บทที่ 9 วันเกิด
1/
บทที่ 9 วันเกิด
ลุ้นรักวิวาห์ร้อน
(
)
已经是第一章了
บทที่ 9 วันเกิด
บทที่ 9 วันเกิด ฉันไม่แน่ใจตัวเองว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไรกับเขา หลังจากอยู่ด้วยกันมาได้สักระยะแล้ว ทุกอย่างดูผิดคาดไปเสียหมด จากเคยคิดว่าจะต่างคนต่างอยู่แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น ในช่วงเช้าเขาลุกขึ้นมาทำกับข้าวให้ฉันทานก่อนไปทำงาน แม้บางวันอาจจะไม่ถูกปากบ้างแต่ก็รู้สึกได้ถึงความตั้งใจ ในระหว่างวันก็โทรมาเช็กว่าฉันทำอะไรอยู่ มีอาการแพ้ท้องอยู่ไหม นั่นทำให้ฉันรู้สึกดีกับเขามากขึ้นทุกวัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามบางครั้งก็รู้สึกว่ากำลังโดนคุกคามความเป็นส่วนตัว พยายามบอกเขาหลายต่อหลายครั้งว่าคุณเยอะเกินไปแล้ว เขาได้แต่ยิ้ม ทำหน้ากวน ๆ ให้ทุกครั้ง ราวกับสีซอให้ควายฟังเสียอย่างนั้น เสียงไลน์ดัง… Fifa_mafia : ทำอะไรอยู่? kkwankao : กำลังเก็บของจะกลับบ้าน นายมีอะไร? Fifa_mafia : วันนี้ฉันไม่กลับบ้านนะ จะไปทำธุระ kkwankao : แล้วมาบอกฉันทำไม? Fifa_mafia : ก็ฉันกลัวเธอจะรอไงล่ะ (ส่งสติ๊กเกอร์หมียิ้มกวนๆ) kkwankao : ทำไมฉันจะต้องรอล่ะ ไม่มีอะไรแล้วแค่นี้นะฉันจะกลับบ้านแล้ว ฉันพิมพ์ตอบไปแล้วปิดหน้าจอทันที จู่ ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเพราะรู้ดีว่าธุระเขาคืออะไร คงไม่พ้นไปนอนค้างกับยัยจอยนั่นแน่ ๆ ปกติแล้วเขาไม่เคยไปนอนค้างหรอก ส่วนมากจะกลับดึก ๆ นี่เป็นครั้งแรกหลังจากเราแต่งงานกันแล้ว เคลียร์งานแล้วฉันก็ออกจากออฟฟิศบึ่งรถไปนั่งชิวในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เพื่อมาที่ร้านเบเกอรี่แห่งนี้ ซึ่งเป็นร้านประจำของเราสามคนเพื่อนรัก แต่ทว่าวันนี้น้ำกับโบ๊ทไม่ว่างฉันจึงต้องมานั่งเพียงลำพัง เค้กมะพร้าวพร้อมกับชาเย็นแก้วใหญ่ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ในเมื่อวันนี้ยังไงก็ต้องอยู่คนเดียวก็นั่งแช่อยู่ที่นี่ให้มืดค่ำเลยละกัน “นายจะไปไหนก็เชิญตามสบาย ฉันไม่สนใจเลยสักนิด” หากใครเดินผ่านไปผ่านมาคงจะคิดว่าฉันเป็นบ้า ที่นั่งบ่นอยู่คนเดียว มือก็จับช้อนตักเค้กขึ้นมาทานให้หนำใจแก้อาการเบื่อเซ็ง “นั่งบ่นอะไรคนเดียวคับคุณแม่” เสียงหล่อแต่ทว่าแฝงความอ่อนโยนดังขึ้นตรงหน้า เมื่อเงยขึ้นไปมองก็เจอกับสุภาพบุรุษสุดหล่อสวมชุดไปรเวท เสื้อยืดกางเกงยีน ยืนส่งยิ้มให้ ฉันขมวดคิ้วพยายามนึกว่าเคยรู้จักเขาที่ไหนมาก่อน “คุณ…คุณหมอใช่ไหมคะ” ใช่แล้ว! เขาคือคุณหมอที่ฉันเจอในโรงพยาบาลวันนั้น “ดีใจจังที่คุณขวัญข้าวจำผมได้ด้วย” พอไม่ได้ใส่เสื้อกราวนด์เขาก็เป็นเพียงหนุ่มมาดเท่คนหนึ่งไม่ได้ดูติ๋มเหมือนตอนอยู่โรงพยาบาลเลยสักนิด “จำได้สิคะก็วันนั้นคุณหมอกวนประสาทฉันซะขนาดนั้น” “มาคนเดียวเหรอครับ?” “ใช่ค่ะ แล้วคุณหมอล่ะ” “ผมมาคนเดียวเหมือนกัน งั้นขอนั่งด้วยคนได้ไหม” “ได้สิคะเชิญนั่งเลยค่ะ” ดีเหมือนกันได้มีเพื่อนคุยจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องนายฟีฟ่าให้ปวดหัว หลังจากนั่งร่วมโต๊ะแล้วคุณหมอก็ยกมือเรียกพนักงานเพื่อสั่งเครื่องดื่ม เสร็จแล้วก็หันมามองหน้าฉันเริ่มบทสนทนากันต่อ “ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะครับ เพื่อน ๆ หายไปไหนหมด” “ไม่ว่างค่ะ ปกติแล้วเรามักจะมานั่งที่ร้านนี้กันประจำเลย ว่าแต่คุณหมอทำไมมาคนเดียวล่ะ ไม่มีแฟนหรือไงคะ” “ผมยังไม่มีแฟนหรอกครับ คนไม่มีเวลาอย่างผมใครจะมาคบด้วย อีกอย่างก็ไม่มีสาว ๆ ให้จีบวัน ๆ อยู่แต่กับคนไข้” เขาว่าพลางยิ้มจาง ๆ “แหม…คุณหมอออกจะหล่อขนาดนี้อีกไม่นานคงจะมีเองล่ะค่ะ พยาบาลสาว ๆ สวย ๆ เยอะแยะไม่สนใจบ้างเลยเหรอ” “ก็เคยมีคุย ๆ นะครับแต่ก็ไปไม่รอด เลยเว้นว่างยาว ๆ เพื่อทุ่มเทกับงานตรงนี้ให้ดีก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง แล้วคุณล่ะเป็นยังไงบ้างแพ้ท้องอยู่หรือเปล่า ตั้งแต่วันนั้นเงียบไปเลยนะผมรอโทรศัพท์คุณทุกวันเลยรู้ไหม” เอ๋! ทำไมต้องรอล่ะ เดี๋ยวนี้หมอกับคนไข้ต้องมีคุยกันนอกรอบแล้วเหรอ ฉันไม่ยักรู้มาก่อน “ทำไมฉันจะต้องโทรหาคุณหมอด้วยล่ะคะ” ฉันถามออกไปซื่อ ๆ แถมยังขำเบา ๆ ประกอบคำถามอีกด้วย “ก็คุณเป็นคนไข้ของผมยังไงล่ะ เห็นคุณมีปัญหาเรื่องพ่อของลูกเลยอยากคุยด้วยเผื่อว่าจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง” แววตาใสซื่อฉายมายังฉัน นั่นทำให้เห็นความจริงใจของคุณหมอคนนี้ แม้จะเจอกันเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น แต่ฉันก็มั่นใจว่าเขาเป็นคนจิตใจดีงามมาก ๆ “ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง แต่ตอนนี้หมดปัญหาเรื่องนั้นแล้วล่ะ เพราะฉันกับพ่อของลูกเราแต่งงานกันแล้ว” รอยยิ้มบนใบหน้าเขาเลือนหายเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาทำทีเหมือนไม่ยินดีกับฉันเลยสักนิด