บทที่ 19 น้ำตาและการจากลา
1/
บทที่ 19 น้ำตาและการจากลา
ลุ้นรักวิวาห์ร้อน
(
)
已经是第一章了
บทที่ 19 น้ำตาและการจากลา
บทที่ 19 น้ำตาและการจากลา นอนอยู่โรงพยาบาลเกือบอาทิตย์ก็กลับมาพักฟื้นที่บ้าน โดยมีม๊าของเราทั้งคู่แวะเวียนมาช่วยเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา สอนเทคนิคการเลี้ยงลูกให้ฉันมากพอสมควร และสามารถเลี้ยงดูเจ้าหญิงตัวน้อย ๆ ได้เป็นอย่างดี ตอนนี้เจ้าตัวเล็กกำลังมีความสุขกับการดื่มนมจากอกฉัน ในขณะที่คุณพ่อมือใหม่กำลังซักผ้าอ้อมอยู่หลังบ้าน ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลหน้าที่งานบ้านงานเรือนตกเป็นของนายฟีฟ่าทั้งหมด บางอย่างเขาสามารถทำได้คล่อง แต่บางอย่างก็ต้องสอนกันเอาเป็นเอาตาย แต่ทว่าคุณพ่อมือใหม่ก็เต็มใจทำอย่างไม่มีอิดออด “เสร็จแล้วครับคุณผู้หญิงมีอะไรจะใช้กระผมอีกไหมเอ่ย” อีกฝ่ายเดินเข้ามาพร้อมกับสวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายคิตตี้ที่ฉันชอบใส่ “ลายผ้ากันเปื้อนเหมาะกับนายดีนะ ขอถ่ายรูปส่งไปให้พี่ต๋องดูหน่อยสิ” ฉันว่าพลางหยิบมือถือขึ้นมาเตรียมจะถ่ายรูป “ไม่เอ๊า! อย่าแม้แต่จะคิด” เขารีบยกมือห้าม รีบถอดผ้ากันเปื้อนออกโดยเร็ว “ทำไม? อายเหรอที่ต้องทำงานบ้านอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างนี้” “ไม่ได้อายซะหน่อย แค่ไม่อยากให้ใครเห็นเสือในสภาพนี้เท่านั้นเอง” “ยังกล้าเรียกตัวเองว่าเสืออีกงั้นเหรอ หรือนายจะกลับไปเป็นแบบเดิมอีก” ฉันหรี่ตามองเขาอย่างไม่ไว้ใจ “ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ขอร้องล่ะปล่อยให้ภาพพวกนั้นมันเป็นตำนานเถอะนะ อย่าทำลายมันด้วยภาพนี้เลย” น้ำเสียงเว้าวอนพรั่งพรูออกมา พร้อมกับการนั่งคุกเข่านวดขาให้ฉันอย่างออดอ้อน “โอเคไม่ทำก็ได้งั้นมานวดหลังให้หน่อยสิ ให้นมลูกแล้วปวดเมื่อยมากเลยอ่ะ” ฉันทำทีบีบที่ต้นคอเบา ๆ ประกอบ “ได้เลยครับคุณผู้หญิง” เขาเดินไปยืนหลังโซฟาแล้วเริ่มลงมือนวดให้ น้ำหนักมือที่พอดีบวกกับลีลาการนวดที่ค่อนข้างจะมืออาชีพ สร้างความผ่อนคลายให้ฉันเหลือคณา ความเมื่อยล้าจากการนั่งเป็นเวลานานหายไปในพริบตา “ดูท่าทางน้องออมรักจะชอบดื่มนมเนอะ ดูสิดูดเก่งกว่าพ่อเชียว” เราตกลงที่จะให้ลูกสาวชื่อออมรัก นั่นเพราะความรักของเราทั้งคู่มันเริ่มต้นจากศูนย์และค่อย ๆ เพิ่มพูนขึ้นมาเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็มาถึงวันนี้ “ในหัวคงคิดแต่เรื่องอย่างว่าสินะ เอามือออกไปเลย” “แค่พูดเล่นขำ ๆ ทำไมต้องโมโหด้วยเนี่ย ฉันทำอะไรผิดงั้นเหรอ” เขาเดินอ้อมกลับมานั่งข้าง ๆ แถมยังยกมือขึ้นโอบไหล่อีกต่างหาก “ก็นายคิด” “ฉันไม่ได้คิด” “คิด” “ก็บอกว่าไม่ได้คิดไงล่ะ เธอนั่นล่ะคิดหรือว่า...” “เงียบปากไปเลย ไม่งั้น...” ฉันชี้หน้าเขา สายตาก็มองหาอะไรที่อยู่ใกล้ตัว “ฉันเอาไอ้นี่ยัดปากนายแน่” ฉันยกขวดน้ำลูกขึ้นขู่ “เปลี่ยนจากขวดนี้เป็นอีกข้างที่เหลือได้ไหม” เขาว่าพร้อมทั้งจ้องมองที่เนินอก ความหื่นกระหายเปล่งประกายออกมาจนน่าหมั่นไส้ อยากซัดหมัดเข้าที่ใบหน้าหล่อ ๆ นั่นเหลือเกิน “ไหนบอกไม่คิด” “ตอนนั้นไม่...แต่ตอนนี้คิดแล้ว” ฉันเกลียดรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์นั่น มันทำให้หัวใจสั่นไหวได้ทุกครั้ง “ไอ้หื่นเอ๊ย ถ้าว่างมากก็ไปล้างจานในครัวซะสิ” “เสร็จเรียบร้อยแล้วครับผม” “งั้นถูบ้าน” “เอาไว้ตอนเย็นก็ได้น่า แต่ตอนนี้ขอกอดเมียกับลูกให้หายเหนื่อยก่อนได้ไหม” ว่าแล้วก็เอนศีรษะวางบนไหล่ราวกับต้องการพักกายพักใจให้หายเหนื่อย มืออีกข้างเอื้อมไปสัมผัสเบา ๆ ที่แก้มลูกสาวตัวน้อย “เหนื่อยไหมที่ฉันสั่งให้ทำโน่นทำนี่ตลอด” “ถ้าจะตอบว่าไม่เหนื่อยก็คงตอแหล เหนื่อยสิครับเจ้านาย แต่โคตรมีความสุขเลยรู้ไหม ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะมีครอบครัวเร็วขนาดนี้ ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะมีครอบครัวตอนอายุสักสามสิบห้า แต่พอมีแล้วมันกลับดีกว่าที่คิด จากที่ไม่เคยคิดเรื่องอนาคตเที่ยวผู้หญิงไปวัน ๆ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองซะใหม่ ฉันเป็นผู้ชายที่โคตรโชคดีที่ได้เธอมาเป็นเมียรู้ไหม” เขาเล่าให้ฟัง “จริงจังอะไรเบอร์นี้เนี่ย” ประโยคสุดท้ายทำให้ฉันเขินจนแทบจะลอยได้ ฉันต่างหากเป็นผู้หญิงที่โชคดี หากวันนั้นไม่ใช่เขาเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ ป่านนี้คงจะต้องเลี้ยงลูกคนเดียวโดยไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเด็กแล้วล่ะ “ขอจริงจังบ้างอะไรบ้าง อุตส่าห์พูดขนาดนี้ไม่ซึ้งบ้างเลยเหรอเนี่ย” “ก็ซึ้งแหละ...แต่มันเขินมากกว่าอ่ะ” ว่าแล้วฉันก็หันไปอมยิ้มคนเดียว ไม่ยอมให้เขาเห็น แค่นี้ก็เขินจะแย่แล้ว “ถ้าไม่เขินก็ไม่ใช่คนแล้ว โดนหนุ่มหล่อมาซบไหล่แถมยังพูดซึ้ง ๆ ขนาดนี้” กล่าวจบก็เอียงหน้าขึ้นมายิ้มหล่อให้ประกอบ “นี่หล่อแล้วเหรอ” “ที่สุด” “แสดงว่าฉันคงเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกเช่นกันที่ได้สามีหล่อขนาดนี้” “แน่นอนครับผม ไม่มีใครจะหล่อกว่านี้อีกแล้ว” “และก็ไม่มีใครหลงตัวเองเท่านายอีกแล้ว” “ใครบอกว่าไม่มี ก็เธอไงหลงฉันกว่าที่ฉันหลงตัวเองซะอีก” “ใครบอกยะ” “ก็ฉันบอกอยู่นี่ไง” “พูดเองเออเอง” เบะปากใส่หนึ่งที “เหนื่อยยังอ่ะ” “เรื่อง?” “ก็เถียงกับฉันไง พอได้แล้วมั้งขอให้ฉันนั่งอยู่เฉย ๆ มั่งไม่ได้หรือไง” “ก็นายนั่นล่ะเป็นคนเริ่มก่อน” “แหนะ...ยังไม่หยุดอีก ถ้าอ้าปากแม้แต่นิดเดียว ฉันจะอุ้มขึ้นห้องจริง ๆ ด้วย ลูกเลิกไม่สนแล้ววางแม่งไว้ตรงนี้ล่ะ เสร็จแล้วค่อยลงมาดู” ตอนนี้ฉันทำได้เพียงถลึงตาใส่เขา ไม่กล้าอ้าปากเลยสักนิด สีหน้าหื่น ๆ อย่างนี้น่ากลัวว่าตอนโกรธเสียอีก “...” “ดีมากครับที่รัก ให้นมลูกต่อไปเดี๋ยวคืนนี้อย่าลืมให้นมผัวคนนี้บ้างนะ” “ไอ้บ้า! คิกๆๆ” ฉันอดขำกับมุกเขาไม่ได้ ตะโกนด่าด้วยรอยยิ้มจนเจ้าตัวน้อยที่กำลังดูดนมอยู่นั้นตกใจร้องไห้งอแง จนเราทั้งคู่ต้องช่วยกันปลอบยกใหญ่ แม้จะเหนื่อยไม่น้อยกับการต้องมาเลี้ยงดูลูกตัวเล็ก ๆ แบเบาะอย่างนี้ แต่ทว่าช่วงเวลานี้กลับทำให้ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ร่วมทุกข์ ร่วมสุข เติมพลังบวกให้กัน นี่สินะที่เขาเรียกว่าคู่ชีวิต หากขาดใครไปสักคนคงจะเป็นชีวิตที่ไม่สมบูรณ์แบบ เหมือนส่วนสำคัญในชีวิตได้ขาดหายไป *-*-*-*-*-*-* วันเวลาไม่เคยคอยท่าใคร มันเดินหน้าไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันย้อนกลับมา ไม่ต่างจากชีวิตคนเราที่ต้องก้าวต่อไป ไม่อาจหวนคืนกลับไปแก้ไขอดีตได้ แต่ทว่าเราสามารถกำหนดอนาคตที่กำลังจะมาถึงได้ เหมือนอย่างที่เจ้านายเลือกที่จะทำตามฝันเพื่อตัวเองและครอบครัว วันนี้เรามางานปัจฉิมนิเทศ ฉลองจบการศึกษาชั้นมอปลายของเจ้านายและยูโร น้องชายฉันสามารถสอบเข้าเรียนแพทย์ได้สำเร็จ แถมยังเป็นโรงเรียนแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศอีกด้วย สำหรับยูโรก็สอบได้วิศวะเครื่องกลที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองอยู่ในสถานะไหนกันแน่ เพราะเจ้านายยังคงสงวนท่าทีอยู่เหมือนเดิม เมื่อทั้งสองเดินหอบช่อดอกไม้ที่รุ่นน้องมอบให้เข้ามาหา ฉันก็เป็นตัวแทนมอบช่อดอกไม้ที่เตรียมไว้ให้กับหนุ่มน้อยทั้งสอง