บทที่ 2. การพบกันอีกครั้ง... จบตอน
1/
บทที่ 2. การพบกันอีกครั้ง... จบตอน
อุ้มรักสลักทรวง
(
)
已经是第一章了
บทที่ 2. การพบกันอีกครั้ง... จบตอน
“ฟื้นเสียที..” เสียงใคร.. ทำไมไม่คุ้นเลยสักนิด.. สลักจิตขมวดคิ้วยุ่ง พยายามจะปรือเปลือกตาที่หนักอึ้งของตนขึ้น แต่ก็เหมือนว่ามันยากเย็นเสียเหลือเกิน แต่ในที่สุดเธอก็สามารถลืมตาขึ้นมาได้ ภาพเพดานสีขาวและดวงไฟสว่างจ้าที่ไม่คุ้นตาทำให้คิ้วเรียวขมวดปมยุ่งเหยิงเข้าไปอีกแต่เมื่อสามารถรวบรวมสติได้ค่อนข้างมั่นคงแล้วบวกกับกลิ่นที่เธอสัมผัสได้ทำให้รับรู้ว่าตอนนี้ตนอยู่ที่โรงพยาบาล... สลักจิตค่อยๆ กลอกตามองรอบๆ แล้วสายตาของเธอก็มาสะดุดตรงข้างเตียงที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง นี่เธอคงกำลังฝันแน่ๆ ถึงได้เห็นเทพบุตรมายืนอยู่ข้างเตียงเนี่ย เอ๊ะ หรือว่าตายแล้วหว่า ที่เห็นนี่คือยมทูต แต่ยมทูตหล่อขนาดนี้เลยเหรอ ก็น่าตายอยู่นะ.. ยายบ้า จะตายได้ไง ยังไม่มีแฟน ยังไม่ได้แต่งงาน ยังไม่ได้ทำงานที่ตัวเองรักเลย.. สลักจิตครุ่นคิดในใจไม่สามารถเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้รู้สึกเหมือนลำคอมันแห้งผาก และตอนนี้เธอต้องการน้ำเป็นที่สุด... “คนไข้ตื่นแล้วใช่ไหมคะ อาการเป็นอย่างไรบ้างคะ รู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนไหมคะ” เสียงหวานๆ ของหญิงสาวในชุดดขาวเดินเข้ามาแล้วก็มาพูดคุยกับเธอ สลักจิตมองหน้าพยาบาลนิ่งอยากจะบอกว่าตอนนี้หิวน้ำก็ไม่รู้ว่าจะได้กินไหม ในความฝันเราขอกินน้ำได้นี่.. เธอบอกตัวเองแล้วขยับปากพูดช้าๆ “น้ำ.. หิวน้ำ ขอกินน้ำได้ไหมคะ..” “ได้ค่ะ สักครู่นะคะ” แล้วสลักจิตก็ได้ดื่มน้ำดับกระหายและเมื่อดื่มน้ำจนพอแล้วก็เงยหน้ามองรอบๆ ด้วยความสงสัย ตอนนี้คงไม่ได้ฝันแล้วมั้ง.. นี่เรื่องจริง.. เธอกำลังอยู่ในโรงพยาบาลที่ดูหรูหราหมาเห่ามากๆ ทั้งพยาบาลก็สวย และที่สำคัญผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ เตียงของเธอนั้นหล่อมาก มากๆ ก.ไก่แปดแสนล้านตัว... สลักจิตตั้งใจสติของให้มั่นคงมากขึ้น “ไม่มีไข้แล้วนะคะ คุณหมอตรวจดูแล้วคนไข้ไม่มีบาดแผลหรือได้รับบาดเจ็บจนมีกระดูกแตกหรือหักนะคะ เย็นนี้ก็กลับบ้านได้แล้วค่ะ..” พยาบาลบอกผลการตรวจอย่างละเอียดและยังคงส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มคนนั้น สลักจิตนั่งพิงหมอนมองดูพวกเขาคุยกันเงียบๆ จนเมื่อพยาบาลขอตัวออกจากห้องไป พ่อเทพบุตรสุดหล่อก็หันมามองเธอ สลักจิตดึงตัวเองให้นั่งหลังตรงตัวตรงแล้วมองสบตาเขาอย่างเสียไม่ได้และนั่นมันทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอมันเต้นระส่ำรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งกาย... “เป็นไงบ้างสลักจิต..” น้ำเสียงนุ่มทุ้มอ่อนโยนเอ่ยถาม