บทที่ 11 อ้อนเมีย
1/
บทที่ 11 อ้อนเมีย
ลุ้นรักวิวาห์ร้อน
(
)
已经是第一章了
บทที่ 11 อ้อนเมีย
บทที่ 11 อ้อนเมีย มาถึงโรงพักแล้วฉันก็รีบเดินขึ้นไปพร้อมกับคุณหมอและโบ๊ท ตรงไปหาร้อยเวรที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน “สวัสดีค่ะฉันมาประกันตัวเอ่อ..สามีค่ะ” “ใช่คุณขวัญข้าวหรือเปล่าครับ” “ใช่ค่ะ” “งั้นเชิญทางนี้ครับ” จากนั้นร้อยเวรก็เดินนำหน้าพาเราไปยังห้องขัง ระหว่างทางเขาเล่าให้ฟังว่านายฟีฟ่าขับรถมาด้วยความเร็ว โชคดีเจอด่านเสียก่อนไม่งั้นคงจะเกิดอุบัติเหตุไปแล้วก็เป็นได้ เมื่อพบว่าอยู่ในอาการเมามายเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้เป่าแอลกอฮอล์และก็พบว่าเกินค่ามาตรฐานตามคาด “นายศรัณย์ ญาติมาประกันตัวแล้ว” ร้อยเวรตะโกนบอกคนที่นั่งหมดสภาพในห้องขังสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เมื่อได้ยินเสียงเขาก็เงยหน้าขึ้นมามอง ดูจากสภาพแล้วคงจะเมามาก ตาปรือ ใบหน้าแดงก่ำ เผ้าผมยุ่ง รู้ทั้งรู้ว่าเมาแล้วทำไมถึงได้ขับรถกลับมาอย่างนี้ “ขวัญข้าวเธอมาแล้ว!” คนเมารีบลุกขึ้นมาจับกรงเหล็ก ส่งรอยยิ้มบ้า ๆ บอๆ มาให้ ดูท่าแล้วคงอีกนานกว่าจะได้สติกลับคืนมา “นายเป็นบ้าอะไรเมาแล้วทำไมถึงได้ขับรถ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำยังไง” ฉันตะโกนเสียงดังอย่างลืมตัวเมื่อเห็นสภาพเมาเหมือนหมาอย่างนี้ “สนใจฉันสักทีสินะหึ ๆ” เขาหัวเราะราวกับสิ่งที่ฉันพูดเป็นเรื่องตลก “นายพูดบ้าอะไร อย่าบอกนะว่าที่ทำแค่เรียกร้องความสนใจ” ฉันตอบกลับพร้อมทั้งคิดในหัวว่าเมินเฉยต่อเขาขนาดนั้นเชียวหรือ แต่มันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอเพราะเราตกลงกันแล้วว่าจะอยู่ในสถานะไหน “ใช่! เพราะเธอมันไม่เคยมองคนอย่างฉันในแง่ดีเลย ไม่เคยคิดว่าฉันจะรู้สึกยังไง ฉันมันเป็นแค่คนที่ทำให้ชีวิตเธอพังใช่ไหมล่ะ แล้วไอ้หมอนี่มันเป็นใคร มากับเธอได้ยังไงกัน” อีกฝ่ายเริ่มเอาแต่ใจพาลไปถึงคุณหมอ จู่ ๆ ก็เดินกลับไปนั่งในห้องขังไม่แม้แต่จะชายตาแลฉันเลยสักนิด “พูดไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว นอนอยู่ในนี้สักคืนเถอะ ฉันเปลี่ยนใจไม่ประกันตัวนายแล้วล่ะ” อีกฝ่ายยังคงนั่งเงียบไม่ยอมพูดจา สงสัยอยากนอนอยู่ในนั้นสักคืนสินะถึงได้กร่างอย่างนี้ ฉันถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าจะเอายังไงดีกับผู้ชายคนนี้ดี “แกใจเย็น ๆ พี่ฟีฟ่ากำลังเมา เขาคงไม่ได้ตั้งใจพูดอย่างนั้นหรอก” โบ๊ทเดินมาตบบ่าฉันเบา ๆ เพื่อเตือนสติ “นั่นสิครับ ผมว่าเราไปทำเรื่องประกันตัวดีกว่า เดี๋ยวผมไปส่งที่บ้านให้เองไม่ต้องห่วง” “อยากจะปล่อยไว้อย่างนี้สักคืนให้หายซ่า