บทที่ 12 ตามใจ
บทที่ 12 ตามใจ
สรุปคดีเมาแล้วขับนายฟีฟ่าโดนศาลสั่งจำคุกหกเดือนปรับอีกหนึ่งหมื่นบาท แต่โทษจำคุกรอลงอาญาสองปีเพราะไม่เคยมีประวัติกระทำความผิด รายงานตัว 4 ครั้งในหนึ่งปีและให้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมเป็น 48 ชั่วโมง
หลังจากได้ขึ้นศาลวันนั้นดูท่าทางคงจะเข็ดหลาบแล้วล่ะ เพราะนับจากวันนั้นนายฟีฟ่าไม่เคยเมาให้ฉันเห็นอีกเลย แถมยังกลับบ้านตรงเวลาทุกวันไม่เคยขาด
แต่เรื่องที่ฉันไปฝากครรภ์โดยไม่บอกเขายังไม่จบ ขณะนั่งทานมื้อเช้าในวันนี้จู่ ๆ เขาก็เอ่ยถามเรื่องฝากท้องขึ้นมาซะอย่างนั้น
“เดี๋ยววันนี้ฉันจะพาเธอไปฝากท้องที่โรงพยาบาลนะ”
“มะ...ไม่ต้องหรอก” ฉันแทบกลืนข้าวไม่ลงกลัวว่าจะโดนเอ็ดเอา
“อ้าว! ทำไมล่ะเธอไม่รู้เหรอว่าต้องไปฝากท้อง ฉันมัวแต่ติดงานเลยไม่ได้พาเธอไปสักทีขอโทษด้วยนะ” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าปกติ เร่งทานข้าวให้อิ่มดูท่าจะตื่นเต้นมากกว่าฉันเสียอีก
“คือ...ฉันไปฝากท้องมาแล้วล่ะ” ฉันยิ้มแหย ๆ แสดงสีหน้าสำนึกผิดต่อเขาจากใจจริง
แกร๊ง!
เมื่อรู้ความจริงอีกฝ่ายก็วางช้อนส้อมลงในจานจนเกิดเสียงดัง มองหน้าฉันตาขวางราวกับจะฆ่าแกงกันให้ตาย
“ทำไมถึงไม่บอกกันสักคำ เธอเกลียดฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอถึงไม่ยอมให้พาไป”
“คือ...มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ ฉัน...ฉันเห็นนายไม่ค่อยว่างเลยให้โบ๊ทพาไป”
“โบ๊ทเป็นพ่อของลูกในท้องเธอรึไงแม่ง!” นายฟีฟ่าตะโกนใส่หน้าเสียงดังแล้วลุกขึ้นเดินหนีไป ฉันได้แต่มองตามหลังตาละห้อย ที่เป็นอย่างนั้นเพราะรู้ตัวว่าเป็นฝ่ายผิด อาจจะคิดน้อยไปหน่อยที่ตัดสินใจอย่างนั้น เขาคงอยากจะทำหน้าที่พ่อให้สมบูรณ์แบบ
“ฉันขอโทษนะนายฟีฟ่า”
กำลังจะเดินขึ้นไปง้อแต่ก็ได้ยินกริ่งดังมาจากหน้าบ้านเสียก่อน จึงเดินออกไปดูว่าใครมาเยี่ยมเยียนตั้งแต่เช้าอย่างนี้
“สวัสดีครับพี่ข้าว” ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นยูโรกับเจ้านายนั่นเอง ทั้งสองนั่งซ้อนบิ๊กไบค์มาด้วยกัน
“อ้าว! มากันได้ไงเนี่ย” ฉันเอ่ยพลางเปิดประตูให้
“ม๊าให้เอายาจีนมาให้อ่ะ” เจ้านายตอบพลางยกถุงให้ดูประกอบ
“ขอบใจมาก แล้วป๊าม๊าเป็นไงบ้าง”
“ก็สบายดี กินอิ่มนอนหลับ มีความสุขดี”
“ดีแล้วล่ะพี่ยุ่ง ๆ เลยไม่ได้เข้าไปเยี่ยมเลย”
เราสนทนากันจนมาถึงห้องนั่งเล่น จากนั้นเจ้านายจึงยื่นถุงเพื่อให้ฉันนำไปเก็บ ก่อนจะเดินไปยูโรเอ่ยถามขัดจังหวะเสียก่อน
“แล้วไอ้ฟ่าไปไหนล่ะพี่ข้าว” ยูโรเอ่ยถามพลางกวาดสายตามองหาพี่ชาย