นั่นเพราะตอนนี้นายฟีฟ่ามีหน้าที่ดูแลน้องออมรักที่นอนอยู่ในรถเข็น “ยินดีด้วยนะเจ้านาย แล้วก็ยูโรด้วย” “ขอบคุณครับพี่ข้าว / ขอบคุณครับพี่ข้าว” ทั้งสองเอ่ยพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย จากนั้นจึงมองหน้ากันแวบหนึ่งแล้วหันมาส่งยิ้มให้ฉันต่อ “ยินดีด้วยนะเจ้านาย” นายฟีฟ่าที่ยืนอยู่ข้างกันเอ่ยขึ้น “ขอบคุณครับพี่ฟ่า” “แทนที่จะแสดงความยินดีกับน้องตัวเองก่อนนะมึงอ่ะ” ยูโรทำหน้าค้อนให้พี่ชาย “กูต้องให้ความสำคัญกับน้องเมียก่อนเว้ย ยินดีด้วยละกัน เข้ามหา’ลัยก็อย่าซ่าให้มันมากนัก ตั้งใจเรียนให้จบ ป๊าม๊าจะได้ภูมิใจ” แม้จะไม่ได้แสดงออกว่ารักมากมาย แต่นายฟีฟ่าก็รักและเป็นห่วงยูโรมาก “เรียนจบทั้งทีมาถ่ายรูปคู่กันหน่อยดิ” ยังไงวันนี้ฉันก็ต้องทำให้สองคนนี้พูดคุยปรับความเข้าใจกันให้ได้ ไอ้น้องชายฉันมันจะใจแข็งอะไรนักหนา แค่สอบหมอติดป๊าก็ภูมิใจมากแล้ว ต่อไปนี้ฉันอยากให้มันทำเพื่อตัวเองบ้าง ทั้งสองยังคงยืนนิ่งไม่ยอมขยับเขยื้อน แต่คนที่เหล่ตามองก่อนคือยูโร เพราะต้องการอยากคืนดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว “จะยืนนิ่งกันทำไมเขยิบเข้าหากันสิ” ฉันตะโกนบอกพร้อมทั้งโบกมือหยอย ๆ ให้เข้าหากัน “ไอ้ยูโรมึงรีบขยับเข้าไปดิวะจะอายอะไร” นายฟีฟ่าบอกน้องชาย “กูไม่ได้อายแต่กลัวใครบางคนจะอึดอัดน่ะสิ” ว่าพร้อมเหล่ตามองอีกคน “เจ้านาย! ฉันสั่งให้เขยิบเข้ามาอีก” ในเมื่อดื้อนักฉันจึงต้องออกคำสั่ง ได้ยินอย่างนั้นทั้งสองจึงค่อย ๆ เขยิบเข้าหากันจนตอนนี้ห่างกันเพียงแค่คืบ “ชิดกว่านี้อีกได้ไหมอ่ะ” “แค่นี้ก็พอแล้วมั้งรีบถ่ายเถอะพี่ข้าวจะได้รีบกลับบ้าน” เจ้านายบ่นให้ ทำหน้าซังกะตายไม่ยิ้มแย้มเลยสักนิด “จะรีบไปไหนยะบ้านไม่หายไปไหนหรอกน่า” ในจังหวะนั้นยูโรสอดมือไปรั้งเอวเพื่อนกระชับให้เข้ามาชิด เมื่อโดนแตะเนื้อต้องตัวอย่างถือวิสาสะเจ้าตัวจึงหันขวับมามอง แต่ยูโรกลับยิ้มหน้าระรื่น เห็นอย่างนี้แล้วนึกถึงนายฟีฟ่าขึ้นมาทันที ถอดแบบความกวนมาจากพี่ชายไม่ผิดเพี้ยนเลย “ปล่อยกู” “ไม่ปล่อย รีบไม่ใช่เหรอจะมาทำหน้ายักษ์ใส่กูทำไม” “ก็ปล่อยดิ” “ก็บอกว่าไม่ปล่อย แค่วันเดียวมึงจะตายหรือไง วันสุดท้ายแล้วนะเว้ย” “งั้นก็แล้วแต่ เพราะถึงยังไงมันก็เป็นวันสุดท้ายแล้ว ต่อไปก็ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างไป” เจ้านายตอบกลับแบบไม่มีเยื่อใยเลยสักนิด