บทที่ 20 อวสาน   1/    
已经是第一章了
บทที่ 20 อวสาน
บทที่ 20 อวสาน ตั้งแต่คลอดออมรักมายังไม่มีโอกาสเจอคุณหมอนทีเลยสักครั้ง วันนี้เราทั้งคู่จึงตั้งใจไปหาที่โรงพยาบาล เพื่อขอบคุณที่ช่วยทำคลอดในช่วงวิกฤติอย่างนั้นให้เราปลอดภัยทั้งแม่และลูก เรานัดกันที่ร้านกาแฟข้างโรงพยาบาล ประจวบเหมาะช่วงเวลาพัก คุณหมอจึงสามารถเจียดเวลาออกมาหาเราทั้งสามคนได้ “ขอบคุณคุณหมอมากนะคะที่ช่วยดูแลฉันกับลูกมาโดยตลอด” ฉันยกมือไหว้คุณหมอ “มันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วครับ ว่าแต่ตั้งชื่อน้องหรือยังครับ” “ตั้งแล้วค่ะ ชื่อออมรัก” “ชื่อเพราะความหมายก็ดี แล้วน้องออมรักงอแงบ่อยไหมครับ ดูสิหลับปุ๋ยเชียว” คุณหมอเอ่ยถาม ขณะวางสายตาไว้เจ้าหญิงตัวน้อย ที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ในรถเข็น นายฟีฟ่านั่งฟังเราสนทนากันแทบไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากพูดอะไรเลย ก่อนมาฉันย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามแสดงกิริยาไม่ดี เขารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่ก็ยังไม่อุ่นใจอยู่ดีนั่นละ “เลี้ยงง่ายมากค่ะคุณหมอ ไม่ค่อยงอแงเลย” “ดีแล้วครับ” “เอ่อ…คุณหมอครับผมมีเรื่องจะบอก” จู่ ๆ นายฟีฟ่าก็แทรกเสียงเข้ามา เราจึงหันไปมองเป็นตาเดียวกัน อีกฝ่ายทำหน้าเลิ่กลั่กพิกล “เรื่องอะไรเหรอครับ” “คือ…ผมอยากขอโทษที่เคยทำมารยาทไม่ดีใส่คุณหมอตั้งหลายครั้ง ผมขอโทษจากใจจริงครับ ผมคงคิดมากไปเองว่าคุณหมอตั้งใจจะมาจีบเมียผม” ได้ยินอย่างนั้นฉันก็ยิ้ม แค่มาด้วยก็ดีใจมากพอแล้ว ต่อไปนี้จะได้สบายใจเรื่องคุณหมอสักที “ไม่เป็นไรครับคุณไม่ผิดหรอก ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด” กล่าวจบคุณหมอก็ถอนหายใจ เหมือนมีเรื่องบางอย่างค้างคาใจ “หมายความว่ายังไงคะคุณหมอ” “ถ้าผมพูดไปอย่าว่าผมนะครับ จริง ๆ แล้วผมชอบคุณข้าวตั้งแต่แรกเจอ ตอนแรกที่รู้ว่าคุณข้าวกับคุณฟีฟ่าไม่ได้ตั้งใจจะมีน้อง ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีความหวังมากขึ้น” คำสารภาพทำให้ฉันอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก “โด่วว! ผมล่ะนึกว่าคุณหมอเป็นคนดีมีศีลธรรม ที่ไหนได้แอบชอบเมียผมซะงั้น” ท่าทีสุภาพเมื่อครู่หายไปในพริบตา นายฟีฟ่าเริ่มแสดงธาตุแท้ออกมาอีกแล้ว ฉันยังคงอึ้งเหมือนเดิม คุณหมอจึงยกมือขึ้นปรามไม่ให้เราคิดอะไรไปมากกว่านี้ “ฟังผมอธิบายก่อนครับ ผมยอมรับว่าตอนนั้นชอบคุณข้าวมาก แต่พอรู้ว่าจริง ๆ แล้วคุณทั้งสองรักและเป็นห่วงกันมาก ผมก็จัดการกับความรู้สึกตัวเองเรียบร้อยแล้วครับ ไม่มีอะไรในกอไผ่แล้วจริง ๆ” “แน่นะ” นายฟีฟ่าหรี่ตามองคุณหมออย่างไม่ไว้ใจ “แน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ครับ” “คราวนี้ผมจะเชื่อคุณหมอละกัน เพราะอย่างน้อยก็ได้รู้ว่าเมียผมมีเสน่ห์มาก คราวหน้าคราวหลังจะได้ระวังให้มากขึ้น ห้ามไม่ให้ผู้ชายเข้าใกล้เกินสิบเมตร” “เว่อร์ไปแล้ว” ฉันเบะปากให้เขา แล้วหันไปเอ่ยกับคุณหมอ “ขอบคุณนะคะที่ชื่นชอบในตัวฉัน มั่นใจว่าอีกไม่นานคุณหมอต้องเจอตัวจริงแน่นอนค่ะ” “ผมต้องขอโทษคุณข้าวด้วยนะครับที่เคยคิดไม่ซื่อด้วย” “ไม่เป็นไรค่ะ ถือเป็นเรื่องราวดี ๆ ในชีวิตที่มีคนรักและหวังดีกับเรา” “นี่ไงที่ทำให้ผมหลงคุณ ยังไงก็ขอให้รักกันนาน ๆ นะครับ” “ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มให้คุณหมอสุดหล่อ ที่นิสัยดีสุด ๆ เท่าที่เคยเจอมา “ขอบคุณครับ หวังว่าคุณหมอจะไม่คิดอย่างนี้กับเมียผมอีกเด็ดขาดนะครับ ไม่งั้นผมเอาจริงแน่” เขาทำเสียงเข้มจนฉันต้องตวาดปราม “นายฟีฟ่า!” “ฉันแค่ล้อเล่นเองน่า คุณหมอไม่มีทางแย่งเธอไปจากฉันได้หรอก เพราะเธอรักฉันมากจนไม่มีผู้ชายหน้าไหนพรากเธอไปจากฉันได้แน่” “มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอยะ” “ขนาดเธอยังมั่นใจในตัวฉัน แล้วทำไมฉันจะไม่มั่นใจในตัวเธอล่ะ” “ผมว่าพวกคุณเหมาะสมกันมาก ๆ เลยนะครับ ขิงก็ราข่าก็แรงแต่ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด” “ถ้าคุณหมออยากได้เมียตอนไหนบอกมาได้เลยนะครับ ผมรู้จักสาว ๆ เยอะเดี๋ยวแนะนำให้” “แหมทำตัวเป็นพ่อสื่อ สาวที่ว่าเคยผ่านมือนายมาหมดแล้วมั้ง” ฉันจีบปากจีบคอว่าให้ด้วยความหมั่นไส้ซะเต็มประดา “ผมเองก็คิดเหมือนคุณข้าว ขอปฏิเสธก็แล้วกันครับ ฮ่า ๆ” คุณหมอขำยกใหญ่ “ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย แค่เคยเป็นคนกว้างขวาง แต่ตอนนี้โลกผมแคบแล้วครับ เพราะมีแต่ลูกกับเมียสองคนนี้ไม่ยอมไปไหนแล้ว” ขยันพูดเอาใจจังเลยนะยะ เจอดอกนี้เข้าไปฉันถึงกับพูดไม่ออก “ถ้าจะหวานกันขนาดนี้ผมคงต้องขอตัวเข้าไปทำงานก่อนนะครับ ใกล้ถึงเวลาเข้าห้องตรวจแล้ว” คุณหมอดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือแล้วเงยขึ้นมาเอ่ยด้วย “เอาไว้คราวหน้านัดทานข้าวกันบ้างนะคะคุณหมอ” “ได้เลยครับ ถ้าน้องออมรักมีปัญหาเรื่องสุขภาพต่อสายตรงหาผมได้เลยนะครับ ผมยินดีให้บริการตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง” “ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ถ้ายังไงต้องได้รบกวนคุณหมออีกแน่นอน” “ครับผม” หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกัน คุณหมอกลับไปทำงาน ส่วนฉันกับครอบครัวก็ไปเที่ยวกันต่อ ใช้ชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบให้หนำใจ ชดเชยในช่วงแรกที่เราเอาแต่ตั้งแง่ใส่กัน การได้พบเจอและรู้จักใครสักคนฉันว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ว่าจะเป็นยัยจอยที่เข้ามาในรูปแบบผู้หญิงร้ายกาจ หรือแม้กระทั่งคุณหมอนที ที่นิสัยดีจนหาที่เปรียบเปรยไม่ได้ เราทั้งหมดถูกกำหนดให้ต้องมาพบเจอกัน เพื่อทำให้ชีวิตมีรสชาติ แต่ละคนเปรียบเหมือนเครื่องปรุงที่มีรสชาติแตกต่างกันไป แต่ในที่สุดแล้วทุกอย่างก็ถูกปรุงแต่งให้อยู่ในจุดที่พอดี และความพอดีของเราก็คือสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ มันกลมกล่อมเหมาะกับชีวิตคู่เราที่สุดแล้ว *-*-*-*-*-*-* เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตเปรียบเหมือนละครเรื่องหนึ่งที่สร้างขึ้นเพื่อเราโดยเฉพาะ เพียงแต่มันเป็นละครที่ไม่ได้ถูกเตรียมการไว้ล่วงหน้า บทสนทนา อารมณ์และความรู้สึก มันเกิดขึ้นเองตามสถานการณ์นั้น ๆ และจะถูกบันทึกอยู่ในความทรงจำกลายเป็นอดีต ที่นึกถึงแล้วอาจจะทำให้หัวเราะหรือร้องไห้ก็แล้วแต่ละบุคคลที่ประสบพบเจอมา ละครของฉันมีพระเอกชื่อว่าฟีฟ่า และตัวฉันเองก็เป็นนางเอก เรื่องของเรามันอาจจะน้ำเน่าสำหรับใครหลาย ๆ คนแต่ทว่ามันคือละครน้ำดีสำหรับฉัน เขาเป็นพระเอกที่เก่งกาจในทุกเรื่อง เอาอกเอาใจและดูแลเทคแคร์เก่ง เป็นพ่อและสามีที่ดี แค่นี้ก็เพียงพอต่อการเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีสำหรับฉันแล้ว “ที่รักเอาตะกร้านมลูกมายัง?” ฉันเอ่ยถามเมื่อเขาขึ้นมานั่งบนรถ เตรียมตัวสำหรับออกเดินทางในครั้งนี้แล้ว ในขณะที่ฉันกำลังนั่งอุ้มออมรักอยู่เบาะหลัง วันนี้เราจะไปเที่ยวกาญจนบุรี โดยนัดหมายกับเพื่อน ๆ เอาไว้ที่นั่น “เรียบร้อยแล้วครับผม ออมรักหลับแล้วเหรอ” เขาหันหลังกลับมามองด้วยรอยยิ้ม “อื้ม เพิ่งหลับ” “งั้นออกรถละนะ ดูแลลูกดี ๆ ล่ะเดี๋ยวจะตื่นซะก่อน” “นายนั่นล่ะขับรถดี ๆ เลย ห้ามขับเร็วเด็ดขาด” “ครับคุณผู้หญิง ผมจะขับให้นิ่ม ๆ เหมือนนั่งอยู่บนเตียงเลยล่ะครับ” เขาแสร้งทำเสียงหล่อราวกับกำลังเล่นตลกก็ไม่ปาน “ย่ะ พ่อคนขับรถสุดหล่อ” เขาทำให้ฉันยิ้มได้แต่เช้าเชียว มีความสุขเป็นบ้าเลย เรายิ้มให้กันจากนั้นนายฟีฟ่าก็ออกรถ มุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทาง เรามาถึงหลังรีสอร์ตที่พักหลังจากเดินทางมาได้เกือบสามชั่วโมง บรรยากาศที่นี่สุดยอดเกินคำบรรยาย อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้ซึ่งฝุ่นควันมลพิษเหมือนในเมืองกรุง เหมาะกับเจ้าหญิงตัวน้อย ๆ ที่ฉันกำลังอุ้มอยู่มากเหลือเกิน รีสอร์ตแห่งนี้อยู่ริมแม่น้ำกาญจนบุรี ห้องพักเราอยู่บนแพมีทั้งหมดสามห้องนอน ที่จองไว้อย่างนี้เพราะอีกหนึ่งห้องที่เหลือไว้สำหรับคนไม่มีคู่อย่างนางโบ๊ท ที่อยู่มาจนถึงตอนนี้แล้วยังคงไร้ผู้ชายข้างกายเหมือนเดิม สามคนที่เหลือยังมาไม่ถึง เราจึงออกมานั่งรับลมหน้าระเบียงแพ ชมความงดงามของธรรมชาติ บนโซฟาตัวใหญ่ที่สามารถนอนได้สามคนเลยทีเดียว “น้องออมรักชอบที่นี่ไหมคะ” ฉันถามเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด “แอ้” ตอบรับด้วยเสียงอ้อแอ้น่ารักน่าชัง เห็นหน้าลูกสาวทีไรก็อดยิ้มไม่ได้ “สงสัยจะชอบเดี๋ยวพ่อพามาใหม่นะครับ” คนที่นอนเอนหลังอยู่ข้างกันเอ่ยกับลูกสาว “ทำไมพวกนั้นยังมาไม่ถึงอีกเนี่ย” “ก็โทรหาสิครับจะได้รู้ว่าถึงไหนแล้ว” “นายนั่นล่ะโทรฉันอุ้มลูกอยู่ไม่เห็นหรือไง” “หน้าที่ผัวอีกแล้ว ไม่ใช้สักวันไม่ได้หรือไงเนี่ย” “แค่นี้ทำเป็นบ่น ทีเรื่องบนเตียงฉันยังไม่เคยบ่นเลย เวลานายอยากขึ้นมาทีไรฉันก็อ้าขาให้ตลอด คนบ้าอะไรจะหื่นได้ตลอดเวลา” ฉันว่าให้เสียงดังโดยไม่รู้สึกอายอะไรเลย หากเป็นเมื่อก่อนคงอายจนไม่กล้าเอ่ยปากถึงเรื่องนี้เป็นแน่ “ทำไมพูดเสียงดังอย่างนี้ กลัวคนอื่นไม่ได้ยินหรือไง” เขาจุ๊ปากไม่ให้ฉันส่งเสียงดัง มองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง “คนอย่างนายอายเป็นด้วยเหรอ” “เรื่องบนเตียงใครเขาให้มาพูดในที่อย่างนี้ เดี๋ยวใครได้ยินเข้ามันจะดูไม่งาม” “ก็แล้วแต่ฉันไม่สน” ว่าแล้วก็เบะปาก ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “เดี๋ยวคืนนี้จะจัดให้หนักเลยคอยดู ทำเป็นเก่ง” เขากระซิบข้างหูเบา ๆ แล้วกดจมูกลงบนแก้มสูดกลิ่นกายแรง ๆ แสดงความหื่นออกมาให้เห็น “แหม ๆๆ มาถึงก็สวีทกันเลยนะยะคู่นี้ เกรงใจลูกบ้างสิ” เสียงแรด ๆ ของโบ๊ทดังมาแต่ไกล เราทั้งคู่จึงผละออกจากกันทันที มองไปยังต้นเสียงก็พบคนทั้งสามยืนยิ้มอยู่ แต่ที่สะดุดตาก็คือโบ๊ทที่แต่งตัวราวกับจะไปขึ้นรันเวย์ซะอย่างนั้น “มาช้าจริง