เอาแล้วไงเพิ่งจะมีเรื่องกับนายฟีฟ่ามาหยก ๆ ฉันไม่อยากให้น้องทั้งสองคนรู้เรื่อง กลัวว่าจะนำความไปเล่าให้ป๊ากับม๊าฟังน่ะสิ
“เอ่อ...อยู่ข้างบนน่ะ”
“งั้นผมขอตัวขึ้นไปหามันก่อนนะ”
“ตามสบายเลยยูโร”
กำลังจะเดินเข้าครัวแต่ก็นึกเอะใจก่อน ตายแล้ว! ถ้ายูโรขึ้นไปก็รู้น่ะสิว่าเรานอนคนละห้อง คิดได้อย่างนั้นจึงหันกลับมาหารีบเอ่ยเรียกไว้เสียก่อน
“ยูโรจ๊ะ! อย่าเพิ่งขึ้นไป”
อีกฝ่ายหันกลับมามองเลิกคิ้วเชิงตั้งคำถาม “ทำไมครับพี่ข้าว”
“เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเรียกให้เอง ยูโรเอายาไปเก็บในครัวให้พี่หน่อยนะ”
“ดะ...ได้ครับ”
ฉันเอาถุงยาไปให้แล้วเดินขึ้นไปหานายฟีฟ่า ป่านนี้จะฆ่าตัวตายเพราะงอนฉันไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ฟีฟ่าเปิดประตูให้หน่อย”
“...”
“ฟีฟ่าน้องชายนายมาหาน่ะ”
“...”
ยกมือค้างจะเคาะอยู่แล้วเชียวแต่เขากลับเปิดประตูก่อน หน้าหล่อ ๆ ไม่ปรากฏรอยยิ้มเลยสักนิดแถมยังมองฉันราวกับตัวอะไรสักอย่าง เห็นอย่างนั้นจึงยิ้มสู้ลดมือลงทำทีเหมือนเราไม่ได้โกรธกันก่อนหน้านี้
“ยังไม่หายงอนฉันอีกเหรอ”
“ไม่!”
“เรื่องงอนเอาไว้ก่อนได้ไหม ตอนนี้นายต้องรีบลงไปข้างล่างก่อน อย่าให้น้อง ๆ รู้ว่าเรากำลังมีเรื่องกันได้ไหม เดี๋ยวมันจะเอาไปเล่าให้ป๊าม๊าฟังท่านจะไม่สบายใจ”
“กลัวคนอื่นไม่สบายใจแต่ไม่เคยห่วงความรู้สึกฉัน เห็นฉันเป็นตัวอะไรสำหรับเธอกันแน่”
“คนอื่นที่ไหนนั่นป๊ากับม๊านะ ถ้างั้นจะต้องทำยังไงนายถึงจะพอใจ หรือต้องไปฝากท้องใหม่งั้นเหรอ จะเอาอย่างนั้นก็ได้” ฉันยอมได้ทุกอย่างเพื่อให้เขาหายงอน เป็นอย่างนี้รู้สึกไม่ค่อยดีเลย
“พูดเหมือนหนังการ์ตูน ฉันไม่ได้บ้าเหมือนอย่างเธอหรอกนะ ต่อไปนี้จะทำอะไรให้บอกฉันทุกเรื่องเข้าใจไหม ที่ฉันงอนเพราะฉันเป็นห่วงเธอรู้ไว้ด้วย” น้ำเสียงเขาเริ่มอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด จนฉันยิ้มกว้างเพราะคิดว่าเขายกโทษให้แล้ว
“พูดอย่างนี้แสดงว่าหายงอนฉันแล้วอ่ะดิ”
“เปล่า!”
เมื่อถูกปฏิเสธรอยยิ้มบนใบหน้าก็เจื่อนลงทันที “อ้าว! ทำไมอ่ะ”
“วันนี้เธอต้องตามใจฉันทั้งวันถึงจะหายงอน”
“ไหงเป็นงั้น ถ้านายสั่งให้ฉันไปตายล่ะ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า แค่ไปเดินห้างเป็นเพื่อนฉันก็พอ ไม่แน่ว่าได้เดินเที่ยวแล้วฉันอาจจะอารมณ์ดีขึ้นก็ได้” อีกฝ่ายยืนกอดอกเหล่ตามอง ฉายรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เห็น หากเป็นเมื่อก่อนฉันคงจะด่าแต่ตอนนี้รู้ว่าตัวเองมีความผิด คงจะต้องยอม ๆ ไปก่อน
“ก็ได้วันนี้ฉันจะยอมนายวันนึงก็แล้วกัน ลงไปได้ยัง”
“โอเค๊!”
