บทที่ 17 คลอด   1/    
已经是第一章了
บทที่ 17 คลอด
บทที่ 17 คลอด กลับมาจากงานวัดในวันนั้นฉันยังไม่มีโอกาสพูดคุยกับเจ้านายเลย เพราะอยากรอให้มันใจเย็นขึ้นอีกสักหน่อย คิดว่าช่วงเวลานั้นอาจจะเครียดจนตัดสินใจทำอย่างนั้น วันนี้ได้โอกาสจึงโทรบอกให้น้องชายมาหาที่บ้าน อ้างว่าจะฝากของไปให้ป๊ากับม๊า “หวัดดีครับพี่ข้าว” “หวัดดี แล้วนี่มายังไงล่ะ” “แท็กซี่อ่ะ” เจ้านายเอ่ยพร้อมทั้งวางกระเป๋าสะพายลงบนโซฟาอีกตัว แล้วหย่อนก้นนั่งลงข้างฉัน “สอบเป็นไงบ้าง” “ก็ดีอ่ะ” ถามคำตอบคำ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างนี้ แสดงว่าอาการยังไม่ดีขึ้น “ถามจริง....แกเป็นอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวนี้เงียบไม่พูดไม่จา ถามคำตอบคำ เหม่อลอยตลอดเวลา มีอะไรปรึกษาฉันได้นะ” “ไม่มีอะไรพี่ ผมก็เป็นอย่างนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว มีอะไรจะฝากให้ป๊ากับม๊าอ่ะ จะได้รีบกลับ” “ฉันไม่มีอะไรฝากหรอก อยากคุยกับแกมากกว่า ฉันรู้นะว่าแกกับยูโรเป็นอะไรกัน” “พี่ข้าวรู้ได้ไง! ใครบอก หรือไอ้ยูโรมันบอกพี่” อีกฝ่ายหันขวับมามองด้วยสีหน้าตื่นตกใจ คงไม่คาดคิดว่าฉันจะรู้เรื่อง “ใช่! ยูโรบอกตั้งแต่งานลอยกระทงแล้ว ทำไมแกบอกเลิกเขาแบบนั้น ทั้งที่แกเองก็เสียใจเนี่ยนะ” “คบกันไปก็ไม่มีประโยชน์ ถึงยังไงป๊าก็ไม่ยอมรับอยู่ดี อีกอย่างผมเองก็ไม่อยากให้ป๊าม๊าเสียใจ ถ้ารู้ว่าผมเป็นเอ่อ...เกย์” เจ้านายนั่งก้มหน้าอย่างสิ้นหวังในชีวิต ฉันจะทำอย่างไรดีให้เรื่องมันคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น “เป็นเกย์แล้วไง แกไม่ได้ไปฆ่าแกงใครนี่นา อีกอย่างเป็นเกย์แล้วจะทำให้แกสอบไม่ติดหมองั้นเหรอ มันไม่ใช่ คิดให้ดี ๆ ละกัน ฉันไม่อยากเห็นแกซึมเศร้าแบบนี้ ฉันรักแกนะเจ้านาย ป๊ากับม๊าก็รักแกด้วย ทุกคนรักแกหมด เรื่องแค่นี้ทำไมป๊าจะรับไม่ได้” ฉันพยายามหาเหตุผลมาอ้างเพื่อให้น้องชายใจอ่อน แต่ไม่รู้ว่าจะมีผลต่อการตัดสินในของมันหรือเปล่า “ผมตัดสินใจแล้วครับพี่ข้าว ตอนนี้ขอโฟกัสเรื่องสอบหมอก่อน ผมไม่อยากให้เรื่องอื่นมาทำลายสมาธิ ไม่อยากให้ป๊าเอาเรื่องยูโรมากดดันผมอีกแล้ว ขอเลือกที่จะอยู่คนเดียวแล้วทำตามฝันตัวเองดีกว่า” แม้จะพูดตัดขาดความสัมพันธ์อย่างเด็ดเดี่ยว แต่เจ้านายก็ไม่สามารถห้ามน้ำตาให้ไหลได้ คนเป็นพี่เห็นยังเจ็บปวดมากขนาดนี้ แล้วน้องชายฉันจะเจ็บปวดมากแค่ไหน “เจ้านาย...แกจะเอาอย่างนี้จริง ๆ เหรอ” “อื้ม...