บทที่ 6 เมื่อแวมไพร์กลายเป็นช่างซ่อมบ้าน   1/    
已经是第一章了
บทที่ 6 เมื่อแวมไพร์กลายเป็นช่างซ่อมบ้าน
เสียงแหลมสูงดังใกล้เข้ามาทุกที ส่วนสองคนในบ้านก็กวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างระวังภัย เซลีน่าไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ในสมองจึงคิดอะไรไม่ออกว่าต้องทำอย่างไร ผิดกับนอสที่ไม่กระวนกระวาย เขาตั้งสติพลางหาอะไรสักอย่างที่น่าจะใช้ป้องกันตัวได้ “มีอาวุธไหม” “พอจะมีอยู่นะ” หญิงสาวมุดเข้าไปใต้เก้าอี้ไม้ยาวจากนั้นก็ลากลังไม้ออกมา เธอเปิดฝากล่องก่อนจะคว้าปืนยาวขึ้นมาส่งให้ชายหนุ่ม “ปืนยาวพร้อมบรรจุกระสุน ไม่ได้ใช้เลยตั้งแต่พ่อข้าตาย แต่คิดว่าน่าจะใช้การได้อยู่” “งั้นก็ดี ระวังด้วย มันใกล้เข้ามาแล้ว” นอสได้ยินเสียงฝีเท้าดังแว่วมาใกล้กับตัวบ้าน เซลีน่าจึงลุกมาเกาะติดแวมไพร์หนุ่มด้วยใบหน้าซีดเผือด พลันเสียงเหมือนมีอะไรกระทบหลังคาก็ทำให้เธอหลุดสะดุ้ง คนถือปืนจึงหันปากกระบอกขึ้นไปข้างบนทันควัน “มันอยู่บนนั้นใช่ไหม” “ใช่ คงกำลังหาทางเข้ามา” ร่างสูงกล่าวเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าไต่อยู่บนหลังคา พลันหน้าต่างบานหนึ่งก็ถูกทุบสุดแรงทำให้มันทะลุเป็นรูโหว่ จากนั้นสัตว์ประหลาดแบบเดียวกับที่เซลีน่าเคยเจอก็โผล่หน้าเข้ามาพร้อมอุ้งมือใหญ่ที่พยายามไขว่คว้าหาอะไรสักอย่าง ปัง! กระสุนปืนยาวระเบิดหัวแฟนาติกกระจุยทำให้เศษเนื้อกระเด็นไปทั่ว เซลีน่ายกมือปิดปากกลั้นอาการคลื่นไส้เพราะนี่ไม่ใช่เวลามาอาเจียน นอสชักปืนอีกครั้งก่อนจะหันปากกระบอกไปทางประตูบ้านเมื่อมีบางสิ่งพยายามจะพังประตูเข้ามา ทันทีที่บานไม้หลุดจากกรอบสี่เหลี่ยม แฟนาติกอีกสองตัวจึงก้าวเข้ามา ปัง! นอสยิงปืนโดนแขนข้างหนึ่งขาด สัตว์ประหลาดที่เสียแขนร้องลั่นก่อนที่มันจะถูกกระสุนปืนระเบิดหัวอีก แวมไพร์หนุ่มพลิกปลายด้ามจับปืนขึ้นมาตามด้วยพุ่งไปหาอสูรร้ายอีกตัว เขากระแทกปืนใส่กลางตัวทำให้มันเซถอยหลัง พอแฟนาติกตั้งท่าได้ก็ตวัดกรงเล็บใส่ นอสก้าวถอยหลังหลบปิดท้ายด้วยการชักปืนลั่นไกระเบิดหัวสิ่งมีชีวิตตรงหน้าทำให้เศษเนื้อกระจุยกระจาย ละอองเลือดกระเด็นใส่หน้าเขาเต็ม ๆ แต่เจ้าตัวไม่สน กี๊ซ! เสียงแหลมเล็กดังแว่วมาจากท้องฟ้า อสูรร้ายกระโดดข้ามแนวป่าขึ้นสูงและกำลังจะตกลงมายังตำแหน่งที่เป้าหมายยืนอยู่ นอสชักปืนแล้วเล็งขึ้นฟ้า ทันทีที่แฟนาติกเข้ามาใกล้ เขาก็ลั่นไกระเบิดหัวมันก่อนที่ร่างไร้ศีรษะจะตกลงมากระแทกพื้นข้างตัว