บทที่ 10 โดนจับ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 10 โดนจับ
บทที่ 10 โดนจับ แม้ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่จะมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทว่าสถานะการเป็นสามีภรรยาทางพฤตินัยยังไม่ชัดเจน รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่มาปิดกั้นความชัดเจนนั้นเอาไว้ ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ทุกวันนี้คิดแค่ว่าเขาคือเพื่อนร่วมบ้าน (ที่อาจจะมีความพิเศษกว่านั้นนิดหน่อย) หลังจากเลิกงานแล้วฉันจึงโทรหายัยโบ๊ทเพื่อนรัก กะว่าจะให้มันไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อน “แกวันนี้พาฉันไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลหน่อยสิ” (อ้าว! ทำไมไม่ให้พี่ฟีฟ่าพาไปล่ะยะ เดี๋ยวเขาก็งอนหรอก) “นายนั่นทำงานอยู่อ่ะดิ ฉันไม่อยากรบกวนเขา อีกอย่างไปกับแกฉันก็สบายใจมากกว่า” (แกนี่นะ คิดเองเออเองฉันมั่นใจว่าเรื่องลูกพี่ฟีฟ่าเขาเต็มที่อยู่แล้วล่ะ ถ้าเขามารู้ทีหลังมีหวังโกรธแกแน่ ๆ) “พูดอย่างนี้แสดงว่าแกจะไม่” (เปล่า ฉันไม่มีปัญหาหรอกแต่กลัวแกนั่นล่ะจะมีปัญหากับพี่ฟีฟ่า ที่พูดเพราะกลัวพวกแกสองคนจะทะเลาะกัน) “ตกลงจะไปไม่ไป” (ไปสิยะขับรถมาหาฉันที่ร้านเดี๋ยวเราไปคันเดียวกัน) “เค ๆ แล้วเจอกัน” วางสายโบ๊ทแล้วฉันก็รีบเก็บของใส่กระเป๋า ร่ำลาเพื่อนร่วมงานแล้วเดินออกมาจากออฟฟิศ เมื่อมาถึงลานจอดรถแล้ว ก็ล้วงกระเป๋าหากุญแจในวินาทีนั้นกลับมีสายโทรเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน “นายฟีฟ่า” เห็นชื่อที่โชว์หราบนหน้าจอ ก็ทำให้ความรู้สึกผิดพรั่งพรูออกมา “ฮัลโลว่าไง” (เลิกงานยัง) “อื้ม เลิกแล้ว” (งั้นรีบกลับนะทานข้าวเย็นด้วยกัน) น้ำเสียงร่าเริงนั่นทำให้ฉันอยากจะบอกความจริงไปเหลือเกิน แต่ก็ช่างเถอะไปแป๊บเดียวก็คงกลับแล้วล่ะ “ฉันต้องแวะไปร้านโบ๊ทก่อนน่ะ ถ้านายถึงแล้วก็กินก่อนเลยนะ คงค่ำ ๆ กว่าจะถึง” (ไปทำอะไรร้านน้องโบ๊ท แล้วทำไมไม่บอกฉันก่อนว่าจะไปที่นั่น หรือไม่อยากให้ไปด้วย) น้ำเสียงร่าเริงเมื่อครู่เปลี่ยนไปทันที ฟังจากโทนเสียงก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่พอใจมาก แค่กลับบ้านไม่ตรงเวลาก็ขนาดนี้แล้ว หากรู้ความจริงฉันต้องโดนเล่นงานหนักแน่ เป็นเช่นนี้แล้วยิ่งต้องไม่ให้รู้เด็ดขาด “เปล่าฉันก็แค่แวะไปหามันเฉย ๆ ทำไมต้องทำเสียงดุใส่ด้วยล่ะ นายจะไปไหนมาไหนฉันไม่เห็นเคยถามเลยสักครั้ง” (ก็เธอไม่เคยสนใจฉันเลยน่ะสิ แต่ฉันเอ่อ…ช่างแม่งเถอะ จะไปไหนก็ไปฉันเองก็จะไปดื่มบ้างเหมือนกัน) ตู๊ด ๆๆ กำลังอ้าปากจะตอบกลับแต่อีกฝ่ายกลับตัดสายทิ้งเสียก่อน ทำไมถึงได้ขี้น้อยใจขนาดนี้นะ อย่าหวังว่าฉันจะตามง้อให้เสียเวลา ชิส์! เมื่อไปถึงร้านโบ๊ทแล้วฉันก็จอดรถไว้ที่นั่น เพราะเพื่อนสาวอาสาเป็นสารถีขับรถพาไปโรงพยาบาล ขอทำตัวเป็นสามีจำเป็นให้ฉันหนึ่งวัน เราทั้งคู่มาถึงโรงพยาบาลก็แจ้งเจตจำนงที่จะขอเข้าพบคุณหมอนที นั่นเพราะก่อนหน้านี้หนึ่งวันฉันได้โทรนัดเขาไว้เรียบร้อยแล้ว “ติดใจอะไรคุณหมอคนนี้ยะถึงได้มาฝากครรภ์ด้วย เห็นวันนั้นยังวีนใส่เขาอยู่เลย” โบ๊ทเอ่ยขณะนั่งรอคิวอยู่หน้าห้องตรวจ “ก็ได้คุยกันแล้วคุณหมอเขาน่ารักดี แถมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อีกด้วย ฉันจึงมั่นใจว่าจะดูแลฉันกับลูกได้เป็นอย่างดี” ฉันตอบออกไปอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่ทว่าคนที่นั่งข้างกันกลับหรี่ตามองอย่างมีเลศนัย “ไปคุยกันตอนไหน ทำไมแกถึงได้ไว้ไฟขนาดนี้ นี่อย่าบอกนะว่าจะนอกใจพี่ฟีฟ่ามาควงคุณหมอของฉันแทน” “อีบ้า! ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาจริง ๆ” ฉันล่ะเกลียดสายตาจับผิดของมันเสียเหลือเกิน ทำอย่างกับฉันจะงาบคุณหมอไปกินซะอย่างนั้น “ให้มันจริงนะยะ ไม่งั้นฉันจะสาปแช่งแกไปชั่วกัปชั่วกัลป์ คนนี้ฉันหมายปองตั้งแต่ครั้งที่แล้วแล้วย่ะ ดีเหมือนกันที่แกมาฝากท้องกับคุณหมอ ฉันจะได้ติดสอยห้อยตามมาด้วยอีก” “ค้า…แล้วแต่แกเลย หรือจะให้ฉันช่วยอีกแรงไหมล่ะ” “ดี ๆ ช่วยหน่อยนะเพื่อนรัก” “เอาจริงดิ” ฉันแค่พูดเล่น ๆ แต่ไม่นึกว่ามันจะเอาจริง กลัวว่าจะมาวีนใส่ทีหลังน่ะสิ ดูจากสภาพแล้วไม่น่าจะรอด “ก็จริงดิ หล่อครบเครื่องขนาดนั้นใครจะห้ามใจไหว” นางยังคงยืนยันด้วยสีหน้าเพ้อฝัน เห็นแล้วก็ยิ้มบาง ๆ ส่ายหน้าให้กับความเวิ่นเว้อของเพื่อนรัก “ไม่เอาฉันแค่พูดเล่นย่ะ อยากได้ก็อ่อยเอาเอง ฉันขี้เกียจโดนแกวีนให้ทีหลังในข้อหาทำงานไม่สำเร็จ” “อีข้าว! อีเพื่อนเลว แค่นี้ก็ช่วยไม่ได้” เพื่อนสาวเริ่มตีโพยตีพาย “คุณขวัญข้าวเชิญพบคุณหมอได้เลยค่ะ” เสียงพยาบาลหน้าห้องแทรกเข้ามา ทำให้บทสนทนาของเราต้องยุติลง “ฉันเข้าไปข้างในก่อนนะ” “แกอ่ะ” มันทำท่าจะดิ้นลงตรงหน้าเสียให้ได้ เพื่อประท้วงให้ฉันช่วยคุยกับคุณหมอให้ แต่ฉันส่ายหน้ายิ้มระรื่น โบกมือลาแล้วเดินเข้าไปในห้อง เมื่อเข้าไปในห้องแล้วฉันก็ทักทายกับคุณหมออย่างคนคุ้นเคย เขายังคงยิ้มแย้มเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน “สวัสดีค่ะคุณหมอ” “สวัสดีครับ เชิญนั่งครับ” เขายิ้ม