ผมเลือกแล้ว ต่อไปนี้ระหว่างผมกับยูโรจะเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น หมอเป็นอาชีพที่ผมใฝ่ฝัน ส่วนป๊าคือผู้ชายที่ผมรักมากที่สุดในชีวิต ผมขอเลือกอนาคตและป๊ามาเป็นอันดับแรก” “แกไม่เป็นห่วงความรู้สึกของยูโรเลยเหรอ” “ผมห่วงมันแต่อีกไม่นานก็จะเรียนจบแล้ว พอเข้ามหาวิทยาลัยเดี๋ยวมันก็ลืมผมเองล่ะ” “ถ้าแกคิดดีแล้วฉันก็จะไม่ห้าม ถ้าเลือกอนาคตแกก็ต้องตั้งใจสอบหมอให้ได้ อย่าให้การตัดสินใจครั้งนี้ต้องสูญเปล่า พี่เป็นกำลังใจให้เสมอนะ” “พี่ข้าว ฮือๆๆๆ” น้องชายสุดที่รักโผเข้ากอดทั้งน้ำตา นานแล้วที่เราสองคนพี่น้องไม่ได้มีโอกาสสวมกอดกันอย่างนี้ ทุกครั้งที่มีปัญหาฉันจะเป็นฝ่ายปกป้องน้องเสมอ และครั้งนี้ฉันจะทำหน้าที่นั้นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เคารพการตัดสินใจและสนับสนุนให้มันได้อย่างที่ตั้งใจ ส่วนความรักถือซะว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์เรา มีรักก็ต้องมีเลิกกันเป็นธรรมดา ทุกคนต้องเจออย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต หากมีวาสนาต่อกันในวันหนึ่งทั้งคู่อาจจะโคจรมาเจอกันอีก หากยังมีหัวใจที่มั่นคงต่อความรักในครั้งนี้ หลังจากเจ้านายกลับไปแล้ว ก็โทรบอกนายฟีฟ่าให้รับรู้ว่าน้องชายฉันตัดสินใจยังไง เพื่อให้เขาส่งข่าวบอกน้องชายตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวที่เป็นคู่อริกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฉันกับนายฟ่า หรือเรื่องเจ้านายกับยูโร สงสัยชาติที่แล้วเราคงทำเวรทำกรรมร่วมกันมาเป็นแน่ แม้จะเดินเหินลำบากแต่ฉันก็พยายามลุกขึ้นไปทำกับข้าวไว้รอสามีจนเสร็จ อีกไม่ถึงชั่วโมงก็จะกลับมาถึงบ้าน จึงไปนั่งดูทีวีรอเหมือนอย่างเช่นทุกวัน ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้านจึงละสายตาจากหน้าจอทีวี ชะเง้อไปมองเพื่อดูว่าเป็นใคร กำลังจะลุกขึ้นจากโซฟาออกไปดู แต่ทว่ากลับมีใครบางคนเดินเข้ามาเสียก่อน เห็นหน้าก็ชะงักเล็กน้อยไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะกล้าเข้ามาในบ้าน แอบคิดว่าเรื่องผู้หญิงของนายฟีฟ่าจะจบตั้งแต่วันนั้นแล้วเสียอีก “เธอมาที่นี่ทำไม” “ทำไมจะมาไม่ได้ ในเมื่อที่นี่มันก็บ้านผัวฉันเหมือนกัน” เจ้าหล่อนทำหน้ายียวนกวนประสาท แต่ฉันไม่หลงกลแน่ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการมาป่วนเท่านั้นเอง ยังไงซะฉันก็เลือกที่จะเชื่อใจนายฟีฟ่าแล้ว “คิดไปเองหรือเปล่าจ๊ะว่าเขายินดีให้เธอใช้คำนั้น อย่างเธอมันก็เป็นได้แค่ของเล่นเท่านั้นล่ะ มาเสนอตัวถึงที่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร” ฉันยืนกอดอกมองเจ้าหล่อนอย่างดูหมิ่นดูแคลน