สลักจิตตาโต “รู้จักชื่ออุ้มด้วยหรือคะ” “รู้จักสิ..” เขายื่นบัตรนักเรียนให้เธอ สลักจิตรับมาแล้วยกมือไหว้เขาอย่างซาบซึ้งใจ เธอรอดปลอดภัยจากนายแสงโดยไม่ต้องคิดวิเคราะห์ใดๆ เพราะเธอไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกายของตน และก็รู้สึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอไว้ แม้ในยามที่สติกำลังจะดับวูบแต่เธอจำเสียงเขาได้แม่นยำ.. เขาคือคนที่ช่วยเหลือให้เธอรอดพ้นจากเดนนรกอย่างนายแสงอย่างแน่นอน... “ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยอุ้มให้รอดน้ำมือคนโฉดชั่วอย่างนายแสง” “พอดีฉันผ่านไปทางนั้น จริงๆ แล้วก็ไม่ได้เรียกว่าผ่านหรอก ตอนที่เธอวิ่งตัดหน้ารถของฉันไปแล้วมีผู้ชายวิ่งตาม ฉันคิดว่ามันผิดปกติก็เลยให้คนขับรถตามไป.. พอได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือก็จึงไปช่วยได้ทัน.. อ้อ.. ลืมแนะนำตัวไป ฉันชื่อคีแรน..” ไม่น่าแปลกหรอกที่เขาจะชื่อนี้ หน้าตาฝรั่งจ๋าขนาดนั้นแต่ทำไมพูดไทยชัดจัง.. สลักจิตพยักหน้าหงึกๆ ฟังน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่พูดภาษาไทยชัดเจนของชายหนุ่มอย่างรู้สึกเพลิดเพลิน ผู้ชายคนนี้หล่อแล้วยังเสียงเพราะด้วย ใบหน้าเหลี่ยมคมคายเครื่องหน้าแบบคนต่างชาติคิ้วดกยาวจมูกโด่ง ตาสีน้ำตาลทอง อมเทาหม่นๆ ดูแปลกตาและเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยิ่งทำให้เขาเหมือนเทพบุตรหรือเจ้าชายในเทพนิยาย แต่เธอไม่ได้ฝันไม่ได้อยู่ในโลกนิยายหรือการ์ตูนดิสนีย์ เธออยู่ตรงนี้และตื่นแล้ว... “แล้วเธออยากจะแจ้งความไหม” สลักจิตส่ายหน้าหวือ มือทั้งสองบีบกันไปมาอย่างกลัดกลุ้ม “ทำไม” “ไม่ได้ค่ะ.. ถ้าป้ารู้เข้าอุ้มต้องโดนตีแน่ๆ” “ทำไมถึงจะต้องตีเธอถูกทำร้ายเกือบถูกไอ้ชั่วนั่นข่มขืน มันหนีไปเร็วมาก ถ้าคนของฉันจับมันได้รับรองเลยว่ามันไม่มีทางรอดไปก่อเรื่องได้อีกแน่นอน” “ลุงแสงหนีไปได้ใช่ไหมคะ..” สลักจิตขบเรียวปากของตนอย่างกังวล “เขาเป็นลุงเธอหรือ” “เป็นลุงเขยค่ะ.. แล้วเขาชอบมาวอแวลวนลามอุ้ม อุ้มพยายามอยู่ห่างๆ เขา ไปนอนค้างบ้านเพื่อนบ้าง เมื่อวานอุ้มกลับจากไปสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยกับเพื่อน พอถึงบ้านลุงแสงแกโทร.