บทที่ 16 ลอยกระทง
1/
บทที่ 16 ลอยกระทง
ลุ้นรักวิวาห์ร้อน
(
)
已经是第一章了
บทที่ 16 ลอยกระทง
บทที่ 16 ลอยกระทง นับวันท้องยิ่งโตขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้ฉันได้ลางานเพื่อเตรียมคลอดเป็นที่เรียบร้อย ใจจริงอยากจะทำจนถึงช่วงวินาทีสุดท้ายแต่นายฟีฟ่าไม่ยอมท่าเดียว แถมยังสั่งให้ลาออกโดยให้เหตุผลว่าเมียคนเดียวเลี้ยงได้ แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงประเภทต้องให้สามีเลี้ยงเพียงฝ่ายเดียวแน่ ๆ เพราะหากวันใดเราต้องเลิกรากันฉันก็ต้องเป็นฝ่ายหาเลี้ยงตัวเองอยู่ดี วันนี้เราทั้งสองกลับไปค้างที่บ้าน ตั้งใจจะไปรื้อฟื้นความทรงจำในวัยเด็ก ในงานลอยกระทงประจำปีของหมู่บ้าน จำได้ว่าเมื่อครั้งเรียนอยู่ป.5 ได้พาเจ้านายเดินถือกระทงผ่านหน้าบ้านเฮียกร นายฟีฟ่าและน้องชายเห็นก็เดินมายืนขวางทางไม่ยอมให้ไป แถมยังแกล้งโดยการปัดกระทงเราทั้งคู่หล่นลงพื้นจนพังอีกต่างหาก เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นใครจะยอม น้องชายฉันร้องไห้งอแง แต่ฉันกลับเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงสู้กับคนอันธพาลอย่างไม่มีถอย จนในที่สุดก็เอาชนะโดยการกัดเข้าที่คอจนเลือดออก นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการทะเลาะกันของป๊าเราทั้งคู่ “ท้องโย้วอย่างนี้ยังคิดจะไปลอยกระทงอยู่อีก” ป๊าว่าให้ขณะเรากำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ฉันกับเจ้านายช่วยกันทำกระทง ส่วนป๊ากับม๊านั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา ได้อยู่พร้อมหน้ากันอย่างนี้เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากเหลือเกิน “หนูยังเดินไหวน่า อีกอย่างไม่ได้ไปคนเดียวสักหน่อย เจ้านายก็ไปด้วย” “แล้วไอ้ลูกเขยบ้านโน้นมันไม่คิดจะมาทักทายพ่อตามันหน่อยเหรอ” “เดี๋ยวเขาก็มาค่ะป๊า วันนี้เขาจะมานอนที่บ้านเรา” ฉันตอบป๊าพร้อมทั้งตกแต่งกระทงไปด้วย “ก็ยังดี ถ้าจะให้แกไปค้างบ้านโน้นฉันไม่ยอมหรอกนะ” “ป๊าก็พูดไป หนูเป็นสะใภ้บ้านโน้นแล้วจะไปค้างบ้างมันก็ไม่แปลก จนหลานจะคลอดอยู่แล้วยังไม่ยอมดีกันอีกเหรอป๊า” “จะให้ญาติดีกับคนบ้านโน้นฉันไม่เอาด้วยหรอก แค่ได้ลูกชายมันมาเป็นเขยก็แย่มากพอแล้ว” แม้ว่าจะได้เป็นดองกันแล้วแต่ป๊ายังไม่ยอมลดทิฐิลงเลย ฉันจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดีนะ ถ้าบ้านไม่ได้อยู่ติดกันมันก็พออุ่นใจได้บ้าง ว่าจะไม่มีเรื่องกระทบกระทั่งกัน “ป๊าอ่ะ ถ้ายังไม่ยอมลดทิฐิลงหนูจะไม่พาหลานกลับมาเยี่ยมเลยคอยดู” “นี่แกเห็นคนบ้านโน้นดีกว่าฉันงั้นเหรอ” “หนูขี้เกียจคุยกับป๊าแล้ว