ปากเก่งดีนัก” ฉันว่าพลางเหลือบตามองคนที่นั่งชันเข่าก้มหน้าอยู่ในห้องขัง “ตกลงจะเอายังไงครับ ถ้าไม่ประกันตัวต้องรอขึ้นศาลพรุ่งนี้เลย” ร้อยเวรกล่าวเมื่อเห็นท่าทีลังเลของฉัน “ประกันครับคุณตำรวจ” “งั้นเชิญทางนี้เลยครับ” “ครับ” คุณหมอรับคำแล้วหันมาเอ่ยกับฉัน “เดี๋ยวผมจัดการให้นะครับ คุณคุยกับเขาไปก่อน เสร็จแล้วผมจะมาช่วยพยุงตัวกลับบ้าน” “ขอบคุณค่ะคุณหมอ ถ้าไม่มีคุณมาด้วยฉันคงจะกลับบ้านไปแล้วล่ะ” “ยินดีครับ” เมื่อคุณหมอเดินไปดำเนินการเรื่องประกันตัวให้ ฉันหันไปมองเขาอีกครั้งกะว่าจะมาด่าอีกสักยกแต่ก็พบว่าได้หลับไปเสียแล้ว “คืนนี้ให้ฉันไปนอนเป็นเพื่อนไหมแก” โบ๊ทเห็นฉันอารมณ์ไม่ดีจึงอาสาจะมานอนเป็นเพื่อน “ไม่เป็นไรหรอกฉันโอเค แค่นี้จิ๊บ ๆ แกกลับไปดูแลร้านเถอะ” “โอเค ๆ ถ้ามีอะไรรีบโทรมาบอกฉันทันทีนะ เป็นห่วงแกนะเว้ย กำลังท้องกำลังไส้ต้องมาดูแลคนเมาอย่างนี้” “ขอบใจแกมาก เอาไว้วันไหนเหมาะ ๆ ฉันจะวางยาสลบให้แกจัดการเลยดีไหม อยากได้ไม่ใช่เหรอ” ฉันพูดติดตลกเพื่อให้เพื่อนสาวยิ้มได้ และให้รู้ว่าฉันรับมือไหว “กล้าทำหรือเปล่ายะ ถ้าแกกล้าฉันก็กล้ายิ่งกว่า คริๆ” ว่าแล้วนางก็หัวเราะชอบใจ ส่งสายตาหื่นมองนายฟีฟ่าอย่างมีความหวัง หลังจากได้ประกันตัวแล้วคุณหมอก็ขับรถมาส่งที่บ้าน ส่วนโบ๊ทแยกทางกันตั้งแต่อยู่สถานีตำรวจแล้ว นายฟีฟ่าอยู่ในอาการงัวเงียพูดไม่เป็นศัพท์ กว่าคุณหมอจะพยุงตัวขึ้นมาบนห้องได้ช่างยากเย็นแสนเข็ญ จนในที่สุดคนเมาก็ถูกทุ่มลงบนที่นอนเรียบร้อยแล้ว “ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์พามาส่งจนได้” “ไม่เป็นไรครับผมยินดี” “งั้นลงไปข้างล่างกันเถอะค่ะ ฉันจะทำข้าวเย็นให้ทานทดแทนที่วันนี้ต้องผิดนัด และเป็นการขอบคุณที่คอยช่วยเหลือฉันตลอด” “เอาไว้วันหลังละกันครับ ผมว่าวันนี้คุณข้าวคงมีเรื่องให้ต้องจัดการ” เขาปรายตามองคนเมาที่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง “งั้นก็ได้ค่ะ ฉันสัญญาว่าจะไม่ผิดนัดคุณหมออีกแน่นอน” “ครับผม ว่าแต่พรุ่งนี้ให้ผมมารับไปศาลไหมครับ” “ไม่เป็นไรค่ะพรุ่งนี้คงมีสติขับรถไปเองได้แล้วล่ะ” “งั้นผมขอตัวนะครับ” “เดี๋ยวฉันลงไปส่งค่ะ” คุณหมอส่งยิ้มเป็นการตอบรับ จากนั้นฉันจึงเดินสนทนากับคุณหมอนทีเดินไปยังหน้าบ้าน เมื่อส่งเขาขึ้นรถขับออกไปแล้วจึงเดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง โดยไม่ลืมยกชามน้ำพร้อมกับผ้าผืนเล็กขึ้นไปด้วย เข้ามาในห้องนอนนายฟีฟ่าอีกครั้งก็พบว่าอีกฝ่ายนอนเอนหลังอยู่บนเตียงแล้ว แต่ทว่าอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น เห็นอย่างนั้นฉันก็รีบวางชามน้ำลงบนโต๊ะ แล้วเดินเข้าไปปลุกเพื่อให้เขานอนลงดี ๆ “ฟีฟ่า...