รอให้ฉันนั่งลงที่เก้าอี้จึงเอ่ยอีกครั้ง “ผมดีใจที่คุณข้าวมาฝากครรภ์กับผมที่นี่” “ฉันก็ดีใจค่ะที่ได้คุณหมอมาช่วยดูแล” คุณหมอยิ้มแล้วก้มหน้าอ่านเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ เปิดอ่านทีละหน้าจนครบแล้วเงยขึ้นมาเอ่ยอีกครั้ง “ผลเลือดปกติครับไม่พบยีนส์แฝงธาลัสซีเมีย รวมถึงโรคที่สุ่มเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ครับ” “ฉันดีใจที่สุดเลยค่ะ” “ว่าแต่พ่อของเด็กไม่มาด้วยเหรอครับ จริง ๆ แล้วเขาควรมาตรวจด้วยอีกคนเพื่อความมั่นใจ” “คือ…ฉันไม่ได้บอกเขาค่ะเลยชวนเพื่อนมาแทน” ฉันหลบตาคุณหมอหน้าหล่อเพราะกลัวจะโดนว่าให้ เพราะจริง ๆ แล้วการมาฝากครรภ์นายฟีฟ่าจำเป็นต้องมาด้วยเป็นอย่างยิ่ง “จริง ๆ แล้วผมว่าเขาควรมาด้วยนะครับ ถึงแม้ว่าคุณทั้งสองจะไม่ได้แต่งงานกันเพราะความรัก แต่เรื่องลูกอีกฝ่ายควรมีสิทธิ์รับรู้และช่วยตัดสินใจ ผมคงแนะนำคุณข้าวได้เท่านี้ เอาเป็นว่าถ้าจะให้ดีครั้งหน้าผมจะนัดมาอัลตร้าซาวด์ให้ชวนเขามาด้วยนะครับ” คุณหมอเอ่ยด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เพื่อไม่ให้ฉันรู้สึกเครียด “ได้ค่ะคุณหมอ ว่าแต่ครั้งหน้าฉันจะได้รู้เพศลูกแล้วใช่ไหม” “ถูกต้องครับ อายุครรภ์ตอนนี้เกินสิบสัปดาห์แล้วสามารถอัลตร้าซาวด์เพื่อดูเพศลูกได้แล้ว” ฉันฉีกยิ้มกว้างเมื่อจะได้รู้ว่าลูกในท้องเป็นเพศหญิงหรือชาย ฉันมั่นใจว่านายฟีฟ่าเองก็คงตื่นเต้นไม่แพ้กันแน่นอน แต่เอ๊ะ! ทำไมฉันต้องนึกถึงเขาเป็นคนแรกด้วยล่ะ Rrrrr…. ในวินาทีนั้นมือถือที่อยู่ในมือก็ส่งเสียง คุณหมอมองหน้าเชิงบอกว่าให้จัดการกับเจ้าเครื่องมือสื่อสารนั่น “ขอโทษนะคะคุณหมอที่ไม่ได้ปิดเสียงก่อนเข้ามา” “ไม่เป็นไรครับ ถ้าเป็นเบอร์คนสำคัญก็รับเถอะครับผมรอได้” เขาเปิดโอกาสให้ แต่ฉันคงไม่หน้าด้านทำอย่างนั้นแน่นอน “ไม่เป็นไรค่ะฉันปิดเครื่องดีกว่า” ยังไม่ได้ดูเลยว่าใครโทรมาแต่ฉันก็เอ่ยไว้ก่อนตามมารยาท แต่พอมองไปยังเบอร์ที่ไม่ได้รับสายก็ต้องชะงัก เพราะชื่อที่โชว์หราคือนายฟีฟ่านั่นเอง แต่ก็ต้องจำใจปิดเครื่องเพื่อไม่ให้เขาโทรมาอีก “คุณข้าวโอเคไหมครับ” คุณหมอถามเมื่อเห็นสีหน้าฉัน “โอเคค่ะ ปิดเครื่องเรียบร้อยแล้ว” “งั้นผมจะให้ยาบำรุงครรภ์แล้วก็นัดวันที่จะมาอัลตร้าซาวด์นะครับ ถ้าเป็นวันนี้คุณข้าวสะดวกไหม” เขาชี้วันที่ในปฏิทินตั้งโต๊ะให้ดู “ได้ค่ะ วันนี้ฉันสะดวก” “งั้นเอาตามนี้นะครับ ว่าแต่เสร็จจากนี้จะไปไหนต่อไหมครับ” “คงกลับบ้านค่ะ คุณหมอมีอะไรหรือเปล่าคะ” “เอ่อไม่มีครับ คุณข้าวเป็นคนไข้คนสุดท้ายของวันนี้แล้ว ผมว่าจะชวนไปทานมื้อเย็นสักหน่อย” “ได้สิคะไม่มีปัญหา แต่ฉันขอชวนเพื่อนไปด้วยอีกคนนะคะ นางรออยู่หน้าห้อง” “โอเคครับ งั้นคุณข้าวไปรอรับยาแล้วก็ใบนัด เสร็จแล้วเดี๋ยวผมโทรหานะครับ” “ได้ค่ะ” หลังจากการพบหมอเสร็จสิ้นลงแล้ว ฉันก็ออกมารอรับใบนัดที่โต๊ะพยาบาลจากนั้นไปนั่งรอรับยา เสร็จภารกิจแล้วก็เดินไปรอคุณหมอนทีที่หน้าโรงพยาบาลพร้อมกับโบ๊ท นางดีใจจนออกนอกหน้าเมื่อรู้ว่าเย็นนี้จะได้ไปดินเนอร์กับคุณหมอสุดหล่อผู้ซึ่งหมายปองไว้ “ไหนบอกไม่ช่วยเพื่อนแล้วทำไมคุณหมอถึงยอมไปกินข้าวด้วยยะ ฉันรักแกที่สุดในโลกเลยยย” โบ๊ทกอดฉันแน่น จนคนแถวนั้นหันมามองราวกับเราเป็นตัวประหลาด “แกพอได้แล้วคนมองใหญ่เลยนั่น” “จ้าแม่คนหน้าบาง แต่ก่อนไปเที่ยวผับเที่ยวบาแต่งตัวซะพริตตี้ยังอาย ตอนนี้เพื่อนกอดนิดกอดหน่อยทำเป็นอายนะยะ” เพื่อนสาวจิกตาใส่ พูดจีบปากจีบคอประชดประชัน “ก็มันอยู่ในผับไงยะจะใส่ยังไงก็ได้” “ค่ะ วันนี้ฉันยอมให้ชนะวันนึงเพราะแกทำดีมากกกก” “อย่างนี้ต้องให้รางวัลฉันนะ” “ขอให้ได้ให้โดนก่อนเถอะแกจะเอาอะไรก็ว่ามา” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บวกกับแววตาชวนฝันนั่นทำให้ฉันขำเบา ๆ นางทำให้ฉันอารมณ์ดีทุกครั้งเมื่อได้อยู่ด้วยกัน Rrrrr…. “ใครโทรมาขัดจังหวะเนี่ย” นางบ่นพลางล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง “เบอร์ไม่คุ้นอ่ะ” โบ๊ทเอ่ยพลางเหลือบตามองมา ฉันยักคิ้วสื่อว่าให้รีบรับสาย “ฮัลโลสวัสดีค่ะ” “อุ๊ย! พี่ฟีฟ่า ทำไมโทรมาเบอร์หนูล่ะคะ” เมื่อได้ยินชื่อนั้นฉันก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ใช่สินะ ฉันปิดเครื่องตอนที่เขาโทรมา กลับไปจะโดนด่าไหมเนี่ย “อ่ะ พี่ฟีฟ่าจะคุยด้วย” ยังไม่ได้ตั้งตัวอะไรเลยนางก็ยื่นมือถือมาให้ “ฮัลโล นายมีอะไรหรือเปล่า” (ทำไมฉันโทรไปไม่รับสายแถมยังปิดเครื่องด้วย แล้วตอนนี้อยู่ไหน) ประโยคแรกก็กระแทกเสียงใส่ซะแล้ว ใครเหยียบหางมาก็ไม่รู้ แต่เอ๊! น้ำเสียงแบบนี้เหมือนคนกำลังเมานี่นา “พอดีฉันติดธุระน่ะอีกหน่อยก็กลับแล้วล่ะ แล้วนายอยู่ที่ไหน เมาใช่ป่ะ” (เออฉันเมา เมามากด้วย ที่โทรมาแค่จะบอกว่าคืนนี้จะค้างกับน้องจอยที่คอนโด กลับบ้านแล้วล็อกบ้านดี ๆ ด้วยล่ะ) พูดจบแล้วก็มีเสียงผู้หญิงแทรกเข้ามา (พี่ฟีฟ่าคะรีบวางสายเถอะ จะได้กลับคอนโดซะที จอยอยากนอนกอดพี่จะแย่แล้วเนี่ย) ยัยจอยอีกแล้วงั้นเหรอ...