บทที่ 10 กำแพงที่ถูกทำลาย
1/
บทที่ 10 กำแพงที่ถูกทำลาย
Selena and the Vampire เซลีน่ากับผู้มาจากรัตติกาล
(
)
已经是第一章了
บทที่ 10 กำแพงที่ถูกทำลาย
“เราคือผู้ถูกเลือก” “หน้าที่ของเราคือปกป้องเหล่าแวมไพร์” “ทั้งชีวิต เรามีไว้เพื่อเผ่าพันธุ์ เพื่อคนสำคัญ และเพื่อดินแดนรัตติกาล!” คำกล่าวที่จำจนขึ้นใจผุดเข้ามาในห้วงความฝันทำให้ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง นอสโผล่ออกมาจากใต้ผ้าห่ม เมื่อมองไปที่หน้าต่าง ไม่มีแสงอาทิตย์ส่องลอดเข้ามา เขาจึงเดาว่าตอนนี้น่าจะใกล้ค่ำแล้ว เสียงทำอาหารดังแว่วมาทำให้เขาเดาว่าเซลีน่ากำลังเข้าครัวอยู่ เจ้าตัวจึงลุกออกมาดู แล้วก็เป็นไปตามคาด “ตื่นแล้วเหรอ” “ก็ใกล้ค่ำแล้วนี่” เขามองเจ้าของบ้านที่ยกจานใส่อกไก่ทอดมานั่งกินกับสลัดผักตรงห้องนั่งเล่น นอสตามไปนั่งด้วย หญิงสาวจึงใช้โอกาสนี้คุยธุระ “พรุ่งนี้ข้าต้องลงไปที่หมู่บ้าน ซึ่งคงต้องพาเจ้าไปด้วย ไม่อย่างนั้นคนในหมู่บ้านข้าคงสงสัยแน่” ร่างบางรู้สึกไม่สบายใจ นอสใช้ชีวิตท่ามกลางแสงแดดไม่ได้ แล้วเขาจะออกนอกบ้านตอนกลางวันได้อย่างไร “เจ้ากังวลเรื่องที่ข้าเป็นแวมไพร์ใช่ไหม” “ก็เจ้าถูกแสงอาทิตย์ไม่ได้” “งั้นต้องหาวิธีแก้” นัยน์ตาสีน้ำเงินไพลินกวาดไปรอบ ๆ เพื่อมองหาอะไรสักอย่างจนกระทั่งหยุดอยู่ที่ร่มสองคันที่แขวนอยู่ตรงผนังบ้าน “นั่นน่าจะใช้ได้” “จะกางร่มกลางแดดเนี่ยนะ ชาวบ้านเขาไม่สงสัยเอาเหรอ มันไม่เหมือนตอนไปสุสานพ่อแม่ข้านะ” “ไม่เห็นยาก ข้าต้องเล่นบทสามีกำมะลอให้เจ้า ข้าจะแถไปว่ากลัวผิวเจ้าเสียก็เลยกางร่มบังแดดให้ ซึ่งข้าจะต้องอยู่ในร่มกับเจ้าตลอด ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ทุกอย่างก็คงผ่านไปได้ด้วยดี” “หวังว่าเจ้าโคลวิสอะไรนั่นจะไม่สงสัยนะ” เซลีน่าเดาว่าการที่อีกฝ่ายพยายามจะคุยกับเธอเพราะอยากรู้เรื่องของเธอ บางทีอาจรู้แล้วว่าเธอคือหญิงสาวแห่งดวงจันทร์ ถ้าวันพรุ่งนี้ เธอลงไปที่หมู่บ้านแล้วมีนอสเดินกางร่มมาด้วย ฝ่ายนั้นจะสงสัยอะไรหรือเปล่า “ถ้าเกิดอะไรขึ้น ข้าจะช่วยเจ้าเอง ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่ในอันตรายหรอก ข้าสัญญา” “...” เจ้าของบ้านไม่พูดอะไรนอกจากก้มหน้าก้มตาจัดการมื้อเย็นเงียบ ๆ เพราะเธอไม่อยากให้เขาเห็นว่าตัวเองหน้าแดง เซลีน่าไม่เข้าใจ ทำไมต้องรู้สึกดีใจด้วย