ว่าแล้วเขาก็เลื้อยมือคว้าหมับเข้าที่เอวฉัน กระชับแน่น ๆ ราวกับกลัวฉันจะหนีไปไหน เมื่อโดนลวนลามอย่างซึ่ง ๆ หน้าฉันจึงหันไปมอง ออกคำสั่งด้วยสายตาว่าให้ปล่อย
“น้องเราจะได้รู้ไงว่าตอนนี้เรารักกันมากแค่ไหน เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าอยากให้ป๊ากับม๊าเราทั้งคู่สบายใจ”
พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้เร็วเหลือเกินนะยะพ่อนักรัก อย่าคิดว่าฉันจะยอมไปตลอด ยกผลประโยชน์ให้วันนึงก็แล้วกัน
“ไอ้คนเจ้าเล่ห์ฉันจะยอมให้วันนึงก็แล้วกัน” ฉันว่าพลางตบเบา ๆ ที่แก้มเขา อีกฝ่ายได้แต่ยิ้มรับแล้วจับตรงแก้มตัวเองมาดม
“หอมจัง แค่มือยังหอมขนาดนี้อย่างอื่นจะหอมขนาดไหนนะ” สายตาที่ส่งมาพร้อมกับความหื่นกาม ทำให้ฉันต้องทำหน้ายักษ์ตอบกลับ
“อย่างอื่นหมายถึงอะไรไอ้คนลามก”
“ก็...แก้มยังไงล่ะ เธอหมายถึงอะไรงั้นเหรอ” ประโยคท้ายเอ่ยพร้อมทั้งมองต่ำลงเรื่อย ๆ จนถึงสะดือ
“หยุดเลยเอาไว้ทำกับน้องจอยนายเถอะ”
“แหนะ! ชอบพูดถึงคนอื่นอยู่เรื่อยเลย หึงหรือไง”
“ใครหึงยะ ดีใจจะตายที่มีคนคอยกำจัดเห็บหมัดออกไปจากชีวิต”
“ยิ่งพูดอย่างนี้ฉันยิ่งจะตามติดชีวิตเธอไปตลอดหึ ๆ”
เห็นสีหน้าเป็นต่อนั่นฉันก็เบะปากอย่างไม่สนใจ ก่อนที่เราทั้งคู่จะเดินลงไปข้างล่างพร้อมกัน
เดินมาถึงชั้นล่างฉันก็ต้องกะพริบตาปริบ ๆ แล้วมองให้ชัดอีกครั้งเมื่อเห็นน้องชายตัวเองนั่งบนตักยูโร แถมมือเจ้าของตักยังโอบกอดตัวน้องชายฉันไว้เสียแน่นเชียว เด็กผู้ชายสมัยนี้มันเล่นถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนี้เลยเหรอ
“มาทำไมวะไอ้น้องชาย” นายฟีฟาตะโกนถามน้องชาย นั่นทำให้เจ้านายรีบกระโดดลงจากตัวเพื่อนรักทันที
ฉันจ้องหน้าเจ้านายตั้งคำถามผ่านทางสายตา ไอ้น้องชายตัวเล็กเห็นแล้วก็หลบตาเอาแต่ก้มหน้าอยู่อย่างนั้น
“ก็เจ้านายชวนมาอ่ะ ไม่ได้คิดถึงมึงเลยสักนิด” ยูโรยักคิ้วกวน ๆ ถอดแบบความเป็นแบดบอยออกมาจากพี่ชายเป๊ะ ๆ อีกหน่อยคงเป็นเสือผู้หญิงเหมือนกันแน่นอน
“อะไร ๆ ก็เจ้านาย กูว่ามึงเชื่อฟังเจ้านายมากกว่าป๊าม๊าและกูซะอีกนะเนี่ย”
“แหงล่ะก็มันน่ารักขนาดนี้ ไม่เคยบ่น ไม่เคยด่า ไม่เคยบังคับ มีแต่งอนเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง” คนตอบยิ้มรับอย่างเต็มใจ หันไปมองน้องชายฉันพลางยกมือขึ้นยีผมเล่นอย่างเอ็นดู
“มึงก็พูดเว่อร์ไปแล้ว เอามือออกดิกูรำคาญจะแย่” น้องชายฉันหน้าแดงปานลูกตำลึงสุก พยายามปัดมือเพื่อนรักออก เห็นแล้วก็ต้องยิ้มตาม เป็นอะไรที่ดูน่ารักมุ้งมิ้งเสียเหลือเกิน