ทำไมไม่ย้ายไปอยู่ด้วยกันให้ซะสิ้นเรื่องเลยล่ะ “คราวหน้าคราวหลังถ้าอยู่กับคนที่ชื่อจอยไม่ต้องโทรหาฉันนะ ฉันกลัวว่าน้องเขาจะเข้าใจผิดว่าเราเป็นอะไรกัน แค่นี้นะเชิญไปมีความสุขกับผู้หญิงของนายเถอะ” ฉันกระแทกเสียงใส่บ้าง ถอนหายใจเสียงดัง จนโบ๊ทต้องยกมือขึ้นมาลูบที่ต้นแขนเพื่อให้อารมณ์เย็นลง ตู๊ดๆๆๆ “แกโอเคป่ะวะ” “ฉันโอเค...ไม่เห็นจะเป็นไรเลย” ฉันฝืนยิ้มให้เพื่อนรัก “ทำไมแกต้องอารมณ์เสียอย่างนี้หรือว่า...” “ห้ามคิดอะไรบ้า ๆ นะแก ฉันไม่มีทางคิดอะไรกับคนอย่างนายนั่นหรอก เสือผู้หญิงอย่างนั้นถ้าได้คบกันจริง ๆ คงจะอกแตกตายแน่นอน” “จ้าไม่คิดก็ไม่คิด แต่ฉันว่าพี่ฟีฟ่าคิดอะไรกับแกนะ ไม่งั้นคงไม่โทรมาถามอย่างนี้หรอกคงจะเป็นห่วงแกมาก” “ห่วงลูกน่ะสิไม่ว่า” “สาว ๆ พร้อมกันหรือยังครับ” ในวินาทีนั้นคุณหมอนทีก็เดินยิ้มเข้ามาพอดี การสนิทนาของเราจึงยุติลงโดยอัตโนมัติ “พร้อมแล้วค่ะคุณหมอ” “พร้อมที่สุดเลยค่ะ” ประโยคหลังคือเสียงของนางโบ๊ท ส่งตาเปรี้ยวตาหวานให้คุณหมอ จนเขาถึงกับหลุดขำออกมา “งั้นคุณข้าวไปรถผมนะครับ พอดีผมอยากจะแนะนำเรื่องการปฏิบัติตัวในช่วงตั้งครรภ์เพิ่มเติม คุณโบ๊ทคงไม่ว่าอะไรนะครับ” ได้ยินคุณหมอพูดอย่างนั้นฉันจึงหันไปมองโบ๊ท กลัวว่านางจะนอยด์ที่ต้องไปคนเดียว “ทำไมจะต้องว่าด้วยล่ะคะ งั้นฝากเพื่อนหนูด้วยนะคะคุณหมอ แล้วเจอกันที่ร้านค่ะ” “ครับคนสวย” ได้รับคำชมก็ทำให้เพื่อนโบ๊ทยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริ จากนั้นเราจึงแยกย้ายกันไปขึ้นรถ จุดหมายปลายทางคือร้านอาหารที่คุณหมอได้แจ้งเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ในระหว่างทางคุณหมอให้คำแนะนำเรื่องการดูแลตัวเองอย่างละเอียด โดยไม่ได้พูดคุยเรื่องอื่นเลย นอกจากจะเป็นหมอที่ดูแลคนไข้แล้ว ฉันรู้สึกได้ว่าคุณหมอนทีเป็นบุคคลที่มีความสามารถในการโน้มน้าวจิตใจคนอื่นได้ดี สร้างพลังบวกให้ฉันได้มากมายเหลือเกิน จากที่กำลังหงุดหงิดให้นายฟีฟ่า จนตอนนี้สบายใจมากขึ้น “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะคุณหมอ” “ยินดีเลยครับ” “คุณหมอเป็นผู้ชายที่เก่งมากเลยนะคะ ถ้าผู้หญิงคนไหนได้เป็นแฟนคงจะโชคดีมากที่สุดในโลกเลยล่ะ” “แล้วคุณข้าวไม่สนใจบ้างเหรอครับ เป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกของผมไง” เขาหันมามองแวบหนึ่งแล้วสนใจขับรถต่อ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงจะล้อเล่นเหมือนทุกครั้งแน่ ๆ “ฉันคงไม่อาจเอื้อมหรอกค่ะ ปล่อยให้ผู้หญิงดี ๆ เข้ามาในชีวิตคุณหมอดีกว่า” ฉันตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน ตีเนียนว่ามันเป็นแค่เรื่องขำขัน แต่ในใจกลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแฝงในคำพูดเขา Rrrrr…. “ใครโทรมาอีกเนี่ย” ฉันบ่นเมื่อได้ยินเสียงมือถือส่งเสียงร้อง มองไปยังหน้าจอก็พบว่าเป็นเบอร์นายฟีฟ่า สรุปนายจะตามรังควานฉันทั้งวันทั้งคืนเลยหรือ อยู่กับน้องจอยไม่ใช่เหรอแล้วจะโทรมาเพื่อ?... “ใครโทรมาครับ” คุณหมอหันมาถาม “เอ่อ...