ชักเริ่มไม่แน่ใจว่าคุณหมอสุดหล่อคนนี้กำลังคิดยังไงกันแน่ “ทำไมคุณหมอทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ” “เอ่อ…ผมยินดีด้วยนะครับ ไม่นึกเลยว่าคุณจะโชคดีอย่างนี้” เขาเปลี่ยนท่าทีดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ส่งยิ้มให้เหมือนตอนเจอกันใหม่ ๆ “ขอบคุณค่ะ แต่มันเป็นการแต่งงานแค่ในนามเท่านั้น เรา…ไม่ได้อยู่ในสถานะสามีภรรยาเหมือนคู่อื่น ๆ หรอกค่ะ แค่อยากให้ผู้ใหญ่สบายใจเท่านั้นเอง” ฉันยอมบอกความจริงไป เพราะเชื่อว่าคุณหมอเป็นคนที่น่าไว้ใจได้ “คุณไม่ได้รักเขางั้นเหรอครับ” “เอ่อ…ค่ะ เราไม่ได้รักกัน” ฉันตอบอย่างไม่มั่นใจในตัวเองเลยสักนิด หากไม่มีเรื่องยัยจอยเข้ามาเกี่ยวข้องฉันคงจะมั่นใจมากกว่านี้ อาจจะรู้สึกดีกับเขาถึงขั้นชอบไปแล้วก็ได้ “แล้วอย่างนี้คุณข้าวจะมีความสุขเหรอครับ” “มีสิคะ เพราะต่างคนต่างอยู่ไม่ได้สนใจกันอยู่แล้ว ฉันก็ทำตัวตามปกติอยากไปไหนมาไหนก็ไปเหมือนเมื่อก่อน” ฉันตอบคุณหมออย่างมั่นใจ ยิ้มสู้กลบเกลื่อนความรู้สึกหวั่นไหวที่เกิดขึ้นภายในใจ “แต่คุณจะทำตัวเหมือนเดิมไม่ได้แล้วนะครับ เพราะคุณกำลังท้อง ทำอะไรก็คิดถึงลูกเป็นอันดับแรก ด้วยความปรารถนาดีจากหมอสูอย่างผม” คุณหมอเอ่ยเตือนสติฉันด้วยรอยยิ้มบาดใจ สายตาที่มองมาแฝงด้วยพลังงานบางอย่าง ซึ่งฉันไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่ามันคือพลังงานอะไร แต่รับรู้ได้ว่ามันคือพลังงานบวกอย่างแน่นอน “ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง อ้อ! คุยกันตั้งนานฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณหมอเลยค่ะ” “ผมนทีครับ” “คุณหมอนที โอเคค่ะนับจากนี้เรารู้จักกันอย่างเป็นทางการแล้วนะ คุยกับคุณแล้วรู้สึกสบายใจมากขึ้นเลย ถ้างั้นฉันขอไปฝากครรภ์กับคุณหมอได้ไหมคะ” “ยินดีเลยครับผมเองก็กำลังจะถามเหมือนกันว่าได้ไปฝากครรภ์ที่ไหนหรือยัง ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณกับลูกให้ได้ที่สุดเลยครับ” ดูท่าคุณหมอจะดีใจมากที่ฉันตัดสินใจให้เขาดูแล ยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกเลยทีเดียว เมื่อได้ยินประโยคท้ายที่คุณหมอเอ่ย ทำให้ฉันนึกถึงวันที่เขาเอ่ยสัญญากับม๊าในวันแต่งงาน เขาสัญญาว่าจะดูแลฉันกับลูกเป็นอย่างดี และเขาก็ทำตามคำสัญญา ฉันควรจะพอใจแค่นั้นแต่มันกลับไม่ใช่เลย เพราะตอนนี้อยากให้เขาทำอีกหนึ่งหน้าที่ นั่นคือการเป็นสามีที่ดีโดยการไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอื่น แต่คงทำได้เพียงแค่คิด เพราะฉันเป็นคนออกกฎเองว่าไม่ให้ยุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกัน “คุณข้าว คุณข้าวครับ!” “คะ...