บทที่ 1. งานที่ยากจะทำใจ จบตอน   1/    
已经是第一章了
บทที่ 1. งานที่ยากจะทำใจ จบตอน
ในขณะเดียวกันนางสมจิตก็กลับมาถึงบ้านและพบว่าสามีของตนกำลังเมามายได้ที่ ทั้งที่หัวยังมีผ้าพันแผลแต่ท่าทางก็กร่างยียวนกวนโทสะ “นังอุ้มไปไหน” “ไปทำงานที่บอกนั่นล่ะ” “ห๊ะ มึงให้มันไปเหรอ อีโง่.. รู้ไหมว่ากูต้องการจัดการมันที่บังอาจมาตีหัวกู..” นายแสงโวยวายรูปร่างผอมแกร็นจนเห็นซี่โครง พูดง่ายสารรูปของเขาเหมือนพวกขี้ยาแก่ๆ ที่เกือบจะหมดสภาพแล้วนั่นล่ะ แต่ยังมีฤทธิ์มีเดช แต่งงานอยู่กินกันมาหลายปีแรกๆ นายแสงก็ดูเป็นคนดีแต่พอนานวันเข้าธาตุแท้ของนายแสงก็เริ่มเผยออกมา นางสมจิตก็เริ่มเห็นสันดานแย่ๆ ของนายแสงแต่พูดอะไรมากไม่ได้ เนื่องจากตอนนั้นตนก็หลงผิดไปกับเขามากเสียจนเสียผู้เสียคน จนมาตาสว่างเมื่อไม่กี่ปีมานี้ที่นานแสงเริ่มแสดงความเลวร้ายให้เห็นมากขึ้น บางครั้งก็ลงมือตบตีตนจนหน้าตาปูดบวมไปทำงานไม่ได้ และเมื่อรู้ว่านายแสงได้ทำเรื่องระยำเลวร้ายกับสลักจิต นางก็ยิ่งแค้นใจ และพยายามหาทางช่วยเหลือหลานสาวอยู่เงียบๆ และยังต้องรับภาระหนี้สินที่นายแสงสร้างไว้อีก นายแสงติดการพนันและติดเหล้า หนี้สินที่ก่อไว้นางต้องตามชดใช้ให้ แม้ไม่ได้ร่ำรวยแต่ฐานะที่ค่อนข้างดีพอสมควรก็พอช่วยใช้ให้ได้ในช่วงแรกๆ แต่พอหนักเข้านายแสงถึงกับหลอกให้นางเอาโฉนดบ้านไปจำนองและหนี้สินก็พอกพูนจนตามใช้ไม่ไหว บ้านกำลังจะถูกยึด เจ้าหนี้ก็ทวงยิกๆ บางรายถึงกับข่มขู่จะฉุดสลักจิตไปใช้หนี้ ซึ่งข้อนี้เองนางกลัวมาก... นางรักสลักจิตเหมือนลูกแท้ๆ แต่ในขณะนี้นางไม่อาจจะช่วยเหลือปกป้องสลักจิตได้ เห็นได้ชัดว่าสลักจิตตกอยู่ในวงล้อมที่อันตรายมากๆ ทั้งจากนายแสงและเจ้าหนี้ที่จ้องจะตะครุบสาวน้อยแรกผลิอย่างสลักจิต สิ่งที่นางทำได้คือส่งสลักจิตไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย มีคนที่มีอำนาจมากพอจะคุ้มครองสลักจิตให้ปลอดภัย และนางยังมีเงินมาใช้หนี้ด้วย แม้นางจะรู้สึกเสียใจมากเพียงใดที่เลือกผัวผิดแต่ก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วมีเพียงจะทำวันนี้ให้ดีขึ้นเท่านั้น... “ฉันว่าพี่ไม่ได้อยากจะเอาเรื่องมัน แต่อยากจะเอามันมากกว่า” “เออ.. กูอยากเอามันเป็นเมีย อยากมานานแล้วด้วย กูวางแผนจะปล้ำมันหลายครั้งแต่นังอุ้มมันฉลาดและรอดมือกูไปได้ทุกครั้ง แล้วดูสิ ครั้งนี้มันตีหัวกูแตกเย็บตั้งหลายเข็ม เจ็บใจนัก” “นั่นแสดงว่าอุ้มมันพูดความจริงมาตลอดว่าพี่ปล้ำมัน” นางสมจิตรู้สึกเสียใจจนเจ็บจุกไปหมดที่ตอนนั้นไม่เชื่อสิ่งที่หลานสาวพูดและยังตบตีด่าทอสลักจิตอีก โชคดีเหลือเกินที่สลักจิตรอดพ้นจากคนเลวระยำอย่างนายแสงไปได้ “ก็มึงมันโง่ไง ฮ่าๆ มึงเองก็ทั้งตีทั้งด่ามันไม่ใช่หรือไง อีโง่..” นายแสงพูดไปหัวเราะไปท่าทางเมาหนัก แต่คงไม่ได้เมาเหล้าอย่างเดียวหรอก ท่าทางคงจะเมายาด้วย นายแสงลักลอบขายยาบ้าให้กับคนในละแวกนี้แต่เพราะยังไม่มีใครมีหลักฐานเอาผิดเขาได้จริงจังมันจึงได้ใจและทำมาตลอด แม้นายแสงจะไม่ได้เสพจนเมามายบ้าคลั่ง