แวมไพร์หนุ่มชักปืนอีกครั้งแล้วหันปากกระบอกไปทางสัตว์ประหลาดตัวสุดท้ายที่ยืนนิ่งอยู่ในบริเวณพื้นหญ้าใกล้พื้นที่รอบบ้าน กี๊ซ... เสียงอ่อย ๆ เล็ดลอดจากปากก่อนที่มันจะค่อย ๆ ถอยหลังไป พอนอสทำท่าลดอาวุธลง มันก็เปลี่ยนท่าเป็นเตรียมโจมตี แวมไพร์หนุ่มจึงรู้ว่ามันจะเล่นงานเขาทันทีที่เปิดช่องว่าง นัยน์ตาสีน้ำเงินไพลินจ้องเขม็ง จิตสังหารจาง ๆ แผ่ออกมาจนแฟนาติกถึงกับตัวสั่น “ถ้ายังไม่เลิกหาเรื่อง ข้าจะระเบิดหัวเจ้าซะ” ว่าจบ อสูรตัวสุดท้ายก็หันหลังวิ่งหนีไปทันที นอสถอนหายใจแล้วลดอาวุธ เมื่อหันกลับมา เขาก็เห็นเซลีน่าเดินออกมานอกบ้านพลางกวาดสายตามองสภาพพวกพวกแฟนาติกจากนั้นก็อาเจียน ร่างสูงจึงเดินมาช่วยลูบหลังให้ “ถ้าข้าทำเละ ต้องขอโทษด้วย” “ช่างเถอะ” เจ้าของบ้านโบกมือไม่ถือสาเอาความ “ไม่แน่ว่าเจ้าพวกนี้อาจไล่ตามแวมไพร์ที่หนีตายมา ว่าแต่พวกมันมีมากกว่าหนึ่งตัวเหรอ ข้านึกว่ามีแค่ตัวเดียวที่อยู่แถวนี้ซะอีก” “แนวหน้าถูกทำลาย พวกแฟนาติกบุกมาแล้ว ไม่แน่ว่าพื้นที่การรุกรานอาจแผ่ขยายมาใกล้หมู่บ้านเจ้าแล้ว” ประโยคนั้นทำให้หญิงสาวหน้าซีด สัตว์ร้ายกำลังใกล้เข้ามา แล้วแบบนี้เธอจะไปอยู่ที่ไหนในเมื่อบ้านเธอมีแค่ที่นี่ที่เดียว “เอ่อ...แล้วซากพวกนี้จะทำอย่างไร” “ตอนเช้า แสงแดดคงเผาไหม้จนหมด” นอสเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้วลากศพของแวมไพร์ที่หนีตายออกมาข้างนอก เซลีน่าก็เดินตามมาดูเพราะอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไร “แวมไพร์ตนนี้...” “ข้าจะส่งเขากลับบ้าน” ฝ่ามือข้างหนึ่งปรากฏละอองส่องแสงวิบวับคล้ายกากเพชร ชายหนุ่มเป่าลมส่งพวกมันปลิวไปหาเป้าหมาย พลันร่างของผู้ตายก็กลายเป็นฝูงค้างคาวบินขึ้นฟ้าแล้วกลืนหายไปกับม่านสีดำยามราตรี “ข้าคงต้องซ่อมบ้าน” เซลีน่ามองประตู หน้าต่าง และหลังคา จากนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ข้าไม่ค่อยถนัดเรื่องการช่าง คงต้องเรียกคนในหมู่บ้านมาช่วย” “ให้ข้าซ่อมให้เอาไหม” “เจ้าซ่อมบ้านเป็นเหรอ” เห็นยิงปืนใส่พวกแฟนาติก เธอก็นึกว่าเขาถนัดเรื่องล่าสัตว์อย่างเดียวกับทำตัวเป็นพวกช่างถาม นอสถอนหายใจยาวก่อนจะอธิบายให้ฟัง “หน่วยขนส่งของข้า นอกจากขนของแล้วก็มีหน้าที่ดูแลและซ่อมแซมสิ่งของ อีกอย่างที่ชุมชนแถวบ้านข้า เวลามีอะไรเสียหาย พวกเขาก็จะให้ข้าไปช่วยซ่อม เพราะงั้นเรื่องนี้หายห่วง” “ดี งั้นซ่อมเลย” สุดท้ายเซลีน่าก็ยอมให้แวมไพร์ซ่อมบ้าน