ทั้งที่คำพูดนั้นก็แค่มาจากปากของผู้อาศัยและเขาควรทำแบบนั้นอยู่แล้วเพื่อตอบแทนเธอ “แสงแดดหายไปหมดแล้ว ข้าออกไปข้างนอกก่อนนะ ดึก ๆ จะกลับมา” “เจ้าจะไปไหน” “ฐานที่มั่นของแนวหน้า ข้าจะกลับไปที่นั่น ถึงจะไม่มีใครอยู่แล้วแต่ขอไปดูสภาพหน่อยก็ยังดี” นอสอยากกลับไปดูร่องรอยที่ยังหลงเหลือ เซลีน่ากลืนอาหารคำสุดท้ายลงคอก่อนจะสวนขึ้น “ให้ข้าไปด้วยสิ” “ฮะ?” “ข้าก็อยากเห็นฐานที่มั่นของฝ่ายแวมไพร์เหมือนกันนะ” เซลีน่าไม่ค่อยได้ออกไปเปิดหูเปิดตา ส่วนใหญ่เธอก็เดินทางไปกลับระหว่างหมู่บ้านกับบ้านตัวเอง อย่างมากก็ขึ้นไปเคารพสุสานพ่อกับแม่บนยอดเขา นอกเหนือจากนี้เธอก็ไม่รู้ว่าที่ไหนเป็นอย่างไร “ไม่ได้ ฐานนั่นแตกแล้ว ที่ข้ากลับไป ข้าแค่จะไปดูว่ามันเหลืออะไรบ้างเท่านั้น ดีไม่ดีอาจมีแฟนาติกเพ่นพ่านอยู่ ถ้าเจ้าไปด้วย เจ้าอาจเป็นอันตรายได้นะ” “แต่ข้าอยากไป” “ไม่ได้!” นอสขึ้นเสียง เซลีน่าทำหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนจะยกจานอาหารกลับไปเก็บในครัว สักพักเธอก็เดินกลับออกมา แถมยังตรงมาใกล้ ๆ ชายหนุ่มอีก “เจ้าขึ้นเสียงใส่ข้า” “เจ้าก็อย่าบังคับข้าสิ...” เจ้าตัวพูดไม่ทันขาดคำ มีดปลายแหลมที่พวกฆาตกรชอบใช้ก็ถูกยกขึ้นมาจ่อคอทันที ถ้าเป็นมีดธรรมดาเขาจะไม่กลัวเลยถ้าไม่ติดว่ามันเป็นมีดที่ทำจากเงินแท้ เจ้าของเสียงหวานยิ้มชวนขนลุกแล้วกล่าวต่อ “จะพาไปดี ๆ หรือจะพาไปทั้งน้ำตา” สุดท้ายนอสก็ (จำใจ) พาเซลีน่าไปด้วย! แวมไพร์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ใช้ชีวิตในยามรัตติกาล พวกเขาแข็งแกร่งกว่ามนุษย์หลายเท่าโดยเฉพาะพวกระดับสูงอย่างราชวงศ์ นอสก็เคยเป็นราชวงศ์มาก่อน ถึงแม้สถานะของเขาจะลดเหลือแค่ชนชั้นธรรมดาแต่ไม่ได้หมายความว่าความสามารถจะลดลง ทว่าตอนนี้เขากำลังใช้ปีกค้างคาวบินขึ้นฟ้าทั้งน้ำตาเนื่องจากถูกเจ้าของเรือนผมสีแสงจันทร์ข่มขู่ กรุณาอย่ารังแกแวมไพร์! “ว้าว! ท้องฟ้าลมเย็นดีจัง แต่กลางคืนนี่มองอะไรไม่ค่อยเห็นเลย มีแต่เงาภูเขาเต็มไปหมด” เซลีน่าซึ่งตอนนี้อยู่ในท่าถูกอุ้มแบบเจ้าหญิงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้นเนื่องจากมนุษย์ไม่มีทางบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้แต่เธอทำได้เพราะมีตัวช่วย “ตัวหนักจัง” “อะไรนะ!” “ข้าหมายถึงฐานที่มั่นแนวหน้าที่ข้าจะไป มันต้องเสียหายหนักมากแน่ ๆ แค่นั้นแหละที่ข้าคิด” นอสรีบเปลี่ยนคำพูดเพราะรู้ว่าเธอไม่ได้พกแค่มีดเล่มนั้นมาแต่หญิงสาวยังพกปืนยาวมาด้วย และตอนนี้เขาก็สะพายปืนอยู่ “ข้างหน้านั่นน่ะ ข้าเห็นเงาอะไรก็ไม่รู้ มันสูง ๆ แล้วก็ทอดยาวไปไกลด้วย” แสงจันทร์ที่ส่องลงมาทำให้เซลีน่าเห็นเงาของบางสิ่งที่อยู่ไกลออกไป นัยน์ตาสีไพลินของคนมองตามฉายแววดีใจก่อนที่เขาจะบินตรงไปหา “ที่นั่นแหละ แบล็ควอล” “แบล็ควอล?” “เป็นชื่อกำแพงน่ะ ถูกสร้างขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อนหลังจากขับไล่แฟนาติกออกไปจากดินแดนนี้ได้ มันคอยป้องกันพวกแฟนาติกมาตลอด สมัยที่ข้ายังไม่ออกจากราชวงศ์ ข้าเคยถูกส่งมาประจำการที่นี่” นอสอธิบายขณะร่อนลงบนซากกำแพงในส่วนที่ยังไม่ถูกทำลาย เซลีน่าพกตะเกียงมาด้วย เธอจึงใช้มันให้แสงสว่างเพื่อดูสภาพแวดล้อมโดยรอบ สถานที่ที่ทั้งสองยืนอยู่คืออดีตกำแพงที่เคยแข็งแรงและทนทาน ทว่าตอนนี้เหลือแค่เศษซากปรักหักพังเท่านั้น เจ้าของนัยน์ตาสีแสงจันทร์เห็นชุดเกราะมากมายรวมทั้งสารพัดอาวุธกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดไปทั่วทั้งบริเวณส่วนในและส่วนนอกกำแพงแต่กลับไม่เห็นซากศพนอกจากกองขี้เถ้า “คนที่คนสวมเกราะเหล่านั้นคือทหารแวมไพร์ที่ตาย ท่าทางจะโดนแดดเผาไหม้หมด เหลือแต่ขี้เถ้า” ชายหนุ่มส่งปืนยาวให้หญิงสาวรับไปสะพาย เผื่อเกิดอะไรขึ้น ให้เธอใช้ป้องกันตัวจะดีกว่า “แล้วเจ้าจะไปไหน” “ข้าจะเก็บตราประจำตัวพวกเขาแล้วส่งกลับดินแดน เจ้าเองก็อยู่ใกล้ ๆ ข้าไว้นะ เกิดเจอแฟนาติกขึ้นมา จะได้ช่วยทันเวลา” “ได้” เซลีน่ารับปาก เธอเดินถือตะเกียงไปกับชายหนุ่ม นอสตามเก็บตราประจำตัวของผู้ตายตามจุดต่าง ๆ บริเวณไหนอยู่ไกล ๆ เจ้าตัวก็จะเสกค้างคาวออกมาก่อนจะส่งไปเก็บของที่ต้องการ “มีอะไรเหรอ” อยู่ ๆ ร่างบางก็ชะงักทำให้ร่างสูงที่กำลังคุ้ยขี้เถ้าหาตราประจำตัวเงยหน้าขึ้นมาถาม เจ้าของเรือนผมสีแสงจันทร์ไม่ตอบแต่ชูตะเกียงขึ้นสูง ๆ นอสมองตามแล้วก็เห็นรอยเท้าเหมือนสัตว์ตัวใหญ่จำนวนมากเดินเข้าไปในแนวป่าใกล้ ๆ กับซากกำแพง “นี่มันรอยเท้าอะไร” “นี่คือรอยเท้าของแฟนาติก” เซลีน่ารีบวิ่งมาหลบอยู่ด้านหลังคนตอบทันที “ดูจากรอยเท้า ฝูงใหญ่คงเริ่มเดินทางต่อเมื่อไม่กี่วันก่อน ส่วนพวกกลุ่มย่อยคงล่วงหน้าไปสำรวจพื้นที่ก่อน” นึกถึงแฟนาติกบางตัวที่เขาเผชิญ พวกมันคงเป็นกลุ่มย่อย ไม่แน่กลุ่มนั้นอาจไม่ได้มีแค่กลุ่มเดียว “แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อ” “หลังจากส่งตราประจำตัวกลับ ข้าก็จะสำรวจแถวนี้สักหน่อย หาอาวุธกลับไปด้วยก็ดี” ร่างสูงผิวปากเรียกฝูงค้างคาวกลับมาพร้อมตราประจำตัวของแวมไพร์ทุกตนที่ตายในแถบนี้ เขาส่งตราของเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ที่หนีตายมาคราวก่อนให้ค้างคาวตัวหนึ่งก่อนที่พวกมันจะจับกลุ่มเป็นฝูงใหญ่บินขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วหายไปยังทิศตะวันตก พอทุกอย่างผ่านไปด้วยดี นอสก็พาเซลีน่าเดินสำรวจแบล็ควอล กำแพงนี้พังทลายก็จริง แต่ใต้กำแพงยังมีห้องอีกมากมายที่ใช้เก็บเสบียง อาวุธ ห้องพัก และเอกสารต่าง ๆ ทั้งสองเดินลงไปยังชั้นใต้ดินโดยตรงไปยังห้องเอกสารก่อนเป็นอันดับแรก “เหม็นคาวจัง กลิ่นเลือดนี่นา” ทันทีที่ผลักบานประตูเข้าไป หญิงสาวก็ได้กลิ่นฉุนโชยออกมาจนเธอต้องยกมือปิดปาก นอสทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเดินไปจุดคบเพลิงบนผนัง แสงสว่างทำให้เห็นสภาพห้องที่มีกระดาษกระจายเกลื่อน แถมยังมีรอยเลือดเต็มไปหมดด้วย แสดงว่าตอนแนวหน้าแตก พวกแฟนาติกคงบุกเข้ามาฆ่าแวมไพร์ถึงในนี้แน่ “บันทึกตอนเหตุการณ์กำแพงแตกน่าจะอยู่แถวนี้” เจ้าตัวพึมพำขณะคุ้ยกองเอกสารบนโต๊ะ นอสพบสมุดบันทึกที่เปื้อนเลือด เขาจึงหยิบขึ้นมาเปิดอ่าน เซลีน่าเดินมาดูใกล้ ๆ ด้วยความอยากรู้ซึ่งเขาก็ไม่ว่าอะไร เจ้าชายลำดับที่หนึ่งถูกเรียกตัวกลับไป หน่วยล่าสังหารของท่านก็เช่นกัน สถานการณ์ย่ำแย่ลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เราส่งข่าวกลับไป หวังให้เจ้าชายกลับมาแต่เกิดปัญหาบางอย่าง เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แค่ว่าเจ้าชายจะไม่กลับมาเป็นผู้นำให้เราอีก แฟนาติกเข้าใกล้กำแพงเร็วขึ้นทุกที ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป แนวหน้าคงถูกทำลายแน่ หน่วยล่าสังหารกลุ่มใหม่มาพร้อมเจ้าชายลำดับที่ห้า แต่สถานการณ์กลับไม่ดีขึ้นเลย กำแพงใกล้พังทลายแล้ว หน่วยขนส่งบาดเจ็บเป็นจำนวนมากจึงถูกส่งกลับพร้อมเจ้าชาย เรายังคงสู้ต่อ แต่หน่วยล่าสังหารกลุ่มใหม่ไม่สามารถพึ่งพาได้เลย มันเกิดอะไรขึ้น เจ้าชายลำดับที่หนึ่งกับกองกำลังดั้งเดิมหายไปไหน สถานการณ์เลวร้ายถึงขีดสุด กำแพงแตกแล้ว แฟนาติกกำลังไล่ฆ่าเรา