บทที่ 14 มือที่สาม   1/    
已经是第一章了
บทที่ 14 มือที่สาม
บทที่ 14 มือที่สาม ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “เสร็จยังเธอ” “อีกแปบนึงนะ นายลงไปรอข้างล่างก่อนเลย” “ไม่เอาจะรอดูตรงนี้ ถ้าเธอออกมาแล้วไม่ใส่ชุดคลุมล่ะน่าดู” “ใส่อยู่แล้วน่า” เราทั้งคู่สนทนากันผ่านประตูห้อง ในขณะที่ฉันกำลังยืนอยู่หน้ากระจก จ้องมองสภาพตัวเองอย่างไม่ชินตา วันนี้เราทั้งคู่จะไปโรงพยาบาลตามนัดของคุณหมอนที นายฟีฟ่าเลยสั่งให้ฉันใส่ชุดคลุมท้องที่ซื้อมาให้ก่อนหน้านั้น ทั้งที่เรียนด้านแฟชั่นมาแท้ ๆ เคยใส่ชุดบ้า ๆ บอๆ ที่ตัวเองออกแบบและตัดเย็บเองก็เยอะ แต่ทำไมพอได้ใส่ชุดคลุมท้องกลับรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก “ออกมาซะดี ๆ ไม่งั้นฉันพังประตูเข้าไปแน่” “เออ ๆ เปิดแล้วทำเป็นดุไปได้” เมื่อพร้อมแล้วจึงเดินถือกระเป๋าไปเปิดประตูให้ แรกเจอเขาสำรวจฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยกยิ้ม “ก็สวยดีนี่นาจะอายทำไม” “แล้วทำไมนายต้องยิ้มด้วยล่ะ” “ก็สวยไงจะให้หน้าบูดเหรอ ฮ่าๆๆ” ว่าแล้วยังขำต่อไม่หยุด ฉันหมั่นไส้จึงฟาดเข้าที่ต้นแขนเต็มแรง “โอ๊ย! จะตีกันทำไมเนี่ยก็บอกว่าสวยแล้วจะเอาอะไรอีก...หรือเธอเขิน” “เขินบ้าเขินบออะไร รีบลงไปได้แล้ว” “เดี๋ยว!” กำลังจะเดินไปแต่เขากางแขนกั้นทางไว้ ฉันจึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาอำมหิต ราวกับอีกฝ่ายเป็นศัตรูคู่แค้นมาเป็นสิบ ๆ ชาติ “อะไรของนายอีกเนี่ยยยย...” “ใส่ชุดคลุมท้องแล้วยิ่งต้องระวังให้มากเดี๋ยวสะดุดชายกระโปรงล้ม” ว่าแล้วก็คว้ามือฉันมาประสานไว้แน่น ส่งยิ้มหล่อ ๆ มาให้ “นับจากนี้ฉันจะดูแลเธอทุกฝีก้าว” “เว่อร์” ทำไมฉันต้องยิ้มด้วยนะ “แล้วไม่ดีเหรอครับที่รัก” ไม่พูดเปล่าโน้มใบหน้าเข้ามาจะหอมแก้ม ฉันเบนหน้าหนีได้ทันการ “เริ่มเอาใหญ่แล้วนะเรา ฉันบอกรักนายก็จริง แต่ใช่ว่าอยากจะทำอะไรตอนไหนก็ได้” “ก็ฉันเป็นพวกปากว่ามือถึงนี่นา เห็นหน้าสวย ๆ ของเธอแล้วมันอดใจไม่ได้อ่ะ อย่าดื้อเลยนะหยวน ๆ ให้ฉันบ้างเถอะ” “งั้น...ขอร้องฉันสิ ถ้าถูกใจจะยอมให้ทำทุกอย่างโดยไม่บ่นสักคำ” “จริง ๆ นะ” เขายิ้มกว้างราวกับมั่นใจว่าจะทำให้ฉันยอมตอบตกลงได้ “จริงสิยะ ฉันไม่ผิดสัญญาหรอกน่า” “งั้น...” เขาปล่อยมือฉันแล้วนั่งคุกเข่าลงตรงหน้า เอื้อมมาจับมืออีกครั้งแล้วจุมพิตอย่างนุ่มนวล “ขอให้ผมได้ทำหน้าที่สามีอย่างสมบูรณ์แบบด้วยนะครับ” ว่าแล้วก็ส่งแววตาเป็นประกายมา ไม่รู้จะซึ้งหรือขำดี เพราะความหื่นเขาถึงกล้าทำเรื่องน่าอายอย่างนี้เชียวเหรอ อีตาบ้า!! “มันยังไม่สุดอ่ะ ทำได้แค่นี้เองเหรอ” “โด่ววว!! อุตส่าห์ลงทุนนั่งคุกเข่าแล้วยังไม่พอใจอีกเหรอ” เขาทำท่าทางกระเง้ากระงอด เห็นแล้วก็รู้สึกเอ็นดู ฮ่าๆๆ “ใช้คำว่าอุตส่าห์งั้นเหรอ” “ไม่ใช่อย่างนั้นนะ” “แล้วมันอย่างไหนล่ะ” “โอเค ๆ ฉันยอมก็ได้ ขออีกรอบนะคราวนี้ฉันจะทำให้เธอประทับใจได้แน่นอน” “ไหนลองดูซิว่าจะทำได้จริงไหม” ฉันกระหยิ่มยิ้มอย่างเป็นต่อ รู้สึกสนุกเป็นบ้าที่ได้แกล้งนายฟีฟ่าคนนี้ จำได้ว่าตอนเด็กเขาเคยแกล้งฉันบ่อยครั้ง ขอเอาคืนบ้างเถอะ “ที่รักคร้าบบบ ต่อไปนี้เค้าจะเลิกเจ้าชู้ จะไม่คุยกับผู้หญิงคนไหนอีกแล้ว เค้าจะมีแค่ตัวเองคนเดียว ให้เค้าทำหน้าที่สามีที่ดี ขอหอมแก้ม ขอจับมือ ขอโอบไหล่ ขอกอด ตลอดชั่วชีวิตได้ไหมครับ นะครับ นะตัวเอง” เขากอดขาฉันแน่น แนบแก้มสัมผัสกับต้นขาราวกับสุนัขหรือแมวที่กำลังออดอ้อนเจ้านาย ฉันยิ้มไม่หุบเมื่อเห็นภาพนั้น จริง ๆ แล้วเขาไม่ต้องทำอะไรฉันก็ยอมอยู่แล้วล่ะ แต่ที่เล่นตัวเพราะกลัวเขาจะได้ใจ อีกอย่างตอนนั้นเราทั้งคู่ยังไม่ได้เปิดใจด้วยล่ะ ทุกอย่างมันจึงต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ที่ตั้งขึ้น “ไม่เจ้าชู้จริงนะ” “จริงดิคร้าบบบ ไม่เจ้าชู้แล้ว มีแค่เมียคนนี้ก็พอใจเป็นที่สุดแล้ว” “แล้วน้องจอยล่ะ” “เดี๋ยวบอกเลิกเย็นนี้เลย” “ให้มันจริงเถอะถ้ารู้ว่ายังติดต่อกันอีกฉันเอานายตายแน่รู้ไว้ด้วย” “ตัดเป็นตัด เลิกเป็นเลิกครับไม่มีอีกแน่นอน” “งั้นก็...โอเค” “เย้! ในที่สุดตัวเองก็ยอมเค้าแล้ว” อีกฝ่ายลุกขึ้นมาโอบกอดแสดงความดีใจอย่างสุดเหวี่ยง มันเป็นอย่างนี้นี่เองความสุขของการได้เป็นเมีย ถ้ารู้ว่ามันดีอย่างนี้ฉันคงไม่มีความคิดอยากอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตแน่นอน *-*-*-*-*-*-*-* @โรงพยาบาล “สวัสดีค่ะคุณหมอ” “สวัสดีครับคุณข้าว เชิญนั่งครับ” “ขอบคุณค่ะ” “โห ไม่เจอกันตั้งนานใส่ชุดคลุมซะแล้ว” คุณหมอเอ่ยแซวหลังจากฉันนั่งลงแล้ว ส่วนนายฟีฟ่ากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอก ฉันไม่แน่ใจว่าใช่ยัยจอยหรือเปล่าเพราะตอนที่พยาบาลเรียกชื่อ มือถือนายนั่นก็ดังขึ้นพอดี จึงบอกให้เขาตามเข้ามาทีหลัง “มันตลกไหมคะคุณหมอ” “ไม่ตลกเลยครับ น่ารักดีออก เหมาะกับคุณข้าวมาก ๆ เลยครับ” “ปกติคุณหมอชมคนไข้แล้วยิ้มอย่างนี้ทุกคนไหมครับ” น้ำเสียงอันไร้มารยาทของนายฟีฟ่าดังจากข้างหลัง คุณหมอจึงมองไปยังต้นเสียง ส่วนฉันยังคงนั่งนิ่ง ๆ กำลังคิดว่าจะจัดการเขายังไงดี คงยังไม่รู้ตัวสินะว่าคุณหมอเป็นคนช่วยเรื่องประกันตัว แถมยังช่วยแบกกลับมาที่บ้านอีกด้วย “อ้าว! ผมนึกว่าคุณไม่มาด้วยซะอีก