บทที่ 4. ตัวละครที่ไม่ต้องการ
1/
บทที่ 4. ตัวละครที่ไม่ต้องการ
อุ้มรักสลักทรวง
(
)
已经是第一章了
บทที่ 4. ตัวละครที่ไม่ต้องการ
สลักจิตตื่นเต้นมากกับการได้นั่งเครื่องบินครั้งแรกชีวิต เธอตื่นเต้นจนแทบทำอะไรไม่ถูกได้แต่เดินตามคีแรนไม่ห่างและไม่ว่าเขาพูดอะไรบอกอะไรก็ตั้งใจฟังและปฏิบัติตามที่เขาบอกอย่างเคร่งครัด ทั้งตื่นเต้นทั้งกลัวพลัดหลงกับเขาเหมือนเด็กที่มากับผู้ปกครองและตื่นสถานที่จนกังวลไปเสียหมด “อุ้มไม่เคยมาสนามบินหรือ” “จะเคยมาได้ยังไงล่ะคะ ร้อยวันพันปีไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนที่ต้องขึ้นเครื่องบิน อย่างหรูก็แค่เคยนั่งรถตู้โดยสารวีไอพีค่ะ” สลักจิตบอกพลางมองรอบๆ กายอย่างตื่นเต้นและเกาะแขนเขาไว้กันพลัดหลง “คุณคีย์อย่าแกล้งลืมอุ้มไว้ที่สนามบินนะคะ อุ้มร้องไห้แน่ๆ กลับบ้านไม่ถูก” หันมาบอกแล้วแล้วกระชับมือที่จับแขนเขาไว้ คีแรนหัวเราะแล้วขยี้เรือนผมเธอเบาๆ “เด็กบ้า ใครจะกล้ามาทิ้งคนทั้งคนไว้ที่นี่” “ไม่รู้สิคะ เผื่อคุณคีย์เบื่อเด็กกะโปโลบ้านนอกๆ เอ๋อๆ อย่างอุ้ม” “คุณคีย์ไม่ทิ้งอุ้มหรอก ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน” คีแรนบอกอย่างอ่อนโยนทั้งน้ำเสียงและแววตา แก้มสาวร้อนผ่าวแดงระเรื่อใจเต้นแรงขึ้นมาทันที นี่เขาหมายความว่าอย่างไรกันนะ... “อุ้มถ่ายรูปกับยักษ์ไหม ตรงนี้กำลังไม่มีคน” “แต่อุ้ม..” “มาเถอะ คุณคีย์ถ่ายให้ ยืนทำท่าสวยๆ” เขาบอกแล้วจับเธอให้มายืนตรงหน้ารูปปั้นยักษ์ตัวใหญ่ สลักจิตแหงนมองดูยักษ์ใหญ่แล้วหันมามองคนที่กำลังส่งสัญญาณให้เธอยิ้มหรือทำท่าสวยๆ แต่เธอไม่รู้จะทำท่าสวยๆ ยังไงก็ทำได้เพียงแต่ยืนตัวตรงแล้วฉีกยิ้มกว้างๆ เท่านั้น “อุ้มถ่ายรูปขึ้นเหมือนกันนะเนี่ย แต่ทำเป็นแค่ท่าเดียว” คีแรนส่งสมาร์ตโฟนเครื่องหรูให้เธอดูรูปภาพของตน “โห.. อุ้มยิ้มปากกว้างจังค่ะ เห็นฟันเกือบหมดปากแล้วมั้งนี่” “ก็น่ารักดีนะ ยิ้มแบบนี้ล่ะสวยแล้ว เอาล่ะมาถ่ายรูปด้วยกันสักรูปดีกว่า เอ๊า เตรียมตัวนะแล้วพูดว่าฉันถ่ายรูปกับคนหล่อมากกก” เขาบอกพลางโอบเธอเข้าไปใกล้ด้วยความสูงของเธอนั้นเพียงแค่ไหล่กว้างของเขา คีแรนจึงต้องย่อตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกันและใบหน้าของเขาก็แนบชิดกับแก้มแดงๆ ของเธอ สลักจิตใจเต้นแรงแต่ก็พยายามควยคุมตัวเองให้ยิ้มไปกับเขาและพูดอย่างที่เขาบอกด้วยความขบขัน เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นรัวๆ หลายครั้งจนเขาพอใจ เธอกับเขาดูรูปด้วยกันอย่างมีความสุข เหมือนคู่รักที่กำลังจะไปเที่ยวด้วยกัน