ขอพิชิตใจตัวร้าย (ตอนเด็ก)
1/
ขอพิชิตใจตัวร้าย (ตอนเด็ก)
ขอพิชิตใจตัวร้าย
(
)
已经是第一章了
ขอพิชิตใจตัวร้าย (ตอนเด็ก)
หญิงสาวมองสายตาประกายแววับเมื่อมองที่เธอในดวงตาดูมืดสนิทนั้นเขาดูจะเปิดเผยให้เธอได้รู้ว่าคิดยังไงอยู่อย่างไม่คิดจะปิดบัง ถึงจะเคยรู้สึกเขินอีกคนแต่มันก็เป็นแค่ความไม่ชินที่โดนทำแบบนี้ใส่อย่างว่าเธอเองไม่ได้เจอแบบนี้เข้าบ่อยๆสักหน่อยแต่ก็ไม่ได้จะคิดอะไรเกินเลยกับอีกคน มันก็ให้ความรู้สึกแค่เหมือนคนที่สนิทใจกันได้สถานะมากสุดแค่พี่ชายที่รู้จักละนะ ไม่ได้หลงตัวเองเอาจริงๆเธอมีความรู้สึกระแวงอีกคนอยู่มันก็ไม่ได้จางหายออกไปจากความคิดของเธอจากตอนแรกจนถึงตอนนี้ ร่างสูงยังคงดูลึกลับและไม่น่าไว้ใจตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกหลายจุดที่ทำให้รู้สึกสะดุดกับอีกคนแต่เพราะเลือกจะปล่อยผ่านไปยังไงซะอีกไม่นานเธอก็ต้องกลับไปบ้านและฝึกงานเพื่อจะได้ช่วยคุณพ่อดูแลบริษัท “รินไม่อยากได้ค่ะ” เธอตอบแบบเสียงราบเรียบก่อนจะเลิกสนใจคนข้างกายกลับมามองดูดอกไม้อีกครั้งแทน “ฟังดูน่าหงุดหงิด” ไพรินฟังคำพูดนั้นรู้สึกประหลาดใจอยู่ ไม่คิดว่าเขาจะตอบแบบนี้มาใส่เธอ “จะทำอะไรกันค่ะ” หญิงสาวไม่ได้เอ่ยอย่างตื่นๆเหมือนทุกครั้งนำ้เสียงเอ่ยกดตำ่มองดูร่างสูงที่ขยับมาใกล้อย่างรวดเร็วกำลังจะพยายามตัวห่างห่างแต่แขนแกร่งดันกักขังเธอเอาไว้ในอ้อมกอดได้ซะก่อน ก่อนที่เขาจะเอ่ยกระซิบข้างหูของเธอ “หวังเป็นอีกคำตอบซะอีก” เสียงโทนตำ่กระซิบข้างหูสายตาเธอหันไปมองใบหน้าหล่อของอีกคนที่ตอนนี้ดูจะอันตรายไม่ไม่คิดจะปิดฉายแววชัดขึ้นมาแววตาเขาเหมือนกับงูพิษร้ายพร้อมจะกัดกระชากเหยื่อ เธอมองสบสายตานั้นอย่างไม่ยอมหลบก็คิดไว้อยู่แล้วว่าที่อีกคนแสดงมามันดูไม่จริงแต่ไม่คิดว่าเขาจะเผยตัวตนที่แท้จริงให้เธอเห็นเร็วแบบนี้... หรือมันหมดเวลาที่จะมาเล่นละครตบตาแล้วรึไงกัน...? เสียงโทรศัพท์ของเธอที่ดังขึ้นมา เขาผละออกจากเธอพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาหนึ่งประโยค“ไว้เจอกันใหม่” ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนี้เห็นแค่แผ่นหลังที่เดินห่างไปไกลเท่านั้น “ค่ะพี่วายุ” ร่างบางเลือกจะปัดความรู้สึกนั้นลงไปก่อนและกดรับสายที่ตลอดหลายวันเธอเลือกจะเมินเฉยมันไป ได้ยินเสียงปลายสายที่บ่นออกมาเป็นชุดใหญ่ . . . เหตุการณ์ก่อนที่ธาวินจะไปเจอไพรินที่สวนสาธารณะ “สายคนใหม่รายงานมาแล้วครับ” ธาวินที่กำลังนั่งจิบกาแฟร้อนอยู่วางถ้วยกาแฟลงอย่างไม่มีท่าทีรีบร้อน‘สายคนใหม่’ เป็นคนที่มาแทนคนเก่าเพราะเพลิงกัลป์จับได้ไล่ทันไปแล้ว อีกคนเก่งไม่เบาเพราะคนนั้นเป็นคนที่เค้าไว้ใจค่อนข้างสูงแต่แผนที่เขาคิดวางเอาไว้มันไม่ง่ายดายขนาดนั้นคนที่เพลิงกัลป์จับได้เสมือนเป็นตัวหลอกยังมีอีกคนที่เขาให้คอยตามสืบข้อมูลไป “ว่ามา” “นี่คือรูปที่ถ่ายได้ครับท่าน” เขามองดูรูปที่ถ่ายจากในระยะไกลพอให้ไม่สังเกตเห็นเพลิงกัลป์กับผู้หญิงที่น่าจะชื่อว่าลานิลกำลังยืนกอดกันอยู่ เพลิงกัลป์น่าจะรู้ว่าโดนสะกดรอยตามแล้วครั้งต่อไปควรระวังตัวไม่ยุ่งกับใครให้ต้องมาตกเป็นเป้าหมายแบบนี้แต่นี้พึ่งผ่านไปได้ไม่นานรูปภาพเหตุการณ์แต่ละช็อตที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์บางอย่างของทั้งสองกลับฉายมาให้ธาวินได้เห็นมือหนาหยิบรูปที่มองเห็นแววตาของเพลิงกัลป์ได้ชัดสุดขึ้นมาดู แววตาที่ดูห่วงใยและกังวลนั้น ดวงตาดั่งงูพิษร้ายของธาวินหยิบอีกรูปที่ฉายชัดถึงสีหน้าแววตาเศร้าสร้อยของหญิงสาวขึ้นมาดูสีหน้าแววตาของเจ้าหล่อนทำเอาเพลิงกัลป์ห่วงถึงขนาดลืมระวังตัวไปเสียสนิท... การพบกันครั้งแรกของเพลิงกัลป์และลานิล “นั้นใครหรอครับป้า” เพลิงกัลป์ในวัยสิบขวบเอ่ยถามแม่บ้านของตนเองใบหน้าของเด็กหนุ่มมองเห็นผู้หญิงวัยผู้ใหญ่คนหนึ่งกับเด็กสาวที่ดูไม่คุ้นหน้า “พยาบาลส่วนตัวที่จะมาดูแลคุณท่านค่ะคุณเพลิงรู้สึกว่าเขาขออนุญาตเอาลูกสาวมาด้วยโรงเรียนปิดเทอมเธอไม่กล้าปล่อยเอาไว้ที่บ้านคนเดียว” แม่บ้านวัยกลางคนอธิบายให้คุณหนูของตนเองเข้าใจ เพลิงกัลป์มองสองร่างนั้นครู่หนึ่งจนใบหน้าของเด็กผู้หญิงที่มาด้วยจะหันมามองตนเองเด็กสาวในชุดสีชมพูส่งรอยยิ้มเป็นมิตรทำท่าเหมือนอยากจะเอ่ยเรียกเขาจึงรีบหันหลังและเดินหนีเข้าห้องตัวเองไป “อ้าว” ทำไมถึงได้เดินหนีเธอกันละ “นิลเรามองอะไรอยู่” “แม่คะนิลเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นพอนิลจะทักเขาก็เดินหนีนิล” เด็กสาวพูดด้วยนำ้เสียงเจือแจ๋ว “น่าจะเป็นคุณหนูของบ้านนิลทำตัวดีๆละอย่าซนให้แม่ต้องได้ดุนี้ไม่ใช่บ้านเรา” “ค่ะแม่ นิลจะไม่ดื้อไม่ซน” เด็กสาวตัวเล็กเดินออกมาสำรวจนอกบ้านหลังใหญ่โตเธอมองมันอย่างอ้าปากค้างพอเทียบกับบ้านที่เธออยู่แล้วบ้านของเธอเหมือนรูหนูไปเลย “ว้าว