บทที่ 18 จบเรื่อง   1/    
已经是第一章了
บทที่ 18 จบเรื่อง
บทที่ 18 จบเรื่อง ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่ รู้สึกตัวอีกครั้งก็ได้ยินเสียงคนสนทนากันดังเซ็งแซ่ ความเจ็บปวดคืบคลานเข้ามาเมื่อขยับตัว รู้สึกปวดแผลที่บริเวณท้องจนต้องอยู่นิ่ง ๆ เช่นเดิม มองไปรอบตัวก็พบสมาชิกทั้งสองบ้านรวมตัวอยู่ในห้องแล้ว รวมถึงน้ำ พี่ต๋องและโบ๊ทแต่ทว่ากลับไร้เงานายฟีฟ่า “ตื่นแล้วเหรอข้าว” ม๊าถามเป็นคนแรกเพราะอยู่ใกล้สุด เมื่อทุกคนได้ยินก็เดินเข้ามาให้เห็นหน้าค่าตากันหมด “ลูกหนูล่ะคะม๊า” “คุณพยาบาลพาไปอาบน้ำเดี๋ยวก็เอามาส่งที่ห้อง” ม๊าบอก “แล้วฟีฟ่าล่ะคะ” “ไอ้ฟีฟ่ามันบอกว่าจะไปจัดการเรื่องน้องจอยน่ะ” เป็นพี่ต๋องที่ตอบแทน “ถ้าแกกับหลานเป็นอะไรไป ฉันไม่มีทางยกโทษให้มันแน่ บอกว่าจะดูแลลูกเมียให้ดีแต่ให้เมียน้อยมาระรานถึงที่บ้าน อย่างนี้มันสมควรแล้วเหรอ” ป๊าพูดกระแทกแดกดันเฮียกรที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม อีกฝ่ายได้แต่ทำหน้าเจื่อนไม่ตอบโต้แต่อย่างใด “เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว อีกอย่างตอนนี้ยัยข้าวกับหลานก็ปลอดภัยแล้ว อย่ารื้อฟื้นขึ้นมาเลยนะเฮีย” ม๊าพูดเตือนสติอย่างใจเย็น “ทางเราต้องขอโทษด้วยนะคะที่ลูกชายเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ฉันกับเฮียกรจะอบรมมันให้ จะไม่ให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก” ซ้อชุลีเอ่ย “ขอโทษแทนมันด้วยละกัน ฉันไม่รู้จะเถียงยังไง เพราะไอ้ฟีฟ่ามันก็เป็นฝ่ายผิดจริง ๆ” ในที่สุดเฮียกรก็ยอมเอ่ยปาก คงเป็นครั้งแรกมั้งที่ทั้งสองพูดจากันดี ๆ “งั้นก็ช่างมันเถอะ แต่คราวหน้าถ้ามีเรื่องแบบนี้อีกกูจะให้ลูกกับหลานย้ายกลับมาอยู่บ้าน ฝากบอกลูกชายมึงด้วยละกัน” “เออ ๆ” เหมือนว่าทั้งสองอยากจะพูดจากันดี ๆ แต่ทว่ายังคงมีความเคอะเขินอยู่ ฉันรู้สึกได้ว่าเป็นอย่างนั้น แม้จะมีเหตุการณ์ร้าย ๆ ผ่านเข้ามา แต่หากมองอีกมุมกลับพบส่วนดี ที่ทำให้ครอบครัวเราทั้งสองได้มีโอกาสพูดคุยกันมากขึ้น เป็นสัญญาณที่ดีหากจะเชื่อมความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น “คงไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอกค่ะ มันผ่านไปแล้วให้มันผ่านไปเถอะนะคะ หนูมีบางอย่างจะขอป๊าทั้งสองคน อย่าทะเลาะกันอีกได้ไหมถือว่าเห็นแก่หลาน” ฉันมองหน้าป๊าทั้งสองสลับไปมาเชิงขอร้อง “...” ป๊าฉันเงียบไม่ยอมตอบ แสดงสีหน้าลังเลเล็กน้อย “ได้! ไม่มีปัญหาเรื่องแค่นี้ป๊าทำได้ แต่กลัวว่าอีกฝ่ายจะทำไม่ได้น่ะสิ” เฮียกรยอมตกปากรับคำเป็นคนแรก คนที่มีทิฐิมากกว่าคงเป็นป๊าฉันเอง