เสียงตอกตะปูดังแว่วไปทั่วอาณาบริเวณทำลายความเงียบที่เคยมีมาเช่นทุกวัน ส่วนเจ้าของบ้านก็นำตะปูจากห้องเก็บของมาให้ช่างชั่วคราวซึ่งตอนนี้กำลังซ่อมหน้าต่าง ส่วนที่เรียบร้อยแล้วก็คือประตูบ้าน เหลือแต่หลังคาที่ต้องขึ้นไปตรวจดูเพราะตอนแฟนาติกบุกมา มันกระโดดใส่หลังคาด้วย “เมื่อกี้ข้าไปดูประตูมา เจ้าซ่อมดีกว่าที่พ่อข้าทำไว้ซะอีก” “งั้นข้าก็เก่งกว่าพ่อเจ้าน่ะสิ” นอสพูดพลางถอยออกมาดูสภาพบานหน้าต่างที่ซ่อมเสร็จ แน่นอนว่ามันดูดีกว่าเดิมและหนากว่าเดิมเพราะเขาหาแผ่นไม้มาเสริมอีกทั้งตอกตะปูอย่างดี รับรองว่าไม่หลุดง่าย ๆ แน่ “ก็พ่อข้าไม่ใช่ช่างนี่ อะไรพอทำได้ก็ทำไป ส่วนเจ้าบอกเองนะว่าซ่อมแซมสิ่งของได้ ลองทำไม่เป็นสิ แม่จะเอากระเทียมยัดปากเดี๋ยวนี้แหละ” “อะไรนะ กระเทียมยังไม่หมดเหรอ” วันก่อนเขาเห็นเธอใช้กระเทียมปรุงอาหารไปตั้งเยอะ แต่ไม่นึกว่ายังเหลืออยู่ เซลีน่าเห็นนัยน์ตาสีไพลินวาววับก็รู้แล้วว่ากระเทียมใช้ไม่ได้ผลกับนอส เพราะเจ้าตัวเห็นเป็นของแปลกน่าเอามาเล่น! “นี่พ่อคุณ เป็นแวมไพร์ประเภทไหนเนี่ย โตขนาดนี้ยังทำเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่อีก” เซลีน่าขึ้นเสียงพลางสะบัดมือตบมือของนอสข้างที่ถือค้อน และนั่นทำให้ของตกลงมาโดนเท้าเขาเต็ม ๆ “โอ๊ย!” “ขอโทษ ๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” หญิงสาวรีบลงไปนั่งดูอาการคนตรงหน้าหลังจากที่นอสทิ้งตัวลงไปนั่งกุมเท้าขวาทั้งน้ำตา “ช้ำหรือเปล่าเนี่ย เดี๋ยวข้าดูให้” “ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย” “ไม่ได้ ข้าทำเจ้าเจ็บ ข้าต้องดูแลเจ้าสิ” เซลีน่าเถียงกลับพลางพยายามถอดรองเท้าอีกฝ่าย แวมไพร์หนุ่มก็แกะมือบางออก ทั้งสองยื้อยุดฉุดกระชากรองเท้าอยู่นานจนกระทั่งเจ้าของบ้านดึงออกมาได้ “นี่! ข้าดูแลตัวเองได้น่า!” “ไม่ได้! เจ้าเจ็บเท้าอยู่นะ...” เจ้าของเสียงหวานชะงักเมื่อได้กลิ่นอะไรแปลก ๆ ลอยมาแตะจมูก เธอหันมามองรองเท้าบู๊ทสีดำก่อนจะยื่นหน้าไปใกล้ ๆ เพราะรู้สึกว่ากลิ่นมาจากในนี้ “โอ้โฮ! กลิ่นปลาเค็มสุดยอด นี่พ่อคุณ รองเท้าได้ขัดบ้างไหมเนี่ย!” “เอ่อ...” นอสถึงกับเหงื่อตกแล้วเสมองไปทางอื่น “ไม่ได้ทำความสะอาดเลยใช่ไหม” “คือ...ข้าขัดรองเท้าครั้งสุดท้าย...