีกครั้ง “เอาสิครับถ่ายที่ไหนดี” ท่าทีสบาย ๆ นั่นทำให้ฉันรู้สึกหมั่นไส้ซะเหลือเกิน “ตามมาทางนี้เลยค่ะ” โบ๊ทเดินนำหน้าพวกเราไป จากนั้นเขาจึงผายมือเชิญ “เชิญครับคุณผู้หญิง” “ไม่ต้องมาทำเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าฉันหรอก” “ได้! ไม่ชอบอย่างนี้ฉันจัดให้” ว่าแล้วก็จับข้อมือฉันกำไว้แน่น กึ่งลากกึ่งดึงไปโดยเร็ว “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะฉันเจ็บ!” “เงียบ! ไม่งั้นฉันจับเธอจูบตรงนี้แน่” เขาหยุดเดินแล้วหันมาชี้หน้าขู่ ตอนแรกก็ว่าจะทำเป็นเก่งต่อแต่พอเห็นสีหน้าเขาแล้วก็ต้องยอมเพื่อเอาชีวิตรอดไว้ก่อน บทจะเอาจริงก็น่ากลัวซะเหลือเกิน “ทั้งสองยืนชิดกันหน่อย พี่ฟีฟ่าโอบไหล่ยัยข้าวได้ไหมคะ” เขารีบยกมือขึ้นโอบไหล่ฉันโดยเร็ว ฉันได้แต่ถอนหายใจรอให้ช่วงเวลานี้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว “นั่นล่ะค่ะ ยัยข้าวยิ้มหน่อยสิยะ” “ยิ้มแค่นี้พอป่ะ” ฉันฉีกยิ้มกว้างประชด “อีบ้า! ประชดเพื่อ” เมื่อเห็นอย่างนั้นนางก็วีนใส่ทันที “อยากกลับไม่ใช่เหรอ ทนแค่แป๊บเดียวจะตายรึไง” ได้ยินอย่างนั้นฉันจึงหันขวับไปจะกล่าวตอบโต้ แต่ทว่าริมฝีปากเขากลับสัมผัสแก้มฉันเสียก่อน นั่นทำให้สิ่งที่ตั้งใจต้องหยุดชะงัก ยอมยืนนิ่ง ๆ ให้อีกฝ่ายทำตามอำเภอใจ “อุ๊ย! ดีมากค่ะพี่ฟีฟ่า” สิ่งที่เกิดขึ้นถูกอกถูกใจช่างภาพซะเหลือเกิน แชะ! “เสร็จแล้วใช่ไหมฉันจะได้เปลี่ยนชุดซะที” ฉันเอ่ยหลังจากผละตัวออกมาแล้ว ยกหลังมือขึ้นเช็ดที่แก้มตั้งใจให้เขารู้ว่าฉันรังเกียจการกระทำนั่นแค่ไหน แต่ทว่านั่นมันเป็นการแก้เขินต่างหาก ทำไมจะต้องเขินขนาดนี้ด้วยนะ แค่โดนหอมแก้ม แค่ได้กลิ่นกายที่หอมเร้าใจ แค่โดนจ้องมองด้วยสายตาหื่น ๆ โอ๊ย! ฉันกำลังคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย “เสร็จแล้วจ้าเชิญไปเปลี่ยนชุดได้เลยทั้งคู่” นั่นคือเสียงสวรรค์ที่ทำให้ฉันหลุดพ้นจากวินาทีอันสุดแสนจะอึดอัดนี้เสียที หลังจากเปลี่ยนชุดแล้วก็ถึงเวลากลับ โบ๊ทเดินมาส่งเราทั้งคู่ถึงหน้าร้าน เมื่อร่ำลากันแล้วก็แยกย้ายกันกลับ ฉันไม่ยอมพูดกับนายฟีฟ่าตั้งแต่เปลี่ยนชุดมาแล้ว อีกฝ่ายคงรู้ตัวว่าฉันไม่พอใจที่เขาทำตัวรุ่มร่ามอย่างนั้น “เดี๋ยว! ไม่คิดจะคุยกับฉันสักคำเลยเหรอ” เสียงนั่นไม่สามารถหยุดให้ฉันเดินตรงไปที่รถได้ “....” “เป็นใบ้รึไงกัน จะโกรธอะไรนักหนาแค่หอมแก้มเอง มากกว่านี้ก็ยังเคยทำมาแล้ว” ฉันไม่ตอบโต้อะไรได้แต่ยกนิ้วกลางให้แล้วขึ้นรถไป แต่กๆๆๆ ทำไมถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างนี้เนี่ย รถสตาร์ทไม่ติดซะงั้น ลองหลายครั้งแล้วก็เป็นแบบเดิม ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ได้ยินเสียงเคาะกระจกฉันจึงหันไปมอง เป็นนายฟีฟ่านั่นเองที่ชะโงกหน้ามาตรงกระจกรถ แถมยังฉีกยิ้มราวกับต้องการเยาะเย้ย “มีอะไรให้ผมรับใช้ไหมครับคุณผู้หญิง” “จะไปไหนก็ไปฉันแก้ปัญหาเองได้” จะทำยังไงดีเนี่ยถ้าเรียกช่างมาซ่อมคงอีกนานกว่าจะได้กลับบ้าน หรือจะยืมรถโบ๊ทกลับก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยให้ช่างมาซ่อม คิดได้อย่างนั้นฉันจึงหยิบกระเป๋าแล้วเปิดประตูรถลงไป “รถเป็นอะไรอ่ะ” อีกฝ่ายยังคงหน้าด้านยืนอยู่ข้างรถ ทั้งที่เขาควรจะไปตั้งนานแล้ว “ยังจะมาถามอีกก็เห็นอยู่ว่าสตาร์ทไม่ติด” ฉันเอ่ยอย่างเซ็ง ๆ แล้วเดินผ่านหน้าเขาไป “กลับกับฉันมะ นี่มันก็ใกล้จะมืดแล้วนะ” อีกฝ่ายยังคงเดินตามหลังมาติด ๆ “ไม่ดีกว่า ฉันจะยืมรถโบ๊ทกลับบ้าน แล้วพรุ่งนี้ค่อยให้ช่างมาซ่อม” “จะไปรบกวนเพื่อนทำไมในเมื่อบ้านเราก็อยู่ข้างกัน จะเล่นตัวไปถึงไหนฉันไม่พาไปปล้ำหรอกน่า” ไม่ว่าเปล่าเขารั้งมือฉันไว้ไม่ให้เดินเข้าไปในร้าน “ปล่อยฉันนะ!” “มานี่เลย ถ้าแหกปากอีกแม้แต่คำเดียวฉันจูบแน่” เอะอะขู่ เอะอะจูบ นายนี่มันเผด็จการชัด ๆ เขาลากตัวฉันเข้าในรถจนสำเร็จ จากนั้นรีบขับออกไปจากหน้าร้าน ราวกับกลัวว่าฉันจะหนีเขาไปซะอย่างนั้น “แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง โทรเรียกช่างแล้วให้เพื่อนเธอช่วยจัดการให้ พรุ่งนี้เดี๋ยวฉันมาส่งที่นี่เอง” เขาเอ่ยขณะจ้องมองไปยังถนนสายหลัก “ไม่ต้องมาสั่ง แล้วพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาส่ง ฉันนั่งแท็กซี่มาเองได้” ฉันปฏิเสธทุกความหวังดีจากเขา “ฉันจะมาส่งมีปัญหาอะไรไหม ลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองกำลังท้อง ถ้าลูกเป็นอะไรขึ้นมาล่ะไม่มีปัญญาคิดเองรึไงห๊ะ!” เหตุผลที่เขาเข้ามาวุ่นวายในชีวิตฉัน ก็เพราะลูกเพียงคนเดียวเท่านั้นสินะ “ถ้าไม่ใช่เพราะลูกนายคงไม่มาวุ่นวายกับชีวิตฉันสินะ” ทำไมฉันจะต้องรู้สึกน้อยใจด้วยนะ เรื่องนี้มันก็ชัดเจนตั้งแต่แรกอยู่แล้วไม่ใช่หรือ แถมฉันยังเป็นคนพูดเองว่าเราจะแต่งงานกันแค่ในนาม “ก็ใช่น่ะสิ เพราะลูกฉันถึงได้เป็นห่วงเธอตลอดเวลาอยู่นี่ไงล่ะ” “ถ้างั้นนายไม่ต้องห่วง เพราะฉันเองก็รักลูกเหมือนกัน ฉันไม่ยอมปล่อยให้ลูกเป็นอะไรไปหรอก เข้าใจนะ” จากนั้นฉันก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จา เอียงหน้ามองริมฟุตบาทข้างทาง นั่นเพราะตอนนี้รถกำลังติด ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก อยากจะเปิดประตูลงไปเสียจริง ๆ “แล้วตอนนี้ยังแพ้ท้องอยู่ไหม” เขาหันมาถาม “...” “นี่เธอ” “...” “จะงอนไปถึงไหนเนี่ยไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ” “ใครงอนนาย อุ๊บ!” เมื่อโดนถามจนรู้สึกรำคาญฉันจึงหันหน้าไปมองเขา แต่ทว่าในวินาทีนั้นไม่รู้ว่าอีกฝ่ายชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ตั้งแต่ตอนไหน