แต่เอ๊ะ! มันไม่ใช่แบบนี้ ผู้ชายกับผู้ชายจำเป็นต้องมุ้งมิ้งกันขนาดนี้ไหมเนี่ย
“แล้วจะกลับกันตอนไหนล่ะ” ฉันเป็นฝ่ายถามบ้าง
“ก็อีกแปบนึงอ่ะพี่ข้าว มีอะไรงั้นเหรอหรือว่าจะไล่น้องกลับแล้ว” เจ้านายตอบ
“ไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าวันนี้ไม่ได้ไปไหนต่อไปเที่ยวห้างกับพวกพี่ไหมล่ะ ไปกันหลายคนสนุกดี”
“ห๊ะ! ไหนบอกว่าจะไปกันสองคนยังไงล่ะ” ดูเหมือนว่าคนที่ยืนโอบไหล่ฉัน เริ่มจะไม่พอใจแล้วล่ะสิ คงคิดว่าจะได้ไปกันสองต่อสอง...ไม่มีทาง
“ใครบอกยะ” ฉันยิ้มอย่างผู้ชนะแล้วหันไปเอ่ยกับน้อง ๆ ต่อ “สรุปว่าไปไหมฟรีทุกอย่าง”
“ไม่ไปได้ยังไงกันครับพี่ข้าว” ยูโรตอบ แม้ว่าพี่ชายจะขยิบตาให้อยู่ก็ตามที
“แล้วแกล่ะ” ฉันถามน้องชาย
มันกำลังจะอ้าปากแต่ยูโรกลับแย่งตอบเอง “ผมไปมันก็ต้องไปอยู่แล้วครับพี่ข้าว จริงไหมวะ” ยูโรหันไปเอ่ยกับเพื่อน จ้องมองน้องชายฉันปานจะกลืนกินจนเจ้านายต้องพยักหน้ารับ
“อื้ม...ไปก็ไป”
“งั้นจะรออะไรล่ะไปกันตอนนี้เลย” หันมาอีกทีก็พบว่าตอนนี้นายฟีฟ่ากำลังแยกเขี้ยวใส่น้องชาย ในข้อหายอมตอบตกลงโดยง่าย เห็นแล้วรู้สึกสะใจชอบงอนนักใช่ไหม อย่าหวังว่าจะเอาแต่ใจได้ตลอด
“ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นใส่น้องด้วยล่ะ”
“ก็มันกวนตีนฉันนี่นา เธอก็เห็น”
“ฉันไม่เห็น มีแต่นายนั่นล่ะที่ทำ จะไปไม่ไป”
“ไปครับผม อย่าดุนักสิเดี๋ยวลูกในท้องจะซึมซับเอาความร้ายกาจไปด้วย”
“ได้นิสัยฉันดีกว่าได้นิสัยจากคนอย่างนาย”
“จริงที่สุดครับพี่ข้าว ถ้าหลานผมได้นิสัยพ่อมันมา ถ้าเป็นผู้ชายมีหวังได้เมียตั้งแต่ขนยังไม่เกิดแน่ ๆ” ยูโรเข้าข้างฉันเต็มที่
“หุบปากไปเลยมึง ถ้าไม่หุบปากกูจะแฉเรื่องมึงเลยคอยดู อย่าคิดว่ากูไม่รู้ความลับในมือถือมึงนะเว้ย ไอ้เด็กแก่แดด” นายฟีฟ่าชี้หน้าน้องชายส่งยิ้มร้าย ๆ เป็นการข่มขู่ นั่นทำให้ยูโรทำหน้าเหลอหลา ดูเหมือนคนทำความผิดเอาไว้ซะอย่างนั้น
“กะ...กูไม่เคยมีความลับเว้ย มึงไม่ต้องมาขู่กูเลยเดี๋ยวบอกพี่ข้าวจัดการซะเลย”
“โด่วว กูนึกว่าจะแน่มึงรู้นะว่าต้องทำตัวยังไง”
“เออ ๆ กูรู้หรอกน่า”
“สองพี่น้องคู่นี้มีความลับอะไรกัน เริ่มชักอยากจะรู้แล้วสิ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่ข้าว เอาเป็นว่าผมกับเจ้านายไปรอหน้าบ้านนะครับ”
“โอเคจ๊ะ” ฉันส่งยิ้มให้
“ไปเว้ยไอ้นาย” ยูโรรีบดึงแขนน้องชายฉันออกไปหน้าบ้านโดยเร็ว