ว่าไงคะคุณหมอ” ฉันมัวแต่คิดเรื่องนายฟีฟ่าจนเหม่อลอยอย่างเสียมารยาท “คุณข้าวเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ดูเหม่อ ๆ เหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ” คุณหมอหนุ่มจ้องมองหน้าฉันเหมือนพยายามค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันก็แค่คิดเรื่องลูกในท้องน่ะค่ะ” “เรื่องลูก?” “กำลังคิดว่าจะขอคำแนะนำจากคุณหมอเรื่องดูแลลูก คุณหมอพอจะมีเวลาบ้างไหมคะ” “ได้สิครับ สำหรับคุณข้าวแล้วผมยินดีเสมอ” “ถ้าฉันยังไม่มีลูก คงคิดว่าคุณหมอกำลังจีบอยู่แน่ ๆ ปากหวานเสียเหลือเกิน” ฉันเอ่ยกลั้วขำ ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะมั่นใจว่า คนอย่างคุณหมอคงไม่คิดสั้นมาชอบผู้หญิงมีตำหนิอย่างฉันแน่นอน “ผมไม่ได้ยึดติดกับเรื่องพวกนั้นเลยครับ ถ้าชอบก็คือชอบ ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะผ่านผู้ชายมานับร้อย มีลูกเป็นสิบคนผมก็ยังชอบอยู่ดี” เขาตอบกลับทันควันจนฉันอึ้งแทบพูดไม่ออก “คุณหมอก็พูดเว่อร์ไป” “ผมพูดจริง ๆ ครับ” สีหน้าเขายังคงจริงจัง นั่นทำให้ฉันเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรเกินเลยหรือเปล่า “ทำไมคุณข้าวทำหน้าอย่างนั้นล่ะครับ ผมแค่ล้อเล่นเอง เรื่องความรักมันไกลตัวผมมากตอนนี้ยังไม่คิดอยากจะมีใครให้ปวดหัวเล่น ๆ หรอกครับ” เขาหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของฉัน “คุณหมอก็! ทำซะฉันขำไม่ออกเลย” ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น “ผมว่าเราเข้าเรื่องวิชาการกันเลยดีไหมครับ” “ดีเลยค่ะ” การมานั่งคุยกับคุณหมอนทีในครั้งนี้ ทำให้ฉันลืมเรื่องเครียด ๆ เกี่ยวกับนายฟีฟ่าได้เสียสนิท คุณหมอให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองเพื่อให้ลูกในท้องแข็งแรงสมบูรณ์ จนฉันเริ่มตื่นตัวในการใช้ชีวิตมากขึ้น เราคุยกันอย่างออกรสจนเวลาล่วงเลยมาเกือบสามทุ่ม หลังจากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน ตอนแรกตั้งใจจะไปนอนที่บ้านป๊า แต่ขี้เกียจตอบคำถามท่านกลัวว่าจะสงสัยว่าฉันกับเขามีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า