เพราะต้นเหตุที่ทะเลาะกันล้วนมาจากฝั่งนี้เกือบทุกครั้ง “ทำไมกูจะทำไม่ได้ล่ะ เพื่อหลานกูทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว” ยังคงไม่มีใครยอมใครเช่นเคย แต่การไม่ยอมกันในเรื่องนี้ฉันว่ามันยอดเยี่ยมที่สุดเลยล่ะ “งั้นจับมือกันให้ดูหน่อยสิคะ นะคะป๊าทั้งสองคน” ฉันทำเสียงอ้อน และคิดว่าทุกคนในห้องคงอยากจะเห็นภาพนี้เช่นเดียวกัน ชายที่ยืนอยู่คนละฝั่งของเตียงจ้องหน้ากันอย่างเขิน ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ยื่นมือมาจับกันแปบนึงแล้วชักมือกลับ สมใจอยากฉันแล้วล่ะตอนนี้ “พอใจแกหรือยังล่ะ” ป๊าถาม “พอใจที่สุดเลยค่ะป๊า ไม่ใช่แค่หนูนะคะ ทุกคนก็อยากเห็นภาพนี้เหมือนกัน ดูหน้าแต่ละคนสิยิ้มแย้มกันเชียว” ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น ไม่นานคุณพยาบาลก็เปิดประตูเดินเข้ามาพร้อมกับเจ้าตัวน้อย “เอาน้องหนูมาส่งคุณแม่ค่ะ” “ว้าว! หลานลุงมาแล้ว” เสียงยัยโบ๊ทดูตื่นเต้นกว่าคนเป็นแม่อย่างฉันเสียอีก ได้ยินมันแทนตัวเองว่าลุงฉันก็อดขำไม่ได้ “น้องน่ารักมากไม่งอแงเลย คุณแม่ตื่นก็ดีแล้วค่ะจะได้ให้นมน้องตอนนี้เลย” คุณพยาบาลอุ้มเจ้าตัวน้อยมาวางไว้ในอ้อมแขนเพื่อให้นมได้สะดวก “ขอบคุณนะคะคุณพยาบาล” “ถ้ามีอะไรเรียกพยาบาลได้ตลอดเวลาเลยนะคะ ดิฉันขอตัวก่อน” “ค่ะ” คุณพยาบาลเดินออกไปแล้วฉันก็เริ่มให้นมลูก บรรดาผู้ชายกลับไปนั่งรอบนโซฟาจะเหลือก็เพียงผู้หญิงเท่านั้นที่นั่งอยู่ข้างเตียง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของการทำหน้าที่แม่ เมื่อยอดอกเข้าไปในปากแล้วเจ้าตัวเล็กก็เริ่มดูดตามสัญชาตญาณ บรรดาคุณน้าย่ายายต่างก็มองด้วยความเอ็นดู “คงจะหิวน่าดูนะเนี่ยดูดไม่หยุดเลย” น้ำเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ตาก็จ้องมองหลานสาวอย่างเอ็นดู “เมื่อไหร่แกจะมีสักทีเนี่ย” “ไม่รู้อ่ะ สงสัยพี่ต๋องไม่มีน้ำยา ปล่อยตั้งนานแล้วยังไม่มีเลย” น้ำว่าพร้อมทั้งโบ้ยหน้าไปทางสามี “อีกไม่นานหรอกคอยดูฝีมือละกัน” พี่ต๋องได้ยินก็ตะโกนกลับมา นั่นทำให้เราต่างก็หัวเราะ “ม๊าว่าของอย่างนี้มันต้องร่วมด้วยช่วยกันนะ จะไปโทษต๋องฝ่ายเดียวก็ไม่ได้” ม๊าฉันกล่าวหยอก “ใช่ครับม๊า” พี่ต๋องตอบกลับมาอีกหน “ม๊าก็...หนูร่วมด้วยทุกครั้งนะคะ ฮ่าๆๆ” น้ำหัวเราะชอบใจ ในช่วงเวลาที่เรากำลังมีความสุขกัน ตอนนี้นายฟีฟ่ากำลังทำอะไรอยู่นะ ไปเคลียร์กับยัยจอยไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง หวังว่าครั้งนี้มันจะจบจริง ๆ อย่างที่บอก ไม่ใช่ขายผ้าเอาหน้ารอดเหมือนครั้งที่แล้ว เพราะหากเป็นเช่นนั้นฉันคงลังเลใจที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเขา “พี่ข้าวผมขอตัวกลับก่อนนะ จะรีบกลับไปอ่านหนังสือต่อ เดี๋ยววันหลังมาเยี่ยมใหม่” เจ้านายเดินเข้ามาหาขณะฉันกำลังให้นมลูกอยู่ ทุกการเคลื่อนไหวของเจ้านายอยู่ในสายตาของยูโรตลอด ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายพยายามเข้าหาแต่ทว่าเจ้าน้องชายฉันพยายามตีตัวออกห่างอย่างเห็นได้ชัด “อื้ม ตั้งใจอ่านล่ะ” “ครับ” เจ้านายตอบด้วยรอยยิ้มแล้วก้มลงเอ่ยกับหลานสาว “น้ากลับแล้วนะครับเจ้าตัวน้อย เดี๋ยววันหลังจะมาหาใหม่นะ” “ขยันอย่างนี้สงสัยติดหมอแน่ ๆ สู้นะครับน้องนาย” โบ๊ทเอ่ยให้กำลังใจอย่างแมน ๆ สงสารนางเวลามาหาฉันทีไรจะต้องแอ๊บตลอด ฮ่าๆๆ “ขอบคุณครับพี่โบ๊ท” “แล้วนี่จะกลับยังไง ทำไมไม่กลับพร้อมป๊ากับม๊าล่ะ” ป๊าถาม “นั่งรถเมล์ครับ กว่าป๊าม๊าจะกลับก็อีกนานอ่ะ” “งั้นผมกลับพร้อมเจ้านายก็ได้ครับ จะรีบกลับไปอ่านหนังสือเหมือนกัน” เมื่อสบโอกาสยูโรก็รีบเสนอตัวทันที “ดีเหมือนกันทางเดียวกันไปด้วยกัน จะได้ประหยัดค่ารถด้วย” ป๊าบอก ปกติแล้วห้ามเอาเป็นเอาตาย แต่พอได้จับมือกับเฮียกรครั้งเดียว เปลี่ยนจากหน้าเป็นหลังมือเลยนะคะป๊า “ไม่เอาอ่ะป๊า ผมไม่ชอบนั่งรถมอไซต์มันอันตรายอ่ะ ป๊าเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอผมไปล่ะ” เจ้านายปฏิเสธแล้วรีบเดินออกไปไม่รับฟังอะไรจากป๊าอีก ยูโรได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นแสดงสีหน้าผิดหวังไม่น้อย ฉันเองก็ไม่รู้จะช่วยยังไงดีเพราะอย่างที่บอกว่าทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวเจ้านายเอง “มันเป็นอะไรวะไอ้ลูกคนนี้ ปกติห้ามยังไงก็ไม่ฟังแต่วันนี้มาแปลก” ป๊าเกาหัวแกร็ก ๆ ด้วยความงุนงง “พวกแกทะเลาะกันหรือเปล่ายูโร” เฮียกรถามลูกชายตัวเองบ้าง “เปล่าครับป๊า” “แล้วทำไมเจ้านายถึงทำเหมือนไม่อยากเห็นหน้าแกซะอย่างนั้น” “มันคงเบื่อนั่งมอไซต์แล้วมั้งครับ” เจ้าตัวตอบอย่างเซ็ง ๆ “ถ้ามีปัญหาก็รีบเคลียร์กันซะนะ เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานน่าจะรู้นิสัยกันดี” “ครับป๊า งั้นผมกลับแล้วนะ เอาไว้วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่นะครับพี่ข้าว” “จ้ายูโร สู้ ๆ นะ” ยูโรยกมือไหว้ทุกคนแล้วเดินออกไปหลังจากนั้นไม่นาน ฉันภาวนาให้ทั้งสองคุยกันให้รู้เรื่อง หากไม่ได้อยู่ในสถานะแฟน ก็กลับมาเป็นเพื่อนกันอีกครั้งก็ยังดี ทุกคนกลับไปหมดแล้วจะเหลือก็เพียงม๊าที่ค้างคืนอยู่เป็นเพื่อน จนป่านนี้แล้วนายฟีฟ่ายังไม่กลับมาเลย ม๊าคงเห็นฉันดูกระวนกระวายตลอดเวลาจึงเอ่ยปากถาม “เป็นห่วงฟีฟ่าเหรอลูก” “ค่ะม๊า ป่านนี้ยังไม่กลับมาไม่รู้ไปเคลียร์กันถึงไหนต่อไหนแล้ว” “สรุปหวงหรือห่วงกันแน่เนี่ย” ม๊ายิ้มน้อย ๆ อย่างรู้ทัน “ก็...