ในเมื่อไม่ได้มาดีทำไมจะต้องต้อนรับด้วยมิตรไมตรีด้วยล่ะ “แล้วเธอคิดเหรอว่าพี่ฟีฟ่าไม่ได้หลอกอะไรเธอเลย มั่นใจเหรอว่าตอนออกไปทำงานเขาไม่ได้แวะไปหาฉันที่คอนโด เธอเชื่อใจเขาว่างั้น” “ใช่! ฉันเชื่อใจสามีฉัน ถ้ายังมียางอายอยู่บ้างก็รีบออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ หรือจะอยู่รอให้สามีฉันกลับมาก่อน ดีเหมือนกันเขาจะได้ยืนยันว่าสิ่งที่เธอพูดมามันคือเรื่องจริงหรือหลอก” “คนอย่างฉันถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ จำใส่หัวเอาไว้” นางเดินย่างสามขุมเข้ามา พร้อมทั้งล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า เห็นท่าไม่ดีฉันจึงเดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ “เธอจะทำอะไร ถ้าไม่หยุดฉันจะแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้” ว่าแล้วก็ก้มลงจะหยิบมือถือบนโต๊ะกระจก แต่ทว่าไม่ทันความไวของอีกฝ่าย นางปัดมันจนกระเด็นหล่นลงพื้น “ถ้าเธอเสียโฉม ฉันอยากจะรู้นักว่าพี่ฟีฟ่ายังจะรักเธออยู่หรือเปล่า” ว่าพร้อมชูขวดอะไรบางอย่างขึ้น ฉันไม่รู้ว่านายฟีฟ่าไปตกลงกับยัยจอยว่ายังไง ทำไมนางถึงดูแค้นเคืองราวกับคนไม่มีสติอย่างนี้ “ถ้าเธอทำคิดเหรอว่าจะหนีตำรวจพ้น วางมันลงเถอะนะอย่าเอาอนาคตมาแลกกับแค่เรื่องแค่นี้เลย” “เรื่องแค่นี้งั้นเหรอ เธอไม่รู้หรอกว่าฉันรักพี่ฟีฟ่ามากแค่ไหน เขาสัญญาว่าถ้าไม่ไประรานแกที่บ้าน เขาจะมาหาฉัน แต่นี่อะไรตั้งแต่วันนั้นไม่เคยโผล่หัวมาเลยสักครั้ง นั่นเพราะแกคนเดียว” “นายฟีฟ่าช่วยฉันด้วย!” ฉันตะโกนผ่านหลังยัยจอยไปเพื่อหาวิธีเอาตัวรอด จริง ๆ แล้วไม่มีใครเลยสักคน ฉวยโอกาสนั้นรีบวิ่งหนีไป แต่ทว่ายัยจอยรีบตามมาคว้าตัวไว้จนฉันล้ม เมื่อท้องกระแทกกับพื้นก็รู้สึกเจ็บและจุกจนพูดไม่ออก ทำได้เพียงหลั่งน้ำตาเพื่อระบายความเจ็บปวด ตอนนี้ไม่คิดถึงตัวเองเลยเป็นห่วงแค่ลูกในท้องมากกว่า “โอ๊ย!! ทำไมปวดอย่างนี้” ฉันนอนร้องโอดโอยกุมท้องตัวเองไว้อยู่อย่างนั้น ไม่ได้สนใจว่าจะโดนยัยจอยทำอะไรบ้าง “หมดฤทธิ์แล้วล่ะสิ หึ ๆ ต่อไปนี้ฉันจะทำให้แกรู้ว่าการตายทั้งเป็นมันรู้สึกยังไง” นางนั่งคร่อมตัวฉัน มือหนึ่งก็ถือขวดสีชาเอาไว้ “เรียกรถพยาบาลที ฉันขอร้องล่ะฉันปวดท้องเหลือเกิน” ในวินาทีนี้ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกในท้องปลอดภัย แม้จะโดนอะไรก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น “ร้องให้ตายฉันก็ไม่ช่วยแกหรอก” “อย่าทำอย่างนี้เลยนะ โอ๊ย..