ขับรถมาถึงก็รู้สึกแปลกใจที่ไฟในบ้านถูกเปิดเอาไว้ ทั้งที่ก่อนออกมาฉันมั่นใจว่าไม่ได้ลืมปิด พอมองไปยังโรงจอดรถก็พบว่ารถของนายฟีฟ่าจอดอยู่ก่อนแล้ว เป็นเช่นนั้นจึงคลายความสงสัย เมื่อลงจากรถแล้วจึงเดินเข้าไปในบ้าน พร้อมกับความคิดในหัวว่าเหตุใดเขาจึงกลับมาบ้าน ทั้งที่ก่อนหน้าบอกว่าจะไปค้างที่อื่น เดินเข้าไปถึงก็เห็นอีกฝ่ายนอนหลับอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เห็นเค้กวันเกิดก้อนโตวางอยู่บนโต๊ะกระจก โดยเขียนแค่ ‘Happy Birthday’ ไม่ได้ระบุชื่อของใคร ในบ้านหลังนี้ก็มีเพียงแค่ฉันกับเขา หากไม่ใช่วันเกิดฉันก็คงจะเป็นวันเกิดเขาสินะ “นี่นาย” “…” “นายฟีฟ่า!!!” เมื่อปลุกแล้วยังไม่ตื่นฉันจึงเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้น “เหี้ย! เกิดอะไรขึ้น หรือว่าโจรเข้าบ้าน” เขาสะดุ้งโหยงราวกับตื่นจากฝันร้าย ทะยานตัวลุกขึ้นนั่งด้วยอาการงัวเงีย สีหน้าคนเพิ่งตื่นเหลอหลาตลกจนฉันอดขำไม่ได้ “โจรบ้านนายน่ะสิ ไหนบอกจะไปค้างที่อื่นแล้วกลับมาทำไม” “แล้วเธอล่ะไปไหนมาปล่อยให้ฉันรอตั้งนาน” สีหน้าอันหงอยเหงาน่าสงสาร ไม่ทำให้ฉันสำนึกผิดเลยสักนิด เขาต่างหากที่เป็นคนบอกว่าจะไปค้างที่อื่นก่อน “ไม่ต้องมาย้อนถามฉันเลย ตอบมาก่อนว่าทำไมนายถึงมานอนตรงนี้ แล้วเค้กวันเกิดนี่มันหมายความว่ายังไง” ฉันยืนเท้าสะเอวชี้ไปที่เค้ก “ก็…วันนี้เป็นวันเกิดฉัน เลยกะว่าจะเซอร์ไพรซ์เธอน่ะ แต่ไม่นึกว่าเธอจะกลับดึกดื่นขนาดนี้” เขาสารภาพความจริง ยกมือขึ้นเกาหลังคอด้วยความเคอะเขิน เห็นแล้วก็อดยิ้มในใจไม่ได้ “ทำไมจะต้องเซอร์ไพรซ์ฉันด้วยล่ะ วันเกิดนายนะไม่ใช่วันเกิดฉัน คนที่ต้องทำเซอร์ไพรซ์ต้องเป็นฉันไม่ใช่นาย โง่หรือแกล้งโง่กันแน่” ฉันโวยวายให้เขารู้ตัวว่าสิ่งที่ทำลงไปมันไม่ได้เรื่องเลย หากเขาบอกฉันล่วงหน้าอาจจะมีของขวัญติดไม้ติดมือมาให้บ้าง “ทำไมต้องด่ากันด้วยเนี่ย ฉันก็แค่อยากให้เธอจำได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดฉัน เผื่อปีหน้าฟ้าใหม่เธอจะได้เซอร์ไพรซ์ฉันยังไงล่ะ ตอบฉันมาก่อนว่าไปทำอะไรดึก ๆ ดื่น ๆ ขนาดนี้” “ทำไมฉันต้องบอกนายด้วยล่ะ ไหนบอกว่าจะไม่ละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของกันไง ขนาดนายไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นฉันยังไม่คิดอยากจะรู้เลย” ฉันทำหน้าเฉยเมย แสดงท่าทีราวกับเป็นต่อ อาจจะได้ใจที่เขาเริ่มเห็นความสำคัญของฉันบ้างแล้ว