เชิญนั่งครับ” “ไม่มาได้ไงครับเมียผมมาอัลตร้าซาวด์ทั้งที จริงไหมครับที่รัก” เขาหย่อนก้นลงเก้าอี้ข้าง ๆ จากนั้นเอื้อมมือมาโอบไหล่ไว้ แสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่ “ทำบ้าอะไรที่มันในห้องตรวจ” ฉันพยายามดุอย่างเบาเสียงที่สุด “ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ” คุณหมอยังคงยิ้มให้เราทั้งคู่ “นายรีบขอบคุณคุณหมอซะสิ” “ห๊ะ! ขอบคุณ ขอบคุณเรื่องอะไร” นายฟีฟ่ามองหน้าฉันอย่างงง ๆ “ก็วันที่นายเมาคุณหมอไปช่วยเรื่องประกันตัว แถมยังแบกนายมาส่งถึงที่บ้านด้วยนะ” “ไม่จริง คุณหมอจะไปช่วยฉันได้ยังไงกัน อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น” อีกฝ่ายจะไม่ยอมท่าเดียว แถมยังมองฉันด้วยสายตาแปลก ๆ อีกด้วย “ก็วันนั้นฉันกำลังจะไปกินข้าวเย็นกับคุณหมอ คุณตำรวจโทรมาพอดีเลยเปลี่ยนแผนไปหานายแทนไงล่ะ” ฉันอธิบายให้ฟัง “ทำไมเธอกับคุณหมอถึงได้ไปกินข้าวด้วยกัน” น้ำเสียงเขาเริ่มจริงจัง ฉันได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจ เพราะไม่ควรเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังเลย “คือ...” “ผมว่าเรื่องนี้เอาไว้ก่อนดีกว่าครับ ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องทำการอัลตร้าซาวด์แล้ว” ขอบคุณคุณหมอมากนะคะที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อนไว้ค่อยคุยกันที่บ้านนะจ๊ะฟีฟ่า “ได้ค่ะคุณหมอฉันพร้อมแล้ว” เอ่ยกับคุณหมอแล้วทำทีหันไปดุให้คนที่นั่งข้างกัน “รีบลุกขึ้นเร็วอยากรู้ว่าได้ลูกชายหรือลูกสาวไม่ใช่เหรอ” “รอให้ถึงบ้านก่อนเถอะ” อีกฝ่ายพูดจาข่มขู่ด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ สายตายังคงจับจ้องมองคุณหมออย่างไม่เป็นมิตร หลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่เรารอคอย นี่คือการอัลตร้าซาวด์ครั้งแรกในชีวิต รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย ยิ่งจะได้รู้เพศลูกด้วยแล้วหัวใจยิ่งเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ตอนนี้ฉันนอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว คุณพยาบาลทาเจลบริเวณหน้าท้องให้ จากนั้นคุณหมอใช้เครื่องมือนวดวนไปทั่วท้อง พร้อมทั้งจ้องมองหน้าจอไปด้วย ส่วนนายฟีฟ่านั่งอยู่ข้างเตียงจับมือไว้ตลอดเวลาเพื่อให้ฉันคลายความตื่นเต้น เราทั้งคู่ต่างจ้องมองไปที่หน้าจอมอนิเตอร์ ลุ้นไปด้วยกัน “เป็นไงบ้างคะคุณหมอ ฉันตื่นเต้นจนรอไม่ไหวแล้ว” “ตกลงผมได้ลูกชายหรือลูกสาวครับ” นายฟีฟ่าเองก็อยากรู้ไม่แพ้กัน ยิงคำถามต่อจากฉันทันที “ยินดีด้วยครับคุณทั้งสองได้ลูกสาว” คุณหมอเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม นั่นทำให้เราทั้งคู่ต่างก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เราแสดงความดีใจด้วยการกอดกัน จนลืมไปว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในห้องเพียงสองคน พอหันไปมองอีกทีก็เห็นสีหน้าคุณหมอดูไม่ค่อยดีนัก จึงเข้าใจว่าเกิดจากความไม่มีมารยาทของเราทั้งคู่ “ขอโทษค่ะคุณหมอ พอดีเราดีใจไปหน่อย” “ไม่เป็นไรครับ ปกติคุณพ่อกับคุณแม่พอได้รู้ว่าลูกเป็นเพศอะไรก็จะตื่นเต้นดีใจแบบนี้ล่ะครับ” สีหน้าคุณหมอกลับมายิ้มแย้มตามปกติแล้ว นั่นทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจมากขึ้น “เสร็จแล้วใช่ไหมครับผมจะได้พาเมียกลับบ้าน” นายฟีฟ่ายังคงเอ่ยเสียงแข็งกับคุณหมอ ทั้งที่คุณหมอเองก็ไม่ได้ทำอะไรให้ หากจะหึงหวงเขาก็ไม่ได้ทำท่าทีเจ้าชู้ยักษ์ใส่ฉันเลยสักนิด “นี่นายจะรีบไปไหนเนี่ย วันนี้ไม่ได้มีธุระสักหน่อย หรือว่านายมี” ฉันยังไม่ได้เคลียร์เรื่องออกไปรับโทรศัพท์เลย กลับบ้านมีเรื่องต้องเคลียร์กันแน่ ๆ “เปล่า” เขาตอบหน้าตาย เริ่มทำพฤติกรรมน่าหมั่นไส้อีกแล้ว “เอาเป็นว่าหลังจากนี้ผมจะให้แผ่นฟิล์มกลับไปดูที่บ้านอีกทีนะครับ เดี๋ยวเปลี่ยนชุดแล้วคุณข้าวก็กลับบ้านได้เลย เอาไว้คราวหน้าผมจะนัดมาอีกทีครับ” คุณหมอเป็นคนที่จัดการกับอารมณ์ได้เก่งมาก หากเป็นฉันคงจะซัดหน้านายฟีฟ่าเข้าให้สักหมัด ในฐานะกวนตีนไม่รู้เวล่ำเวลา “ขอบคุณนะคะคุณหมอ” “ยินดีครับ งั้นผมออกไปรอข้างนอกก่อนละกัน เดี๋ยวให้พยาบาลจัดการเช็ดเจลทำความสะอาดให้ก่อนนะครับ” ฉันตอบรับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นคุณหมอจึงหันไปเอ่ยกับพยาบาลสาว “ฝากด้วยนะครับ” “ค่ะคุณหมอ” หลังจากคุณหมอออกไปแล้วฉันก็ถลึงตาใส่นายฟีฟ่า เป็นการบอกกล่าวว่าเจ้าตัวไร้ซึ่งมารยาทที่สุด ทำตัวไม่น่ารักเลยสักนิด กลับบ้านครั้งนี้คงจะต้องมีการอบรมบ่มนิสัยกันใหม่เสียแล้ว *-*-*-*-*-*-*-* เรากลับมาถึงบ้านหลังจากนั้นประมาณชั่วโมงเศษเห็นจะได้ ระหว่างทางฉันต้องตะเบ็งเสียงด่าแข่งกับเสียงเพลงที่นายฟีฟ่าตั้งใจเปิดกวนจนต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปก่อน เปลี่ยนแผนมาจัดการที่บ้านต่ออีกครั้ง เมื่อรถเคลื่อนล้อมาถึงหน้าบ้าน ก็พบว่ามีรถเก๋งสีแดงคันหนึ่งจอดขวางประตูรั้วอยู่ก่อนแล้ว ฉันจึงหันไปบ่นกับนายฟีฟ่า “นั่นรถใคร ทำไมมาจอดขวางประตูรั้วทางเข้าบ้านไม่มีมารยาทเอาซะเลย นายเคยเห็นไหม” “สะ...