ดอกกุหลาบสีขาวเต็มไปหมดเลย” สายตาเด็กสาวพลันไปสะดุดกับกลุ่มดอกกุหลาบสีขาวที่ปลูกไว้เต็มพื้นที่หนึ่งด้วยแววตาตื่นเต้นขาเล็กวิ่งไปหามันอย่างนึกสนใจ “สวยจังสวยไปหมดเลย” ตาของเธอลุกวาวมือเล็กกำลังจะเอื้อมไปแตะมันแต่มีเสียงห้ามดังขึ้นมาก่อน “คิดจะทำอะไรออกมา!” เสียงที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้เด็กสาวหันไปมองพร้อมหน้ายู่ใส่คนพูด เด็กผู้ชายตอนนั้นเอง “เราก็แค่จะจับไม่ได้ตั้งใจจะทำไม่ดีสักหน่อย” ทำไมต้องดูโมโหกันขนาดนั้นดวงตากลมใสมองเด็กหนุ่มที่สาวเท้าเข้ามาหาเธอใบหน้าเจ้าตัวยังไม่คลายความโมโหลง “ไม่ให้จับ” “ทำไมกันละเราจับเบาๆก็ได้” “ไม่ให้จับไง” เพลิงกัลป์ในวัยสิบขวบรู้สึกหวงดอกกุหลาบสีขาวพวกนี้ยิ่งกว่าอะไรเพราะคนที่ปลูกและดูแลมันมาตลอดคือแม่ของเขาถึงท่านจะจากไปแล้วแต่ของชิ้นสุดท้ายที่เหมือนเป็นตัวแทนของแม่ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกหวง “ฮึกใจร้าย!” “เฮ้ย! เรื่องแค่นี้ก็ร้องไห้รึยังไง” เด็กหนุ่มอึ้งไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะร้องไห้ออกมาร่างของเด็กสาวลงไปนั่งร้องไห้ที่พื้นหญ้าเอามือปิดหน้าจากเมื่อกี้ที่รู้สึกโมโหตอนนี้เขารู้สึกตกใจและทำอะไรไม่ถูกแทน นำ้ตาของผู้หญิงเด็กหนุ่มไม่อยากจะเห็นพาลทำให้คิดถึงวันนั้นวันที่แม่นั่งร้องไห้เสียใจ “เอ่อเธอ” “ฮึกเราแค่จะจับเอง” “ฉันขอโทษ” เด็กหนุ่มนั่งลงไปนั่งข้างหน้าเด็กสาวมองดูเธอที่กำลังเช็ดนำ้ตาออกจากหน้าอย่างลวกๆ “บอกเราดีๆก็ได้ฮึกตะโกนแบบนี้ไม่ชอบเลย” เธอบอกเขาไปสะอื้นไป “รู้แล้วๆ” เด็กหนุ่มเอ่ยรับอย่างปัดรำคาญก่อนทั้งสองคนจะลุกขึ้น “นายชื่ออะไรเหรอ” “ทำไมต้องบอกเธอ” “ฉันชื่อนิลนะชื่อจริงลานิล” เด็กสาวชิงเอ่ยบอกก่อนใบหน้าใสน่ารักยิ้มกว้างอย่างอยากจะผูกมิตรแต่ก็ต้องกลับมายู่หน้าเหมือนเดิมเมื่อเขาไม่คิดจะฟังเดินหนีเธออีกครั้ง “นี้บอกชื่อเราก่อนสิ” เธอตะโกนไล่หลัง “เราบอกชื่อเรากับนายแล้วนะตานายบอกกับเราแล้ว” “นายบะ-“ เด็กสาวกำลังตะโกนอีกครั้งหนึ่งใส่เขาแต่เสียงของเด็กหนุ่มก็แทรกขึ้นมาก่อน “เพลิง” “นายชื่อเพลิงเหรอ ชื่อเท่จัง” เด็กสาวยิ้มหวานที่อีกคนยอมเปิดใจให้เธอแล้วบ้าง