ใจจริงอยากจะยิ้มกว้าง ๆ แต่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ใจ “ได้!! ถ้างั้นฉันขอโทษละกันที่ไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอ คนอุตส่าห์เป็นห่วง คิดจะทำอะไรก็ให้นึกเป็นห่วงลูกบ้างละกัน ฉันจะขึ้นไปนอนแล้ว” ดูตาเดียวก็รู้ว่านายฟีฟ่ากำลังงอน งอนฉันด้วยเรื่องแค่นี้ไม่สมกับเป็นเสือเลยสักนิด “เดี๋ยว!” เขาชะงักฝีเท้าหันขวับมองมาที่ฉันด้วยสีหน้างองุ้ม “จะเทศนาอะไรฉันอีกงั้นเหรอ” ทำเป็นพูดประชดนะยะ ตัวก็โตทำไมขี้น้อยใจอย่างนี้ “เอาเค้กไปเก็บด้วย วันเกิดนายไม่ใช่เหรอจะทิ้งไว้อย่างนี้ได้ไงกัน” “เธอเป็นเมียมีหน้าที่เก็บก็เก็บไปดิ ฉันจะขึ้นห้องแล้ว” ยังงอนไม่เลิกอีกงั้นเหรอเดี๋ยวได้เห็นดีกัน “นายฟีฟ่า! ฉันไม่ใช่คนรับใช้นายนะ” “โอเค ๆ เก็บก็เก็บวะแม่งไม่ยินดีด้วยแถมยังขึ้นเสียงใส่อีก” อีกฝ่ายหันใบหน้าอันงองุ้ม เดินกลับมายกเค้กขึ้นถือไว้ในมือ “แม่งกับใครยะพูดจาไม่เพราะ” “พูดกับตัวเองไม่ได้หรือไง” ยังมีหน้ามาตอบอีกนะยะ ฮ่าๆๆ ก่อนที่เขาจะเดินถือเค้กเข้าไปในห้องครัวฉันจึงร้องเพลงเพื่อฉลองวันเกิดให้สักหน่อย อย่างน้อยก็เป็นเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นสำหรับเราสองคน จากนี้จะต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไปอีกนาน แม้สถานะทางใจจะไม่ชัดเจน แต่สถานะทางสังคมของเราชัดเจนเป็นที่สุด “Happy Birthday to you Happy Birthday to you Happy Birthday Happy Birthday Happy Birthday to you…” เขาหันกลับมามองตั้งแต่ประโยคแรกที่ได้ยิน จากดวงหน้าที่เศร้าไร้ซึ่งรอยยิ้มบัดนี้กลับเปลี่ยนจากหน้าเป็นหลังมือ เสียงเพลงจากฉันเปรียบดังน้ำทิพย์ที่ชโลมทั้งกายและใจของนายฟีฟ่าให้ชุ่มฉ่ำอีกครั้ง “เป่าเค้กสิ” อีกฝ่ายยังคงยิ้มไม่หุบ จ้องหน้าฉันราวกับซาบซึ้งมากเหลือเกิน “ตลกแล้ว จะร้องเพลงน่าจะบอกกันก่อน จะได้ปักเทียนแล้วจุดไฟรอ” เขาต่อว่าต่อขานด้วยรอยยิ้ม ใช่ว่าฉันจะรักษาภาพลักษณ์อันด้านชาได้ตลอด หลุดยิ้มให้เขาเห็นไม่รู้ต่อกี่ครั้ง แต่นั่นไม่ได้ทำให้รู้สึกเสียหน้าเลยสักนิด “แหม...