นั่นทำให้ความกวนของยูโรแปรเปลี่ยนเป็นความน้อยใจ ฉันรับรู้มาโดยตลอดว่ายูโรพยายามมากแค่ไหน กับการทำให้เจ้านายกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ถึงกระนั้นก็ความพยายามก็ไม่เคยสำเร็จสักที “ถ่ายรูปกันก่อนดีไหมค่อยคุยกัน” ฉันต้องเอ่ยปรามไว้ไม่งั้นมีหวังวงแตกแน่ ๆ แชะ! ภาพที่ได้ไม่มีรอยยิ้มของใครปรากฏให้เห็นเลย ฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่านับจากนี้ความสัมพันธ์ของน้องทั้งสองคนจะกลับมาอยู่ในสถานะเดิมได้ยังไง ถ่ายรูปแล้วเจ้านายก็เดินเข้ามาทักทายหลานสาวที่รถเข็น ส่วนยูโรได้แต่มองคนที่ไม่สนใจไยดีตาละห้อย ถอนหายใจเสียงดังจนทุกคนได้ยินถนัด ฉันกับนายฟีฟ่าได้แต่มองหน้ากันอย่างหมดความหวัง “น่ารักน่าชังจังเลยหลานสาวน้า โตขึ้นต้องเรียนหมอให้ได้เหมือนน้านะครับ” เจ้านายนั่งคุยกับออมรัก ทำทีไม่สนใจคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง “พี่ยูโรคะ ยินดีด้วยนะคะ” จู่ ๆ ก็มีนักเรียนสาวหน้าตาน่ารักเดินถือดอกกุหลาบเข้ามา แล้วยื่นให้ยูโร ท่าทีของเจ้าหล่อนดูก็รู้ว่าเขินอายมากแค่ไหน จากประสบการณ์ที่เคยแอบชอบรุ่นพี่มาก่อน ฉันมั่นใจว่าแม่หนูคนนี้ต้องมาสารภาพรักแน่นอน “ขอบคุณครับน้องเอ่อ...” “หนูชื่อมิลค์ค่ะ เรียนอยู่ม.5/2 หนูเป็นแฟนคลับพี่มาตั้งแต่ม.4 แล้ว” นางยืนบิดตัวไปมาจนจะเป็นเกลียวเต็มทีแล้ว เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ “ออครับน้องมิลค์ ขอบคุณนะครับพี่ชื่นชอบพี่” ยูโรเองก็ยิ้มรับอย่างแมน ๆ “คือหนู...ชอบพี่มากเลยค่ะ ไม่ได้เห็นหน้าพี่หนูต้องใจขาดตายแน่ ๆ ถ้าหนูจะขอเบอร์พี่จะได้ไหมคะ แม้จะไม่ได้เห็นหน้าขอแค่ได้ยินเสียงก็ยังดี” คุณพระ! ใจกล้ามากค่ะคุณน้อง ในวินาทีนี้ยูโรลังเลใจอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเจ้านายก็เสตามองไปด้านหลังคงลุ้นเหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะตอบรับว่ายังไง “ได้สิครับ...พี่เองก็ไม่มีแฟนจะคุยกับใครก็ได้ไม่ติดปัญหา” คำตอบที่ให้ไปทำให้เจ้าหล่อนกระโดดโหยงด้วยความดีใจ ส่งเสียงกรี๊ดจนคนแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียวกัน “กรี๊ดดด!! ขอบคุณมากนะคะพี่ยูโร” แต่สำหรับน้องชายฉันกลับน้ำตาซึมซะอย่างนั้น เห็นแล้วอยากจะด่าให้ซะเหลือเกิน รักเขาแล้วทำไมต้องเล่นตัวอย่างนี้ ฉันอุตส่าห์หาทางให้คืนดีกันแล้วนะ “พี่ข้าวกลับก่อนเลยนะ” ขณะทั้งสองกำลังแลกเบอร์กันอยู่นั้น เจ้านายก็ลุกขึ้นเดินหนีไปอีกทาง มองจากด้านหลังก็รู้ว่ากำลังปาดน้ำตาออกจากแก้ม “แกจะไปไหนเจ้านาย” ตะโกนไปก็ไม่มีผลเพราะตอนนี้เจ้านายเดินฝ่าฝูงชนหายเข้ากลีบเมฆไปเสียแล้ว “น้องคงตัดสินใจดีแล้ว เราคงช่วยได้เท่านี้ล่ะ” นายฟีฟ่าปลอบใจฉัน “ก็คงปล่อยให้เป็นตามนั้น” สักพักยูโรก็เดินมาหาเรา “มันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วล่ะครับพี่ข้าว” ยูโรเอ่ยเสียงสั่น แววตาที่เต็มไปด้วยความเศร้านั้นเคล้าคลอไปด้วยหยาดน้ำใส ๆ “แม่งจะร้องทำไมวะ” “พี่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงให้มันเลิกมีความคิดแบบนั้น” “ผมเข้าใจครับพี่ข้าว ในเมื่อมันไม่เห็นผมในสายตาแล้ว ผมก็ต้องไปแคร์คนที่เขาสนใจผม มันน่าจะถูกต้องที่สุดแล้ว” หนุ่มน้อยเงยหน้ากลอกลูกตาไปมาเพื่อห้ามไม่ให้น้ำตาไหลลงมา “สู้ ๆ นะยูโรเดี๋ยวมันก็ผ่านไป ถึงแม้จะไปต่อกันไม่ได้แล้ว แต่ถึงยังไงความเป็นเพื่อนก็ยังคงอยู่นะ” “แม้แต่ความเป็นเพื่อนมันก็ไม่ให้ผมแล้วครับ ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไรมันถึงได้ใจร้ายอย่างนี้” “เรื่องนี้ไม่มีใครผิดหรอก หากจะผิดก็คงเป็นโชคชะตาที่ทำให้เราทั้งสองต้องมารักกัน” “อย่าคิดมากเลย คนหล่อ ๆ อย่างมึงไม่ต้องทำอะไรสาว ๆ ก็เดินเข้ามาหาเหมือนเมื่อกี้ อีกหน่อยก็ลืมเชื่อกู” นายฟีฟ่าตบบ่าน้องชายเบา ๆ เป็นการปลอบใจ “กูจะยอมเชื่อมึงสักวันก็แล้วกัน” ยูโรฝืนยิ้มทั้งที่ตอนนี้ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้แล้ว “ร้องให้พอแล้วพรุ่งนี้ค่อยเริ่มต้นใหม่นะยูโร” ฉันสวมกอดยูโรเพื่อปลอบใจ อีกฝ่ายปล่อยโฮออกมาอย่างหนักหน่วง ราวกับอัดอั้นกับเรื่องนี้มานาน เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารและเห็นใจ ไม่นึกเลยว่าบทสรุปของความรักในวัยช่วงวัยเรียนของน้องชายทั้งสองคน จะจบลงด้วยคราบน้ำตาและความเจ็บปวดอย่างนี้ แม้จะไม่ได้ประสบพบเจอด้วยตัวเอง แต่ฉันก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดนั้น หวังว่าความรักครั้งต่อไปของคนทั้งสอง จะราบรื่นและไม่ต้องลงเอยด้วยความเจ็บปวดอย่างนี้อีก
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 19 น้ำตาและการจากลา
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A