สลักจิตแอบปลื้มอยู่ในใจที่ตนเองมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่ตนหลงรักตั้งแต่แรกพบ... “คีแรน..” เสียงเรียกของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นสลักจิตกับคีแรนเงยหน้าจากสมาร์ตโฟนที่กำลังดูรูปกันอย่างสนุกสนานแล้วหันไปมองตามเสียง “ไลลา..” “หวัดดีค่ะ.. ไม่คิดว่าจะเจอกันนะคะ บังเอิ๊นบังเอิญ..” ไลลา คือนางแบบสาวดาวรุ่งคนหนึ่งในวงการและเธอเคยเดินแบบเครื่องประดับให้กับบริษัทของคีแรนเมื่อปีที่แล้วในงานแฟชั่นวีคที่อิตาลีซึ่งเป็นงานที่คีแรนกับเพื่อนของเขาร่วมกันจัดขึ้น โดยห้องเสื้อ LD Milano ของอันโตนิโอ ดักลัส เพื่อนรุ่นน้องของเขานั่นเอง “สวัสดีครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ...” คีแรนไม่คิดจะพูดคุยทักทายเธอมากไปกว่านั้น เขาจูงมือสลักจิตเดินไปโดยไม่แนะนำให้หญิงสาวทั้งสองได้รู้จักกัน สลักจิตเองก็ยังคงงงๆ อยู่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเดินตามเขาไปเงียบๆ แต่เหมือนว่าไลลาไม่ได้คิดแบบเดียวกัน หญิงสาวก้าวยาวๆ มาขวางไว้แล้วมองสลักจิตยิ้มๆ แต่เป็นยิ้มที่ดูไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ “ใครหรือคะ” “มันเรื่องส่วนตัวของผม ผมคิดว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องตอบคำถามนี้” “แสดงว่าสำคัญ” ไลลาเลิกคิ้วแล้วเหยียดยิ้มมองสลักจิตแล้วเบ้ปากเล็กน้อย “ลดสเป๊กลงมากเลยนะคะ ไม่เด็กไปหน่อยหรือ หรือชอบของข้างถนน” “ผมว่าของข้างถนนนี่คงเป็นคุณมากกว่านะไลลา ผมไม่อยากเสียเวลาเสวนากับคุณเท่าไหร่หรอกนะ ขอตัวละกัน..” คีแรนบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความอ่อนโยนเหมือนที่พูดกับเธอ สลักจิตมองทั้งสองเงียบและเห็นแววตาที่รื่นรมย์ของคีแรนที่มีอยู่ก่อนหน้านี้หายไปมีเพียงความเย็นชาว่างเปล่าแล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองคนที่ยืนหน้าแดงก่ำกำมือแน่นด้วยความโกรธจัด และเป็นสลักจิตเองที่หันกลับมามองไลลาแล้วรีบหันกลับไปทันทีเมื่อเห็นแววตาเกรี้ยวกราดของหญิงสาวที่ชวนให้ขนลุก... “ฝากไว้ก่อนเถอะคีแรน อย่าหวังว่าคุณจะอยู่ดีมีความสุขเลย..” ไลลากัดกรามกรอดๆ ด้วยความคับแค้นใจ เธอเคยหลงปลื้มเขาหัวปักหัวปำ และพยายามทำทุกทางเพื่อให้เขาสนใจและควงเธอในฐานะไหนก็ได้ เธอพยายามเข้าหาเขาแต่เหมือนคีแรนจะรู้ตัวและระวังตัวมากเป็นพิเศษจนมันกลายเป็นความอยากเอาชนะขึ้นมาแทน ในวันที่เธอเดินทางไปเดินแบบในงานแฟชั่นวีคที่มิลาน เพราะคีแรนถูกขอร้องแกมบังคับจาก ชารอน น้องสาวของเขา ซึ่งเป็นเพื่อนกับเธอ ทำให้เธอได้มีโอกาสได้เข้าร่วมเดินแบบในงานนี้ และแน่นอนว่าในการครั้งนี้เธอจะต้องเผด็จศึกเขาให้ได้ เธอวางแผนวางยาคีแรนเพื่อจะสร้างสถานการณ์ให้ตนเป็นผู้ตกอยู่ในสถานะของผู้เสียหาย