บางส่วนหนีมาหลบอยู่ในชั้นใต้ดิน แต่ประตูคงป้องกันไว้ได้ไม่นาน เรามั่นใจว่าคงไม่รอด หลายคนสิ้นหวัง หลายคนร้องไห้อยากกลับบ้าน แต่ก็ได้แค่ฝัน เพราะความจริงตรงหน้าคือความตายที่กำลังมาเยือน สามวันหลังกำแพงแตก แฟนาติกพังประตูเข้ามาจนถึงทางเดินหน้าห้องเรา นี่อาจเป็นบันทึกสุดท้าย หวังว่าสักวันจะมีใครได้อ่านมัน จากนั้นโปรดส่งต่อไปให้ถึงมือเจ้าชายลำดับที่หนึ่ง “ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเอามาก ๆ นะ” เซลีน่ากวาดสายตามองรอยเลือดทั่วห้องก็รู้สึกหดหู่ “แวมไพร์สู้กับแฟนาติกมาหลายร้อยปีแล้วใช่ไหม” “ใช่ สู้มาตลอด เราสูญเสียคนไปมากมาย แต่เราก็ถอยไม่ได้ แฟนาติกเป็นความผิดพลาดของเรา เรื่องนี้เราต้องเป็นคนแก้ปัญหา” นอสเก็บบันทึกเล่มนั้นก่อนจะพาหญิงสาวเดินออกจากห้องแล้วมุ่งตรงไปยังห้องสุดทางเดินซึ่งกว้างพอจะเก็บเสบียงและอาวุธได้ ร่างสูงผลักบานประตูเข้าไป ด้านในเต็มไปด้วยคราบเลือดซึ่งมาจากเศษขวดที่ตกจากชั้นวางจนแตก กลิ่นคาวเลือดทำเอาเซลีน่าแทบอาเจียนแต่เธอก็ต้องทนไว้ นอสตรงไปหาถุงย่ามมาใส่ขวดเลือดที่ยังเหลือเพื่อนำกลับไป เพราะแค่เลือดสัตว์คงไม่สามารถดับความต้องการเลือดมนุษย์ของแวมไพร์ได้ จากนั้นเจ้าตัวก็ตรงไปยังชั้นวางอาวุธซึ่งมีดาบหลายเล่มให้เลือกใช้ เซลีน่ามองอาวุธหลายชนิดอย่างตื่นเต้น “ว้าว! นี่หอกใช่ไหม นั่นก็ทวน ตรงนี้ก็ดาบ เยอะขนาดนี้ เอาไปด้วยไม่หมดแน่” “ข้าจะเอาไปเฉพาะที่จำเป็น” นอสกล่าวพลางกวาดสายตาดูดาบที่วางเรียงกันเป็นแถวตรงหน้า “ขอได้ไหม” เซลีน่าเห็นปืนหลายกระบอกบนชั้นวางจึงอยากได้เพราะตอนนี้เธอกำลังฝึกยิงปืน จึงอยากหาไว้ใช้ป้องกันตัว แวมไพร์หนุ่มไม่พูดอะไรแต่พยักหน้ารับ กี๊ซ! เสียงแหลมเล็กดังแว่วมาจากที่ไกล ๆ ทำให้ทั้งสองหลุดสะดุ้ง เสียงเหมือนมีอะไรทุบเพดานจนสั่นทำให้เซลีน่าวิ่งมาอยู่ใกล้ ๆ นอสทันที เจ้าตัวจึงรีบคว้าปืนยาวที่สะพานหลังเธอมาตั้งท่าพร้อมยิง ตึง! เสียงเหมือนมีบางอย่างพุ่งชนประตูทำให้พวกเขาหันไปมอง ร่างบางรีบนำปืนสั้นออกมาเล็งพร้อมยิง จังหวะนั้นเพดานก็ถล่มลงมาพร้อมแฟนาติกตัวหนึ่งที่ล้มกลิ้ง มันลุกขึ้นมาคำรามอย่างรวดเร็ว นอสจึงหันหลังไปลั่นไกเป่าหัวมัน ปัง! “ทางประตู ข้ายกให้เจ้า” “เอ่อ...