นายได้ยินฉันพูดไหม” ฉันเอ่ยเรียกพร้อมทั้งเขย่าตัวเบา ๆ แต่อีกฝ่ายังคงนั่งนิ่ง หลับตาอยู่อย่างนั้น “...” “ทำไมต้องให้คนอื่นวุ่นวายด้วยนะ” มองหน้าคนเมาครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจเอื้อมมือไปดึงเนกไทออกให้ กลิ่นเหล้าจากเสื้อโชยมาจนฉันต้องส่ายหน้าหนีเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ครู่หนึ่งแล้วหันมาใหม่ “อือ...ยัยตัวแสบทำไมเธอไม่สนใจฉันเลย” ฉันเข้าใจว่านั่นคือการละเมอ เป็นครั้งแรกที่เขาละเมอถึงฉัน ปกติแล้วในความคิดคงมีแต่ยัยจอยเท่านั้นล่ะ “ถ้าไม่สนใจฉันจะมานั่งทนนายอยู่อย่างนี้เหรอยะ” ฉันเห็นสีหน้าเขาแล้วก็มันเขี้ยว ยกมือขึ้นไปฟาดเบา ๆ ที่แก้มหนึ่งที เมื่ออีกฝ่ายเงียบไปฉันจึงจัดการถอดเสื้อเชิ้ตที่อบอวลไปด้วยกลิ่นเหล้าทิ้งลงข้างเตียง กำลังจะเลื่อนมือลงมายังขอบกางเกงก็ชะงักงัน นี่ฉันกำลังจะแก้ผ้าผู้ชายอย่างนั้นหรือ เมื่อคิดได้อย่างนั้นจึงรีบชักมือกลับ ตัดสินใจเช็ดตัวให้เฉพาะส่วนบนเท่านั้น เดินไปหยิบผ้าชุบน้ำเย็นที่บิดหมาด ๆ มา จากนั้นก็เริ่มลงมือบรรจงเช็ดตามใบหน้า ไล่เรียงลงมาตามซอกคอ ในวินาทีนั้นก็เผลอมองดวงหน้าหล่ออย่างเพลินตา รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าฉันอย่างไม่รู้ตัว เขามีเสน่ห์เหลือเกิน นี่สินะสิ่งที่ทำให้สาว ๆ ต่างก็ติดใจ หมับ! เผลอมองหน้าเขาแล้วยิ้มอยู่อย่างนั้นไม่รู้นานเท่าไร รู้สึกตัวอีกทีเมื่อมือที่จับผ้าอยู่นั้นไม่สามารถขยับได้ จากนั้นชายหนุ่มก็เปิดเปลือกตาอย่างช้า ๆ มองดูฉันตาแป๋วราวกับเด็กน้อยที่เพิ่งจะตื่น ดวงหน้าหล่อขึ้นสีด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ยังคงไม่จางหาย “ขวัญข้าว” เขาเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ฉีกยิ้มน้อย ๆ เมื่อตั้งสติได้ฉันก็หุบยิ้ม เสตามองไปทางอื่นแวบหนึ่งเพื่อคลายความเขินอาย จากนั้นหันกลับมามองดวงหน้าหล่ออีกครั้ง “ยังดีที่จำได้ว่าเป็นฉัน รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไปบ้าง” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเชิงตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น แค่นั้นก็รู้แล้วว่าจำอะไรไม่ได้ “ฉันทำอะไรไว้งั้นเหรอ” “ก็เมาเหมือนหมาแล้วขับรถมาเจอด่าน โดนจับเข้าคุกลำบากฉันต้องมาประกันตัว พรุ่งนี้เตรียมตัวขึ้นศาลด้วยนะ ขอให้โดนจำคุกทีเถอะฉันจะได้สมน้ำหน้าให้” “ทำไมใจร้ายจัง...