เพื่อบีบบังคับให้เขารับผิดชอบ แต่มันผิดแผน.. นอกจากจะไม่ใช่ผู้เสียหายแล้วเธอยังต้องจ่ายค่าเสียหายให้เขาด้วยทั้งอับอายเสียหน้าจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ทุกอย่างที่เธอทำถูกบันทึกภาพไว้ และคนที่เธอจ้างวานก็ตลบหลังได้อย่างเจ็บแสบ มันเป็นความคับแค้นใจที่ไม่มีวันจางหาย คีแรนจะต้องชดใช้ให้กับเธอ. ไลลาคิดอย่างเอาแต่ใจด้วยความขุ่นแค้น เธอจะต้องชนะเขาให้ได้ คนอย่างไลลาไม่ยอมเสียหน้าแน่นอน ตอนนี้แค่ถอยมาตั้งหลักเท่านั้น และเหมือนโชคเข้าข้างเธอมีแผนเพื่อเอาคืนคีแรนแล้ว... “ผู้หญิงคนนั้นสวยจังเลยนะคะ” สลักจิตชวนคุยเมื่อเห็นท่าทางของคีแรนดูเงียบไป ตอนนี้เธอกับเขาเข้ามานั่งบนเครื่องแล้ว และการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกกับสายการบินสีม่วงแบบนี้มันช่างน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับเธอไม่น้อยเช่นกัน “อย่าไปสนใจเลย คนสวยๆ บางทีก็ไม่น่าคบหรอก” คีแรนบอกแล้วหลับตาลง สลักจิตจึงไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่ตั้งใจฟังการอธิบายการใช้ข้าวของต่างๆ บนเครื่องบินอย่างตั้งใจ จนเมื่อเครื่องบินกำลังจะทะยานขึ้นท้องฟ้าเธอรีบกุมมือเขาไว้แน่นพลางหลับตาลงภาวนาในใจด้วยความกลัวและวิตกกับการโดยสารด้วยเครื่องบิน “ไม่ต้องกลัวหรอก มันแค่แป๊บเดียวเราก็ถึงแล้ว” ชายหนุ่มเอียงตัวมาโอบกอดเธอไว้แล้วลูบหลังลูบไหล่ปลอบโยนอย่างเอ็นดูแกมขบขันกับท่าทางของคนกลัวเครื่องบิน “อุ้มไม่เคยขึ้นเครื่องบินนี่คะ คุณคีย์อย่าทิ้งอุ้มไว้บนเครื่องบินนะ” “ใครเขาจะทิ้งล่ะ คนตั้งคนนึง หึหึ..” คีแรนหัวเราะเบาๆ แล้วจูบเรือนผมนุ่มอย่างเอ็นดู และแล้วการเดินทางของพวกเขาก็ราบรื่น คีแรนพาสลักจิตมาพักที่บ้านพักของเขาที่เชียงใหม่ก่อนและพาเธอไปไหว้พระที่ดอยสุเทพหลังจากนั้นก็จะเที่ยวในเมืองเชียงใหม่อีกวันก่อนจะเดินทางต่อไปที่เชียงราย พวกเขามาถึงเชียงรายในวันถัดมา สลักจิตมองบ้านพักของคุณยายของเขาแล้วก็ได้แต่ตื่นเต้นดีใจที่ได้มีโอกาสมาพักมาเที่ยวที่นี่ เพราะมันสวยและบรรยากาศดีมากๆ แม้ว่าคุณยายคุณตาของเขาเสียชีวิตไปนานแล้วแต่ที่สถานที่แห่งนี้ยังคงมีกลิ่นอายแบบล้านนาที่เรียกได้ว่าพอเข้ามาในบริเวณบ้านราวกับได้ย้อนเวลาไปเมื่อหกสิบเจ็ดสิบปีก่อนเลยทีเดียวและที่บ้านหลังนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้คนแวะเวียนมาซึมซับบรรยากาศเก่าๆ กับข้าวของเครื่องใช้ที่พักแบบเรียบง่ายและกลิ่นอายธรรมชาติและวิถีชีวิตแบบชาวบ้านๆ ไว้อย่างน่าชื่นชม รีสอร์ตกึ่งโฮมสเตย์แห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อสิบปีก่อนตอนที่คีแรนกลับมาอยู่เมืองไทยเพื่อเยี่ยมเยียนและดูแลคุณยายของเขาก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตนั่นเอง