เมื่อสองหนุ่มน้อยออกไปแล้วฉันจึงหันมาถามนายฟีฟ่าอีกครั้ง
“สรุปว่านายมีความลับอะไร”
“เปล่า” อีกฝ่ายตอบหน้าตาเฉย ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระอีกต่างหาก ฉันเริ่มอยากจะรู้ซะแล้วสิว่านายฟีฟ่ากำความลับอะไรน้องชายเอาไว้
ว่าแต่...ทำไมฉันจะต้องอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่นด้วยนะ ฮ่าๆๆ
@ห้างสรรพสินค้า
เมื่อเข้ามาในห้างแล้วเราทั้งสี่คนต่างก็แยกย้ายกันไปเดินเลือกซื้อของ โดยนัดรวมพลอีกครั้งในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าที่โรงภาพยนตร์
หลังจากแยกย้ายกับเด็ก ๆ แล้วฉันก็เดินดูของไปเรื่อย ยังไม่มีแพลนในหัวว่าจะซื้ออะไร ส่วนนายฟีฟ่าก็เดินอยู่ข้างกันตลอด พูดน้อยมากจนแทบนับคำได้ตั้งแต่มาถึง ไม่แน่ใจว่ากลับมางอนอะไรฉันอีกหรือเปล่า
หมับ!
เดินอยู่ดี ๆ เขาก็คว้ามือฉันจับเอาไว้แน่น สะบัดเท่าไรก็ไม่ยอมหลุด ฉันเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนข้างกัน ถลึงตาใส่เชิงออกคำสั่งว่าให้ปล่อย
“ปล่อย!”
“ไม่ปล่อย” เขายักคิ้วกวนท้าทายอำนาจมืด ลอยหน้าลอยตาอย่างน่าหมั่นไส้
“ปล่อย!” ฉันเพิ่มระดับเสียงขึ้นอีก ให้เขารู้ว่ากำลังไม่พอใจ เคยเดินจับมือผู้ชายในห้างซะที่ไหนกัน อายจะแย่แล้ว
“ไหนบอกวันนี้จะตามใจฉันไง แค่นี้ทำเป็นมองตาขวางซะแล้ว เพิ่งรู้ว่าเธอเป็นพวกที่ไม่ชอบรักษาคำพูด”
“ก็ฉัน....” หากจะบอกว่าอายคงโดนล้อแน่ ๆ
“ฉันอะไร” เขายิ้ม จ้องหน้าราวกับรู้คำตอบในใจ
“เออ!! จะทำอะไรก็ทำเลย” ว่าแล้วก็เบนหน้าหนีไปอีกทาง เมื่อโดนนิ้วหัวแม่มือลูบวนที่หลังมือ ความอายยิ่งปะทุขึ้นจนตอนนี้ใบหน้าฉันแดงก่ำไปหมดแล้ว
“วันนี้เธอต้องตามใจฉันรู้ไว้ด้วย”
จากนั้นเขาเดินจูงมือฉันไปเรื่อย ๆ คนที่เดินผ่านไปมาต่างก็มองเราทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม คนต้นคิดเดินล้วงกระเป๋ายิ้มอย่างสบายใจ ปกติฉันไม่เคยอายใครแต่พอมาเจออย่างนี้ แทบอยากจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี
เดินตามหลังเขาอยู่อย่างนั้นจนมาถึงร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง เขาหยุดแล้วหันมาเอ่ยด้วย
“เดี๋ยววันนี้ฉันจะซื้อเสื้อให้ดีไหม”
“ไม่เอาฉันมีเงินซื้อเองได้”
“อย่าดื้อสิ! ไหนบอกจะเชื่อฟัง” สายตาอันทรงพลังทำให้ฉันต้องเม้มปากแน่น เหลือบตามองไปอีกทางอย่างจำยอม
เขาจูงมือฉันเข้าไปในร้านจากนั้นพนักงานขายสาวสวยจึงเดินเข้ามาทักทาย
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