อย่างนั้นมันจะเรียกว่าเซอร์ไพรซ์ได้ยังไงกัน อยากให้เซอร์ไพรซ์ไม่ใช่เหรอ” “ก็จริง ว่าแต่เซอร์ไพรซ์แค่นี้เองเหรอ” “ฉันคงทำได้แค่นี้ล่ะ หรือนายไม่พอใจ” “ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แค่นี้ก็ดีใจแล้ว หวังว่าปีหน้าเธอจะมีของขวัญให้ฉันบ้างนะ” “เดี๋ยวคิดดูก่อนละกัน ถ้าเราอยู่ด้วยกันถึงปีหน้านะ” ฉันกลัวเหลือเกินว่ามันจะเป็นอย่างนั้น เขาเจ้าชู้มากจนฉันคิดว่าการแต่งงานครั้งนี้ คงไม่สามารถฉุดให้เขาอยู่กับฉันและลูกได้ตลอดเป็นแน่ “ทำไมจะไม่ถึงล่ะ ถ้าเธอไม่เป็นฝ่ายหนีฉันไปที่ไหน” “ฉันจะไปที่ไหนได้ล่ะเพราะต้องเลี้ยงลูกอยู่ที่นี่ กลัวแต่นายนั่นล่ะอีกหน่อยคงมีลูกกับผู้หญิงคนอื่น แล้วย้ายออกไปซื้อบ้านหลังใหม่” “เธอน่ะคิดมากไปเอง คิดอะไรให้มันปวดหัวมากินเค้กกันดีกว่านะ ฉันสั่งมาจากร้านที่อร่อยที่สุดในกรุงเทพเลยนะ” นายฟีฟ่ากำลังจะวางเค้กลงบนโต๊ะแต่ก็นึกอะไรขึ้นได้ก่อน “อ้อ ฉันลืมเป่าเค้ก” ว่าแล้วก็หลับตาอธิษฐานแล้วลืมตาขึ้นมาเป่าเค้ก ทำทีเหมือนมีเทียนปักอยู่บนนั้น ดูไปดูมาเราสองคนก็ดูเหมือนคนบ้าเนอะ ฮ่าๆๆ “นายอธิษฐานว่าอะไร” “ทำไมฉันต้องบอกเธอด้วยล่ะ” เขายิ้มกวน ๆ แล้ววางเค้กลงบนโต๊ะ จากนั้นหยิบมีดมาตัด ตักใส่จานแล้วยื่นให้ฉัน “อ่ะ ฉันให้เธอก่อน Lady first” “ขอบใจ” ฉันยื่นมือไปรับจาน แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับยึกยักไม่ยอมให้โดยง่าย กำลังคิดจะแกล้งฉันอีกหรือไงเนี่ย “นายทำบ้าอะไร ตกลงจะให้กินหรือเปล่าเนี่ย ทำเป็นเล่นไปได้คนยิ่งเริ่มง่วงแล้วเนี่ย” “มากินบนนี้สิ” เขาใช้นิ้วชี้ปาดครีมที่หน้าเค้กไปทาบนแก้มทั้งสองข้าง ส่งสายตาเย้ายวนชวนให้ฉันเล่มตามเกม ใครจะไปกินลงยะสกปรกสิ้นดี “แหวะ!!! สกปรกจะอ้วก ใครจะไปกินลงเนี่ย” ฉันทำหน้ายี้ราวกับรังเกียจสิ่งที่เขาทำซะเต็มประดา อีกฝ่ายยังคงหน้าด้านเอียงแก้มมาให้ฉัน “เอ้า กินดิ กินให้หมดด้วย” “ก็บอกว่าไม่ยังไงล่ะ” ฉันตอบเขิน ๆ แล้วทำท่าจะเดินหนีไปจากตรงนั้น เขารีบเดินตามแล้วกอดจากด้านหลังไว้ “ถ้าเธอไม่ยอมกินเค้กบนแก้มฉัน ฉันจะเป็นฝ่ายกินเธอเอง” น้ำเสียงแหบพร่าดังข้างหู ส่งผลให้หัวใจฉันเต้นแรง เรี่ยวแรงที่จะขัดขืนเหมือนทุกครั้งแทบจะไม่มี “อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ ตอนนี้ฉันกำลังท้องอยู่ นายห้ามทำอย่างนั้นเด็ดขาด” ฉันรีบเอาลูกมาอ้างก่อนที่เขาจะทำอะไรเกินเลยไปเสียก่อน “เธอคิดมากไปหรือเปล่าฉันแค่กอดเองนะ แค่กอดไม่กระทบกระเทือนถึงลูกในท้องหรอกน่า” ใช่! นายกอดฉันแต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมามันไม่ได้สื่อว่าแค่อยากกอด “กอดพอหรือยัง” “ยัง…เวลากอดเธอเหมือนได้โชคสองชั้นเลยนะรู้ไหม ได้กอดทั้งลูกและเมียไปพร้อม