ทั้งสองค่ะม๊า ว่าจะไม่คิดอกุศลก็อดไม่ได้ ก็สองคนนั้นเคยสนิทสนมกันนี่คะ” “อีกไม่นานเดี๋ยวก็กลับเองล่ะ โตจนป่านนี้คงรู้ว่าอะไรสำคัญกว่า” ม๊าบอก “ขอให้เป็นอย่างนั้นค่ะม๊า” ฉันฝืนยิ้มให้ม๊าทั้งที่ในใจมีแต่ความกังวลต่าง ๆ นานา “ว่าแต่ได้ตั้งชื่อลูกหรือยัง” “ยังเลยค่ะม๊า กะว่าจะรอให้เขามาแล้วค่อยตั้งชื่อด้วยกัน” นั่นคือความคิดหลังจากคลอด แต่ทว่าจนป่านนี้เขายังไม่กลับมาเลย ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงใครบางคนเคาะประตูห้องทำให้ฉันยิ้มโดยอัตโนมัติ มั่นใจว่าต้องเป็นเขาแน่นอน “สงสัยมาแล้วมั้ง” ม๊าเอ่ย ฉันจ้องมองตรงทางเดินอย่างตั้งใจ ลุ้นว่าจะใช่เขาอย่างที่คิดหรือเปล่า เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาทุกที ไม่นานนายฟีฟ่าก็ปรากฎตัว เป็นเขาจริง ๆ ด้วย “นายหายไปไหนมา ฮึก รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วง แล้วไปทำไมอะไรมาถึงได้อยู่ในสภาพนี้” ฉันกลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อเห็นสภาพเขา เสื้อเชิ้ตชุดเดิมที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ศีรษะมีกลอสผ้าพันไว้โดยรอบ ตรงที่เป็นแผลมีเลือดซึมออกมาให้เป็นจุดขนาดใหญ่ “ฉันขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง” ใบหน้าเขาดูซีดเซียวไม่มีเลือดฝาดเลยสักนิด “ฟีฟ่าไปโดนอะไรมาลูก” ม๊าถาม “มีอุบัติเหตุนิดหน่อยครับม๊า” “งั้นคุยกันเองนะ เดี๋ยวม๊าออกไปข้างนอกก่อน” “ครับม๊า” ม๊ายิ้มให้เราทั้งคู่แล้วเดินออกไปข้างนอก ส่วนเจ้าตัวน้อยหลังจากดื่มนมแล้วก็หลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมอกฉัน นายฟีฟ่าเลื่อนเก้าอี้มาข้างเตียงแล้วหย่อนก้นลง เอื้อมมือไปสัมผัสแก้มลูกสาวอย่างอ่อนโยน “ลูกหลับนานแล้วเหรอ” เขาถาม “อื้ม...นายไปทำอะไรมากันแน่ ทำไมกลับมาในสภาพนี้ ไอ้คนบ้า” ฉันร้องไห้ไม่หยุดจนเขาละมือจากลูกสาวมาปาดน้ำตาบนแก้มให้ “จะร้องทำไมเนี่ยเป็นห่วงฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ” “ยังจะมีหน้ามาถามอีก ไม่ห่วงแล้วจะร้องไห้ทำไมล่ะ” “ฉันไปจัดการเรื่องจอยให้มันจบ ฉันขอโทษที่หลอกเธอครั้งที่แล้ว คราวนี้มันจบจริง ๆ” เขาเอ่ยอย่างใจเย็น ดูเหมือนจะเหนื่อยกับสิ่งที่เผชิญมาไม่น้อย นอกจากศีรษะจะมีแผลเหมือนโดนอะไรกระแทกมาแล้ว ตามใบหน้าและลำคอยังเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ รอยขีดข่วนราวกับไปมีเรื่องกับใครมา “จบยังไง” “ในเมื่อเรื่องมันเริ่มต้นมาจากความมักมากของฉัน ที่จอยต้องทำอย่างนี้ก็เพราะฉัน