เขาโทรมาค่ะ” “รีบรับสิครับเผื่อเขามีธุระด่วน” คุณหมอแนะนำเมื่อเห็นว่าฉันไม่ยอมรับสายเสียที “ธุระบ้าบอน่ะสิคะ ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นแล้วจะโทรมาทำบ้าอะไรก็ไม่รู้” ฉันบ่นอย่างลืมตัว ตอนแรกไม่คิดว่าจะเอาเรื่องนี้มาพูดให้คนนอกฟัง แต่วันนี้เขาทำให้ฉันหงุดหงิดมากจนเริ่มรำคาญแล้ว “รับเถอะครับ” “ก็ได้ค่ะ” กดรับแล้วฉันจึงด่าให้ชุดใหญ่ โดยไม่คิดจะฟังว่าปลายสายจะพูดอะไรบ้าง “นายจะโทรมาทำหอกอะไร เมาแล้วเป็นบ้าหรือไง อยากให้ฉันโมโหมากนักหรือไง” (ขอโทษนะครับผมไม่ใช่เจ้าของเครื่อง) “อ้าว! นั่นใครพูดคะ แล้วรับโทรศัพท์เพื่อนฉันได้ยังไง” (อ้าว! ไหนนายศรัณย์บอกว่าคุณเป็นภรรยาเขา) “ออ...ชะ...ใช่ค่ะฉันเป็นภรรยาเขา” ฉันต้องยอมรับแต่โดยดีเพราะฟังจากน้ำเสียงปลายสายแล้วน่าจะเป็นคนสุภาพมาก ๆ ฉันสังหรณ์ใจว่านายฟีฟ่าจะต้องไปก่อวีรกรรมอะไรไว้แน่ ๆ (อ้อ! ผมลืมแนะนำตัวเอง ผมเป็นร้อยเวรสน.XXX ตอนนี้สามีคุณอยู่ในห้องขัง โดนจับในข้อหาเมาแล้วขับ คุณรีบมาประกันตัวสามีคุณด้วยนะครับ เมาไม่ได้สติอาละวาดไปทั่ว แถมยังบ่นเรียกหาแต่คุณขวัญข้าวอีกต่างหาก) “ได้ค่ะคุณตำรวจ ขอบคุณมากนะคะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะคะ” (งั้นรีบมานะครับผมต้องวางสายแล้ว) “ค่ะ ๆ” วางสายแล้วฉันจึงหันไปมองคุณหมอ ในวินาทีนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะไปทานข้าวแล้ว เพราะรู้สึกเป็นห่วงนายฟีฟ่ามากป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ นอนในคุกมันสบายซะที่ไหนกัน “เกิดอะไรขึ้นครับ” “คุณหมอจะว่าอะไรไหมคะถ้าฉันจะขอยกเลิกทานข้าวกะทันหัน พอดีว่าเขาเกิดเรื่องโดนจับที่สน.XXX ค่ะ” “ไม่มีปัญหาครับงั้นผมจะเปลี่ยนแผนพาคุณไปที่นั่นเอง” “ขอบคุณมากนะคะ รบกวนคุณหมออีกแล้ว” “ผมยินดีช่วยคุณข้าวอยู่แล้วครับ” จากนั้นคุณหมอนทีก็ขับรถพาฉันไปยังสถานีตำรวจ ในระหว่างทางก็โทรบอกโบ๊ทว่าเกิดอะไรขึ้น จากที่จะไปทานมื้อเย็นด้วยกันกลับต้องไปสถานีตำรวจแทนซะงั้น เป็นเพราะนายฟีฟ่าคนเดียวเลย ไหนบอกว่าจะไปนอนคอนโดยัยน้องจอยแล้วไหงกลับมาโดนจับอย่างนี้ล่ะ เริ่มจะเสเพลมากขึ้นทุกวันแล้วนะผู้ชายคนนี้
已经是最新一章了
加载中