บทที่ 9 ประวัติคร่าว ๆ ของนอส   1/    
已经是第一章了
บทที่ 9 ประวัติคร่าว ๆ ของนอส
“นี่ไงคะ สามีข้า ขอโทษที่ไม่พาไปแนะนำตัวให้รู้จักนะคะ” “อ้อ หน้าตาดีนี่” สองสามีภรรยาสูงอายุซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ใหญ่ของหมู่บ้านเดินทางขึ้นมาหาเซลีน่าในเช้าวันถัดมาตั้งแต่ได้ยินว่าเธอแต่งงานแล้ว แน่นอนว่าเจ้าของบ้านก็ลากแวมไพร์ที่มาขออาศัยให้เนียนเป็นสามี “สวัสดีครับ ข้าชื่อนอส เป็นสามีของเซลีน่า ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ชายหนุ่มปั้นหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและทักทายแขกผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร เซลีน่าเกร็งนิด ๆ ผิดกับคนข้าง ๆ ที่เล่นละครอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีการลุกลี้ลุกลนหรือตื่นกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว เธอเพิ่งรู้ว่านอสสามารถเปลี่ยนสีตาได้ เห็นได้จากตอนนี้ นัยน์ตาสีไพลินกลายเป็นสีดำสนิท เขี้ยวแบบแวมไพร์ก็หายไป แถมใบหูที่แหลมเล็กน้อยก็เปลี่ยนมาเป็นใบหูแบบมนุษย์ เหลือแค่ผมที่ไม่ได้เปลี่ยนสี “เจ้าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แล้วมาจากไหนล่ะ พ่อหนุ่ม” คุณตาผู้อาวุโสถามขึ้นทำให้เจ้าของบ้านหลุดสะดุ้งเล็กน้อยเพราะเธอลืมเตรียมสร้างประวัติปลอม ๆ ให้เขา “ข้ามาจากเขตแดนทางตะวันตกครับ ที่บ้านข้า แม่ข้าเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนข้ากับพ่อมีเรื่องทะเลาะกันค่อนข้างจะรุนแรง ข้าก็เลยออกจากบ้านแล้วมาทำงานเป็นคนส่งของในเมืองใหญ่ครับ” “ทะเลาะกับพ่อ?” คุณยายที่ฟังอยู่กล่าวขึ้นพลางสบตากับคนเล่า “ถึงขั้นมีเรื่องกระทบกระทั่งกับพ่อตัวเอง แล้วอย่างนี้จะดูแลเซลีน่าดีหรือเปล่า” “ไม่เอาน่ายาย เขาอาจจะมีปัญหากับทางบ้านแต่ไม่ได้มีปัญหากับเซลีน่านี่ ดูสิ ท่าทางก็รักกันดี” ชายชราผายมือไปทางคู่แต่งงานใหม่ (กำมะลอ) ที่ตอนนี้ฝ่ายชายเขยิบไปกอดฝ่ายหญิง ร่างบางตกใจเล็กน้อยก่อนจะรีบทำท่าเขินอายแบบเนียน ๆ “แล้วไปเจอกันได้อย่างไร” หญิงสูงวัยถามต่อ “หลังจากส่งของแล้ว ระหว่างเดินทางกลับ ตอนนั้นมันมืดมาก ข้าก็เลยหลงทางก่อนจะพลัดตกเขา โชคดีที่เซลีน่าช่วยไว้ แถมยังรักษาข้าจนหายด้วย นางดีกับข้ามากเลยครับ ข้าก็เลยชอบนาง” นอสคิดเหตุผลสด ๆ ออกมาทั้งที่เหงื่อตกเพราะกำลังนึกถึงตอนที่เซลีน่าใช้มีดทำครัวปลายแหลมจ่อคอเขา “ถ้ารักกันก็ดี แต่ก็ควรลงไปหาคนในหมู่บ้านนะ ตอนนี้ทุกคนอยากเห็นหน้าสามีของเซลีน่าเต็มแก่แล้ว” คุณยายสะกิดคุณตาเป็นเชิงบอกว่าควรจะกลับได้แล้ว “เดี๋ยวข้าไปส่งนะครับ” นอสทำตัวเป็นสุภาพบุรุษที่ดี แต่หญิงสาวกลับสะดุ้งโหยงเพราะนั่นแสดงว่าชายหนุ่มจะก้าวออกนอกบ้าน แต่ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน เขาเป็นแวมไพร์ แล้วจะออกไปเจอแสงอาทิตย์ได้อย่างไร “นอส...” เซลีน่ากำลังจะห้ามแต่ช้าไป เพราะเจ้าตัวเปิดประตูพลางผายมือให้สองสามีภรรยาสูงวัยเดินออกไปแล้ว ทว่านั่นทำให้หญิงสาวเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างสูงก้าวออกไปยืนท่ามกลางแสงแดด “เดินทางดี ๆ นะครับ” “ฝากดูแลเซลีน่าด้วยนะ พ่อหนุ่ม นางอยู่คนเดียวมานานคงจะเหงามาก” ชายชราส่งยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินจากไปพร้อมภรรยา แวมไพร์หนุ่มมองตามหลังไปชั่วครู่จากนั้นก็รีบกลับเข้ามาในบ้านโดยไม่ลืมปิดประตูอย่างรวดเร็ว “นอส!” เซลีน่าพุ่งไปประคองอีกฝ่ายที่อยู่ ๆ ก็ทรุดฮวบลงพื้น เขากลับมาอยู่ในร่างแวมไพร์พร้อมกับที่ผิวหนังตามตัวปรากฏบาดแผลไฟไหม้ ร่างบางรีบประคองคนเจ็บไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ยาวจากนั้นก็วิ่งไปหากล่องใส่อุปกรณ์ทำแผล “ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าก็หาย” “แผลเยอะขนาดนั้นจะหายเองได้ไง...” เธอถือกล่องยากลับมาก็เห็นบาดแผลพุพองตามตัวเขาค่อย ๆ รักษาตัวเองจนกระทั่งหายเป็นปกติ แต่นอสยังคงมีใบหน้าซีดเผือด ท่าทางเหมือนคนไม่สบายแถมยังเหนื่อยมากอีกต่างหาก “...เมื่อกี้เจ้าถูกแสงอาทิตย์” “ถ้าแค่ชั่วคราว ข้ายังพอใช้พลังต้านได้ แต่ถ้าโดนนาน ๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน ทันทีที่ข้ากลับร่างเดิม สภาพของข้าก็จะเป็นเหมือนที่เจ้าเห็นเมื่อครู่” “บางทีเจ้าควรจะนอนพัก” เห็นคู่สนทนาทำท่าเหมือนจะเป็นลม เซลีน่าจึงเริ่มเป็นห่วง “วันนี้ข้าอยู่บ้าน ไม่ได้ออกไปซื้อของในหมู่บ้านล่อตาล่อใจใครหรอก ไม่ต้องห่วง” “งั้นข้านอนก่อนนะ” ว่าจบ คนพูดก็มุดเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มแล้วหลับไปทันที ทางด้านหญิงสาวก็เดินไปล็อกประตูหน้าต่างเพราะกลัวจะมีแขกมาเยี่ยม ’ข้าทำให้คนอื่นลำบากหรือเปล่าเนี่ย’ เจ้าของเรือนผมสีแสงจันทร์กล่าวในใจขณะเดินมาช่วยจัดผ้าห่มให้คนหมดแรง ไม่น่าเชื่อว่าแค่ถูกแสงอาทิตย์นิดเดียว แวมไพร์ก็แทบหมดแรงตายเพราะใช้พลังป้องกันตัวเอง นึกแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เผ่าพันธุ์นี้อยู่ได้แค่ตอนกลางคืน หลาย ๆ สิ่งที่ปรากฏในตอนกลางวัน พวกเขาคงไม่เคยเห็นแน่ “จะมีแวมไพร์สักตนไหมเนี่ย ที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในตอนกลางวันได้” ในเวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาที่เผ่าพันธุ์แห่งรัตติกาลสามารถออกจากที่พักมาเดินข้างนอกได้จึงไม่แปลกที่จะมีเด็ก ๆ ซึ่งเป็นลูกหลานของพวกขุนนางและข้ารับใช้ออกมาวิ่งเล่นในสนามหญ้าอย่างสบายอารมณ์ผิดกับเด็กชายผมสีดำซอยยาวประบ่าที่ทำได้แค่มองภาพนั้นอยู่ห่าง ๆ จากหน้าต่างห้องหนังสือ นัยน์ตาสีไพลินมองลงไปด้วยความอิจฉาลึก ๆ ทั้งที่เด็กคนอื่นยังเล่นสนุกได้ แต่ทำไมเขาทำแบบนั้นไม่ได้บ้าง “ให้ตายเถอะ” นอสในวัยเด็กถอนหายใจยาว เขากวาดสายตามองตัวหนังสือในหน้ากระดาษแล้วก็ยกมือกุมหน้า ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น เขาต้องไปรับการทดสอบเรื่องความรู้ทั้งหมดที่เรียนมา แน่นอนว่านั่นทำให้เขาไม่สามารถออกไปวิ่งเล่นได้ อันที่จริงควรจะบอกว่าเขาไม่เคยได้ทำแบบนั้นเลยต่างหาก “นอส” เสียงหวานของผู้มาใหม่ทำให้เด็กชายที่กำลังเดินกลับห้องถึงกับหลุดสะดุ้ง “ได้ยินว่าพอผ่านการทดสอบ เจ้าก็ถูกเรียกไปฝึกต่อทันที แม่เป็นห่วงก็เลยมาดู พวกอาจารย์บอกว่าเจ้าไปแล้ว แม่ก็เลยรีบมา” เจ้าของเรือนผมสีแสงจันทร์เดินเข้ามาใกล้ ๆ ลูกชาย ในใจก็สงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่หันหน้ามาคุยด้วย “ท่านแม่ ข้าเหนื่อย ข้าจะรีบกลับห้อง ขออภัยที่วันนี้คงไม่ได้สนทนาด้วยเหมือนทุกวันนะครับ” “นอส” ร่างบางยกมือกอดอกพลางขมวดคิ้ว ลูกชายไม่ยอมหันมาคุยด้วย มันต้องมีอะไรแน่ “หันหน้ามาสิ แม่อยู่ตรงนี้นะ ลืมเรื่องมารยาทที่แม่เคยสอนแล้วเหรอ” “...” “นอส หันมา” หญิงสาวเอ่ยเสียงเขียว ๆ เด็กชายจึงค่อย ๆ หันกลับมา และนั่นทำให้คุณแม่ถึงกับเบิกตากว้าง มองจากด้านหลังไม่มีอะไร แต่พอเห็นหน้า เธอจึงเห็นว่าตามตัวของนอสเต็มไปด้วยรอยแผลและรอยฟกช้ำ “เพราะอย่างนี้ข้าถึงไม่อยากให้ท่านแม่เห็น” “ตายแล้ว! ทำไมเป็นแบบนี้ เจ้าไปทะเลาะกับใครมา” เด็กชายส่ายหน้าปฏิเสธ เธอจึงนึกได้ว่าก่อนหน้านี้ลูกชายถูกเรียกตัวไปฝึก “การฝึกของราชวงศ์สินะ โหดร้ายจริง ๆ ถึงจะเป็นราชวงศ์แต่ก็ยังเด็กมาก โดนอะไรก็มีสิทธิ์ตายเหมือนกัน” “นอนพักสักสองสามชั่วโมงก็คงหายครับ ข้าไม่เป็นไรหรอก” นอสมองสองมือที่เต็มไปด้วยบาดแผล นัยน์ตาสีไพลินไร้อารมณ์ราวกับชาชินแล้ว แม่ของเขาพยายามกลั้นน้ำตาก่อนจะดึงร่างเล็กเข้ามาสวมกอด “ถ้าแม่ไม่ใช่หญิงสาวแห่งดวงจันทร์ก็ดีสิ เจ้าจะได้ไม่ต้องเกิดมาแล้วโดดเดี่ยวอย่างนี้” “ตั้งแต่เกิดมา แม่เจ้าก็มีร่างกายอ่อนแอ ดีแค่ไหนแล้วที่ยังเดินไปไหนมาไหนได้” “ข้าทราบครับ” “งั้นก็จำใส่สมองไว้ซะ อุตส่าห์มีสายเลือดของหญิงสาวแห่งดวงจันทร์ทั้งที ทำอะไรก็อย่าด้อยกว่าพวกลูกแวมไพร์ธรรมดาเพราะมันน่าสมเพช!” เสียงทรงอำนาจนั้นทำให้เด็กชายที่นั่งคุกเข่าอยู่กลางท้องพระโรงถึงกับหลุดสะดุ้ง เมื่อลอบมองรอบด้าน แวมไพร์ทุกตนในที่นี้ก็มองเขาเป็นจุดเดียว “ข้า...เอ่อ...” “การทดสอบทั้งเรื่องความรู้กับการต่อสู้ คนอื่นทำแค่รอบสองรอบก็ผ่าน แต่เจ้าต้องพยายามเป็นสิบ ๆ รอบ น่าขายหน้าจริง ๆ” “...” “จะไปไหนก็ไป” “...ครับ” เด็กชายทำความเคารพแล้วลุกขึ้นยืน นอสในวัยเด็กเดินก้มหน้าออกมาเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็นน้ำตาที่กำลังคลอเบ้า ทันทีที่ก้าวพ้นประตู เขาก็พบกับหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีแสงจันทร์ยืนรออยู่พอดี “นอส” “ท่านแม่” “ถูกพ่อดุมาใช่ไหม” เจ้าของเสียงหวานถามเมื่อเห็นลูกชายวิ่งมากอดทั้งน้ำตา “ไม่เป็นไรนะ อะไรที่เจ้ายังทำไม่ดีพอ วันต่อไปก็พยายามเข้านะ” แม่ยังคงให้กำลังใจอยู่เสมอซึ่งนั่นทำให้เด็กชายกัดฟันรับมือกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ซึ่งนั่นจะทำให้เขาต้องยืนด้วยขาของตัวเองให้ได้ “ท่านแม่...” “ไปกันเถอะ” เธอจูงมือร่างเล็กเดินกลับห้องโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น เธอห่วงแค่ความรู้สึกของลูกชายเท่านั้น แต่คนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง มันไม่เกี่ยวกับเธอ ความทรงจำที่ย้อนกลับมาอีกครั้งในรูปแบบความฝันทำให้เขารู้สึกอยากลืมตาตื่น นัยน์ตาสีไพลินค่อย ๆ ลืมขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เรื่องในตอนนั้นผ่านมานานมากแล้ว ไม่นึกว่าสักวันจะนึกถึงอีก หรือเพราะเขาอยากอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บ้านเกิดตัวเอง