มาบอกว่าป้าจิตลื่นล้มในห้องน้ำของโรงแรมอาการโคม่า ตอนนั้นอุ้มไม่ทันคิดรีบออกมาจากบ้าน พอดีกับที่ลุงแสงขับรถมารับ อุ้มก็ขึ้นรถมากับแกโดยไม่ทันคิด แล้วเรื่องมันก็เป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะค่ะ อีกอย่างถ้าอุ้มบอกเรื่องนี้ให้ป้ารู้ แกก็คงไม่เชื่อซ้ำยังจะตีอุ้มอีก..” สลักจิตเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง น้ำเสียงหม่นเศร้าในตอนท้าย “แบบนี้มันใช้ไม่ได้นี่นา ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีกครั้งเธอคงไม่โชคดีแบบครั้งนี้แน่นอน” “อุ้มกำลังจะย้ายไปอยู่กับเพื่อนค่ะ คิดว่าจะไปอยู่หอพัก” “เธอชอบทำขนมหรือ” “ชอบค่ะ อยากเปิดร้านทำขนมขาย มีร้านขนมของตัวเองพร้อมเสิร์ฟกับเครื่องดื่มหลากหลาย มันเป็นความฝันของอุ้มเลยค่ะ” “แล้วเธอไปสมัครเรียนจะสอบเข้าคณะไหน” “อุ้มอยากเรียนด้านอาหารนะคะ แต่ป้าไม่อยากให้เรียน แกอยากให้เรียนครูเรียนไปทางด้านปกครองบอกว่าจบออกมาจะได้ไปสอบเข้ารับราชการ แต่อุ้มไม่ชอบค่ะ และอุ้มก็ยังไม่ได้สมัครเลยค่ะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำตามใจตัวเองหรือตามใจป้าดี..” สลักจิตบอกเขาตามตรง เธอเองก็ยังไม่อาจจะตัดสินใจไปทางใดทางหนึ่งได้ ใจหนึ่งก็อยากเรียนตามใจตัวเองแต่อีกใจก็กลัวว่าป้าสมจิตจะโกรธที่ไม่เลือกเรียนตามใจแก “ชีวิตเป็นของเรา ถ้าเราไม่ชอบลงเรียนไปก็ไม่ช่วยอะไร แถมยังจะทำให้เราไม่มีกำลังจะเรียนด้วย สุดท้ายก็ไม่สำเร็จตามที่หวัง” คีแรนพูดคุยกับเธออย่างเป็นกันเองเหมือนคุ้นเคยกันมานาน สลักจิตเองก็เพิ่งนึกถึงข้อนี้และก็ได้แต่แปลกใจที่ตนก็รู้สึกเหมือนสนิทสนมคุ้นเคยกับเขาเสียอย่างนั้น “คุณคีย์ทำงานอะไรคะ แล้วมาอยู่ที่นี่เจ้านายจะว่าไหมคะ” ชายหนุ่มยิ้มบางๆ และรอยยิ้มนั้นมันดีต่อใจเหลือเกิน สลักจิตเหม่อมองเขาอย่างหลงใหลโดยไม่อาจจะหักห้ามใจของตนเองได้เลยแม้แต่น้อย จะแปลกอะไรที่เธอจะหลงรักฮีโร่ที่มาช่วยเธอให้รอดพ้นจากมารร้าย และไม่แปลกเลยหากเธอจะหลงรักเราเพียงแค่แรกพบ คีแรนเป็นผู้ชายที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบในสายตาเธอ ร่างสูงใหญ่อย่างคนที่มีเลือดผสมใบหน้าหล่อเหลาคมคาย รอยยิ้มก็หวานละมุนจนใจเธอละลาย.. ว่าแต่เขามีครอบครัวมีลูกมีเมียหรือยัง หลงรักคนมีครอบครัวมันก็ไม่ดีนักแม้จะรักเงียบๆ ในใจก็ตามทีเถอะ... “วันนี้ฉันลาน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันแค่ห่วงเธอและแวะมาดูว่าอาการเป็นยังไง อยากจะไปแจ้งความรึเปล่าก็แค่นั้น แต่ถ้าเธอไม่อยากแจ้งความเอาเรื่องไอ้ลุงสารเลวของเธอ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร มันเป็นสิทธิ์ของเธอ” “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องนี้อุ้มจัดการได้ ขอบคุณ คุณคีย์อีกครั้งนะคะ” “เอาเป็นว่าเธอพักผ่อนเถอะ แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย ฉันจัดการให้แล้ว เย็นๆ ฉันจะแวะมารับไปส่งที่บ้าน” “แต่ว่า..” “ทำตามที่บอกนั่นล่ะ เดี๋ยวฉันกลับมา