“ไม่ทราบว่าสนใจเสื้อผ้าแบบไหนเป็นพิเศษไหมคะ ดิฉันช่วยแนะนำได้”
“อยากได้ชุดสำหรับคนท้องให้ภรรยาผมครับ”
เมื่อได้ยินฉันก็หันไปมองหน้าเขาทันที อีกฝ่ายยักคิ้วถี่ ๆ ส่งยิ้มหล่อมาให้ เห็นอย่างนั้นใจแทบจะละลาย คนบ้าอะไรทำให้ฉันเซอร์ไพรซ์ได้ตลอดเวลา เอาใจผู้หญิงเก่งเป็นที่หนึ่ง
“งั้นเชิญทางนี้แลยค่ะ”
“ครับผม”
เขาเปลี่ยนจากจับมือเป็นโอบไหล่แทน อยากจะทำอะไรก็ทำไป ฉันจะยอมให้วันนึงก็แล้วกัน
“ซื้อให้แล้วต้องใส่ด้วยนะ ไม่งั้นฉันไม่ยอมแน่” เขาโน้มใบหน้าเข้ามากระซิบขณะเดิน
“เอาไว้ให้ท้องใหญ่กว่านี้ก็แล้วกันฉันจะใส่ให้”
“ไม่เอาใส่พรุ่งนี้เป็นต้นไป คนจะได้รู้ว่าเธอท้องไง”
“ทำไมฉันจะต้องป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ด้วยเนี่ย”
“ก็...ผู้ชายจะได้รู้ว่าเธอมีเจ้าของแล้วยังไงล่ะ”
“ใครบอกฉันยังไม่มีเจ้าของย่ะ”
“อ้าว! แล้วฉันล่ะ”
“นายก็เป็นพ่อของลูกยังไงล่ะ”
ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ทำหน้างอราวกับเด็กน้อย อย่าบอกนะว่างอนอีกแล้ว แค่นี้ยังไม่พอใจอีกงั้นเหรอ
“มาถึงขนาดนี้แล้วยังเป็นแค่นั้นอยู่อีกเหรอ อย่าลืมว่าเธอยังไม่ให้คำตอบฉันเลย ฉันจะถือว่านี่ยังไม่ใช่คำตอบก็แล้วกันนะ” สีหน้าเขาเริ่มจริงจัง
“คำตอบอะไร” ฉันขมวดคิ้วถามอย่างงง ๆ
“ถ้าจำไม่ได้ก็ช่างมันเถอะรีบเข้าไปดูเสื้อกันดีกว่า”
พูดจบก็ลากตัวฉันให้ตามไป ในหัวยังคงคิดว่าฉันต้องให้คำตอบเรื่องอะไรกัน คิดยังไงก็คิดไม่ออก
หลังจากทะเลาะกันในการเลือกชุดคลุมท้องอยู่นาน ในที่สุดฉันก็ได้มันมาหนึ่งโหล จากการเลือกโดยเราทั้งคู่อย่างละหกตัว ไม่งั้นอีกฝ่ายไม่มีทางยอมแน่นอน
ภารกิจสุดท้ายของวันนี้นั่นคือการดูหนัง นายฟีฟ่าจับมือฉันไว้ตลอดเวลาไม่ยอมปล่อย ความเขินอายทำให้ฉันเอียงหน้าไปอีกทางเพื่อแอบยิ้ม แต่ทว่าในจังหวะนั้นกลับเห็นภาพที่ทำเอาอึ้งกิมกี่ ยูโรหอมแก้มเจ้านาย! จากนั้นน้องชายฉันก็เอนศีรษะซบไหล่อีกฝ่ายราวกับคู่รัก...นี่มันไม่จริงใช่ไหม
โอ้แม่เจ้า!! ฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าหากป๊ารู้เรื่องนี้ เจ้านายจะโดนอะไรบ้างนั่นคือสิ่งที่ฉันเป็นห่วง ซึ่งหลังจากนี้ไม่ใช่แค่ต้องดูแลตัวเองและลูกในท้องให้ดี แต่ฉันต้องเป็นที่พึ่งทางใจให้น้องชายอีกด้วย เพราะหากในวันใดที่เรื่องมันแดงขึ้นมา บ้านฉันคงจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ แน่นอน และคนที่จะต้องโดนหนักที่สุดก็คือเจ้านายนั่นเอง