ชีวิตเธอจะมาเสียเพราะเรื่องแค่นี้เหรอ” เพี๊ยะ! “หุบปากแล้วนอนนิ่ง ๆ” จอยแสยะยิ้มแล้วเปิดฝาขวด ในวินาทีนั้นฉันทำได้เพียงร้องไห้เท่านั้น ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอจะทำอะไรได้เลย ปวดท้องเจียนจะขาดใจ ทำได้เพียงหลับตารอรับชะตากรรมอย่างหมดหนทางสู้ “ทำบ้าอะไรจอย!” เสียงทุ้มที่คุ้นหูทำให้ฉันต้องเบิกตาโพลงขึ้นอีกครั้ง เป็นเสียงเขานั่นเอง ตอนนี้นายฟีฟ่ากำลังแย่งขวดน้ำกรดจากยัยจอย ทุกอย่างดูชุลมุนไปหมด “ฟีฟ่าฉันปวดท้อง” ฉันเริ่มปวดท้องมากขึ้น แต่ทว่าในจังหวะนั้นเขายังไม่สามารถจัดการกับยัยจอยได้ “ทำใจดี ๆ เข้าไว้เดี๋ยวฉันจะพาไปส่งโรงพยาบาล” “คิดเหรอว่าจะได้พาไป ผ่านด่านจอยให้ได้ก่อนเถอะ” “พอได้แล้วจอยถ้าเกิดเมียกับลูกพี่เป็นอะไรขึ้นมาพี่ไม่ยอมแน่” “จะฆ่าจอยก็เอาสิคะ พี่มันเลว ทำไมต้องทิ้งจอยด้วย จอยผิดอะไร ปล่อยมือเดี๋ยวนี้” “บอกให้หยุดยังไงล่ะวะ!!” “เพล้ง!” ในที่สุดขวดแก้วที่อยู่ในมือจอยก็ถูกแย่งมาได้ เขาโยนมันทิ้งลงพื้นจนแตกกระจาย ฤทธิ์ของความเป็นกรดกัดกร่อนพื้นจนเกิดฟองฟู่ “ออกไปจากบ้านพี่เดี๋ยวนี้ แล้วไม่ต้องให้มาเป็นหน้าอีก” เขาชี้หน้ายัยจอยแล้วเดินตรงมาหาฉันโดยเร็ว ไม่สนว่าเจ้าหล่อนจะทำยังไงต่อไป “กรี๊ดดดด!! ไอ้ผู้ชายเฮ็งซวย ฉันไม่น่ามาชอบคนอย่างแกเลย อย่าคิดว่าฉันจะจบแค่นี้” “ออกไปสิวะ! ก่อนที่กูจะเรียกตำรวจมาลากคอเข้าตะราง บอกว่าจบก็คือจบจะอะไรนักหนาวะ” เขาโมโหหนักมากเมื่อเห็นสภาพฉัน “ขอให้ลูกแกไม่มีโอกาสลืมตาดูโลก สมน้ำหน้า คนอย่างฉันหาได้ดีกว่านี้เป็นร้อยเท่ารู้ไว้ด้วย” ว่าแล้วจอยก็เดินเร็วออกไป นายฟีฟ่าจึงหันมาสนใจฉันต่อ “ฟีฟ่าฉันปวดท้อง ฮือๆๆ ลูกเราจะเป็นอะไรไหม” ที่น่าตกใจก็คือมีน้ำใส ๆ ไหลออกมาจากช่องคลอดเยอะมาก ในวินาทีนั้นฉันคิดว่าอาจจะเสียลูกไปแล้ว “ทำใจดี ๆ ฉันจะเรียกรถพยาบาลมารับ ลูกเราต้องไม่เป็นไรนะ” นายฟีฟ่ามือสั่นเป็นเจ้าเข้าพยายามควบคุมสติเพื่อกดหมายเลขโทรเรียกรถพยาบาล เห็นฉันทรมานเขาเองก็น้ำตาคลอเช่นเดียวกัน @โรงพยาบาล เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้วเจ้าหน้าที่ก็เข็นเตียงพาฉันเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน นายฟีฟ่าเดินจับมือไว้ตลอดทางไม่ยอมปล่อย “ฉันกลัว ฮือๆๆ ฟีฟ่า” “ไม่ต้องกลัวนะมาถึงมือคุณหมอแล้ว ลูกเราต้องปลอดภัย ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น หายใจเข้าลึก ๆ นะที่รัก” “อื้ม นายอย่าปล่อยมือฉันนะ” ฉันร้องไห้จนแทบจะไม่มีน้ำตาแล้ว “ฉันจะอยู่ข้าง ๆ เธอ” เขายิ้ม นายฟีฟ่าได้รับอนุญาตให้เขามาในห้องทำคลอดได้ ใช่แล้วค่ะฉันจำเป็นต้องผ่าคลอดตอนนี้เลยเพราะมดลูกฉันหดรัดตัวเนื่องจากได้รับแรงกระแทกจากการหกล้ม