ขอตัวไปทำธุระก่อน” สลักจิตพยักหน้ารับรู้แล้วมองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่เดินออกไปแล้วถอนใจเบาๆ อย่างกลัดกลุ้ม เธอจะอยู่ที่บ้านไม่ได้อีกแล้ว ต้องอยู่ห่างๆ นายแสงสักระยะและจะต้องหาทางไปสมัครเรียนตามที่ตัวเองต้องการ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะเรียนในด้านที่ตัวเองถนัด เธอไม่อยากเป็นข้าราชการไม่อยากไปสอบแข่งขันกับใคร เธอไม่ชอบการสอบแข่งขันที่ต้องระหกระเหินเดินทางไปแข่งขันกับคนนับพันๆ คนเพื่อรับเลือกบรรจุเข้าทำงานเพียงไม่กี่สิบตำแหน่ง เธอเคยเห็นตอนที่หน่วยงานราชการแห่งหนึ่งเปิดสอบในตำแหน่งหนึ่งซึ่งมีคนเดินทางมาจากทุกทิศทั่วไทยเพื่อจะมาสอบแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งนั้นแล้วเธอรู้สึกท้อแท้และเหนื่อยแทนคนเหล่านั้น บางคนมาจากภาคเหนือ มาจากภาคใต้ที่เรียกได้ว่าเหนือสุด ใต้สุด ของประเทศ และต้องมานอนพักค้างคืนให้ใกล้ๆ กับสนามสอบ บางคนนอนวัด บางคนนอนโรงแรม บางคนอาจจะโชคดีหน่อยมีบ้านญาติๆ อยู่ใกล้กับสนามสอบ บางคนเดินทางมาจากบ้านไม่รู้กี่ชั่วโมงเพื่อให้มาถึงสนามสอบในตอนเช้า สลักจิตคิดว่าตนเองไม่มีความพยายามขนาดนั้นและไม่อาจจะช่วงชิงตำแหน่งงานราชการกับใครได้ เธอไม่ใช่คนเรียนเก่งหรือมีความสามารถด้านการจดจำตำราเรียนหรืองานวิชาการใดๆ แต่เธอมีความสามารถในด้านการจดจำและเรียนรู้ในเรื่องการทำอาหาร อะไรที่เกี่ยวกับการทำอาหาร ทำขนมเครื่องดื่ม คือสิ่งที่เธอสนใจมากๆ และเธอจะต้องทำตามความฝันของตนให้สำเร็จ... เย็นวันนั้นคีแรนขับรถมาส่งเธอด้วยตัวเอง สลักจิตจึงได้มีโอกาสสำรวจเขาอย่างพินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และเธอพบว่าไม่ใช่ชายหนุ่มธรรมดาๆ หรือเป็นพนักงานทั่วๆ ไปแน่นอน รัศมีออร่าของเขามันบอกได้ว่าคีแรนต้องเป็นระดับหัวหน้างาน หรืออาจจะระดับผู้บริหารก็เป็นได้ แต่เธอไม่กล้าถามกลัวว่าคีแรนจะว่าเธออยากรู้อยากเห็น ละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวเขามากไป “อยากถามอะไร..” เขาหันมาถามเหมือนรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร สลักจิตหน้าแดงเรื่อรู้สึกอับอายที่อาจจะเผลอแสดงอาการอยากรู้อยากเห็นเรื่องเกี่ยวกับเขามากไป “เปล่าค่ะ” “โกหกไม่เก่ง..” เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ สีหน้าท่าทางดูสบายๆ ของเขาดูแล้วเพลินตา คีแรนดูเป็นธรรมชาติมากๆ ไม่เหมือนชายหนุ่มหน้าตาดีๆ หล่อเหลาบางคนมักเก๊กๆ วางมาดที่ดูเข้าถึงยากและบางคนก็ดูฝืนธรรมชาติ พยายามทำตัวแสดงออกให้สมบูรณ์แบบมากไปจนดู ปลอม... อย่าหาว่าโม้เลย เคยมีรุ่นพี่หรือเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกันมาจีบเธอบ้างเหมือนกัน