นี่ผัวเองนะ” เขายิ้มกวนแม้สีหน้ายังดูเหนื่อย ๆ ก็ตามที “ผัวบ้านพ่อนายสิ แล้วจะให้เช็ดตัวให้ไหมจับมือฉันอยู่ได้” เขามองไปที่มือแล้วค่อย ๆ ปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ แต่ดวงหน้าหล่อยังคงยิ้มตลอดเวลา “ครับผม อะไรก็ยอมทั้งนั้นล่ะ” “ผีอะไรเข้าสิงถึงได้พูดจาเลี่ยน ๆ อย่างนี้ฉันไม่ใช่ยัยน้องจอยของนายนะ” ฉันว่าพลางรีบเช็ดตัวให้เขาแบบส่ง ๆ เพื่อให้สถานการณ์นี้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว นั่นเพราะสายตาคมเอาแต่จับจ้องมองหน้าฉันปานจะกลืนกิน ฉันควรจะอึดอัดแต่ทว่ากลับเขินซะอย่างนั้น “เลี่ยนตรงไหน” “ก็ทุกตรง” ฉันตอบแต่ไม่ยอมสบตาคู่สนทนา สนใจมองผ้าที่ถูไถบนแผงอกแกร่ง ความหมั่นไส้ทำให้ฉันออกแรงเช็ดหนัก ๆ จนทำให้อีกฝ่ายร้องเสียงหลง “โอ๊ย! จะฆ่ากันหรือไงเนี่ยมือหนักจัง” “แค่นี้ทำเป็นเจ็บ แล้วขับรถมาทั้งที่รู้ว่าตัวเองเมาไม่กลัวตายบ้างหรือไง ถ้านายเป็นอะไรขึ้นมาป๊าม๊านายจะอยู่ยังไง” “เธอเป็นห่วงฉันด้วยเหรอ” “ก็ห่วงสิ” รีบตอบกลับโดยเร็วแทบไม่ได้คิด เมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มกว้างก็ทำให้รู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป ยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง “ดีใจจังที่เธอเป็นห่วงฉัน ที่ทำอย่างนั้นเพราะฉันอยากให้เธอเป็นห่วงบ้าง ฉันจะไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นเธอก็ไม่เคยว่า ฉันกลับบ้านดึกหรือทำอะไรมาเธอก็ไม่เคยถามสักครั้ง ฉันนึกว่าเธอจะไม่ห่วงฉันซะอีก” เขาสารภาพ ในวินาทีนั้นหัวใจฉันเจ็บแปลบ ๆ นี่ฉันละเลยความรู้สึกเขามาตลอดงั้นหรือ ที่เขาชอบถามอยู่บ่อย ๆ คงเพราะเป็นห่วงสินะ ฉันคิดถึงแต่ตัวเองจนลืมนึกถึงความรู้สึกของเขา “เป็นห่วงแล้วไง นายจะทำอะไรมันก็เรื่องของนาย ลืมข้อตกลงแล้วเหรอ” “ฉันไม่เคยลืม...แต่ก็ไม่อยากจะทำตามสักเท่าไหร่” เอ่ยพลางจับมือทั้งสองข้างของฉันมากุมไว้ จ้องมองมาด้วยสายตาอันอบอุ่น “นายหมายความว่ายังไง คิดจะเบี้ยวงั้นเหรอ ปล่อยมือฉันเลย” ฉันพยายามสลัดมือแต่เขาไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ “ใช่! ฉันอยากจะเบี้ยวไม่ทำตามสัญญา เพราะ...อยากจะหยุดอยู่ที่เธอเพียงคนเดียว ตอนแรกฉันคิดว่าตัวเองคงไม่สามารถหยุดเป็นเสือผู้หญิงได้ เพราะเห็นสาว ๆ สวย ๆ ทีไรใจมันสั่นทุกครั้งอยากจะเข้าไปจีบ แต่พอได้แต่งงานกับเธอแล้วฉันกลับทำอย่างนั้นไม่ลง เพราะในหัวฉันมันมีแค่เธอเท่านั้นน่ะสิ รู้อย่างนี้แล้วเธอคิดว่ายังไง” สิ่งที่เขาเอ่ยมาทำให้ฉันอึ้งพูดอะไรไม่ออก กำลังคิดหาคำตอบในใจว่าจะเอายังไงดี เหลือบตามองก็พบว่าสีหน้าอีกฝ่ายจริงจังน่าดู “คือ...