เขาจึงฝันถึงเรื่องนั้น “กลิ่นเลือด?” กลิ่นคุ้นเคยโชยมาแตะจมูก แวมไพร์หนุ่มจึงลุกขึ้นมาดู แล้วก็เห็นเซลีน่าเดินถือแก้วน้ำที่มีของเหลวสีแดงมาให้ “ตื่นแล้วก็ดีจะได้ไม่ต้องปลุก เจ้าต้องมาซวยเพราะข้า ข้าก็เลยให้เลือดเป็นการไถ่โทษ ถือว่าหายกันนะ” ที่ข้อมือข้างขวามีผ้าพันแผล นอสจึงรู้ว่าเธอกรีดข้อมือเพื่อแบ่งเลือดให้ “ขอบคุณ” เขารับแก้วใบนั้นมากระดกรวดเดียวหมด จริงอยู่ที่เลือดมนุษย์นั้นอร่อยมากสำหรับแวมไพร์แต่เลือดของหญิงสาวแห่งดวงจันทร์อร่อยกว่าตั้งเยอะ ทว่าเขาไม่คิดจะพูดออกมา ไม่อยากนั้นเซลีน่าคงหวาดระแวงเขาแน่ “ดวงอาทิตย์ตกดินแล้ว เจ้าจะออกไปหาเลือดเพิ่มไหม” “เจ้าให้เลือดข้าแล้ว วันนี้คงไม่จำเป็นหรอก ว่าแต่เจ้าเถอะ จะฝึกยิงปืนไหม” “ฝึกสิ อีกสักชั่วโมงละกัน ว่าแต่เจ้าเป็นอะไร” คำถามนั้นทำให้นอสทำหน้างง ๆ เพราะเขาไม่เข้าใจว่าเธอถามถึงอะไร “ก็ตอนเจ้านอนอยู่ ข้าได้ยินเจ้าละเมอพูดว่า ‘ท่านแม่’ นี่ละเมอร้องหาแม่เหรอ ถ้าคิดถึงก็รีบกลับไปหาซะสิ” ทว่าปฏิกิริยาของคู่สนทนากลับกลายเป็นเศร้าหมอง เซลีน่าจึงเข้าใจว่าเขาต้องมีปัญหาอะไรแน่ ๆ “แม่ข้าตายแล้ว” เขากล่าวเสียงเรียบ เธอจึงนึกถึงตอนที่เขาหาเหตุผลมาหลอกสองสามีภรรยาสูงวัยที่เดินทางมาหาเมื่อตอนกลางวัน ตอนนั้นเจ้าตัวบอกว่าแม่เสียชีวิตแล้ว แต่ไม่นึกว่าที่พูดมาจะเป็นเรื่องจริง “เจ้าไม่ได้แต่งเรื่องจริง ๆ เหรอ” “ข้าพูดความจริง” นอสรู้ดีว่าคุณตากับคุณยายทั้งสองไม่มีทางสงสัยจึงพูดความจริงออกมาบางส่วน แวมไพร์หนุ่มดึงอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในเสื้อออกมา มันเป็นล็อกเกตรูปพระจันทร์เต็มดวงสลักลวดลายสวยงาม นอสเปิดมัน ทำให้เซลีน่าเห็นว่าข้างในมีรูปวาดเหมือนของหญิงสาวคนหนึ่ง “นี่คือ...” “แม่ข้าเอง” “แม่เจ้าสวยจัง” เธอไม่เคยเห็นใครสวยขนาดนี้มาก่อน แต่พอสังเกตดี ๆ จะพบว่าผู้หญิงในรูปที่มีผมหยักศกยาวสยายและมีดวงตาที่อ่อนโยนนั้นเป็นสีแสงจันทร์ “ดะ...เดี๋ยว! อย่าบอกนะว่า...” “แม่ข้าคือหญิงสาวแห่งดวงจันทร์เหมือนกับเจ้า” นอสหันมาอธิบาย นัยน์ตาสีไพลินหม่นหมองเพราะนึกถึงผู้ที่จากไป “เดิมทีแม่ข้าเป็นมนุษย์แต่ถูกพ่อข้าทำให้เป็นแวมไพร์ พอข้าเกิด แม่ข้าก็มีร่างกายอ่อนแอ พ่อโทษว่าเป็นความผิดข้า เราสองคนก็เลยไม่ค่อยถูกกัน” “อืม...” หญิงสาวทำท่าครุ่นคิด ถ้าเธอจำไม่ผิด