ก็ได้” รู้แบบนี้ไม่น่ามาด้วยเลย อยู่บ้านดีกว่า เธอในใจขณะตั้งสติแล้วยิงปืนใส่ประตู กระสุนทะลุออกไปถูกตัวแฟนาติกที่พยายามจะพังเข้ามา เสียงกรีดร้องนั้นทำให้เธอแปลกใจ กระสุนแค่ไม่กี่นัด ทำไมมันทรมานนัก “พวกมันกลัวเงินเหมือนแวมไพร์ กระสุนที่เจ้ายิงออกไปทำจากเงินทั้งหมด” นอสอธิบายขณะลั่นไกใส่สัตว์ร้าย อยู่ ๆ กระสุนก็หมดทำให้เขาสบถเสียงเบาแล้วรีบมองหากล่องกระสุนปืนที่ทำจากเงิน จังหวะนั้นแฟนาติกตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าประชิดตามด้วยตวัดมือตบนอสกระเด็นไปชนผนังเต็มแรง “นอส!” “ข้างหลัง!” เจ้าตัวตะโกน เซลีน่าหันหลังไปก่อนจะยิงปืนระเบิดหัวปีศาจร้ายในระยะประชิด ของเหลวสีแดงกระเด็นใส่หญิงสาวทำให้เธอชะงักค้างเพราะช็อกไปแล้ว “มะ...เมื่อกี้...” “ระวัง!” นอสพุ่งมาผลักเจ้าของเรือนผมสีแสงจันทร์ออกไป แฟนาติกที่พังประตูเข้ามาจึงตวัดกรงเล็บใส่ทันควัน แวมไพร์หนุ่มกระเด็นไปชนชั้นวางอาวุธจนล้มลง ดาบนับสิบตกลงเฉียดตามตัวทำให้เขาได้แผลไปบางส่วน กี๊ซ! แฟนาติกห้าตัวคำรามพลางย่างสามขุมมาหาเป้าหมาย เซลีน่าที่ยังอยู่ในอาการมึนหัวเพราะเมื่อกี้ล้มลงจนหัวโขกชั้นวางของก็กัดฟันลุกขึ้นมานั่ง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นชายหนุ่มถูกล้อมไว้หมด “นอส!” “แค่ก!” เจ้าของชื่อสำลักลิ่มเลือด นัยน์ตาสีไพลินเห็นสัตว์ร้ายยืนแยกเขี้ยวอยู่รายล้อมจากนั้นเป้าสายตาก็เปลี่ยนมาที่เซลีน่าแทน “ไม่นะ นอส!” “ข้าโดนล้อมแล้ว” คนกำลังจะถูกฆ่าทำหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสผิดสถานการณ์ หญิงสาวส่ายหัวไล่ความมึนงงและควานหาปืนหวังจะยิงแฟนาติก “แย่จัง ข้าพาเจ้ามาอยู่ในอันตราย ขอโทษนะเซลีน่า” “นอส!!!” หญิงสาวร้องลั่น คำขอโทษของเขามันไม่จำเป็นเลย คนผิดคือเธอต่างหากที่มาด้วยเพราะความอยากรู้อยากเห็นทำให้เขาต้องมาซวย แต่ทั้งที่เขาไม่ผิด ทำไมต้องมาทำหน้ายิ้ม ๆ แล้วขอโทษด้วย เจ้าแวมไพร์สติเฟื่อง! ฉัวะ! พลันปลายดาบเล่มยาวก็แทงทะลุร่างแฟนาติกก่อนที่มันจะถูกกระชากแล้วฟันอสูรร้ายอีกสี่ตนจนศีรษะกระเด็นไปคนละทิศละทาง ของเหลวสีแดงสาดกระจายไปรอบ ๆ ห้องรวมทั้งกระเด็นมาถูกขาสองข้างของเซลีน่าด้วย นัยน์ตาสีแสงจันทร์เบิกกว้างเมื่อเห็นนอสลุกขึ้นมาก่อนจะพุ่งมาประชิดเธอ ฉึก! ปลายดาบมันวาวพุ่งเฉียดเส้นผมเธอไปนิดเดียวก่อนที่มันจะแทงใส่กลางลำตัวของแฟนาติกที่ย่องมาทางด้านหลัง เธอรู้แล้วว่าสัตว์ร้ายที่จะลอบเล่นงานเธอตายแล้วจากนั้นนัยน์ตาสีแสงจันทร์ก็สบกับนัยน์ตาสีไพลินที่ฉายแววเศร้าหมอง “นอส นี่เจ้า...” “เจ้ามองว่าข้าเป็นแวมไพร์แปลก ๆ ท่าทางก็บ๊อง ๆ ซึ่งข้าก็อยากเป็นแบบนั้นเวลาอยู่กับเจ้า แต่ตอนนี้คงทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่ากลัวข้าเลยนะ” เขาส่งยิ้มฝืด ๆ ให้เธอก่อนจะกระชากดาบออกแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับแฟนาติกอีกหลายตัวที่กระโดดลงมาจากเพดาน เซลีน่ามองแผ่นหลังของคนที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์ มือสองข้างถือดาบเล่มยาวสะท้อนแสงวาววับ มั่นใจได้ว่าดาบคงคมน่าดู ร่างสูงพุ่งไปหากลุ่มอสูรร้าย มือสองข้างวาดลวดลายการฟันดาบที่มองไม่ทัน พริบตาเดียวแฟนาติกก็กลายเป็นเศษชิ้นส่วนแล้ว กี๊ซ! เสียงคำรามดังมาจากบนดิน นอสหายวับไปจากตรงนั้น พลันเสียงกรีดร้องของมันก็ดังลั่นไปทั่ว เซลีน่าปีนผนังห้องกลับขึ้นไปบนพื้นดิน แล้วก็เห็นปีศาจยามราตรีถูกฆ่าอย่างสยดสยอง เธอไม่เห็นนอสนอกจากเงาสีดำที่วูบไปวูบมา พุ่งผ่านแฟนาติกตัวไหน มันก็ถูกบั่นคอโดยไม่รู้ตัว! ฟุ่บ! อะไรบางอย่างโผล่มาอยู่ทางด้านหลัง หญิงสาวจึงหันไปมอง นอสกลับมาอยู่ใกล้ ๆ เธอแล้วแต่สภาพของเขาทำให้เธอแทบจะกระโดดถอยไปห่าง ๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดที่ส่งกลิ่นคาวชวนอาเจียน เจ้าตัวถุยเศษเนื้อในปากทิ้ง คาดว่าเมื่อกี้คงกัดและดูดเลือดแฟนาติกมาสักตัว “ถ้าอยากตายนัก ก็เข้ามา” เจ้าตัวควงดาบคู่พลางเหยียดยิ้มเหี้ยม สัตว์ร้ายอีกบางส่วนทำได้แค่จ้องร่างสูงแต่ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังหายเข้าไปในความมืดเพราะรับรู้โดยสัญชาตญาณว่านี่ไม่ใช่แวมไพร์ธรรมดา ใช่ว่าพวกมันไม่เคยเจอราชวงศ์ แต่คนคนนี้ไม่สมควรหาเรื่องอย่างยิ่ง “นอส เจ้า...” เซลีน่าพูดอะไรไม่ออก มองไปทางไหนก็เห็นแต่ซากแฟนาติกจำนวนมากนอนตายเกลื่อนบนกองเลือด ทางด้านชายหนุ่มก็ทิ้งดาบลงพื้นเพราะมันไม่เหลือคมไว้สังหารใครแล้ว “วะ...แวมไพร์หน่วยขนส่งมีฝีมือขนาดนี้เชียวเหรอ” “เปล่า” นอสหันกลับมาด้วยรอยยิ้มสดใสผิดจากเมื่อครู่ลิบลับ “ขอโทษนะ ข้าลืมบอกเจ้าไปอย่างหนึ่ง พอดีว่าก่อนที่ข้าจะมาอยู่หน่วยขนส่ง ข้าเคยอยู่หน่วยล่าสังหารมาก่อน” “!!!”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 10 กำแพงที่ถูกทำลาย
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A