ดูทีวีไปเลยไม่ต้องมาคุยกับหนูแล้ว” ฉันส่ายหน้าให้กับความรั้นของป๊าก้มหน้าสนใจกระทงต่อ “ม๊าก็ขี้เกียจอยู่ใกล้คนเอาแต่ใจเหมือนกัน ขึ้นไปนอนแล้ว” ม๊าเหลือบตามองป๊าแล้วลุกเดินขึ้นชั้นบนไปก่อน “เอ๊า! คนบ้านนี้มันเป็นอะไรกันหมด เข้าข้างกันเข้าไป ก็ฉันมันไม่ได้สำคัญเท่าคนบ้านโน้นอยู่แล้วนี่” ป๊าบ่นอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครสนใจ “แกก็อีกคนใกล้จะสอบแล้วห้ามไปกับไอ้ยูโรให้มันบ่อยนักรู้ไหม ตั้งใจอ่านหนังสืออยู่บ้านนี่ละ ไปเที่ยวได้ทุกวี่ทุกวันไม่รู้อะไรนักหนา ถ้าสอบหมอไม่ได้ขึ้นมาฉันเอาแกตายแน่” “อ้าว! เกี่ยวอะไรกับผมอ่ะป๊า ไปเที่ยวแต่ผมก็ตั้งใจเรียนนะ หนังสือก็อ่านทุกวันไม่เคยขาด” เจ้านายเงยขึ้นเอ่ยกับป๊าด้วยสีหน้างุนงง จู่ ๆ ก็มาหาเรื่องมันซะงั้น “เออ ฉันรู้ว่าแกเก่งแค่เตือนในฐานะพ่อไม่ได้หรือไง หรือเห็นมันดีกว่าป๊าไปอีกคน” “เปล่าครับ” เจ้านายตอบเสียงอ่อย “เปล่าก็ทำตามด้วย อย่าให้รู้ว่าแอบไปเที่ยวกับมันสองต่อสอง เดี๋ยวชาวบ้านชาวช่องก็เข้าใจผิดว่าพวกแกเป็นพวกรักร่วมเพศหรอก นับวันยิ่งเหมือนผัวเมียขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ฉันคงอกแตกตายแน่” ป๊าบ่นไปตามประสาพ่อที่เป็นห่วงลูก แต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้สีหน้าของเจ้านายซีดเซียวจนแทบไม่มีเลือดฝาดแล้ว “ป๊าทำไมชอบบังคับน้องอยู่เรื่อย เจ้านายมันเคยเกเรเหลวไหลซะที่ไหนกัน” “ก็เตือนไว้ก่อนไง ดีกว่าให้มันเสียคนแล้วค่อยพูด” “พอแล้วป๊า” “เข้าข้างกันเข้าไป สักวันมันจะเสียคนเข้าให้” ป๊าบ่นทิ้งท้ายก่อนจะลุกเดินขึ้นไปนอนอีกคน ตอนนี้เหลือเราสองคนพี่น้องแล้ว ฉันจึงวางกระทงที่เพิ่งทำเสร็จพอดีลง จากนั้นหันไปสนใจมองหน้าน้องชาย เอาแต่ก้มหน้าราวกับกำลังเครียดกับเรื่องที่ป๊าขู่เอาไว้ “อย่าคิดมากเลยน่าป๊าก็พูดไปงั้นล่ะ” “ครับพี่ข้าว” “ถ้ามีอะไรไม่สบายใจโทรปรึกษาฉันได้ตลอดเวลานะ เรามีกันแค่สองคนพี่น้องยังไงก็ต้องหาทางช่วยเหลือกันอยู่แล้ว” ฉันวางมือไว้บนบ่าน้องชาย ตบเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ “ขอบคุณครับพี่ข้าว ผมรู้ดีว่าป๊าหวังเอาไว้มากจะไม่ทำให้ท่านเสียใจเด็ดขาด” ฉันอ่านใจเจ้านายไม่ออกเลยจริง ๆ ว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ ได้แต่หวังว่ามันจะไม่ทำอะไรบ้า ๆ ให้ตัวเองเจ็บปวดเพียงเพราะความคาดหวังของป๊าหรอกนะ “เสร็จกันหรือยังครับ” “เสร็จแล้ว” ฉันตอบ เป็นนายฟีฟ่านั่นเองที่มาพร้อมกับน้องชาย ถือกระทงมาคนละอันเตรียมพร้อมแล้ว เมื่อเดินมาถึงเขาก็นั่งลงข้างฉัน