นอสเคยบอกว่าแวมไพร์ที่สามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้เป็นพวกเดียวกันได้มีแค่พวกระดับสูงเท่านั้น นั่นแสดงว่าพ่อของเขาต้องไม่ธรรมดา “นึกแล้วเชียว” “อะไรเหรอ” เจ้าตัวหันมาถาม “นอส เจ้าเป็นพวกราชวงศ์ใช่ไหม ข้าได้ยินนะ ตอนที่พวกนักล่านินทา เจ้าก็หงุดหงิดถึงกับสบถออกมา” เซลีน่าอยู่ใกล้ชายหนุ่มมาก ต่อให้เขาพูดเบาแค่ไหน เธอก็ได้ยินหมด “ตามนั้นแหละ พ่อข้าคือราชาแวมไพร์ ส่วนข้าก็เป็นพวกราชวงศ์ แต่นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้สถานะของข้าเป็นแค่แวมไพร์ชนชั้นธรรมดา ยังดีหน่อยที่ทางราชวังยังให้ข้าทำงานเป็นหัวหน้าหน่วยขนส่ง บ้านข้าก็อยู่ในชุมชนไม่ไกลจากที่ทำงาน เงินเดือนก็พอใช้ไม่ลำบากเท่าไร” นอสอธิบายราวกับเห็นเป็นแค่เรื่องธรรมดา ทางด้านเซลีน่าก็นึกถึงคำพูดของนักล่าแวมไพร์ ตอนที่พวกนั้นนินทา มีคนหนึ่งพูดว่ามีเจ้าชายถูกไล่ออกจากราชวงศ์ ซึ่งตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าเป็นใคร “แล้วเจ้ามีเรื่องอะไรถึงต้องออกจากราชวงศ์ด้วยล่ะ” “ข้าพูดไปแล้วเมื่อตอนกลางวัน” ประโยคนั้นทำให้เซลีน่านั่งนิ่ง เธอลองนึกย้อนไปตอนที่เจ้าตัวแต่งเรื่องหลอกสองสามีภรรยาสูงวัยจนกระทั่งไปถึงช่วงหนึ่ง “...เจ้าทะเลาะกับพ่อเหรอ!” “ข้าก็บอกแล้ว” “เข้าใจล่ะ เจ้ามีเรื่องทะเลาะกับพ่อ เจ้าก็เลยถูกพ่อไล่ออกจากบ้าน” เธอรู้สาเหตุที่เขากลายเป็นแวมไพร์ชนชั้นธรรมดาแล้ว “เปล่า พ่อข้าไม่ได้ไล่แต่ข้าออกมาเอง” “...” เมื่อก่อนพบแค่เด็กมีปัญหา แต่เดี๋ยวนี้เจอแวมไพร์มีปัญหาแล้ว! “ข้าก็บอกแล้วว่าเราไม่ค่อยถูกกัน ตั้งแต่ท่านแม่สิ้นไป เขาก็ชอบว่าข้ามากกว่าเมื่อก่อน แต่ข้าก็เงียบจนกระทั่งถึงที่สุดแล้ว ข้าถึงโต้กลับ” “แล้วเจ้าไม่คิดจะกลับบ้านเหรอ ข้าหมายถึงเจ้าไม่แวะไปเยี่ยมพ่อบ้างเหรอ หรือไม่ก็ไปหาญาติพี่น้องอะไรพวกนี้น่ะ” สายเลือดเดียวกัน อย่างไรก็ตัดไม่ขาด ต่อให้ทะเลาะกันแค่ไหนก็ช่าง หญิงสาวคิดว่าถึงนอสจะโกรธพ่อ แต่เขาก็ควรกลับบ้านไปเยี่ยมเยียนสักนิดก็ยังดี “ไม่ล่ะ ข้าไม่อยากเห็นหน้า ‘ฆาตกร’ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวไปอาบน้ำนะ ชักเหนียวตัวแล้วสิ” คนมีปัญหากับทางบ้านลุกหนีเข้าไปในห้องนอน เซลีน่ามองตามหลังจากนั้นก็ส่ายหน้าเล็กน้อย ลูกกำพร้าพ่อแม่กับแวมไพร์หนีออกจากบ้าน ช่างเหมาะสมกันนัก!
已经是最新一章了
加载中