หลังจากวันนั้นเป็นเวลานานหลายปีที่แม่ของลานิลต้องมาดูแลพ่อของเพลิงกัลป์ที่ป่วยหนักงานทุกอย่างในบริษัทแทบจะหยุดชะงักแต่ดีที่คุณพ่อของวายุเข้ามาช่วยดูแลเมื่อแม่ของลานิลมาตอนไหนเด็กสาวก็จะมาด้วยเสมอจนทำให้การอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่ของเพลิงกัลป์เปลี่ยนไปหลายปีที่แม่ของเธอมาดูแลพ่อเขาทำให้เราได้รู้จักสนิทกันมากขึ้น จนมันทำให้เขาเกิดเป็นความผูกผันกับหญิงสาวและเริ่มจะตกหลุมรักอีกคนไป . . . ตอนปัจจุบัน “คุณหนูปวดหัวรึเปล่าคะ” ปลาเอ่ยถามคุณหนูที่เดินเข้ามสิด้วยท่าทางผิดปกติเหมือนจะไม่สบาย “เปล่า ปวดหูมากกว่า” “หูเหรอค่ะ ไปหาหมอไหมคะคุณหนู” เธอมองท่าทางดูตื่นๆของปลาแล้วก็อยากจะหัวเราะแต่ขำไม่ออกเพราะรู้ว่าอีกคนเป็นห่วงเธอ “ฉันไม่ได้เป็นไรหรอกแต่โดนบ่นจนหูชามานะ” เธอนั่งฟังวายุที่พอกดรับสายคำบ่นที่อีกคนน่าจะเก็บเอาไว้นานก็พลั่งพลูออกมาทำเอาจะเอ่ยขัดเอ่ยแทรกก็แทบจะหาจังหวะไม่ได้ บ่นอะไรอย่างกับคนแก่ “งั้นเหรอค่ะแล้วคุณหนูรับนำ้เย็นๆสักแก้วไหมคะ” “ฝากด้วยนะจริงสิถ้ามีขนมก็เอามาด้วยละฉันหิวข้าว” หญิงสาวนั่งลงที่โซฟานุ่มเอนตัวลงด้วยท่าทีสบายตัวมากที่สุด “พึ่งกลับมาหรือยังไง” เสียงของคุณย่าทำให้เธอหันไปมองเห็นท่านกำลังเดินลงมาจากบันไดบ้านชั้นสองร่างบางจึงรีบลุกขึ้นไปช่วยพยุงพาท่านมานั่งที่โซฟา “ค่ะรินพึ่งกลับมาเมื่อกี้เอง” “หน้าเราดูเหนื่อยๆนะ” มือเหี่ยวย่นยกมาลูบที่แก้มเนียนของเธอใบหน้าสวยแนบกับมือของท่านอย่างออดอ้อนใส่ “ไม่เลยค่ะแต่ปวดหูมากกว่า” “เป็นอะไรไปละยัยริน” มือของคุณย่าจากลูบที่แก้มก็เปลี่ยนมาเป็นจับหน้าเธอหันไปมาเหมือนจะสำรวจ “นำ้ได้แล้วคะคุณหนู นายหญิงจะรับนำ้ด้วยไหมคะ” ปลาเข้ามาวางนำ้เย็นๆที่ต้องการมาพร้อมคุกกี้ไว้ตรงโต๊ะกระจกใส “ไม่ต้องไปทำงานต่อเถอะ” คุณย่าท่านเอ่ยตอบก่อนจะบอกให้ปลาออกไป “รินไม่ได้เป็นอะไรคะแต่ปวดที่หูเพราะโดนพี่วายุบ่นจนเกือบชั่วโมงได้” เมื่อพูดเสร็จมือเรียวของเธอก็หยิบนำ้ขึ้นมาดื่มเข้าไปอึกใหญ่ “วายุงั้นเหรอนั้นสิสองปีได้แล้วมั่งที่ย่าไม่เจอหน้าเลยเพลิงกัลป์ก็เหมือนกัน” หญิงสาววางแก้วนำ้ลงเธอหันไปมองหน้าคุณย่าด้วยแววตาสงสัย คุณย่าจะรู้จักทั้งสองคนถึงไม่แปลกแต่สีหน้าเหมือนจะคิดถึงนี้มันอะไรกัน ทั้งสองคนสนิทกับคุณย่าขนาดนั้นเลยเหรอ... “พอเราพูดขึ้นย่าก็นึกถึงเรื่องตอนสมัยเด็กๆของเราทั้งสามคนพอดี” เธอยิ้มรับคำพูดคุณย่าท่านที่เหมือนจะกำลังรำลึกความหลังให้เธอฟัง “ตอนนั้นเราจำได้รึเปล่าที่เราเล่นซนจนเกิดเรื่องแต่ทั้งวายุและเพลิงกัลป์ก็ช่วยกันรับผิดแทนเราให้” วายุเธอไม่แปลกใจเพราะไพรินสนิทด้วยแต่เด็กแต่ชื่ออีกคนนี้สิ “พี่เพลิงก็ด้วยเหรอคะ” “ใช่นะสิพวกผู้ใหญ่รู้เห็นกันว่าเรานะทำแต่ทั้งสองคนก็ออกหน้ายอมรับให้แทนตอนนั้นเรานะหนีความผิดไปหลบอยู่ในห้องนู้น” เป็นเรื่องสมัยเด็กที่ได้ฟังแล้วทำให้เธอยิ้มออกจริงๆคุณย่าเองก็ดูมีความสุขที่ได้พูดขึ้นมา “รินเกเรมากจัง” “ที่สุดเลยละมั่งตัวแสบอย่างเรา ตอนนั้นก็เลยทำโทษทั้งสองคนไป” “ทำโทษยังไงคะ” “พ่อของเราตะโกนเสียงดังว่าจะตีทั้งสองคนจนกว่าไม้จะหักจริงๆไม่คิดจะทำหรอกแต่อยากให้เราที่อยู่ในห้องได้ยินมากกว่า” เธอฟังที่คุณย่าพูดก็ได้แต่ยิ้มไปกับทุกประโยค “รินออกมาไหมคะ” “ไม่นะสิพ่อเราถึงสมมติสถานการณ์เอาไม้เรียวตีไปที่พื้นจนเกิดเสียงดังแค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละเราก็วิ่งเข้ามากอดขาพ่อเราเอาไว้แน่นร้องไห้ฟูมฟายว่าตัวเองผิดเอง” เธอฟังคุณย่าพูดจนเพลินพอนึกภาพตามรอยยิ้มหวานก็ไม่หุบลงสักนิดเดียวมีแต่ยิ้มกว้างกว่าเก่า “แต่ที่ทำให้ขำคือทั้งวายุและเพลิงกัลป์ก็เอ่ยเถียงขึ้นว่าตัวเองเป็นคนผิดไม่ใช่เราตอนที่พวกย่าได้เห็นทั้งอยากจะขำทั้งรู้สึกสงสารตอนนั้นพวกเธอดูรักกันมากจริงๆ” ทุกประโยคที่คุณย่าเล่าจะมันผ่านนำ้เสียงที่ดูมีความสุขของท่านทุกคำ “เพลิงกัลป์นี้แคร์เรามากนะขนาดเราไม่ค่อยจะเล่นจะคุยกับพี่เขาแต่อีกคนก็เอ่ยยอมรับผิดแทนเราพร้อมกับวายุ”ร่างบางยิ้มกับประโยคของคุณย่า ที่ท่านพูดมาเธอก็อยากจะเห็นภาพพวกนั้นจังบรรยายกาศที่ดูรักกันดีของทั้งสามคน พอลองมามองตอนนี้แล้วใครจะคิดว่ามันมาไกลได้ขนาดนี้กัน “เราว่าวายุโทรมานิย่าอยากจะเจออยู่เหมือนกัน” “พี่วายุพอรินบอกว่าคุณย่าไม่สบายก็จะรีบมาวันพรุ่งนี้คะ” “งั้นเหรอแล้วเพลิงกัลป์ละ” คำถามของคุณย่าทำเอาเธอนิ่งกะทันหันไม่รู้จะเอ่ยตอบยังไงดี “ย่าอยากจะเห็นเราสามคนพร้อมหน้ากันอีกครั้งหนึ่งคงดีไม่น้อย” พร้อมหน้ากันอีกครั้งงั้นเหรอ..? ไม่ใช่ดีแน่นอนบ้านคุณย่าได้แตกแน่ถ้าทั้งสองมาเจอกันเข้าจริงๆ เธอนึกภาพทางบวกไม่ออกเลยความสัมพันธ์ของทั้งสองคนอยู่ในขั้นที่น่าจะเกินปรับความเข้าใจกันได้ทางที่ดีที่สุดคงเป็นการไม่ให้เจอกันน่าจะดีกว่า
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ขอพิชิตใจตัวร้าย (ตอนเด็ก)
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A