ขอพิชิตใจตัวร้าย (ลานิล)   1/    
已经是第一章了
ขอพิชิตใจตัวร้าย (ลานิล)
“พี่วายุคะ กาแฟค่ะ”ลานิลยื่นถ้วยกาแฟไปตรงหน้าอีกคนที่ยังทำหน้ายุ่งขมวดคิ้วเข้าหากันอยู่ก่อนที่หญิงสาวจะส่งยิ้มเขินอายเมื่อชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเจ้าตัว “ขอบใจนะนิล” เธอยิ้มรับก่อนที่สายตาจะมองวายุที่กำลังจ้องโทรศัพท์ทำหน้าเครียดมาตั้งแต่เธอเดินเข้ามาเสิร์ฟกาแฟให้เขา “มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ พี่วายุ” “รินไม่รับโทรศัพท์พี่เลย” ประโยคของอีกคนทำเอารอยยิ้มเธอสะดุดในใจรู้สึกคันยิกๆขึ้นมาด้วยความไม่ชอบใจที่ตัวเองกำลังรู้สึกไม่ดีอย่างนี้ เธอพยายามห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ให้คิดมาก แต่ก็กังวลทุกครั้งที่เขาดูจะสนใจไพริน หญิงสาวพอรู้ว่าพวกเขาสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กมันเลยอดไม่ได้ที่จะนึกกังวลและระแวง “คุณไพรินอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้ค่ะ” ลานิลตอบกลับเอ่ยฝืนใจพูด เดี่ยวนี้ไม่รู้ทำไมชายหนุ่มถึงได้ดูแคร์ดูสนใจอีกคนมากผิดปกติเวลาอยู่กับเธอไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเอ่ยถึงหญิงสาวหรือทำท่าทีว่ากำลังคิดถึงอยู่ แต่ดูตอนนี้สิ... “แต่รินไม่เคยเป็นแบบนี้” เสียงดูค่อนข้างจะใส่อารมณ์ตอบกลับเธอมาทำเอาลานิลนึกใจสั่นแววตาของหญิงสาวแสดงประกายความไม่ชอบใจฉายขึ้น “งั้นเหรอคะพี่วายุ” เธอตอบเขาเสียงดูจะเศร้า ก่อนจะแสดงสีหน้าตกใจเมื่ออยู่ๆเขาก็ลุกขึ้นยืน “นิลเดี่ยวพี่มานะ” “พี่วายุจะไปไหนคะ” “พี่จะไปบ้านริน” ลานิลเม้มปากแน่นนี้เขาดูไม่ออกเหรอว่าเธอกำลังน้อยใจใส่อยู่ หญิงสาวเม้มปากเข้าหากันอย่างอึกอักไม่รู้จะรั้งอีกคนไว้ยังไงดีเพราะงานทุกอย่างที่เจ้าตัวต้องเซ็นต์ก็เร่งจนทำเสร็จหมดแล้ว อดนึกขึ้นมาในใจไม่ได้ว่าที่เขาเร่งทำงานมาสองสามวันนี้เพื่อจะรีบไปหาอีกคนรึเปล่า... “พี่วายุ” ลานิลได้แต่เอ่ยชื่อเขาเสียงแผ่วไม่รู้จะพูดรั้งเขาไว้ยังไงใบหน้าสวยฉายแววกังวลใจไปให้เขา “นิลครับ พี่แค่เป็นห่วงรินในฐานะน้องสาวเองเราอย่าคิดมากเลยนะ” เหมือนชายหนุ่มจะรู้แล้วว่าเธอกำลังรู้สึกยังไงมือหนายื่นมาลูบที่แก้มเนียนของหญิงสาวอย่างรักใคร่ ลานิลฝืนยิ้มทำสีหน้าเข้าใจอีกคนหญิงสาวพยายามบอกกับตัวเองไม่ให้คิดมากจนเกินไปยังไงพี่วายก็แค่เป็นห่วงไพรินในสถานะที่โตด้วยกันมาตั้งแต่เด็กเท่านั้น ยังไงคนที่เขารักก็คือเธอ “ยัยริน” ไพรินที่กำลังนั่งเบื่อๆเงยหน้าขึ้นมองไปทางเสียงเรียกเห็นคุณย่ากำลังเดินมาหาเธอ “คะ? คุณย่า” หญิงสาวลุกขึ้นยืนไปประคองร่างของหญิงวัยชราก่อนจะพานั่งลงข้างตัว “เบื่อรึไง” เหมือนคุณย่าจะดูเธอออกที่นี้ห้างใหญ่ๆก็ไม่มีให้เธอเดินเที่ยวเหมือนในตัวเมืองแล้วเธอก็ไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนเหมือนกันจะเบื่อขึ้นมาก็ไม่แปลก “ก็นิดหน่อยค่ะ แต่รินกำลังดูดอกเบญจมาศถึงจะขึ้นมาน้อยแต่สวยมากเลยนะคะ” เธอเอ่ยตอบก่อนมองดอกเบญจมาศที่คุณย่าปลูกเอาไว้ถึงจะมีไม่มากเท่าไหร่แต่สีสันที่ดูสวยของมันทำให้เธอดูเพลินจนลืมเวลารู้สึกเบื่อไปได้ “มีตั้งเยอะที่สวนสาธารณะหลังบ้านเราถ้าชอบก็ลองเดินไปดู” ตุณย่าพูดขึ้นมาถึงสวนสาธารณะเอาจริงๆตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นเธอก็ไม่เคยได้เดินไปที่นั้นอีกเลย “แล้วสวนสาธารณะอยู่แถวไหนกันค่ะคุณย่า” หญิงสาวแกล้งเอ่ยถามถึงเธอจะรู้อยู่ก็ตามแต่เพราะคุณย่ายังไม่รู้ว่าเธอซนเผลอวิสาสะเดินไปเปิดประตูกำแพงหลังบ้านเองก่อน “เห็นกำแพงหลังบ้านนั้นไหมต้นไม้ของย่าอาจจะบังอยู่มันมีประตูที่ย่าทำไว้เผื่อวันไหนอยากจะไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะจะไปไปง่ายขึ้น” “จริงเหรอคะคุณย่า รินไม่เคยจะสังเกตเห็นเลย” เธอผิดศีลข้อสี่ไปมากอยู่เหมือนกันยิ่งโกหกคุณย่าแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยจะดีขึ้นเรื่อยๆ “ลองไปดูนะที่นั้นเขาปลูกเอาไว้จนเต็มสวน บ้านเราใกล้กับทางหลังของสวนสาธารณะอาจจะเห็นแค่สระบัวแต่ลองเดินไปดูไม่ไกลก็จะได้เห็น” “งั้นรินขอไปดูเลยนะคะ” “ไปเถอะ ย่ารู้ว่าอยู่กับคนแก่คงจะมีเบื่อๆบ้าง” คำพูดคุณย่าทำเอาร่างบางต้องเข้าไปอ้อนบอกด้วยความรู้สึกจริงว่าการมาดูแลท่านไม่ใช่สิ่งที่น่าเบื่อแต่เป็นสิ่งที่เธออยากทำ เธอลองเดินมาตามที่คุณย่าบอกตลอดทางก็ไม่ลืมจะสังเกตดูด้วยว่ามีงูเห่าหรืองูมีพิษอะไรเลื้อยอยู่รึเปล่าเพราะเรื่องตอนนั้นยังรู้สึกเข็ดอยู่ไม่หาย “เจอแล้ว” ไพรินเอ่ยกับตัวเองเมื่อลองเดินมาสักพักก็เจออย่างที่คุณย่าบอกเอาไว้จริงๆดอกเบญจมาศบานเต็มพื้นที่สวนบริเวณนี้ของสวนสาธารณะ เวลาตอนนี้ยังนับว่าเช้าอยู่ทำให้คนที่อยู่ตรงนี้ไม่ค่อยจะมีมากเท่าไหร่ ดวงตากลมเหมือนลูกแมวน้อยมองดูวิวสวยงามด้านหน้าตัวเองอย่างนึกชอบใจที่ได้เห็นมัน ขาเรียวก้าวเดินไปชมพวกมันใกล้ๆมีตั้งแต่สีขาวสีเหลืองสีส้มสีชมพูและสีแดงนี้เขาเอามาปลูกไว้ทุกสีเลยรึไงพอมีอยู่มากขนาดนี้แล้วยิ่งสวยดูมีสีสันไม่น้อย เธอก้าวเดินเข้าไปใกล้มันมากขึ้นอีกอย่างนึกชื่นชมจนเผลอไม่ระวังว่าตรงนั้นพื้นมันเปียกนำ้จนดินแฉะ หญิงสาวรู้สึกใจหายวาบเมื่อตัวเองกำลังจะลื่นล้มหน้าคะมำเตรียมลงไปสัมผัสกับหมู่ดอกไม้อยากจะดูใกล้ๆแต่แบบนี้มันใกล้เกินไปละมั่งร่างของเธอกำลังจะล้มลงหญิงสาวนึกเตรียมใจสิ่งที่จะเกิดขึ้นตรงหน้า แต่แล้วเอวบางของหญิงสาวดันถูกรวบกอดเอาไว้จากทางด้านหลังเสียก่อนจะล้มลงภายใต้อ้อมกอดของใครบางคน “พี่ธาวิน!” ใบหน้าสวยหันไปมองก่อนจะเอ่ยชื่อคนที่เข้ามาช่วยตัวเธอเอาไว้ เธอลืมถึงการขยับตัวหนีจากอ้อมกอดมองคนตรงหน้าด้วยแววตาตกใจไม่น้อย “ทำไมถึงไม่ระวัง” เสียงตำหนิดูไม่จริงจังเท่าไหร่เอ่ยขึ้น เขาดึงให้เธอได้กลับมาตั้งหลักเหมือนเดิมแต่มือหนาที่กอดเอวเธอไว้อยู่ก็ยังไม่คลายออกไปให้เป็นอิสระ “ดื้อ” เสียงทุ้มดูนุ่มนวลเอ่ยข้างใบหูของร่างบางทำเอาคนที่โดนดุพลันรู้สึกหูเริ่มจะแดงแก้มเนียนก็พาลเป็นไปเหมือนกัน ดวงตาของชายหนุ่มมองกิริยาธรรมชาติของหญิงสาวอย่างนึกชอบใจก่อนจะคลายอ้อมกอดปล่อยให้อีกคนเป็นอิสระ ไพรินหันกลับไปมองเขาในใจพยายามห้ามความรู้สึกบ้าๆของตัวเองไม่ให้คิดอะไรกับเหตุการณ์เมื่อกี้ถึงจะไม่ได้ชอบเขาแต่พอคนที่หล่อมากอย่างคนตรงหน้ามาทำแบบนี้ใส่มันก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว ก็บอกแล้วว่าเธอไม่ใช่คนที่ตายด้านไม่รู้สึกอะไรกับคนหล่อสักหน่อย... “ขอบคุณค่ะ” “คิดจะเด็ดมันหรือไง” เขาคงเห็นว่าเธอกำลังจะล้มลงไปเพราะอยากจะเข้าไปใกล้เพื่อจะเด็ดดอกเบญจมาศสวยนั้นมาชม “เปล่าค่ะ ก็แค่อยากดูใกล้ๆเท่านั้นเอง”ธาวินไม่ได้ตอบอะไรกลับไปให้หญิงสาว ชายหนุ่มเลื่อนสายตาไปมองดูดอกเบญจมาศหลากสีสันก่อนขายาวจะก้าวไปใกล้และเด็ดมันมาหนึ่งดอกลินินมองการกระทำของร่างสูงอย่างนึกสงสัยว่าเขากำลังจะทำอะไร ชายหนุ่มยื่นดอกไม้เบญจมาศสีแดงที่เด็ดนั้นมาตรงหน้าของเธอ “คะ?” หญิงสาวขานขึ้นมายังไม่กระจ่างกับการกระทำของอีกคนที่เหมือนจะมอบมันให้กับเธอ “เหมาะกับเธอดี” ประโยคของธาวินทำให้แก้มเนียนของหญิงสาวแดงระเรื่อสวยงามจนดูน่าหลงใหลขึ้นมา เขาที่ได้ชมยกยิ้มอย่างพอใจแววตาของชายหนุ่มมองร่างบางอย่างให้ความสนใจ เธอคงจะรู้ความหมายของดอกเบญจมาศสีแดงว่ามันหมายถึงอะไร... ‘ดอกเบญจมาศสีแดงมันแสดงถึงความรักใคร่ชอบพอ’ ต่อคนที่ได้ให้ ไพรินมองอีกคนที่ยื่นดอกเบญจมาศมาให้เธอเอาตรงๆพอเธอรู้ความหมายของมันแล้วก็พาลรู้สึกแก้มแดงร้อนผ่าวขึ้นมาซะอย่างงั้นรอบๆตัวของเรามีคนอยู่บางเบาและทุกคนต่างก็เหมือนจะมาเป็นคู่จึงดูไม่ได้สนใจอะไร หญิงสาวยื่นมือไปรับเอาไว้เธอมองดอกเบญจมาศสีแดงด้วยแววตาที่ดูหลายอารมณ์ใบหน้าสวยเงยหน้าไปสนใจชายหนุ่มเขายังคงมองมาที่เธอ นึกคิดว่าตัวเองหวั่นไหวง่ายเกินไปรึเปล่าแต่จริงๆแล้วตั้งแต่ยังไม่ได้มาเข้าร่างของไพรินในชีวิตของเธอไม่เคยจะมาอยู่ในสถานการณ์ที่ชวนคิดแบบนี้ ปกติชีวิตคิดแต่เรื่องต้องทำงานอย่างเดียวสมองคิดแต่หาเงินเพราะเธอมันตัวคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบตัวเองให้ได้เรื่องความรักสำหรับเธอนะรู้ตัวว่าตัวเองอ่อนหัดอยู่มาก อารมณ์อะไรก็หวั่นไหวได้ง่ายๆเธอรู้สึกเขินคนตรงหน้าแต่มันก็แค่เขินธรรมดายังไงซะภายในใจก็ยังมีอีกคนไม่คิดจะเปลี่ยน อีกอย่างคนตรงหน้าก็ดูมีอะไรที่ทำให้รู้สึกไม่น่าไว้วางใจได้อยู่ภายในลึกๆ “รินต้องขอบคุณไหมคะในเมื่อพี่ธาวินเด็ดมานั้นมันของสวนสาธารณะ” ใบหน้าสวยตอบกลับอย่างร่าเริงเธอส่งยิ้มดูมีความสุขให้เขาก่อนจะเบนสายตาหันไปมองหมู่ดอกเบญจมาศทั้งหลายแทน “อยากได้ไหม” ดวงตาของหญิงสาวหันไปมองเขาอีกครั้งขึ้นเธอกระพริบตาปริบๆสองสามทีอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจคำถามของเขา “อยากได้อะไรคะ?” “ดอกไม้ที่ฉันเอามาเองไม่ใช่เด็ดจากแถวนี้ให้” เขาพูดด้วยนำ้เสียงดูให้ชวนหลงมึนเมาแววตาประกายถูกส่งมาให้เธอ ไพรินรู้สึกเหมือนไม่ได้คิดไปเองว่ากำลังถูกอีกคนรุกใส่ ดูยังไงคำพูดและการกระทำของเขาก็ไม่ใช่เอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวแน่ๆเธอไม่ได้ซื่อจนดูอะไรไม่ออก “ไม่เอาหรอกค่ะมองมันจากต้นแบบนี้อยู่ได้นานกว่า” เธอเลือกจะเอ่ยเสียงใสทำเป็นไม่เห็นท่าทีที่แสดงออกอย่างนั้นของอีกคน “ตอบไม่ตรงคำถาม” “...” “พี่รอฟังอยู่ว่าเราอยากจะได้จากพี่รึเปล่า” เขาอยากจะให้เธอพูดแค่ว่าอยากได้หรือไม่อยากได้สินะ
已经是最新一章了
加载中