โชคดีที่วันนี้เป็นเวรคุณหมอนที จึงรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้างเพราะให้เขาดูแลมาตั้งแต่ต้นแล้ว ในช่วงที่ผ่าคลอดนั้นนายฟีฟ่าอยู่ให้กำลังใจโดยการจับมือและยิ้มตลอดเวลา คุณหมอเลือกวิธีการผ่าคลอดแบบบล็อกหลัง แม้จะไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่ทว่าก็รู้สึกว่าคุณหมอกำลังทำอะไรบ้าง จนในที่สุด... “อุแว๊ อุแว๊” ได้ยินเสียงร้องฉันก็น้ำตาไหลทันที ในวินาทีนี้อยากเห็นหน้าลูกเต็มที อยากรู้ว่าเขาจะมีหน้าตาเป็นยังไง จะครบสามสิบสองไหมเพราะคลอดก่อนกำหนดถึงสองอาทิตย์ “น้องแข็งแรงสมบูรณ์ดีนะครับ คุณข้าวไม่ต้องกังวลอะไร” คุณหมอตะโกนบอก ได้ยินก็รู้สึกอุ่นใจแล้ว “ลูกเราน่ารักน่าชังมาก” นายฟีฟ่าเอื้อมมือปาดน้ำใส ๆ ที่หางตาออกให้ “อื้ม” ฉันตอบได้เพียงเท่านั้นเพราะตอนนี้ใจจดใจจ่อที่จะได้เห็นหน้าลูกเต็มที ไม่นานคุณพยาบาลก็อุ้มลูกสาวมาให้เรา นายฟีฟ่ารับเจ้าตัวเล็กแล้วพามาใกล้ ๆ ฉันเอื้อมมือไปสัมผัสที่แก้มนุ่มอย่างเบามือ ในขณะที่เจ้าตัวเล็กกำลังร้องไห้อยู่เป็นช่วง ๆ “ลูกแม่ ฮึก แม่นึกว่าจะเสียหนูไปซะแล้ว” ว่าแล้วก็หอมแก้มลูกให้ชื่นใจ หลังจากคุณหมอทำหน้าที่ในห้องคลอดครบถ้วนแล้ว จึงเดินมาหาเราทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกหน่อยนะครับ” เสียงคุณหมอนทีเอ่ยกับเรา มีมือถือในมือไว้พร้อมแล้ว แชะ! ภาพที่น่าประทับใจของเราสามคนพ่อแม่ลูก ถูกบันทึกไว้ด้วยมือถือของคุณหมอก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหา “ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ” “ขอบคุณค่ะ” “ขอบคุณครับที่ช่วยลูกกับเมียผมให้ปลอดภัย” “เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ เดี๋ยวผมจะส่งรูปให้คุณข้าวละกันนะครับ” “ขอบคุณค่ะ” “เดี๋ยวพยาบาลจะย้ายคุณข้าวไปห้องพักฟื้น ผมแนะนำให้คุณข้าวนอนพักผ่อนเอาแรงก่อนนะครับ ส่วนน้องพยาบาลจะพาไปดูแลก่อน หลังจากคุณแม่ตื่นแล้วจะนำมาให้ที่ห้องนะครับ” “ค่ะคุณหมอ” “งั้นผมขอตัวไปดูคนไข้อีกรายก่อนนะครับ” คุณหมอนทีสั่งอะไรบางอย่างกับพยาบาลครู่หนึ่ง จากนั้นเดินออกไปจากห้อง นายฟีฟ่ามองหน้าลูกแล้วยิ้มตลอดเวลา เห็นอย่างนี้ฉันก็อดยิ้มตามด้วยไม่ได้ ช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้มันเหมือนฝันร้ายมาก ไม่นึกว่าเหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง จู่ ๆ ภาพที่คุณพยาบาลมารับเจ้าตัวน้อยไปอุ้มไว้ ก็ค่อยเลือนรางลงไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดทุกอย่างก็ดับวูบลง
已经是最新一章了
加载中