บทที่ 13 ตบะแตก 1   1/    
已经是第一章了
บทที่ 13 ตบะแตก 1
ธารทิพย์ใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น สาเหตุเป็นเพราะวันนี้บุรินทร์จะพาหล่อนไปพบมารดาที่บ้าน แม้ว่าบุรินทร์จะบอกล่วงหน้าก่อนสองวัน ทว่าความตื่นเต้นไม่จางหาย ในวันจริงความตื่นเต้นกลับเพิ่มทบทวี หล่อนพยายามทวนเรื่องราวที่เตี๋ยมไว้กับเขาให้ขึ้นใจ ตั้งสมาธิจะได้ไม่ปล่อยไก่ให้ประภาพรหรือเจน่าจับได้ “พร้อมหรือยัง” บุรินทร์หันมาถามธารทิพย์ที่นั่งหน้าคล้ายแบกโลกไว้ทั้งใบ “หน้าทุกข์ซะขนาดนี้ พี่น็อตว่าน้ำพร้อมหรือเปล่าล่ะ” บุรินทร์ยิ้ม ยื่นมือมาจับปลายคางหล่อนแล้วขยับใบหน้าหล่อนไปซ้ายทีขวาที “หน้าทุกข์ซะที่ไหน หน้าตาน่ารักจะตายไป ไม่งั้นคงไม่เป็นแฟนพี่หรอก” “พี่น็อตก็รู้ว่ามันเป็นแค่เรื่องสมมุติ เราไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ” ธารทิพย์ปัดมือเขาออก ใจห่อเหี่ยวกับคำพูดของตัวเอง “ก็เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง น้ำถึงได้กลุ้มอยู่นี่ไง กลัวว่าตัวเองจะทำได้ไม่ดีพอ ถ้าเกิดแม่พี่จับได้ล่ะก็ ท่านต้องเกลียดขี้หน้าน้ำไปตลอดชีวิตแน่ๆ” ธารทิพย์พูดไปกลุ้มไป ชักเริ่มไม่อยากทำตามข้อตกลง อยากก้าวลงจากรถแล้วนั่งรถแท็กซี่กลับห้องพักวารุณีมากกว่า “ไม่หรอกน่า น้ำของพี่เก่งจะตายไป ไม่งั้นพี่คงไม่เลือกให้น้ำช่วยพี่” เขาปลอบ “พี่เชื่อว่าน้ำทำได้ แล้วทำได้ดีด้วย” ธารทิพย์ยิ้มกับคำปลอบใจของบุรินทร์ ที่ดูคล้ายกับว่าเพิ่มกำลังใจให้หล่อนไปในที อีกทั้งคำพูดที่ว่า ‘น้ำของพี่’ ยิ่งเพิ่มพลังใจให้หล่อนมากขึ้น มีแรงฮึดสู้ขึ้นทันใด “ได้ค่ะ น้ำจะทำให้ดีที่สุด ให้สมกับที่พี่น็อตไว้ใจน้ำ” “ดีมาก อย่างนี้สิคนเก่ง” บุรินทร์ให้กำลังใจเป็นคำพูด วางมือลงบนศีรษะหล่อนแล้วโยกเบาๆ “ลงรถได้แล้ว ป่านนี้คุณแม่กับปะป๋าคอยแย่แล้ว” ธารทิพย์รวบรวมความกล้าด้วยการสูดลมหายใจเข้าปอด แม้ว่าความมั่นใจจะไม่เต็มร้อย ทว่า ธารทิพย์ก็จะทำให้ดีที่สุด ไม่ใช่สิ ต้องพูดว่าต้องทำให้ได้ เพราะไม่อย่างนั้นบุรินทร์ก็จะต้องแต่งงานกับหญิงสาวคนอื่น หล่อนก็ต้องชีช้ำกะหล่ำปลี เสียใจร้องไห้ขี้มูกโป่ง หล่อนต้องทำให้ได้ ต้องทำให้ได้ ธารทิพย์ย้ำในใจ บ้านของบุรินทร์จัดว่าค่อนข้างใหญ่สมฐานะเจ้าของโรงแรมหลายแห่งในอิตาลี พอเดินเข้ามาในบ้านหล่อนก็ต้องอ้าปากค้างกับห้องโถงใหญ่ที่ตกแต่งอย่างเลิศหรู เฟอร์นิเจอร์ล้วนแล้วแต่มีราคา บนฝาผนังประดับด้วยรูปภาพหลายรูปที่เป็นของจิตรกรก้องโลก