แต่ว่าแต่ละคนนั้นดูจะพยายามทำตัวให้เลิศเลอสมบูรณ์แบบจนดูไม่น่าคบ และเธอก็คิดว่าตัวเองยังเด็กการจะมีแฟนหรือคนรักก็คงไม่เหมาะนักอีกทั้งเธอคิดเอาเองว่าเด็กกำพร้าอย่างเธอคงไม่มีใครมาจริงจังด้วยหรอก... “อุ้มดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรือคะ” “หึหึ.. คงอย่างนั้นล่ะ เธออยากรู้ว่าฉันเป็นใคร ทำอะไรที่ไหนยังไงใช่ไหม” ปฏิเสธไม่ได้ก็จำต้องพยักหน้าหงึกๆ คีแรนหัวเราะร่วนแล้วหันมายิ้มให้เธอ “ฉันเป็นเจ้าของบริษัทน่ะ แต่แค่บริษัทเล็กๆ แค่นั้นล่ะ ฉันยังไม่แต่งงานไม่มีแฟนไม่มีคนรัก” “จริงหรือคะที่คุณไม่มีคนรัก คุณออกจะหล่อ ดูรวยด้วยผู้หญิงต้องชอบคุณเยอะแยะจนแทบจะจิกตากันเพื่อให้ได้เป็นแฟนคุณแน่ๆ เลยค่ะ” สลักจิตพูดไปตามซื่อ คีแรนยิ้มกว้างมองเธออย่างขบขัน “ฉันดูดีขนาดนั้นเชียว” “คุณไม่ใช่แค่ดูดีค่ะ แต่คุณดูดีมากๆ หล่อมากด้วย น่าแปลกที่ไม่มีแฟน ขอโทษนะคะหรือว่าคุณไม่ชอบผู้หญิง” “ฉันชอบผู้หญิงแต่แค่ยังไม่เจอคนถูกใจจนจะคบหาเป็นคนรักหรือแต่งงาน” “ขอโทษอีกทีนะคะ คุณอายุเท่าไหร่คะ” “ปีนี้ฉันอายุ 28 ปี” “โอ้.. ก็ยังไม่แก่ ยังเรียกพี่ได้อยู่ อิอิ” สลักจิตหัวเราะเบาๆ รู้สึกวางใจและกล้าพูดคุยกับเขามากขึ้น คีแรนเองก็ดูจะสนุกที่ได้พูดคุยกับเธอ “เลี้ยวขวาซอยข้างหน้า ขับตรงไปบ้านหลังที่สามขวามือค่ะ” สลักจิตบอกเมื่อใกล้จะถึงทางเข้าบ้านและเมื่อรถจอดหน้าบ้านก็พบว่าป้าสมจิตกับลุงแสงยืนหน้าตึงอยู่หน้าบ้าน สลักจิตถอนใจเบาๆ รู้สึกอึดอัดและหวาดกลัว... “เธอจะให้ฉันช่วยอะไรอีกไหม อย่างจัดการลุงของเธอ” “ไม่ค่ะ แค่พาอุ้มไปส่งบ้านเพื่อนก็พอ วันนี้อุ้มจะไปนอนบ้านรัน ศรัณเป็นเพื่อนสนิทของอุ้มค่ะ นางเป็นชายใจสาวและใจดีด้วย” “ถ้างั้นฉันจะช่วยพูดให้ ท่าทางลุงกับป้าเธอจะไม่ค่อยพอใจหรือไม่ค่อยฟังเธอเท่าไหร่นะ” สลักจิตพยักหน้าแล้วค่อยๆ เปิดประตูรถแล้วก้าวลงไปพร้อมกับคีแรน และเพียงเห็นว่าใครที่ลงจากรถมากับสลักจิตนายแสงก็หน้าขาวซีดทำท่าเหมือนจะเป็นลม จนนางสมจิตต้องเข้าไปประคองไว้.. “พี่แสงเป็นอะไร ไปๆ นั่งพักก่อน” “ไม่เป็นไรๆ พี่แค่หิว ว่าจะออกไปหาอะไรกิน” นายแสงละล่ำละลักบอก “อะไรกัน พี่เพิ่งกินข้าวไปตะกี้” “ตอนนี้อยากกินก๋วยเตี๋ยว เดี๋ยวออกไปกินร้านเดิมปากซอย” แล้วนายแสงก็รีบลุกขึ้นเดินออกไปจากบ้านทันที และระหว่างที่จะเดินผ่านสลักจิตกับคีแรน นายแสงสบตากับคีแรนเล็กน้อยแล้วรีบเดินจากไป นายแสงภาวนาว่าขอให้คีแรนจำหน้าเขาไม่ได้..
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 2. การพบกันอีกครั้ง... จบตอน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A