มัวไปทำอะไรอยู่คะ” ฉันว่าให้ ไม่ได้สนใจเรื่องที่โดนแซวเลยสักนิด “ก็รอยัยคนนี้แต่งตัวอยู่น่ะสิ กว่าจะมาได้นึกว่าไปนิวยอร์กแฟชั่นวีค” น้ำว่าให้เพื่อนตัวท้วมที่ยืนข้างกัน นางโบ๊ทไม่สนใจคำประชดประชัน โพสต์ท่าราวกับนางแบบมืออาชีพ เชิดหน้าใส่อย่างไม่แคร์ “คนจะสวยช่วยไม่ได้” “ค่ะสวยมาก” น้ำเหน็บแนมด้วยคำพูดและสีหน้า “ก่อนจะตีกันตายซะก่อนพี่ว่าเอาของไปเก็บก่อนดีไหม” พี่ต๋องเสนอความคิดเห็น “พี่ต๋องนั่นล่ะเอาไปเก็บน้ำจะไปเล่นกับหลาน” “ฉันด้วย” นางโบ๊ทจะเดินเข้ามาแต่โดนน้ำสกัดด้วยการกางแขนกั้น “แกเอาของไปเก็บช่วยผัวฉันเลย คิดจะใช้ผัวฉันคนเดียวหรือไงยะ” “ได้!! ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นอย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน” คนพูดทำตาเปรี้ยวตาหวานใส่พี่ต๋อง “เออ!! ถ้ามีปัญญาก็เอาไปเลย ฉันเริ่มจะเบื่อแล้ว” “ถ้างั้นไปกันเถอะค่ะพี่ต๋อง หนูจะขนของช่วยพี่เอง” ว่าแล้วนางก็ควงแขนพี่ต๋องจากเราไป น้ำเดินมาหาเราทั้งคู่ จากนั้นอุ้มเจ้าหญิงตัวน้อยอย่างคล่องแคล่ว ซ้อมมือเตรียมตัวต้อนรับลูกในท้อง ที่กำลังจะออกมาลืมตาดูโลกอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ใช่แล้วค่ะ ตอนนี้น้ำท้องได้สี่เดือนแล้ว นางเห็นความน่ารักของออมรักเลยขยันทำการบ้าน จนในที่สุดก็ทำสำเร็จจนได้ “น้องออมรักของป้าเลี้ยงง่ายจังเลย ไม่งอแงไม่ร้องเลยสักแอะ” “แอ๊ะ” “นั่นมายิ้มให้กันอีก อยากบิดแก้มให้หลุดติดมือมาซะจริง ๆ” น้ำคุยกับหลานสาวอย่างออกรสไม่สนใจสิ่งรอบข้าง สงสัยลืมไปแล้วว่าฉันกับนายฟีฟ่านั่งอยู่ตรงนี้ด้วย เห็นอย่างนี้แล้วก็อยากให้บ้านเราเป็นดองกันมากเพราะน้ำได้ลูกชายนั่นเองค่ะ เราทั้งสองมองดูภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม มือหนาประสานมือฉันไว้แน่น เขาใช้โอกาสนี้เอนศีรษะมาซบบนไหล่อย่างออดอ้อน ฉันจึงยื่นมือไปเกาคางราวกับอีกฝ่ายเป็นลูกแมวเหมียวตัวน้อย ตกเย็นงานเลี้ยงเล็ก ๆ ก็เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางบรรยากาศโพล้เพล้ย่ำสนธยา ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำจะลาลับขอบฟ้า แสงสีส้มสะท้อนเงาลงบนผืนน้ำเห็นแล้วรู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่นหัวใจไปพร้อม ๆ กัน เรานั่งล้อมวงบนเสื่อ โดยมีอาหารหลากหลายเมนูวางเรียงรายกลางวง เสียงเพลงสากลถูกเปิดคลอเคล้าเบา ๆ ให้เข้ากับบรรยากาศ “เอ้าโชนนน!!” แก๊รง! เราทั้งห้าคนยกแก้วขึ้นไปชนกลางวงเพื่อเปิดงานปาร์ตี้เฉพาะกิจครั้งนี้ สาวสวยรักสุขภาพอย่างฉันกับน้ำดื่มน้ำส้มคั้น ส่วนอีกสามคนที่เหลือแอลกอฮอล์ล้วน ๆ แต่ทว่าความสนุกยังคงเต็มร้อยเหมือนเมื่อครั้งยังไม่มีเจ้าตัวเล็ก วันนี้ฉันอาสาเป็นคนเลี้ยงลูกเองเพราะอยากให้เขาเต็มที่กับการดื่มในวันนี้ ชดเชยกับการถูกกดขี่ข่มเหง ใช้งานราวกับทาสในเรือนเบี้ยมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ออมรักที่กำลังนั่งบนตักส่งเสียงอ้อแอ้ ราวกับกำลังร่วมสนุกสนานกับพวกเราไปด้วย เห็นเจ้าตัวเล็กอารมณ์ดีอย่างนี้ฉันก็อุ่นใจ นั่งปาร์ตี้ต่อได้อย่างสบายใจ “วันนี้ฉันให้นายดื่มได้เต็มที่ อยากดื่มเท่าไหร่ดื่มให้พอใจไปเลย” “โห!! อะไรเข้าสิงให้เมียผมใจดีขนาดนี้เนี่ย ขอบคุณมากนะคร้าบบ” เขาหันมามอง ฉายรอยยิ้มเจือความประหลาดใจ “แล้วน้ำไม่บอกพี่มั่งอ่ะครับ จะเอาอย่างนี้” พี่ต๋องทำเป็นอ้อนภรรยาบ้าง “ก็ดื่มไปสิถ้าเมาแล้วนอนนอกห้องเลยนะ” “มานอนกับหนูก็ได้ค่ะพี่ต๋อง หนูยอมแบ่งที่นอนให้ คืนนี้จะได้ไม่เหงา” “ไม่เป็นไรดีกว่าครับ พี่ว่าพี่ไม่ดื่มน่าจะดีกว่า ฮ่าๆๆ” พี่ต๋องรีบปฏิเสธทันควัน “พี่ต๋องใจร้ายอ่ะ” นางโบ๊ททำหน้างองุ้มราวกับปลาทูแม่กลอง “นังโบ๊ทนี่ผัวเพื่อนท่องไว้สิคะ” น้ำว่าให้พลางส่ายศีรษะยิ้ม ๆ “ฉันไม่น่ามาด้วยเลยอ่ะ อิจฉาคนมีคู่เว้ย” สาวสวยโสดเพียงหนึ่งเดียวโวยวาย พวกเราได้แต่หัวเราะคิกคัก “หลังจากจบปาร์ตี้แล้วแกก็เดินไปหาเหยื่อแถวนี้สิยะ คนมาเที่ยวเยอะแยะออก” ฉันแนะนำ “อุ๊ย! ขอบใจมากนะแก ฉันลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย งั้นรีบกินให้อิ่มดีกว่าจะได้รีบไป” “ถ้าแกรีบขนาดนั้นก็ไปซะตอนนี้เลยสิยะอีโบ๊ท” น้ำพูดประชด “โอเค” ว่าแล้วนางก็ทำท่าจะลุก ฉันกับน้ำจึงตะโกนเรียกชื่อนางพร้อมกัน “อีโบ๊ท!” “ฉันล้อเล่นน่า เพื่อนสำคัญกว่าเสมอ ราตรีนี้ยังอีกยาวนานรอพวกแกหลับก่อนฉันค่อยออกหากินดีกว่า” นางนั่งลงที่เดิมแล้วเอ่ยกลั้วขำ ยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นมาดื่มต่อเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น “อุแว๊! อุแว๊!” จู่ ๆ เจ้าหญิงตัวน้อยของฉันก็ส่งเสียงร้อง จึงละสายตาจากเพื่อน ๆ แล้วมาสนใจลูกสาวแทน “เป็นอะไรไปคะคุณลูก เห็นแม่กินเลยหิวบ้างเหรอ” ร้องไห้งอแงอย่างนี้มีอย่างเดียวคือหิว เป็นอย่างนี้ฉันคงต้องปลีกตัวไปทำหน้าที่แม่ซะแล้วสิ “พาเข้าไปในห้องก็ดีเหมือนกัน