สงสัยคงมาจอดแค่ชั่วคราว ฉันว่าเราออกไปหาอะไรกินข้างนอกดีกว่านะ” เขาเอ่ยเสียงสั่นพิกล ราวกับคนกำลังทำความผิด หรือกำลังปกปิดความเลวทรามอะไรเอาไว้ “ไม่เอาฉันอยากพักผ่อน และที่สำคัญอยากจะเห็นหน้าเจ้าของรถคันนี้มาก ทำไมถึงได้หน้าด้านมาจอดรถขวางประตูทางเข้าบ้านคนอื่นอย่างนี้” ฉันเอ่ยอย่างใส่อารมณ์พลางปลดเข็มขัดนิรภัย กำลังจะเปิดประตูรถแต่เขากลับรั้งแขนไว้เสียก่อน “ฉันหิวพาฉันไปกินข้าวก่อนนะ หิวจริง ๆ” มืออีกข้างวางไว้หน้าท้อง ทำหน้าบิดเบี้ยวราวจะขาดใจ ฉันเหล่ตามองเพื่อจับผิด ก่อนหน้านี้ก็ยังดี ๆ แต่ตอนนี้กลับมีพิรุธ “เดี๋ยวฉันทำกับข้าวให้กิน มาถึงบ้านแล้วทำไมจะต้องออกไปอีกล่ะ” ฉันตัดสินใจเปิดประตูรถลงไป เดินตรงไปยังรถคันนั้น ส่วนนายฟีฟ่ารีบตามลงมาโดยเร็ว ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! หลังจากเคาะคนข้างในจึงลดกระจกรถลงมา สาวสวยที่นั่งอยู่เลิกคิ้วมองหน้าอย่างไม่พอใจ นั่นยิ่งทำให้ฉันอารมณ์เสียมากขึ้นไปอีก มาจอดรถขวางหน้าบ้านเขาแล้วยังจะมาชักสีหน้าใส่อีก “มีอะไรคะ” นี่หรือคือน้ำเสียงของคนที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก ไร้มารยาทสิ้นดี “คุณนั่นล่ะเป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมมาจอดรถขวางหน้าบ้านคนอื่นอย่างนี้” “บ้านคนอื่นที่ไหนคะ นี่บ้านแฟนฉันเอง” เมื่อรู้อย่างนั้นฉันจึงหันไปมองนายฟีฟ่าที่เดินมาถึงพอดี “ฉันขอโทษ” เขาเอ่ยเสียงอ่อย ยิ้มแห้ง ๆ เพราะรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังทำผิดอย่างมหันต์ “อ้าว! พี่ฟีฟ่าจอยรอตั้งนานโทรไปก็ไม่รับสาย เลยมาหาที่บ้าน” ไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนเปิดประตูรถออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เดินมาควงแขนนายฟีฟ่าเรียบร้อยแล้ว นี่หรือคนที่ชื่อจอยที่ฉันได้ยินมาโดยตลอด หน้าสวย ผิวพรรณดี รูปร่างสมส่วนสะโพกผายเอวคอด ตรงสเปกผู้ชายไทย นี่สินะที่ทำให้นายฟีฟ่าหลงจนต้องละเมอเรียกในวันแรกที่เรามีอะไรกัน “เคลียร์ให้เรียบร้อยฉันจะเข้าไปรอข้างใน” ฉันรู้ว่าตอนนี้เขากำลังอึดอัดใจมากที่ยัยจอยบุกมาถึงบ้าน แถมยังต้องมาเผชิญหน้ากับฉันด้วย ปกติฉันไม่เคยยอมคนแต่ทว่าตอนนี้กำลังท้องไม่อยากจะมีเรื่องกับใคร เพราะรู้ดีว่าอารมณ์ของตัวเองมีผลต่อสุขภาพของลูกในท้องด้วย “อ้อ! นี่เหรอเมียปลอม ๆ ของพี่ จอยก็นึกว่าจะสวยกว่านี้ซะอีก” “จอย! ทำไมพูดแบบนี้เนี่ย” “สวยไม่สวยฉันก็ท้องกับผัวเธอแล้ว แถมยังได้เป็นเมียในสมรสอีกด้วย บางทีความสวยมันก็ไม่มีประโยชน์หากอยู่ในสถานะที่ไม่ถูกต้อง พูดแค่นี้เธอคงเข้าในจะ ไม่ต้องให้ยกตัวอย่างใช่ไหม”
已经是最新一章了
加载中