น่าจะสองปีที่แล้ว” “มิน่าล่ะ! ทำไมถึงเหม็นเน่าขนาดนี้!” เซลีน่าจ้องชายหนุ่มเขม็งจากนั้นก็เขยิบมาใกล้ ๆ เหมือนกำลังดมกลิ่นอะไรสักอย่าง นอสเขยิบถอยหลังแต่หญิงสาวก็ตามมาใกล้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันมาก แต่เจ้าของเรือนผมสีแสงจันทร์กลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผิดกับคนผมสีดำยาวที่มีปฏิกิริยา “ห่าง ๆ หน่อยได้ไหม” “ไม่อยากให้ข้าได้กลิ่นเหม็นล่ะสิ เจ้าเริ่มมีกลิ่นตัวแล้วนะ ไปอาบน้ำเถอะ ใส่เสื้อผ้าพ่อข้าไปก่อนก็ได้” เซลีน่าถอยออกมานั่งจ้องอย่างหงุดหงิด เธอลืมเรื่องความสะอาดของคนตรงหน้าไปสนิทเลย “เพื่อความสบายใจของเจ้า ข้าจะไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยกลับมาซ่อมหลังคาให้เจ้าละกัน” สุดท้ายเขาก็ต้องลุกไปจัดการกับสภาพตัวเอง แต่ก็ไม่ลืมหันมาทิ้งท้าย “มีเรื่องอยากจะบอก เจ้าอย่าลืมนะว่าตัวเองคือหญิงสาวแห่งดวงจันทร์ ระวังตัวให้ดีล่ะ พวกประเภทเดียวกันกับเจ้า ใคร ๆ ก็ต้องการโดยเฉพาะแวมไพร์” “เจ้าบ้า! ไปอาบน้ำเลยไป!” เซลีน่าตะโกนไล่หลัง ในขณะที่นอสเดินหนีไปพร้อมเสียงหัวเราะและนั่นทำให้ร่างบางยืนกอดอกทำหน้าบึ้งอย่างหงุดหงิด ท่าทางคราวนี้เธอจะโดนนอสแกล้งกลับบ้างแล้ว! อีกสามชั่วโมงฟ้าก็จะสว่างแล้ว แต่สองคนที่อยู่ในบ้านกลับยังไม่มีใครนอนสักคน จริงอยู่ว่าหลังคายังอยู่ในสภาพดี แต่ก็ควรซ่อมบำรุงเพราะอีกไม่นานก็จะเข้าหน้าฝนแล้ว เซลีน่าบอกว่าทุกครั้งที่มีฝนตกหนัก จะต้องมีน้ำซึมไหลลงมาจากเพดาน นอสจึงซ่อมส่วนที่รั่วเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ครืน... เสียงฟ้าร้องดังแว่วมาแต่ไกล ชายหนุ่มในสภาพใส่เสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น และสวมรองเท้าแตะเงยหน้ามองท้องฟ้า เมื่อไม่เห็นดาว ก็เดาได้ไม่ยากว่าเมฆฝนกำลังเคลื่อนตัวมา เซลีน่าที่อยู่ในบ้านก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องเช่นกัน หญิงสาวจึงเปิดหน้าต่างแล้วโผล่หน้าออกมาเรียกคนข้างบน “นอส ฝนจะตกแล้ว!” “รู้แล้ว ช่วยรับที” คนถูกเรียกห้อยหัวลงมาจากหลังคาพลางส่งกล่องอุปกรณ์การช่างให้เธอ ร่างบางรับมาแล้วหลีกทางให้อีกฝ่ายโหนตัวเข้าทางหน้าต่าง เสียงฟ้าร้องดังแว่วมาใกล้ขึ้นทุกที ทั้งสองจึงช่วยกันปิดประตูกับหน้าต่างเพื่อป้องกันฝนสาด พลันสายฝนก็เทกระหน่ำลงมา อากาศจึงเริ่มเย็นลงส่งผลให้เซลีน่าเริ่มหาวนอนเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลากลางคืน อีกไม่กี่ชั่วโมงความมืดก็จะหายไป แต่มั่นใจได้ว่าเธอจะไม่โผล่ออกไปนอกบ้านแน่ พลั่ก! เสียงเหมือนมีบางสิ่งชนบานหน้าต่างทำให้คนที่กำลังนั่งหาวนอนถึงกับสะดุ้งโหยง นัยน์ตาสีแสงจันทร์หันไปมองที่มาของเสียง หน้าต่างบานนั้นยังอยู่ดี แต่เพราะนอกบ้านยังมีซากของแฟนาติกอยู่ เธอจึงกลัวว่าอาจมีพรรคพวกตามมาอีก “เซลีน่า” เจ้าของชื่อสะดุ้งอีกเป็นครั้งที่สองแล้วหันไปมองคนเรียก “ข้าเอาผ้าห่มมาให้ ฝนตกหนัก อากาศท่าจะเย็น” นอสหายไปหาผ้าห่มนี่เอง เธอรับมาโดยไม่พูดอะไรแต่ยังคงเหลือบมองที่มาของเสียงเป็นระยะ ๆ “คือว่าเมื่อกี้...” “เสียงเหมือนมีอะไรชนหน้าต่างสินะ ข้าก็ได้ยิน รออยู่นี่ เดี๋ยวไปดูให้” นอสตรงไปยังที่มาของเสียง เขาปลดล็อกแล้วแง้มบานหน้าต่างดู นัยน์ตาสีไพลินกวาดไปรอบ ๆ จนกระทั่งสังเกตสัตว์ชนิดกำลังดิ้นอยู่บนพื้นที่เปียกแฉะ ชายหนุ่มกระโจนออกไปคว้าตัวมันเข้ามาตามด้วยปิดหน้าต่างแล้วลงกลอนตามเดิม “อะไรเหรอ” “ค้างคาวน่ะ” เขาตอบโดยไม่ต้องคิดพลางนำสิ่งมีชีวิตสีดำมาให้หญิงสาวดู มันเป็นค้างคาวแน่แต่กลับถูกลูกธนูเสียบทะลุร่าง มันดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน ถ้ามันพูดได้ มันคงขอให้ทั้งสองช่วยเหลือมัน “เป็นหนักขนาดนี้ ข้าจะช่วยอย่างไรเนี่ย” เซลีน่าเห็นเลือดค้างคาวท่วมมือของนอสก็ถึงกับหน้าเครียด เธอไม่เคยช่วยเหลือสัตว์ชนิดนี้มาก่อน ถ้าเป็นนกยังพอรู้ว่าช่วยอย่างไร แต่นี่มันไม่ใช่นก “พอจะมีผ้าสักผืนที่ไม่ได้ใช้แล้วบ้างไหม” “มีสิ รอสักครู่” เจ้าของเสียงหวานวิ่งเข้าไปในครัว สักพักเธอก็กลับออกมาพร้อมผ้าเก่า ๆ แล้วปูผ้าลงพื้นส่วนคนช่วยสัตว์ก็วางเจ้าสีดำลงบนผืนผ้า เซลีน่านั่งมองอย่างสนใจว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร จังหวะนั้น นอสก็ดึงลูกธนูออกส่งผลให้ของเหลวสีแดงไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ค้างคาวผู้เคราะห์ร้ายดิ้นทุรนทุรายและคงจะตายแน่ถ้าไม่รีบรักษา ทางด้านแวมไพร์หนุ่มก็ฝังเขี้ยวลงบนข้อมือตัวเองก่อนจะปล่อยให้เลือดหยดลงไปบนตัวสิ่งมีชีวิตสีดำ พลันบาดแผลนั้นก็เริ่มสมานตัวกันอย่างรวดเร็ว เซลีน่าที่เห็นเหตุการณ์ก็อ้าปากค้าง เธอมองหน้านอสสลับกับชี้ค้างคาวน้อยที่ลุกขึ้นมาอย่างอึ้ง ๆ “แวมไพร์มีสายสัมพันธ์ที่เชื่อมต่อกับค้างคาว อีกอย่างนี่ไม่ใช่ค้างคาวธรรมดา” เจ้าตัวมองค้างคาวที่หายดีแล้วแถมยังยืดปีก ทำท่าบิดขี้เกียจอีกต่างหาก “ค้างคาวสอดแนมอย่างเจ้าไปโดนนายพรานที่ไหนยิงธนูใส่มา” “ไม่ใช่นายพรานครับ แต่เป็นนักล่าแวมไพร์” “พูดได้ด้วย!” ตั้งแต่เกิดมา