คีแรนพัฒนาและปรับปรุงที่นี่เป็นรีสอร์ตกึ่งโฮมสเตย์ให้เข้ากับยุคสมัย ให้เหมาะสมและคงความเป็นล้านนาไว้ให้มากที่สุด สลักจิตมองภาพถ่ายต่างๆ ที่ถูกแขวนไว้บนผนังและโต๊ะต่างๆ อย่างสนใจ คีแรนจึงเดินมาบอกเล่าคร่าวๆ ว่าเป็นใครบ้าง และทำให้เธอได้รู้เรื่องครอบครัวของเขาเพิ่มขึ้น พ่อของเขาเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวเมื่อหลายปีก่อน ส่วนแม่ของคีแรนก็เสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุได้สิบสองปี คีแรนจึงสนิทสนมกับคุณย่าที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็กๆ นั่นเอง ส่วนบ้านและครอบครัวแม่ของเขาที่เมืองไทยนั้นก็ยังคงรักใคร่เขาเหมือนเดิมเพราะพ่อของคีแรนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จนเสียชีวิต และตัวคีแรนเองก็อยู่ที่เมืองไทยหลายปีและไปๆ มาๆ ระหว่างไทยกับเดนมาร์กอยู่เป็นประจำ เธอจึงไม่แปลกใจที่ใครๆ ที่นี่ก็รู้จักและทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง... “ที่นี่สวยมากเลยค่ะ น่าอยู่มาก เหมือนในละครพีเรียดล้านนาสมัยก่อนเลยค่ะ” “ก็ไม่แปลกหรอก ที่นี่ถูกใช้ถ่ายละครบ่อยๆ ไม่แน่นะอุ้มอาจจะเจอดารามาถ่ายละครหรือมาพักที่นี่ก็ได้” “จริงหรือคะ อุ้มชอบพี่ติ๊ก เจษฎาพรมากเลยค่ะ อยากให้พี่ติ๊กแสดงละครล้านนาเป็นเจ้าชายทางภาคเหนือสักเรื่อง แล้วให้พี่แอฟ ทักษอรเป็นนางเอก เหมือนในเรื่องวนิดา คงสวยน่ารักมากๆ เลยนะคะ” “อุ้มก็บ้าดาราเหมือนกันนะ” คีแรนหัวเราะเบาๆ กับคนบ้าดารา “ถ้าอุ้มสวยกว่านี้อุ้มไปสมัครเป็นดาราแล้วค่ะ เผื่อได้เป็นนางเอกประกบคู่พี่ติ๊ก อิอิ” สลักจิตหัวเราะคิกคักชอบใจแล้วเดินตามเขาไปยังบ้านพักที่อยู่ถัดไปห่างจากที่ตรงนี้ที่เป็นจุดรับลูกค้าและที่พักของลูกค้าที่มาพัก “แค่นี้ล่ะดีแล้ว เพราะถ้าอุ้มไปเป็นนางเอกคุณคีย์อาจจะไม่ได้เจออุ้ม” “นั่นสิคะ” “เอาล่ะเราจะพักห้องนี้ อุ้มเก็บของและพักผ่อนเถอะคุณคีย์ไปสั่งงานแม่บ้านสักครู่” สลักจิตมองตามแผ่นหลังกว้างของเขาไปแล้วถอนใจเบาๆ เธอเลี่ยงที่จะนอนแยกห้องกับเขาไม่ได้แล้วสินะ แต่คีแรนก็ให้เวลาเธอมาหลายวัน และเธอก็ยังไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองตามสัญญาเลยสักนิด.. “ก็นับว่าเขาใจดีและให้เวลาเรามากแล้วนะอุ้ม ยอมรับเถอะว่าเราต้องเป็นของเขา..” สาวน้อยที่กำลังจะเข้าสู่วัยสาวเต็มตัวบอกตัวเองเบาๆ แล้วจัดเสื้อผ้าใส่ตู้
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 4. ตัวละครที่ไม่ต้องการ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A