จึงต้องรับผิดชอบให้เรื่องทุกอย่างมันจบที่ฉัน ยอมให้จอยทุบตีจนกว่าจะพอใจ ตบท้ายด้วยการโดนขวดเหล้าฟาดเข้าที่หัว จนเป็นอย่างที่เห็น” เขาแค่นยิ้มราวกับมันเป็นเรื่องตลก ทั้งที่ไม่ได้เป็นเรื่องเล็ก ๆ เลยสักนิด หากยัยจอยทำมากกว่านี้จนเขาตายหรือพิการล่ะ ทำไมถึงได้คิดสั้นอย่างนี้ “ไอ้บ้า! ฮึก ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ ถ้านายเป็นอะไรขึ้นมาฉันกับลูกจะอยู่ยังไง นายไม่ห่วงฉันกับลูกเลยเหรอ” “ก็เป็นห่วงไงเลยไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีก ฉันอยากให้จอยระบายความแค้นทุกอย่างลงที่ฉันแทนที่จะเป็นเธอกับลูก ไม่ต้องห่วงแล้วนะตอนนี้มันจบแล้วจริง ๆ” “ต่อไปนี้ห้ามให้ใครมาทำกับนายแบบนี้อีก คนที่จะทำได้คือฉันคนเดียวรู้ไหม” “ครับผม ต่อไปนี้เค้าจะอยู่ในโอวาทเมียทุกอย่าง จะทุบตีหรือฆ่าแกงแล้วสุดแล้วแต่เมียเลยครับ ไม่ต้องงอแงแล้วนะ” มือข้างหนึ่งกุมมือฉันไว้ ส่วนอีกข้างเกลี่ยน้ำตาออกให้อย่างเอ็นดู “ทำเป็นปากดีไปเถอะ ถ้าโดนจริง ๆ แล้วอย่ามาบ่นละกัน” ฉันเริ่มยิ้มออกเมื่อเห็นความทะเล้นจากแววตาเขา “ไม่บ่นแน่นอนครับผม แล้วเจ็บแผลมากไหม” “ฉันต่างหากที่ต้องถามนาย เจ็บมากไหมอ่ะยัยจอยคงฟาดซะเต็มแรงถึงได้เลือดอาบขนาดนี้” “ก็เจ็บแต่คงไม่เท่าเธอหรอก แค่นี้จิ๊บ ๆ ฉันทนได้” “ถ้างั้นให้ฉันลองจับดูหน่อยสิ” ว่าพร้อมเอื้อมมือไป อีกฝ่ายเอียงศีรษะหลบทันที “อย่า!” “ไหนบอกไม่เจ็บแล้วจะหลบทำไม” “ก็เค้ากลัวตัวเองจะแกล้งอ่ะ” “ก็เค้ากลัวตัวเองจะแกล้ง ทำไมต้องแบ๊วขนาดนั้นด้วย ไม่เข้ากับหน้านายเลย” “ก็เค้าอยากอ้อนตัวเองไง” “แหวะ! เลิกพูดได้แล้วจะอ้วก ไปนอนพักก่อนเถอะตอนนี้ลูกหลับอยู่ จะได้ตื่นขึ้นมาพร้อมลูก” ฉันอยากให้เขาพักผ่อนเพราะดูจากสีหน้าแล้วไม่น่ารอด “ขอบคุณนะที่เป็นห่วง” จู่ ๆ ก็เข้าสู่โหมดจริงจังซะงั้น ทำเอาฉันแทบไปไม่เป็น “ก็เราเป็นผัวเมียกันแล้วนี่นา ไม่ห่วงนายแล้วจะไปห่วงใครล่ะ ไปนอนพักผ่อนเถอะ” เขายิ้มแล้วประทับริมฝีปากลงกลางหน้าผากฉัน ตามด้วยลูกสาวที่นอนหลับอยู่ “รักที่สุดเลยสองคนนี้” ว่าแล้วก็เดินไปนอนบนโซฟา บทจะซึ้งก็ซึ้งกินใจมากเหลือเกิน เขาทำให้ชีวิตที่เคยมีรสชาติอยู่แล้วแซ่บขึ้นไปอีก เขาเปลี่ยนความคิดให้ฉันอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ เอนหลังลงไม่นานเสียงกรนก็ดังขึ้น คงจะเพลียกับเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสองวันมานี้ ผู้ชายที่ฉันคิดว่าไม่น่าจะเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีได้ ไม่น่าจะเป็นสามีที่ดีได้ ไม่น่าจะเป็นพ่อที่ดีได้ วันนี้เขาพิสูจน์ให้รู้แล้วว่าเขาเป็นได้และดีมากด้วย
已经是最新一章了
加载中