เซลีน่าเพิ่งเคยเจอค้างคาวพูดได้ครั้งแรกในชีวิต ในขณะที่คนฟังอีกคนก็ขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียดปรากฏชั่วแวบเดียว หญิงสาวจึงไม่ทันสังเกตเห็น “นักล่าแวมไพร์โจมตีเจ้าเหรอ” “ครับ ข้าอาศัยฝูงค้างคาวทั่วไปเดินทางกลับไปยังดินแดนรัตติกาล แต่ไม่นึกว่าพวกนักล่าแวมไพร์จะโจมตีทั้งฝูง ข้านึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว ขอบคุณที่ช่วยข้าไว้” “ไม่เป็นไร เจ้าพวกนั้นเห็นค้างคาวไม่ได้ ต้องฆ่าทิ้งอย่างเดียว จะค้างคาวธรรมดาหรือค้างคาวสอดแนม พวกมันไม่สนใจหรอก ว่าแต่ในดินแดนเป็นอย่างไรบ้าง ข้าไม่ได้ข่าวของที่นั่นนานแล้ว” ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นอสก็ไม่ได้เจอเผ่าพันธุ์เดียวกันอีกนอกจากแวมไพร์ที่หนีตายมาเมื่อตอนเย็น ค้างคาวสอดแนมชำเลืองมองเซลีน่า แต่ชายหนุ่มเห็นว่าเธอคุ้นชินกับเขาแล้ว ให้รู้เรื่องไปคงไม่เสียหาย “นางรู้เรื่องของพวกเรา ไม่เป็นไรหรอก พูดมาเถอะ” “มีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายนะครับ ข่าวดีคือเจ้าชายลำดับที่ห้ากลับไปถึงดินแดนแล้ว” ทันทีที่พูดจบ นอสก็มีสีหน้าโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก “ส่วนข่าวร้าย แนวหน้าแตกแล้วครับ พวกแฟนาติกกำลังเข้ามาในพื้นที่นี้ พวกนักล่าแวมไพร์ก็เคลื่อนไหวแล้วเหมือนกัน” “จะแฟนาติกหรือแวมไพร์ พวกนั้นไม่เคยสนด้วยสิ ฆ่าเรียบอย่างเดียว” ชายหนุ่มยกมือกุมหน้าเหมือนคนมีปัญหาชีวิต ค้างคาวน้อยก็จ๋อยไปเลย เซลีน่ามองทั้งสองสลับไปมา พอรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องที่เธอควรยุ่งจึงขอตัว “ข้าไปนอนดีกว่า ตามสบายนะ” เจ้าของบ้านโบกมือพลางรีบลุกเดินเข้าห้องตัวเองไปอย่างเงียบ ๆ “ราตรีสวัสดิ์ คุยกันให้สนุกนะ ชาวแวมไพร์” ทว่านอสกลับรู้สึกเครียดมากกว่าที่ฟังข่าวร้าย “ค่ำวันพรุ่งนี้ ข้าจะเดินทางกลับดินแดนเพื่อส่งข่าว ท่านนอสจะฝากส่งข่าวบอกใครไหมครับ” “เจ้ารู้จักข้า?” “ท่านคือหัวหน้าหน่วยขนส่งคนปัจจุบัน ส่วนสถานะก่อนจะย้ายมาดูแลหน่วยนี้ ข้าคงไม่ต้องพูดนะครับ” ค้างคาวน้อยพูดตามความจริง นอสพยักหน้ารับแล้วนึกถึงคนที่อยากส่งข่าว “ป่านนี้น้อง ๆ คงเป็นห่วงแย่ ส่งข่าวไปบอกพวกเขาด้วย ข้ายังสบายดี ถ้าถึงเวลาแล้วจะกลับ ส่วนพ่อข้า ส่งข่าวให้ด้วยก็ดี บอกว่าอย่าเพิ่งดีใจ ข้ายังไม่ตาย ข้ายังอยู่ให้เกลียดขี้หน้าอีกนาน” “...” ค้างคาวน้อยถึงกับยกปีกกุมหน้าตัวเอง
已经是最新一章了
加载中