อากาศเริ่มเย็นแล้วเดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา” กระดกเหล้าลงคอแล้วเขาก็หันมาเอ่ย “งั้นสนุกกันต่อเลยนะ ดิฉันขอตัวไปทำหน้าที่แม่ก่อนค้า” ฉันพยักหน้าให้เขาแล้วหันไปบอกกับทุกคน “อุแว๊ อุแว๊” “ร้องใหญ่แล้วสงสัยจะหิวมาก รีบพาเข้าไปเถอะแก” น้ำว่า “แม่ไปแล้วค่ะคุณลูก ไม่ร้องนะคะ” ฉันรีบลุกขึ้นอุ้มเจ้าตัวน้อยเข้าไปในห้อง หลังจากได้ดื่มนมสมใจอยากแล้วเสียงร้องไห้งอแงก็เงียบสงบลง ได้ยินแค่เพียงเสียงริมฝีปากน้อย ๆ กำลังดูดน้ำนมอย่างหิวกระหาย เป็นภาพที่น่าเอ็นดูซะเหลือเกิน “หิวมากเลยเหรอคะลูกสาวแม่” ปากว่ามือก็ลูบบนแก้มนุ่มเบา ๆ ไม่นานเจ้าตัวเล็กก็หลับปุ๋ยคาอก ฉันจึงอุ้มไปนอนบนเตียงให้สบายตัว ห่มผ้าให้แล้วยืนยิ้มมองดูความน่ารักอย่างมีความสุข ครืนนน เสียงประตูกระจกเลื่อนดังมาจากด้านหลัง ฉันจึงหันไปมอง ก็พบนายฟีฟ่ายืนส่งยิ้มให้อยู่ก่อนแล้ว “อ้าว! เข้ามาทำไม” “เข้ามาไม่ได้หรือไง” เขาเดินตรงเข้ามาสวมกอด กดจมูกซุกไซร้ตามซอกคอ จนได้กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อน ๆ “ไม่เอาเหม็นเหล้าจะแย่แล้ว” ฉันพยายามดันแผงอกแกร่งให้ออกห่างจากตัว “ลูกหลับแล้วใช่ไหม” “อื้อ เพิ่งหลับไปเมื่อกี้นี้เอง” “งั้นออกไปนั่งข้างนอกกัน บรรยากาศกำลังดีเลย” แม้จะได้กลิ่นเหล้าจากตัวเขา แต่ทว่าน้ำเสียงและสีหน้ากลับไม่ได้บ่งบอกว่าอยู่ในอาการมึนเมาแต่อย่างใด “ปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวเนี่ยนะ” “ไม่นานหรอกน่า อยู่ใกล้ ๆ แค่นี้เอง” ว่าแล้วก็ดึงแขนฉันออกไป ตอนนี้ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีส้มเปลี่ยนเป็นสีดำแล้ว มีดวงดาวส่องแสงระยิบระยับอยู่บนนั้นนับล้านดวง เมื่อทอดสายตามองไปยังริมน้ำทั้งสองฟากฝั่ง ก็พบกับภาพที่น่าประทับใจ จากแสงไฟหลากสีที่กำลังแข่งขันส่องสว่างเป็นแนวยาว สร้างเสน่ห์ในยามค่ำคืนให้กับแม่น้ำแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี “พวกนั้นหายไปไหนกันหมดแล้ว” “เข้าห้องใครห้องมันหมดแล้ว เหลือแค่เราส่องคนนี่ล่ะ” “อ้าว! ทำไมไปเร็วจัง” “ไปเร็วน่ะดีแล้วเราจะได้อยู่กันสองต่อสองยังไงล่ะ” ว่าแล้วก็เดินมาซ้อนหลังแล้วกอดไว้แน่น เกยคางบนไหล่อย่างออดอ้อน วางสายตาไว้บนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล เสียงลมหายใจที่ดังข้างใบหู แม้จะแผ่วเบาแต่ทว่ากลับได้ยินถนัด “อ้อนแบบนี้ต้องการอะไรอีกยะ” ฉันยิ้ม กุมมือทับเขาไว้อีกที “มองเค้าในแง่ร้ายจัง อยากกอดเมียตัวเองไม่ได้หรือไง