ๆ กัน” น้ำเสียงอบอุ่นกล่าวราวกับกำลังขับกล่อมให้ฉันยอมอยู่นิ่ง ๆ ในโอวาทอย่างนี้ไปตลอดทั้งคืน ไม่นานนิ้วหนาก็ปาดเอาครีมที่แก้มตัวเองมาจ่อที่ปากฉัน “กินซะ ถือว่าทำเพื่อฉันในวันเกิดปีนี้ รับรองว่าแก้มฉันไม่มีเชื้อโรคแน่” ทำไมนายต้องบังคับให้ฉันทำอย่างนี้ด้วยเนี่ย แค่โดนกอดก็เขินจะแย่แล้ว ไหนจะน้ำเสียงอบอุ่นละมุนหูนั่นอีก ตอนนี้ภายในกายฉันร้อนรุ่มจนแทบจะมอดไหม้แล้วนะ “ไม่กินได้ไหมอ่ะ ให้ฉันทำอย่างอื่นไม่ได้เหรอ” ฉันต่อรอง “ได้! ไม่กินก็ไม่กินแต่เธอมั่นใจนะว่าถ้าให้ฉันทำอย่างอื่นจะยอมโดยไม่มีข้อแม้” เขาพลิกตัวฉันให้หันไปสบตา เรายืนจ้องหน้ากันโดยมีนิ้วชี้ของเขาที่เต็มไปด้วยครีมต่ออยู่ตรงกลาง “กะ…กินก็ได้” ฉันรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร จึงอ้าปากจะงาบนิ้วนั่น แต่เขากลับขำแล้วชักมันกลับไปกินเสียเอง “ฮ่า ๆๆ ยัยบื้อเอ๊ยฉันแค่แกล้งเล่นเสือกทำจริง ๆ” เขายืนหัวเราะเยาะฉันอย่างบ้าคลั่ง ทำราวกับฉันเป็นตัวตลกซะอย่างนั้น “ไอ้คนผีทะเล กล้าล้อฉันเล่นอย่างนี้ได้ยังไงกัน ฉันจะฆ่านายให้ตายเลยคอยดู” ฉันยกกำปั้นน้อย ๆ ทุบแผงอกแกร่งรัว ๆ โดยที่อีกฝ่ายไม่ยอมปัดป้องเลยสักนิด เอาแต่ยืนยิ้มมองฉันอยู่อย่างนั้นอย่างเอ็นดู “พอใจยัง” “ยัง! ฮึก ถ้าวันนี้นายไม่ตายฉันไม่ยอมหยุดแน่ ฮือๆๆ” ฉันอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน รู้สึกน้อยใจจนต้องร้องไห้ระบายมันออกมา “โอ๋ ๆ ฉันขอโทษไม่นึกว่าเธอจะจริงจังขนาดนี้ จะร้องไห้ทำไมเนี่ยเดี๋ยวลูกในท้องก็ร้องตามหรอกน่า” เขาพยายามรวบมือฉันไว้ ใช้แรงอันมหาศาลโอบกอด มือทั้งสองข้างแนบชิดกับแผงอกแกร่งแทบขยับไม่ได้ รู้สึกอบอุ่นจัง รู้สึกอบอุ่นมากเหลือเกิน ช่วยกอดอย่างนี้ไปนาน ๆ ได้ไหม เสียงหัวใจฉันร่ำร้องบอกกล่าว นั่นทำให้ฉันเริ่มอยู่นิ่ง ๆ กลายเป็นเพียงลูกแมวน้อยตัวเชื่องที่กำลังถูกเจ้าของกอดไว้ “ฮึก นายห้ามแกล้งฉันแบบนี้อีกนะรู้ไหม” “โอเค ๆ ฉันไม่แกล้งแล้ว เพราะต่อไปนี้ฉันจะทำจริง ๆ ฉันจะไม่ล้อเล่นกับความรู้สึกของเธออีกแล้ว” เขากล่าวทิ้งท้ายก่อนที่เราทั้งคู่จะกอดกันอยู่อย่างนั้น ฉันจะยอมอยู่ในอ้อมกอดนี้ให้นานที่สุดเท่าที่เขาต้องการ เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับพ่อของลูกในท้อง
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 9 วันเกิด
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A