แต่เรื่องแบบนี้มันก็ไว้ใจไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่านายแสงจะคลุ้มคลั่งเสียสติวันไหน... “ใช่.. เมื่อก่อนกูโง่ แต่ตอนนี้ตาสว่างแล้ว” “ไม่ต้องพูดมาก แล้วไหนล่ะเงินที่ว่าจะได้มาน่ะ” “เขาโอนเข้าธนาคาร ถ้าพี่อยากได้ก็ไปกดเอา นี่บัตรเอทีเอ็ม..” นางสมจิตยื่นบัตรเอทีเอ็มให้ นายแสงรับมาด้วยแววตาวาววับตื่นเต้นกับจำนวนเงินที่รู้ว่าจะได้มา การให้สลักจิตไปรับจ้างอุ้มบุญให้เศรษฐีจนกว่าจะคลอดแลกกับเงิน 3 ล้าน เสียโอกาสที่จะได้ลิ้มรสเนื้อหวานๆ ของสลักจิตก็ไม่เป็นไร มีเงินแล้วไปหาสาวๆ สวยๆ กว่าสลักจิตที่ไหนก็ได้ถ้ามีเงิน.. นายแสงยิ้มย่องจูบบัตรเอทีเอ็มอย่างเริงร่า... “กดมาแล้วเอาไปใช้หนี้เขาด้วยล่ะ” นางสลักจิตบอกเหมือนไม่สนใจเงินที่ได้มา “เออ.. กูรู้แล้ว วันนี้ไม่กลับนะ..” นายแสงเดินเซน้อยๆ ไปที่รถโดยไม่สนใจอะไรอีกเพราะกำลังตื่นเต้นที่จะได้กดเงินล้านมาใช้ เขาวางแผนไว้ในใจอย่างสวยหรูว่าจะเอาเงินไปใช้อะไรบ้าง นางสมจิตกอดอกมองสามีที่ขับรถออกไปแล้วเหยียดยิ้มน้อยๆ “กูก็ไม่คิดว่ามึงจะได้กลับมาหรอกไอ้แสง.. ลาก่อน..” ในขณะเดียวกันสลักจิตก็กำลังใจเต้นระรัวเมื่อจะได้เจอกับนายจ้างของตน แม้ในตอนนี้เธอก็ยังไม่อยากยอมรับว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปคือเรื่องจริง สลักจิตพยายามหลอกตัวเองว่ามันเป็นเพียงความฝัน ตื่นมาพรุ่งนี้เธอก็อาจจะอยู่ที่บ้านและคอยหลบหน้าลุงแสงหรือไม่ก็หนีไปหาศรัณเหมือนที่ผ่านมา... “คุณผู้ชายรอคุณอยู่ในห้องนะคะ เปิดประตูเข้าไปได้เลยค่ะ ดิฉันเคาะให้แล้ว” สาวใช้คนเดิมเอ่ยขึ้นดึงสติของเธอให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว.. “เอ่อ.. แล้ว.. คือ อุ้ม เอ่อ..” “เข้าไปเถอะค่ะ คุณผู้ชายไม่ชอบคนไม่ตรงเวลา” พูดจบเจ้าหล่อนก็เดินจากไปเงียบๆ สลักจิตได้แต่ยืนขาสั่นพับๆ เหงื่อผุดพรายไปทั้งไรผม จริงๆ แล้วรู้สึกว่าร่างกายของตนมันเปียกโชกไปด้วยเหงื่อที่ซึมออกมาราวทำนบเขื่อนพังมากว่า มือเธอเปียกชื้นและเย็นเฉียบ สลักจิตยกมือของตนขึ้นมาดูแล้วสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะยื่นมืออันสั่นเทาผลักประตูบานไม้สักใหญ่ที่แกะสลักเป็นลวดลายงดงาม สลักจิตเดินช้าๆ ด้วยอาการที่แข้งขายังไม่หายสั่นเข้าไปด้านใน ห้องที่เธอเข้ามามันกว้างใหญ่มาก และเต็มไปด้วยชั้นหนังสือมากมาย และตรงมุมห้องมีโต๊ะตัวใหญ่อยู่ ด้านนอกเป็นระเบียงกว้างที่มองเห็นทิวทัศน์ด้านนอกที่สวยงามชุ่มชื่นร่มเย็นด้วยต้นไม้และดอกไม้หลากหลายชนิด ที่นี่สวยมาก และเธอชอบมันมากด้วย แต่การมาในฐานะแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกต่ำต้อยและหดหู่เหลือเกิน... แล้วคนที่เรียกเธอมาพบล่ะไปไหน.. ดวงตากลมโตดำขลับกวาดมองไปทั่วทั้งห้องก็ไม่เจอ สลักจิตกวาดตามองไปรอบๆ อย่างขลาดๆ กลัวๆ แต่ชั้นหนังสือหลายชั้นที่เรียงกันอยู่ตรงหน้าก็ดึงดูดให้เธอเดินไปหามัน และหนังสือมากมายที่มีทั้งนวนิยายตำรับตำราทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่เรียงรายอยู่ในชั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกนิทาน ที่เจ้าหญิงแสนสวยเป็นเจ้าของพระราชวังแสนงดงามและเต็มไปด้วยหนังสือมากมายให้อ่านไม่รู้จบสิ้น เหมือนเบลที่เพลิดเพลินกับหนังสือมากมายในวังของอสูร ในเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูรไงล่ะ.. แต่นายจ้างของเธอคงไม่ใช่อสูรหรอกนะ.. “ว้าว ตำราทำอาหาร.. เยอะแยะไปหมดเลย..” สลักจิตอุทานอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นตำราทำอาหารมากมายอยู่ในชั้นหนังสือ จริงอยู่ว่าเธอได้เรียนรู้เรื่องการทำอาหารมาบ้างและได้ศึกษาหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตอยู่เรื่อยๆ แต่มันไม่ได้น่าตื่นเต้นเหมือนเห็นตำราอาหารที่มีรูปและเนื้อหาของอาหารชนิดต่างๆ การได้ลูบคลำหยิบจับหนังสือมันให้ความรู้สึกพิเศษมากกว่าการอ่านหรือค้นหาจากคอมพิวเตอร์ สำหรับเธอนั้นรู้สึกว่าการอ่านหนังสือเป็นเล่มมันมีมนต์ขลังและอิ่มเอมมากกว่ากัน... “ขออนุญาตอ่านหน่อยนะคะ” สลักจิตยกมือไหว้ขออนุญาตลมแล้งไปตามที่ตนเองนึกจินตนาการว่าเป็นเจ้าของบ้านซึ่งตอนนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหนทั้งที่เรียกเธอมาพบ อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่ได้หยิบอ่านโดยพลการก็แล้วกัน สลักจิตหยิบหนังสือมาจากชั้นแล้วเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวเล็กที่หนานุ่มนั่งสบายที่อยู่ตรงมุมชั้นหนังสือ ใบหน้านวลใสดูเปล่งปลั่งสดชื่นขึ้นเมื่อได้อ่านหนังสือที่ตัวเองชื่นชอบโดยไม่รู้ว่าตนนั้นถูกจับจ้องตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้ามาในอาณาจักรแห่งนี้แล้ว อาณาจักรที่เรียกว่า บ้านเอกธนารุ่งเรือง ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่อย่างคนที่มีเลือดผสม ไทย เดนมาร์ก วัยยี่สิบเก้าปีทายาทตระกูลดังมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยติดอันดับโลก ธุรกิจเครื่องเพชรและอสังหาริมทรัพย์มากมายทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ กำลังยืนมองสาวน้อยที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับหนังสือในมือของตนเงียบๆ คีแรน เมดิสัน เอกธนารุ่งเรือง ยกยิ้มน้อยๆ กับท่าทางอันแสนใสซื่อของเธอ ก่อนที่จะก้าวออกไปจากประตูที่เชื่อมระหว่างห้องนอนของตนกับห้องหนังสือ... เสียงฝีเท้าเบาๆ ของใครบางคนทำให้คนที่กำลังมีความสุขกับการอ่านหนังสือค่อยๆ ลดหนังสือลงแล้วหันไปทางเสียง ใจของสาวน้อยเต้นระรัวเมื่อเห็นเงาร่างสูงใหญ่ที่มองออกว่าคนคนนั้นเป็นผู้ชายกำลังเดินมายังที่ที่เธอนั่งอยู่ เนื่องจากตรงที่เธอนั่งอยู่นั้นเป็นมุมที่สว่างและร่างสูงใหญ่ของเขาเดินออกมาจากมุมที่มีแสงสลัวทำให้เธอไม่เห็นหน้าเขาชัดนัก และเมื่อเขาเดินออกมายังที่ที่มีแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ สลักจิตก็รู้สึกเหมือนว่าหัวใจของตนหยุดเต้น เรียวปากอิ่มเผยอค้างเมื่อเห็นหน้าชายคนนั้นชัดเจน... เขานั่นเอง...
已经是最新一章了
加载中