ส่วนยูโรนั่งลงข้างเจ้านายกระเถิบก้นเข้าไปใกล้จนตัวแทบติดกัน แถมยังเอาไหล่ไปชนเบา ๆ เป็นการหยอกอีกต่างหาก ทว่าน้องฉันยังคงนั่งนิ่งทำเหมือนคนไร้ซึ่งชีวิตชีวา “ทำไมกระทงมึงสวยจังวะ” “อืม” “เป็นไรเนี่ยปวดขี้หรือไง” เมื่อเพื่อนไม่ยอมเล่นด้วย ยูโรจึงชะงักเล็กน้อย จ้องหน้าเจ้านายด้วยความสงสัย สีหน้าที่เคยยิ้มแย้มเปลี่ยนไปทันที “พี่ข้าวผมไปรอข้างนอกนะ” “อะ...โอเคเดี๋ยวตามไป” เจ้านายเดินถือกระทงออกจากบ้านอย่างเงียบ ๆ ฉันพอจะรู้แล้วว่าที่มันนั่งเงียบเพราะสาเหตุใด คงเป็นเรื่องที่ป๊าบ่นเรื่องเรียนและเรื่องยูโร คงกำลังสับสนว่าจะเอายังไงกับชีวิตกันแน่ “มันเป็นบ้าอะไรพี่ข้าว จู่ ๆ ก็ทำเป็นเมินผม” ยูโรเอ่ยถามอย่างหัวเสีย “พอดีก่อนหน้านี้โดนป๊าบ่นให้เลยเครียด ๆ น่ะยูโรอย่าถือสามันเลยนะ” “ผมเข้าใจครับพี่ข้าว แต่ทำไมต้องมาลงที่ผมด้วยก็ไม่รู้ ถ้าพี่ข้าวไม่บอกผมคงคิดว่ามันกำลังโกรธผมแน่ ๆ” “ไปลอยกระทงด้วยกันคงจะหายงอนแล้วล่ะมั้ง” ฉันพยายามพูดเพื่อไม่ให้ยูโรคิดมาก “มึงจะนั่งทำเหี้ยอะไร รีบตามออกไปดิวะ” “เออ ๆ ไม่ต้องมาสั่งกูก็จะออกไปอยู่แล้วล่ะ” “คนพูดด้วยความหวังดียังจะมากวนอีก เดี๋ยวก็ต่อยแม่ง” ไม่ว่าเปล่ายกกำปั้นขึ้นแต่น้องชายวิ่งแจ้นออกไปเสียแล้ว “ฉันกลัวอ่ะ” “กลัวอะไร” “กลัวว่าเจ้านายมันจะเก็บเอาคำพูดป๊ามาคิดจนไม่เป็นตัวของตัวเองน่ะสิ” “เอาน่าอย่าคิดมากเลย มันอาจไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้นะ เจ้านายโตแล้วมีความคิดเป็นของตัวเอง ยังไงก็ต้องหาทางออกให้ตัวเองจนได้ล่ะน่า” “ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น...ว่าแต่ใครทำกระทงให้นายอ่ะ” “ฉันทำเองไงก็เมียไม่ยอมทำให้” “ก็เหมาะกับนายดีนะ ฮ่าๆๆ” ฉันขำเมื่อเห็นกระทงเขา มันดูเหมือนแค่เอาใบตองมาแปะ ๆ เท่านั้นไม่ได้มีความประณีตอะไรเลย แถมดอกไม้ที่อยู่ตรงกลางยังจัดได้มั่วซั่วไปหมด “นี่กล้าขำฝีมือฉันเหรอ ของตัวเองสวยตายล่ะ” “ก็สวยกว่าของนายละกัน” ว่าแล้วฉันก็เปลี่ยนท่านั่งจะลุกขึ้นยืน “จะลุกก็บอกเดี๋ยวช่วย ถ้าล้มขึ้นมาจะทำยังไง ดื้อไม่เข้าเรื่อง” เขาบ่นพลางช่วยพยุงฉันลุกขึ้นยืน ช่วงหลังมานี้เดินเหินก็ไม่สะดวกเหมือนเมื่อก่อน นั่นทำให้นายฟีฟ่าต้องตามติดชีวิตฉันแทบทุกฝีก้าวด้วยกลัวว่าจะหกล้ม “จะช่วยก็ช่วยไม่ต้องบ่น” “เออ ๆ ไม่บ่นแล้วก็ได้วะ” หากวันไหนเราไม่ได้ต่อปากต่อคำกันมันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ทุกคนไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ อิอิ @งานลอยกระทง งานลอยกระทงประจำปีถูกจัดขึ้นในสวนสาธารณะละแวกบ้าน จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปีแต่ทว่าช่วงหลังฉันไม่ค่อยได้มาเพราะติดงาน พอได้กลับมาเห็นบรรยากาศเดิม ๆ อีกครั้งก็ย้อนให้นึกถึงเมื่อครั้งสมัยยังเป็นเด็ก คนที่มาร่วมงานละลานตาเนืองแน่นไปทุกพื้นที่ บ้างก็มาเป็นคู่ บ้างก็มาเป็นครอบครัว บ้างก็มากับกลุ่มเพื่อน หากเป็นเมื่อก่อนฉันคงเป็นอย่างหลังสุด แต่ทว่าปีนี้เป็นปีแรกที่ได้มีโอกาสมาพร้อมกับผู้ชาย แถมเขาคนนั้นยังเป็นพ่อของลูกอีกด้วย “เรารีบไปลอยกระทงกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยมาเดินเที่ยวกันเนอะ” “อื้ม” ฉันตอบแล้วหันไปมองน้องชายที่ยืนข้างกัน ตั้งแต่ออกมาจากบ้านไม่ยอมพูดจากับนายยูโรเลยสักคำ นั่นทำให้บรรยากาศอึมครึมน่าดู “แกจะไปลอยกับพี่หรือ...” “ไปกับพี่ข้าว” “ไปกับผม” ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน ฉันจึงได้แต่มองหน้าสลับไปมา ก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีเมื่อนายฟีฟ่ากระตุกมือ เพื่อบอกกล่าวอะไรบางอย่าง “เราไปกันเถอะ” ฉันยังไม่ได้อ้าปากตอบเขาก็ลากตัวฉันไปจากตรงนั้น เจ้านายจะเดินตามเรามาแต่กลับโดนยูโรลากไปอีกทาง เดินฝ่าผู้คนมาจนถึงท่าน้ำ... “ทำไมลากตัวฉันมาอย่างนี้ ยังพูดกับน้องไม่จบเลย” “เธอก็เห็นว่าสองคนนั้นกำลังงอนกันอยู่ จะอยู่เป็น ก.ข.ค.ทำซากอะไรล่ะ” “พูดไม่เพราะ ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้” ฉันออกคำสั่งพร้อมจ้องเขม็งไปยังดวงหน้าหล่อ ที่ทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้ “...” “ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะเป็นคนตบเอง” “เออ ๆ ตบก็ตบ ช่วงนี้ฉันทำอะไรก็ผิดในสายตาเธอ ไม่เหมือนไอ้หมอนั่น ที่คุยสายกันจ๊ะจ๋ายิ้มแย้มตลอดเวลา” ว่าแล้วเขาก็ตบปากตัวเองหนึ่งครั้ง แต่แค่นั้นไม่พอใจฉันหรอกนะ “แรงกว่านี้อีก” เขายอมทำตามอย่างว่าง่าย สมกับที่ฉันเป็นช้างเท้าหน้าจริง ๆ อิอิ “พอใจยัง!” น้ำเสียงเขาเริ่มสื่อว่างอนฉันเต็มที “พอใจแล้วค้า ไปลอยกระทงกันเถอะ” ฉันยิ้มอย่างผู้ชนะ จากนั้นเดินนำหน้าไปยังท่าน้ำ ที่ตอนนี้มีผู้คนเวียนว่ายไปลอยกระทงอยู่ไม่ขาดสาย เขาตามมาแล้วนั่งลงข้างกัน จากนั้นจุดเทียนในกระทงให้ด้วยไฟแช็ก งอนยังไม่ถึงนาทีรีบมาบริการฉันซะแล้ว ช่างเป็นคุณสามีที่สุดยอดแห่งปีจริง ๆ “หายงอนแล้วเหรอ” “ยัง...แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ เอาไว้ค่อยว่ากันอีกที” เขาเอ่ยขณะจุดเทียนในกระทงตัวเอง จากนั้นล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง “อะไรอ่ะ” ฉันถามเมื่อเห็นอะไรบางอย่างในมือเขา “ก็ลวดไง เอาไว้เชื่อมกระทงเราไว้ด้วยกัน มันจะได้ลอยคู่กันไปอย่างนั้นไม่มีทางแยกจากกันไปไหน” “นี่ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ” “ก็เออน่ะสิครับ ไม่ใช่แค่กระทงแต่ตัวเธอเองก็ต้องอยู่กับฉันไปตลอดชีวิตรู้ไว้ด้วย” ว่าแล้วเขาก็จัดการใช้ลวดเชื่อมกระทงเราทั้งคู่เข้าด้วยกัน ฉันมองภาพนั้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม นอกจากจะกวนตีนเก่งแล้ว เขายังชอบสร้างบรรยากาศโรแมนติกให้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา รู้สึกเอ็นดูดวงหน้าหล่อนี้เหลือเกิน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่มีทางยอมเสียผู้ชายคนนี้ให้ใครแน่นอน “เสร็จแล้วไปลอยกันเถอะ” เขาเงยหน้าขึ้นมายิ้ม “อื้ม” เราทั้งคู่ยิ้มให้กันจากนั้นถือกระทงไปที่ท่าน้ำ ยกขึ้นกลางอกหลับตาอธิษฐานในใจ จากนั้นนำไปลอยลงในน้ำ เป็นอย่างที่เขาบอกกระทงเราทั้งคู่ลอยเคียงข้างกันไปไม่มีทางแยกออกจากกันได้ “เห็นไหมล่ะว่ากระทงเราไม่มีทางแยกจากกันได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าภาคภูมิใจเป็นที่สุด กำลังจะเอ่ยปากชมอยู่แล้วเชียวแต่ได้ยินเสียงเด็ก ๆ ดังมาจากกลางหนองน้ำเราทั้งคู่จึงหันไปมองพร้อมกัน “เหี้ยแล้วไง ไอ้พวกเด็กเปรต” เขาสบถเสียงดังอย่างลืมตัวเมื่อเห็นเด็ก ๆ กำลังพายเรือตรงมาลากกระทงเราไปตะลุมบอนหาเศษเหรียญจนพังพินาศ “คิกๆๆ ไหนบอกว่าไม่มีทางแยกกันไงยะ เหนือฟีฟ่ายังมีเด็กเก็บเศษเหรียญ” “ไม่ต้องมาขำเลย ไปได้แล้วเซ็งจิต” เขาทำหน้าเซ็งสุดขีดแล้วโอบไหล่ฉันเดินเข้าไปในงานต่อ บรรยากาศในค่ำคืนนี้ก็เหมือนงานวัดทั่ว ๆ ไป มีชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน ปาลูกโป่ง บิงโก ร้านขายของกินของใช้เต็มสองข้างทาง ทำให้นึกถึงภาพบรรยากาศเก่า ๆ เมื่อครั้งป๊าม๊าพาเราสองพี่น้องมาเดินเที่ยวเมื่อสมัยยังเด็ก “อยากได้ตุ๊กตาไหมเดี๋ยวฉันปาลูกโป่งให้” “ไม่เอาอ่ะ ฉันรู้ว่านายทำไม่ได้หรอก เปลืองเงินเปล่า ๆ” “นี่เธอดูถูกฉันเหรอ” “ก็ใช่ไง ดูถูกไม่ได้ดูผิดสักหน่อย” ฉันยิ้มมุมปากเย้ย “งั้นมาดูกันเลย ฉันจะเอาให้เธอเป็นโหลเลยคอยดู” เมื่อโดนหยามอีกฝ่ายก็โมโหตึงตัง จูงแขนฉันเดินเข้าไปในร้านปาลูกโป่ง “6 ดอก 20 พี่ เอากี่ดอกดีครับ” เมื่อไปถึงเด็กในร้านก็รีบเสนอขายของทันที “เอา 6 ดอกพอน้อง” แหม!!! น้ำเสียงและสีหน้าดูมั่นอกมั่นใจเหลือเกินนะยะ ฉันจะคอยดูว่าจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า “คอยดูละกัน” เขาหันมายักคิ้วให้อย่างมั่นใจ ในมือถือลูกดอกทั้งหกไว้จนเต็มกำมือ เตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติภารกิจแล้ว “ฉันก็ดูอยู่นี่ไง” “เลือกตุ๊กตาไว้เลยไม่ต้องห่วง” จากนั้นภารกิจปาลูกโป่งจึงเริ่มต้นขึ้น ลูกแรกลูกสองผ่านไปลูกโป่งแตกกระจุย แต่ทว่าหลังจากนั้นกลับเงียบกริบ จนต้องซื้อมาใหม่อีกครั้งและอีกครั้งจนหมดเงินไปร้อยกว่าบาท แต่เขากลับไม่สามารถทำให้ลูกโป่งแตกครบทั้งหกลูกได้ ยิ่งนานเข้านายฟีฟ่าก็เริ่มอารมณ์เสีย หนึ่งเพราะกลัวเสียหน้า และหงุดหงิดที่ไม่สามารถทำได้ ทั้งที่มันไม่น่าจะเกินความสามารถเขาเลยสักนิด “อีกยี่สิบน้อง” “พอได้แล้วฉันไม่เอาก็ได้ ไปกันเถอะ” “ไม่ได้! พูดแล้วต้องทำให้ได้” “ก็บอกว่าไม่เอาไง เปลืองตังค์เปล่า ๆ ฉันอยากไปเดินดูฝั่งโน้นแล้ว” ฉันทำเป็นอ้อน ไม่อยากให้เขาเครียดเพราะเรื่องแค่นี้ ศักดิ์ศรีเยอะเหลือเกินนะพ่อคุณ “แต่ฉันอยากทำให้เธอนี่นา” “งั้นซื้อเอาดีกว่าจะได้ไม่ต้องเสียเวลา” “มันไม่น่าภูมิใจอ่ะดิแบบนั้น” เขาทำเสียงอ่อยดูน่าสงสาร คงหวังไว้มาก กะจะโชว์แมนเต็มที่ “เอาน่า ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนฉันภูมิใจหมดล่ะ” ฉันส่งยิ้มให้เพื่อเป็นการปลอบใจ “ฉันอยากได้ตัวนั้นอ่ะ” ชี้ไปยังตุ๊กตาหมีตัวเล็ก ๆ ที่แขวนอยู่หน้าร้าน “เดี๋ยวจัดการให้รอแปบนะ” หลังจากนั้นเขาก็ไปเจรจาขอซื้อจากเจ้าของร้านจนสำเร็จ แล้วเดินกลับมาพร้อมตุ๊กตาหมีตัวที่ฉันอยากได้ “อ่ะ ฉันให้” “ขอบใจนะ ว่าแต่จ่ายไปเท่าไหร่อ่ะ” ฉันถามหลังจากรับตุ๊กตามาแล้ว “ไม่ต้องรู้หรอก” “มีปิดบังกันด้วย สงสัยจ่ายไปหนักแน่ ๆ” “เพื่อเธอฉันทำได้ทุกอย่างล่ะ ไปกันเถอะ” เขายิ้ม ยกมือขึ้นมาลูบกลางกระหม่อมฉันเบา ๆ อย่างเอ็นดู “ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ จะมาลูบหัวอย่างนี้ไม่ได้” “ใครบอก? สำหรับฉันแล้วเธอเป็นแค่เด็กดื้อที่ต้องคอยเอาใจและใส่ใจให้มาก ๆ รู้ไหม” “แหวะ! เลี่ยนจะแย่” เขินจนอมยิ้มแล้วเดินกอดตุ๊กตาล่วงหน้าไปก่อน ไม่งั้นมีหวังต้องละลายเพราะแววตาที่มีอำนาจทำลายล้างนั่นแน่นอน เดินมาได้สักพักจึงนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้มากันแค่สองคน ตอนนี้เจ้านายกับยูโรไปถึงไหนกันแล้วนะ คิดได้อย่างนั้นจึงหันไปเอ่ยถามคนที่เดินข้างกัน “น้องเราไปไหนกันแล้วอ่ะ” “ปล่อยให้เขาได้คุยกันสองต่อสองเถอะน่า เดี๋ยวก็กลับกันเองล่ะ” “ก็ฉันเป็นห่วงนี่นา วันนี้นายก็เห็นว่ามีเรื่องงอนกัน” “อย่าคิดมากเลย ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” กำลังจะเดินไปแต่กลับเห็นยูโรยืนทำหน้าเศร้าอยู่ตรงหน้า ดวงตาแดงก่ำราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เห็นแล้วก็คิดในใจว่าคงเป็นอย่างที่ฉันคิดแน่ ๆ “ทำไมมึงทำหน้างั้นวะ แล้วเจ้านายไปไหนล่ะ” “ไอ้นายมันกลับบ้านไปแล้ว” ก้มหน้าลงอย่างหมดอาลัยตายอยาก เราทั้งคู่มองหน้ากันแล้วเดินเข้าไปใกล้ นายฟีฟ่าวางมือบนบ่าตบเบา ๆ เพื่อให้กำลัง แม้ไม่ได้ยินจากปากน้องชายตรง ๆ แต่พอจะเดาออกว่าต้องเกี่ยวกับเจ้านายแน่นอน “มีอะไรบอกกูมาตรง ๆ ถ้าช่วยได้กูจะช่วย มึงแม่งอ่อนแอ ไม่สมกับเป็นน้องเสืออย่างกูเลยจริง ๆ” “ฮึก..เจ้านายมันจะเลิกคบกับกู มันบอกว่าต่อไปนี้ไม่ต้องไปรับไปส่งมันแล้ว มันเลือกอนาคตมากกว่าต้องมาคบกันคนไม่เอาถ่านอย่างกู” ยูโรเอาแต่ก้มหน้าอยู่อย่างนั้นปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมา เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารทั้งสองคน ฉันรู้ว่าที่เจ้านายบอกอย่างนั้นเพราะไม่อยากทำให้ป๊าต้องผิดหวังและเสียใจ มันเองก็คงจะเจ็บปวดไม่น้อย “บอกพี่มาตรง ๆ ได้ไหมว่าเรากับเจ้านายเป็นอะไรกันแน่” ฉันอยากได้ยินให้ชัด เพื่อจะได้หาทางช่วยเหลือ “ผมกับไอ้นายเรา....เป็นแฟนกันครับ” “นานหรือยัง” “ตั้งแต่มอสี่เทอมต้นครับพี่ข้าว” คุณพระ! นี่มันก็เข้าปีที่สามแล้ว น้องสองคนคงจะรักและผูกพันกันมาก พอเกิดปัญหาอย่างนี้คงจะเจ็บปวดมากเช่นเดียวกัน “ยูโรไม่ต้องห่วงนะ พี่จะคุยกับเจ้านายให้ พี่รู้ว่าที่มันทำอย่างนี้เพราะอะไร” “จริง ๆ นะครับพี่ข้าวผมพยายามพูดง้อหาทางเอามันคืนมา แต่มันไม่ยอมท่าเดียว ทั้งที่ก่อนหน้าเราก็พูดคุยกันดี ๆ อยู่เลย” “ไม่ต้องคิดมากนะ พี่จะช่วยเราทั้งคู่ให้ได้” “ขอบคุณครับพี่ข้าว” ว่าแล้วยูโรก็จะโผเข้ามากอดฉัน แต่โดนพี่ชายกางแขนกั้นไว้เสียก่อน “เมียกู ๆ เว้ยไอ้น้องชาย” “เมียมึงแต่พี่เมียกูเว้ย” ยูโรเริ่มกลับมากวนตีนพี่ชายได้แล้ว เห็นอย่างนี้ฉันก็เริ่มสบายใจขึ้น “พูดว่าเมียได้เต็มปากเต็มคำนะมึง ได้รับอนุญาตจากพี่สาวเขาหรือยัง” “เรื่องของกูมึงไม่ต้องเสือก” “ไอ้น้องเหี้ยกูอุตส่าห์สงสารที่ไหนได้แม่งยังเหี้ยเหมือนเดิม” นายฟีฟ่าตบกบาลน้องชายหนึ่งที นั่นทำให้ยูโรไม่ยอมจะเอาคืนท่าเดียว “ไอ้พี่เหี้ย มึงกล้าตบหัวกูเหรอวะ” ฉันยืนมองดูสองพี่น้องทะเลาะกันด้วยรอยยิ้ม พลางคิดในใจว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี เจ้านายมันจะยอมฟังสิ่งที่ฉันแนะนำไหม นั่นคือสิ่งที่กังวล เพราะถึงแม้ว่ามันจะเป็นคนนุ่มนิ่ม แต่พอได้ตัดสินใจทำอะไรแล้ว มันจะทำให้สุด ๆ เด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่นโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 16 ลอยกระทง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A