บทที่ 2. การพบกันอีกครั้ง...   1/    
已经是第一章了
บทที่ 2. การพบกันอีกครั้ง...
“พบกันอีกครั้งแล้วนะ สลักจิต..” เสียงนุ่มทุ้มที่ทำให้หัวใจของเธอไหวสั่นเอ่ยทักทาย ใบหน้าหล่อเหลาที่เธอเฝ้าฝันถึงแม้ได้พบเขาเพียงครั้งเดียวมีรอยยิ้มบางๆ ระบายอยู่ ดวงตามีน้ำตาลทองอร่ามนั้นทอดแววอ่อนโยนจนใจสาวเต้นระรัวและยังรู้สึกเหมือนเลือดในกายมันร้อนระอุราวกับว่ามีน้ำเดือดๆ ไหลเวียนในร่างกายของเธออย่างไรอย่างนั้น... “สะ สวัสดีค่ะ..” เธอยกมือไหว้เขาด้วยรู้ว่าเขาอาวุโสกว่า... “เป็นไงสบายดีไหม..” สลักจิตส่ายหน้าหวือแล้วก้มหลบตาคมที่ทอดมองมา พวงแก้มสาวร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อสำนึกได้ว่า ตนมาทำอะไรที่นี่ “ไม่สบาย.. เป็นอะไร” คีแรนถามแล้วเดินเข้ามาใกล้ ใจสาวน้อยก็ยิ่งเต้นระส่ำ “ปะ เปล่าค่ะ” “เปล่า.. แล้วเมื่อกี้ฉันถามว่าสบายดีไหม แล้วเธอส่ายหน้า..” “ก็ เอ่อ...” “เงยหน้ามาคุยกันสิ เป็นเด็กไม่ควรพูดโดยไม่มองหน้า เสียมารยาทรู้ไหม” ชายหนุ่มทำทีดุ สลักจิตค่อยๆ เงยหน้ามองเขาอย่างขลาดเขิน “ว่าไง ไม่สบายเป็นอะไร” “คือ อุ้ม.. อุ้มแค่กลัว..” “กลัวอะไร กลัวฉันหรือ” “เปล่าค่ะ..” สลักจิตส่ายหน้าหวือจนผมที่รวบเป็นหางม้าไว้ง่ายๆ ส่ายไปด้วย “แล้วกลัวอะไร..” “อุ้มกลัว...” เธอพูดได้แค่นั้นแล้วก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกอย่างไร ทั้งอัดอั้นตันใจทั้งสับสนวางตัวไม่ถูก “ไม่ต้องกลัวฉันไม่ทำร้ายเธอ..” คีแรนเข้ามาโอบกอดเธอไว้ สลักจิตปล่อยตัวเองให้อยู่ในวงแขนแข็งแรงแสนอบอุ่นที่เธอเคยได้สัมผัสอย่างเต็มอกเต็มใจ ซุกหน้ากับอกกว้างของเขาจนน้ำตาเปียกชุ่มเสื้อเชิ้ตเนื้อดีที่ชายหนุ่มสวมอยู่ “รู้สึกดีขึ้นหรือยัง” คีแรนผละออกเล็กน้อยแล้วก้มมองใบหน้าที่เปรอะด้วยคราบน้ำตา นิ้วเรียวยาวทว่าแข็งแรงแบบบุรุษค่อยๆ บรรจงเช็ดน้ำตาออกจากแก้มใสอย่างอ่อนโยน สลักจิตพยักหน้าเบาๆ แล้วเงยหน้ามองเขา “ทำไมถึงเป็นคุณคะ” “แล้วไม่ดีใจเหรอ” “อุ้มต้องดีใจหรือคะ..” คิ้วสวยขมวดยุ่ง คีแรนหัวเราะเบาๆ กับคำถามซื่อๆ ของเธอ “แล้วอุ้มรู้สึกยังไงที่เธอฉัน” “ก็.. คาดไม่ถึง ไม่คิดว่าคนที่คิดอะไรพิเรนๆ แบบนี้จะเป็นคุณ” คีแรนมองสาวน้อยตรงหน้าอย่างชื่นชมในความตรงไปตรงมาของเธอ นั่นคือสิ่งที่เขาประทับใจในตัวสลักจิตตั้งแต่แรกพบ “หึหึ.. ฉันก็อุตส่าห์หวังดีอยากช่วยเหลือ” “หวังดีหรือคะ..” สลักจิตมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ “ฉันรออุ้มมานานแล้วยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเลย ไปกินข้าวกันเถอะแล้วฉันจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง” คีแรนบอกแล้วกุมมือเธอไว้แล้วพาเธอเดินออกจากห้องไป สลักจิตรู้สึกมึนงงตั้งตัวไม่ติดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ได้แต่มองมือของตนในอุ้งมือแข็งแรงของเขาอย่างงุนงง แต่ก็ทำให้หัวใจของเธอพองโต สลักจิตยิ้มยิ้มบางๆ ในหน้า... “อุ้มเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม” “ค่ะ..” สลักจิตก้มหน้าตอบเบาๆ รู้สึกแน่นหน้าอกจุกในลำคอไม่น้อยเมื่อได้ฟังเรื่องราวต่างๆ จากเขา หลังจากที่รับประทานอาหารแล้ว “ถ้าอย่างนั้นวันนี้อุ้มไปพักผ่อนก่อนเถอะ ห้องของอุ้มจะติดกับห้องของฉันและอุ้มสามารถเข้าไปอ่านหนังสือได้ตลอดเวลา” “ขอบคุณค่ะ” “สมปอง พาคุณอุ้มไปพักผ่อน ขาดเหลืออะไรก็จัดการให้เรียบร้อย” สมปอง สาวใช้คนแรกที่เธอเจอหน้าก็เดินเข้ามาหาแล้วผายมือเชิญสลักจิตไปยังห้องพัก สลักจิตลุกขึ้นเดินตาสมปองไปเงียบๆ คีแรนมองตามไปก่อนจะถอนใจเบาๆ “คุณอุ้มพักผ่อนให้สบายนะคะจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือจะนอนเล่นก่อนก็ได้เวลาอาหารเย็นหกโมงเครึ่งค่ะ” สมปองบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่สมปองอยู่ที่นี่มานานแล้วหรือคะ” “ก็ตั้งแต่เด็กค่ะ แม่ของพี่เป็นแม่บ้านใหญ่ที่นี่ จริงคุณท่านก็อนุญาตให้พี่ไปเรียนและไปทำงานที่อื่นนะคะ แต่พี่ว่าทำงานที่นี่สะดวกสบายและไม่อึดอัดใจค่ะก็เลยอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน พี่เคยไปทำงานโรงงานอยู่สามวันค่ะ ทำไม่ได้อึดอัดเลยลาออกมาเป็นสาวใช้ไฮเท็กซ์ที่นี่ดีกว่า” พี่สมปองเล่าด้วยรอยยิ้ม ท่าทางของเธอมีความสุขกับการที่ได้ทำงานอยู่ที่นี่มาก “แล้วที่นี่อยู่กันกี่คนคะ รวมคุณคีย์ด้วย” “ก็ 9 คนค่ะ รวมคุณอุ้มด้วยก็เป็นสิบ ก็มีแม่บ้านทำงานบนตึกใหญ่นี่ 5 คน คนสวน 2 คนขับรถ 1 คน เดี๋ยวตอนเย็นๆ คุณอุ้มก็คงได้รู้จักพวกเราทุกคน” “พี่สมปองไม่รังเกียจอุ้มหรือคะ” “รังเกียจเรื่องอะไรคะ” พี่สมปองยิ้มอย่างเอ็นดู “พวกเรายินดีต้อนรับคุณอุ้มค่ะ คุณคีย์บอกพวกเราไว้แล้วว่าคุณอุ้มจะมา.. ยังไงคุณอุ้มพักผ่อนเถอะนะคะ พี่ขอตัวไปทำงานที่ค้างก่อน” พี่สมปองตัดบทแล้วเดินออกจากห้องไป สลักจิตมองตามแล้วขมวดคิ้วยุ่ง “คุณคีย์บอกว่าเราจะมาเหรอ.. ทุกคนที่นี่รู้จักเราเหรอ..” สลักจิตครุ่นคิดแล้วถอนใจหนักๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนที่นอนหนานุ่มอย่างรู้สึกเหนื่อยล้าๆ ดวงตากลมโตมองเพดานห้องสวยหรูที่เธอเคยเห็นในละคร บ้านคนรวยๆ มันหรูหราหมาเห่าแบบนี้นี่เอง ทุกอย่างสมบูรณ์แบบสวยงามเป็นสัดส่วน บ้านของเธอนั้นเทียบไม่ติดกับบ้านของคีแรนเลยด้วยซ้ำ ห้องที่เธอพักนี่ก็กว้างขวางเกือบเท่าห้องสองห้องของบ้านเธอรวมกันเสียอีก.. สลักจิตถอนใจอีกครั้งแล้วพลิกตัวนอนคว่ำหลับตาลงช้าๆ แล้วหวนนึกถึงวันที่เธอได้พบกับคีแรนครั้งแรก... เมื่อปลายปีก่อน... “ปล่อยนะไอ้คนชั่ว ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย..” สลักจิตพยายามดิ้นรนหนีจากการฉุดกระชากลากถูของนายแสงที่ลักพาตัวเธอมาที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง และพยายามจะข่มขืนเธอ ด้วยแรงฮึดเธอสามารถหนีออกมาจากโรงแรมม่านรูดที่แสนโกโรโกโสและเพียงเด็กเก็บค่าบริการเพียงคนเดียวแลเขาก็หลับอยู่ในตู้กระจกอันเป็นห้องทำงานของเขาจึงไม่เห็นว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แม้ว่านายแสงรูปร่างผอมแกร็น แต่นายแสงแข็งแรงมากและยังบวกกับความมึนเมายิ่งทำให้เขามีพลังเยอะทำทุกอย่างได้โดยไม่สนใจอะไร เธอวิ่งหนีออกมาได้นายแสงก็วิ่งตามมาจับตัวเธอไว้ ในเวลานั้นเป็นเวลาดึกสงัด และค่อนข้างปลอดคนอีกทั้งตรงที่เธอวิ่งหนีมาเป็นที่รกร้างมีเศษซากตึกที่ถูกทุบ บ้านเรือนที่ปล่อยทิ้งร้างและยังสร้างไม่เสร็จ ซึ่งหากมองมาตรงนี้ในเวลาค่ำคืนจะเป็นภาพที่น่ากลัวน่าหวาดผวาอยู่ไม่น้อยกับเงาซากสิ่งก่อสร้างที่มีเถาวัลย์และต้นไม้ปกคลุมอยู่ประปราย สลักจิตทั้งหวาดกลัวและพยายามหนีเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ตรงนี้ให้ได้ สลักจิตทั้งถีบตั้งตบทั้งดิ้นจนนายแสงทนไม่ไหวชกเข้าที่ท้องเธออย่างแรงจนร่างบอบบางทรุดฮวบลงกับพื้นหน้าตาบิดเบ้เหยเกด้วยความเจ็บและจุก สลักจิตน้ำตาไหลพรากคิดว่าคราวนี้คงหนีไม่พ้นเงื้อมมือคนโฉดชั่วอย่างนายแสงแน่นอน “ฤทธิ์เยอะดีนัก เจ็บตัวเลยเห็นไหม ยอมลุงเสียดีๆ ก็ไม่เจ็บตัวแล้ว” นายแสงพูดยิ้มๆ มองคนที่ตนหมายมาดอยากได้ใจจะขาดอย่างหิวกระหาย “ไอ้เลว..” สลักจิตกัดฟันพยายามจะกระถดกายหนีมือหยาบกร้านของมัน นายแสงยิ้มร่าแววตาหื่นกระหายน่ากลัว “หนียังไงก็ไม่พ้นหรอกอีหนูยอมลุงเสียดีๆ ไม่ชอบในโรงแรมก็เอากันตรงนี้เลยตื่นเต้นดี ฮ่าๆ” นายแสงตรงเข้ามากระชากเสื้อของเธออย่างแรงจนเสื้อนักเรียนสีขาวขาดติดมือ แรงกระชากทำให้เนื้อผ้าบาดผิวเนื้อนวลของวัยสาวแรกผลิเป็นรอยแดงช้ำ สลักจิตหวีดร้องขอความช่วยเหลืออีกครั้งทั้งที่มองไม่เห็นว่าจะมีใครผ่านมาทางนี้เลยแม้แต่คนเดียว ที่รกร้างอย่างนี้ใครเขาจะมากันเล่าสลักจิตเอ๋ย.. สาวน้อยน้ำตาไหลพรากด้วยความหวาดกลัว “ในที่สุดก็หนีเงื้อมมือลุงไม่พ้น หนูอุ้มของลุง สวยน่าฟัดจริงๆ” นายแสงลูบปากอย่างชอบอกชอบใจกับนวลเนื้อสาวขาวผ่องท่ามกลางแสงสลัวจากไฟรายทางของถนนที่อยู่ไม่ไกลจากจุดนี้มากนัก แม้จะมีไฟรายทางแต่มันก็ไม่ได้สว่างทุกดวงบางจุดก็มืดดับเสียหายและยังไม่ได้รับการซ่อมแซม สลักจิตก็ยังพยายามจะหนีทั้งเหนื่อยอ่อนและยังเจ็บจุกไม่หาย นายแสงเดินมากระชากข้อเท้าของเธอและพยายามจะถอดกระโปรงนักเรียนที่เปรอะเปื้อนดินโคลนออกอย่างชอบอกชอบใจยิ่งเธอดิ้นหนีด้วยความหวาดกลัวเท่าไหร่ก็ยิ่งกระตุ้นให้เขาฮึกเหิมรู้สึกเหมือนตนเป็นนักล่าที่กำลังจะกัดกินเหยื่อเนื้อหวานตัวน้อยๆ ที่ไร้ทางหนี “ช่วยด้วย ช่วยด้วย.. กรี๊ดดดด..” สลักจิตร้องขอความช่วยเหลืออีกครั้งด้วยความหมดหวังแล้วหวีดร้องอย่างเสียขวัญเมื่อกระโปรงของเธอถูกกระชากออกไป “ฮ่าๆ ขาวจริงๆ เลยอีหนู เป็นของลุงเสียดีๆ แล้วหนูจะติดใจ...” “ไม่.. ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ..” สลักจิตพยายามหุบขาของตนเอาไว้สุดความสามารถเมื่อนายแสงพยายามจะแยกขาเธอออกและเมื่อไม่ได้ดังใจมันก็ชกหน้าท้องเธออีกครั้ง สลักจิตรู้สึกเจ็บจุกและมืดมนจนหายใจไม่ออกได้แต่นอนน้ำตาไหลพรากอย่างหมดหวัง และสติของเธอก็แทบจะวูบหายไปทีละน้อยๆ “หยุดนะ.. ออกไปจากเด็กเดี๋ยวนี้” ในความรู้สึกที่มืดมนหมดหวังและเหมือนฝันอันเลือนราง สลักจิตรู้สึกว่าตนได้ยินเสียงของใครคน เสียงผู้ชายคนหนึ่ง หรือมากกว่าสองคนดังขึ้นมีการปะทะคารมของพวกเขาที่เธอฟังไม่ได้ชัดนักเพราะกำลังเจ็บปวดและสติสัมปชัญญะกำลังจะมืดดับ เสียงฝีเท้าหนักๆ ของคนพวกนั้นดังตึกๆ เหมือนว่าพวกเขาวิ่งหรือทำอะไรสักอย่างที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนเธอรู้สึกถึงพื้นที่สั่นสะเทือน.. ไม่ไหวแล้ว ช่วยด้วย.. ในสำนึกสุดท้ายของเธอยังบอกให้ตัวเองร้องขอความช่วยเหลือทั้งที่ไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ เล็ดลอดออกจากเรียวปากที่แตกยับเพราะโดนนายแสงตบ...
已经是最新一章了
加载中