คือ....” “ยังไม่ต้องตอบก็ได้ฉันไม่รีบ แต่ขอให้รู้ไว้ว่าเธอกับลูกสำคัญที่สุดสำหรับฉันเสมอ” พูดจบก็จับมือฉันขึ้นไปจุมพิต เงยหน้าขึ้นมายักคิ้วให้กวน ๆ “สรุปเมาจริงหรือเปล่าเนี่ย” เห็นอย่างนั้นฉันก็หรี่ตามองอย่างไม่เชื่อใจ “จริงดิ ไม่งั้นจะโดนตำรวจจับได้ไงล่ะ เวียนหัวจะแย่แล้วเนี่ย” เขายังไม่ยอมปล่อยมือฉัน แถมยังยกขึ้นไปแนบแก้มแสดงท่าทีออดอ้อนราวกับเด็กน้อย ไม่อายฉันก็อายหนวดเคราบนใบหน้าตัวเองด้วยนะยะ “ไม่ต้องมาทำเป็นอ้อนเลย เช็ดตัวให้แล้วก็หมดหน้าที่ฉัน รีบนอนเถอะพรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้าไปขึ้นศาล” “เธอไปกับฉันด้วยนะ ฉันกลัวอ่ะเกิดมาไม่เคยขึ้นศาลมาก่อน” “ฉันต้องทำงาน คนอย่างนายกลัวอะไรด้วยเหรอ หน้าด้านหน้าทนกว่าบรรดาผู้ชายที่ฉันเคยรู้จัก รีบนอนอย่ามัวโอ้เอ้” ฉันแกะมือเขาออกแล้วจะลุกขึ้นจากเตียง หมับ! “ปล่อย! ไม่งั้นได้เห็นดีกันแน่” เขาไม่ยอมให้ฉันออกห่างจากตัว คว้าเอวคอดมาสวมกอดไว้แน่น จนแผ่นหลังประชิดกับแผงอกแกร่ง คางเรียวเกยบนไหล่อย่างถือวิสาสะ กลิ่นละมุดหึ่งโชยมาแต่ทว่ารอบนี้ฉันกลับรู้สึกว่ามันเป็นกลิ่นที่ปลุกเร้าความกระสันของผู้หญิงเมื่อได้อยู่ใกล้เขา นั่นรวมถึงฉันในตอนนี้ด้วย “ฉันหิวอ่ะทำอะไรร้อน ๆ ให้กินหน่อยได้ไหม เห็นใจคนเมาหน่อยเถอะนะ” น้ำเสียงออดอ้อนผุดมาอีกระลอก คงใช้กับผู้หญิงคนอื่น ๆ บ่อยจนชินตัวไปแล้ว “อ้าว! ไม่ได้ไปกินข้าวกับยัยจอยก่อนหน้านี้เหรอ หรือไปกินอย่างอื่นมา” “กินเหล้าอย่างเดียวคร้าบบ ไม่ได้กินอย่างอื่นเลยทำให้กินหน่อยไม่ได้หรือไง ถ้าไม่ได้กินข้าวสงสัยคงต้องปวดท้องตายแน่คืนนี้” “อือ ๆ เดี๋ยวทำให้แต่ก่อนอื่นนายต้องปล่อยฉันก่อน” ฟอดดด!!! “ชื่นใจจัง รีบทำนะท้องร้องโครกครากแล้วเนี่ย” เขาปล่อยมือแล้วไปลูบหน้าท้องตัวเองแทน เล่ห์เหลี่ยมเหลือร้าย มีลูกเล่นแพรวพราวสมกับเป็นเสือจริง ๆ “ไม่ต้องมาเร่งเลย แค่นี้ทนไม่ได้ก็รีบตาย ๆ ไปซะ ฉันจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะนายอีก เสร็จแล้วจะขึ้นมาตาม ถ้านายยังพอลุกไหวก็อาบน้ำซะล่ะจะได้สดชื่นขึ้นมาบ้าง” “ครับผม รีบมานะเค้ารออยู่” ได้ยินเสียงแบ๊วนั่นฉันก็เบะปากใส่ แม้น้ำเสียงจะกระแทกแดกดันแต่ทว่ากลับรีบลงไปทำข้าวต้มให้เขาโดยเร็ว ไม่ใช่แค่นายฟีฟ่าที่กำลังหิวแต่ตอนนี้ท้องฉันก็ร้องโครกครากแล้วเช่นเดียวกัน สรุปว่าแทนที่จะได้ทานอาหารมื้อพิเศษนอกบ้าน แต่พวกเรากลับต้องมาตายรังอยู่ที่นี่ด้วยข้าวต้มหมูร้อน ๆ จากฝีมือฉันเอง รู้สึกว่าช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเขาสองต่อสอง มันเป็นช่วงเวลาที่สุดแสนจะพิเศษ อบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 11 อ้อนเมีย
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A