และที่โดดเด่นที่สุดคงเป็นภาพถ่ายรูปครอบครัวของบุรินทร์ที่ติดไว้ตรงกลาง ยังมีแจกันโบราณในยุคราชวงศ์ใดราชวงศ์หนึ่งที่อยู่ในตู้โชว์อีกหลายใบ ยังไม่หมดบ้านหลังนี้คงนิยมสะสมของเก่า เพราะหล่อนเห็นมันวางอยู่ในตู้โชว์เช่นกัน “เอ้า มัวแต่ยืนมองอยู่ได้ ไม่เคยเห็นหรือไง” บุรินทร์ถามธารทิพย์ที่สำรวจบ้านตนด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ก็ไม่เคยเห็นน่ะสิถึงมอง” ธารทิพย์ตอบกลับ ก่อนเถียงใส่ “อย่าลืมสิว่า น้ำเพิ่งมาบ้านพี่ครั้งแรกนะ ฉะนั้นไอ้ที่เห็นอยู่นี่ก็ครั้งแรก” “ต่อไปนี้คงมาบ่อยแล้วแหละ” บุรินทร์พูดเสียงไม่ดังนัก “พี่น็อตพูดว่าอะไรคะ” หล่อนได้ยินแว่วๆ จับใจความไม่ได้ “พี่บอกว่า รีบไปกันเถอะ พี่ไม่อยากให้คุณแม่กับปะป๋ารอนาน” ไม่พูดเปล่า เขาฉวยจับมือนุ่มไว้ แล้วจับจูงไปยังห้องนั่งเล่นที่อยู่ทางปีกซ้ายของบ้าน ขาทั้งสองข้างของธารทิพย์ขณะก้าวเดินเข้าไปในห้องค่อนข้างสั่น เป็นอาการที่ไม่ได้มาจากการสั่นสู้ หล่อนสั่นอยากวิ่งออกจากห้องนี้มากกว่า แต่ก็รู้ว่าสายเกินกว่าจะทำเช่นนั้น หล่อนต้องก้าวเดินและก้าวเดินไปข้างหน้า “ปะป๋าครับ คุณแม่ครับ น้ำแฟนผมครับ” บุรินทร์แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกับธารทิพย์ “สวัสดีค่ะคุณลุง สวัสดีค่ะคุณป้า” ธารทิพย์ทักทายและพนมมือไหว้บุพการีของบุรินทร์เป็นภาษาไทย เพราะเขาบอกหล่อนว่า ทอมสันบิดาเลี้ยงของเขาพูดภาษาไทยได้ “พูดจาไม่เพราะเลย” เสียงประภาพรดังขึ้นทันทีที่เสียงของธารทิพย์เงียบลง และด้วยน้ำเสียงรวมทั้งสีหน้าจริงจังของผู้พูด ทำให้ธารทิพย์ถึงกับหน้าเสีย ยังนึกสงสัยว่า ตนเองพูดจาไม่เพราะตรงไหน คะขาก็มี “ไม่เพราะตรงไหนคะคุณป้า” ธารทิพย์ถามเพื่อจะได้นำไปปรับปรุงแก้ไขให้นางพอใจ “ก็ตรงที่เรียกว่าคุณลุง คุณป้าไงล่ะ” พูดจบประโยคนี้ ใบหน้าประภาพรก็เปื้อนรอยยิ้ม “เรียกปะป๋ากับคุณแม่สิลูก น้ำเป็นแฟนน็อตนี่ จะมาเรียกลุงเรียกป้าได้ยังไง ไม่เพราะหูเลย” ธารทิพย์โล่งอก เบาใจไปเยอะกับคำตอบที่ได้รับ “เรียกใหม่สิลูก เรียกปะป๋า คุณแม่” ประภาพรสั่งมองธารทิพย์ด้วยสายตาเอ็นดู “คะปะป๋า คุณแม่” ธารทิพย์เต็มใจเรียกเป็นที่สุด “เรานี่ตาถึงเหมือนกันนะน็อต หนูน้ำน่ารักมากเลย” ประภาพรกล่าวชมว่าที่ลูกสะใภ้ ที่แทบจะตัวลอยกับคำชม “แม่ชอบ” หัวใจธารทิพย์เต้นแรงกับคำพูดประโยคนี้ของประภาพร ดีใจที่อีกฝ่ายให้ความเมตตาตน ทว่าหัวใจห่อเหี่ยวขึ้นทันใด เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ตัวเองไม่ได้เป็นคนรักของบุรินทร์จริงๆ หล่อนเป็นตัวหลอกที่คงต้องเจ็บปวดหัวใจตามระเบียบ “ขอบคุณในความเมตตาค่ะคุณแม่” ธารทิพย์ยกมือไหว้ประภาพร บุรินทร์กระพริบตาข้างเดียวให้มารดาโดยที่ธารทิพย์ไม่ได้สังเกตเห็น คล้ายส่งสัญญาณบางอย่าง คนเป็นแม่ยิ้มก่อนเปิดปากพูด “แม่ดีใจนะที่ได้เจอน้ำเสียที น็อตคุยเรื่องน้ำให้แม่ฟังบ่อยๆ ดีนะที่น็อตบอกแม่เร็ว ไม่อย่างนั้นแม่จับน็อตแต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนแม่แล้ว” ประภาพรเกริ่น “แม่อยากเห็นน็อตหอมแก้มหนูน้ำ น็อตหอมแก้มน้ำให้แม่ดูได้ไหมลูก” ธารทิพย์ถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก แก้มทั้งสองข้างรู้สึกถึงความร้อน หันมามองหน้าบุรินทร์ที่หันมายิ้มให้ พร้อมกับกระพริบตา ราวกับจะบอกว่า เขาจะทำตามที่มารดาต้องการ ‘จะหอมจริงเหรอ ไม่นะ...ไม่’ ธารทิพย์ร้องในใจ แต่ปากก็ไม่กล้าค้าน ยิ่งเห็นใบหน้าบุรินทร์ขยับเข้ามาใกล้และใกล้ ธารทิพย์ยิ่งทำอะไรไม่ถูก ทว่าอีกใจก็คิดว่า คงทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนตัวแข็งทื่อให้บุรินทร์หอมแก้มตน “พอใจไหมครับคุณแม่” บุรินทร์ถามมารดา หยักคิ้วให้ด้วย “อีกข้างสิลูกจะได้เท่าเทียม อีกข้างไม่น้อยใจ” ประภาพรบอก ธารทิพย์ทำหน้าตกใจ ไม่เคยคิดมาก่อนว่า แก้มมีน้อยใจด้วย เป็นอีกครั้งที่หล่อนยังไม่ทันได้ปฏิเสธ บุรินทร์ขยับตัวมาหอมแก้มธารทิพย์อีกข้าง หอมแบบสูดความหอมเข้าปอดลึกๆ เหมือนแก้มอีกข้างด้วย แม้ว่านิสัยธารทิพย์ติดทโมนเหมือนผู้ชาย เจอแบบนี้เข้าไปถึงกับไปไม่เป็น ทำตัวไม่ถูก ทั้งอายและเขิน บุรินทร์เห็นอากัปกิริยาของธารทิพย์ตอนนี้แล้วก็อยากจะกดจมูกสูดดมกลิ่นหอมจากพวงแก้มหล่อนซ้ำๆ หลายครั้ง “เรียบร้อยครับคุณแม่” บุรินทร์บอกประภาพรที่ยิ้มหน้าแป้น “แม่ว่าเราไปกินข้าวกันดีกว่านะ วันนี้แม่ลงมือทำกับข้าวเองเลย ต้อนรับน้ำไงลูก” ประภาพรกับสามีลุกขึ้นเดินมาหาสองหนุ่มสาว นางเอื้อมมือมาจับมือธารทิพย์แล้วส่งยิ้มให้ “แม่ดีใจมากที่น้ำจะมาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของแม่ แต่งงานกันเมื่อไหร่มีหลานให้แม่เลยนะ แม่กับปะป๋าอยากอุ้มหลาน” ธารทิพย์แทบจะสำลักลมหายใจของตัวเองกับ หล่อนไม่คิดว่าประภาพรจะคิดไปไกลถึงขั้นแต่งงานมีลูก หล่อนคิดแค่ว่า ประวิงเวลาให้บุรินทร์หาทางออกกับเรื่องนี้ หากประภาพรรู้ว่า หล่อนไม่ใช่คนรักของบุรินทร์ นางคงเสียใจและผิดหวังมาก
已经是最新一章了
加载中