บรรยากาศดี ๆ ลมเย็น ๆ อย่างนี้ได้ยืนกอดเมียโดยไม่กินข้าวอาทิตย์นึงยังอยู่ได้เลย” “ลองดูไหมล่ะว่าจะอยู่ได้จริงไหม” “ไม่กินข้าวแต่กินตัวเองได้มะ จะจัดให้หนัก ๆ เลย” ในที่สุดก็ไม่พ้นเรื่องบนเตียงจนได้ นี่สินายฟีฟ่าตัวจริง ต้องมีเรื่องเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยวข้องทุกสถานการณ์ “ถ้ามีปัญญาก็กินเลย ของตายอย่างฉันมีไว้สำหรับนายคนเดียวอยู่แล้วนี่” “ใครบอกว่าเมียผมเป็นของตาย เมียผมน่ะเป็นของสำคัญต่างหาก เป็นของที่ผมรักและบูชาเอาไว้เหนือหัวรองจากป๊าม๊าเลยนะ” “ขนาดนั้นเขียว” ได้ยินอย่างนั้นฉันก็ยิ้มกว้าง ปลื้มจนตัวแทบจะลอยได้ “อื้ม...หรือไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น” “อยากสิ อยากมากด้วย ทุกวันนี้นายก็ทำให้ฉันรู้สึกอย่างนั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ขอบคุณนะที่ดูแลฉันกับลูกมาตลอด” ฉันว่าพลางแกะมือเขาออกแล้วหมุนตัวมาสบตากัน “มันเป็นหน้าที่ของหัวหน้าครอบครัวสุดหล่ออย่างผมอยู่แล้วครับคุณผู้หญิง” เขาตะเบ๊รับด้วยรอยยิ้ม ฉันเลื้อยมือขึ้นไปคล้องคอเขาจากนั้น เขย่งเท้าขึ้นไปจนใบหน้าเราใกล้กัน จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ที่เป่ารดใบหน้าเจือกลิ่นเหล้าจาง ๆ “จะยั่วกันหรือไง” เขาเปล่งเสียงนุ่มละมุนหู ขณะสบตากันอย่างหวานซึ้ง “ไม่ได้ยั่วแค่อยากทำให้นายประทับใจบ้าง บรรยากาศดี ๆ แบบนี้เหมาะกับการจูบนายว่าไหม” ฉันวางสายตาไว้ริมฝีปากเขา สื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังจะทำอะไร “ก็เอาดิครับ เห็นจ้องตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ” “งั้นฉันไม่เกรงใจละนะ” จบประโยคฉันก็โน้มใบหน้าขึ้นไปประกบจูบอย่างดูดดื่ม บดเบียดริมฝีปากอย่างหนักหน่วงราวกับโดยหาเขามานาน แต่แท้ที่จริงแล้วเขาเปรียบเสมือนยาเสพติดประเภทหนึ่ง ที่แค่เพียงสบตาก็ทำให้หัวใจดวงนี้หลงใหลอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ยิ่งได้สัมผัสรสชาติความหื่นกระหาย ยิ่งไม่อาจถอนตัวถอนใจไปได้เลย ขอบคุณทุกสิ่งอย่างที่ทำให้คนสองคนผู้ซึ่งไม่เคยคิดว่าจะลงเอยกันได้ กลับมีโอกาสเรียนรู้และรู้จักตัวตนของกันและกันมากขึ้น จนทำให้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเราเกิดมาเพื่อเป็นคู่กันโดยแท้ ต่างฝ่ายต่างก็เข้ามาเติมเต็มในชีวิตให้กันและกัน เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน จบบริบูรณ์
已经是最新一章了
加载中