เมื่อใบหน้าเราเคลื่อนเข้ามาใกล้อีกฝ่ายจึงฉวยโอกาสนี้ประกบจูบทันที ฉันพยายามผลักแผงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ แต่ทว่ากลับโดนรวบข้อมือไว้ ดันจนแผ่นหลังสัมผัสกับเบาะรถ บดเบียดร่างกำยำเข้ามาจนฉันแทบกระดิกตัวไม่ได้ “อื้อ...” เสียงร้องครางประท้วงในลำคอไม่เป็นผล ลิ้นเรียวยาวรุกล้ำเข้ามาในโพรงปากอย่างถือวิสาสะ ตักตวงความหอบหวานอย่างชำนิชำนาญ เสียงลมหายใจกระเส่าดังระงมจนได้ยินถนัดหู นี่ฉันกำลังเคลิ้มกับรสจูบเขางั้นเหรอ ไม่จริงใช่ไหม ทำไมเขาไม่ยอมหยุดเสียทีทั้งที่ฉันเองก็ยอมอ่อนข้อให้แล้ว ความร้อนแรงของรสจูบปลุกให้ฉันรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัวราวกับโดนวางยาเสียสาวซะอย่างนั้น “แฮ่กๆๆ” ในที่สุดอีกฝ่ายก็ยอมปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ เมื่อตั้งสติได้ฉันก็... เพี๊ยะ! “ไอ้คนฉวยโอกาส ไม่อายรถคันข้าง ๆ รึไงกัน ฉันไม่ใช่คนหน้าหนาอย่างนายนะ” “จะอายทำไมเรื่องของผัวเมีย ว่าแต่มีแรงตบแค่นี้เองเหรอ” เขาแสยะยิ้มท้าทายฉัน เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! ชอบความรุนแรงนักใช่ไหมฉันจัดให้สองครั้งติดเลยทีเดียว “ฉันไม่ใช่เมียนาย!” ฉันพูดแบบเน้นคำ เพื่อให้เขารู้ตัวว่ากำลังคิดไปเองฝ่ายเดียว “ยังไม่ใช่อีกงั้นเหรอ หึๆ ฉันจะเตือนความจำให้เธอเอง” ว่าแล้วเขาก็รวบตัวฉันเข้าไปกอดอีกครั้ง ไม่สนว่าข้าวของในรถจะกระจุยกระจาย เราจ้องตากันโดยไม่ได้มีความเสน่หาเจือเลยสักนิด แต่ทว่าไม่นานใบหน้าคมกลับโน้มลงมาประกบจูบอีกครั้ง เขาบดจูบอย่างเร่าร้อนสลับซุกไซร้ตามซอกคอ ลงลิ้นเรียวลากเลียอย่างหื่นกระหาย “ปล่อยนะ..อื้อ...อ๊ะ” ไม่นานก็เลื้อยใบหน้าขึ้นมาประกบจูบอีกครั้ง เขาใช้ความชำนาญปลุกเร้าอารมณ์สวาทให้ฉันอย่างง่ายดาย ปี๊บๆๆ เสียงแตรรถคันที่อยู่ด้านหลังทำให้เราทั้งคู่ผละตัวออกจากกัน แต่ทว่าสายตาคมคู่นั้นยังคงจับจ้องใบหน้าฉันอยู่ตลอดเวลา ราวกับรู้สึกเสียดายช่วงเวลาที่กำลังเร่าร้อนนี้เหลือเกิน “แม่ง! จะมาบีบอะไรตอนนี้วะ” เขาจิ๊ปากแล้วบ่นเบา ๆ หันไปสนใจขับรถต่อ ส่วนฉันได้แต่นั่งก้มหน้าเงียบกำลังจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง เพราะตอนนี้รู้สึกไม่ต่างจากเขาเลยสักนิด ความต้องการปะทุขึ้นมาจนไม่สามารถขจัดความคิดไม่ควรพวกนั้นออกไปจากหัวได้ไปเลย ฉันควรโกรธที่เขาเอาเปรียบแต่ทว่ากลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ไม่นะขวัญข้าว แค่นี้เธอก็ยอมแพ้แล้วงั้นเหรอ เธอต้องทำตามคำพูดให้ได้ว่าเขาจะเป็นเพียงพ่อของลูกเท่านั้น
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 5 ชั่วโมงเร่งด่วน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A