บทที่.5. บรรยากาศพาไป และใจก็ไหวหวั่น จบตอน   1/    
已经是第一章了
บทที่.5. บรรยากาศพาไป และใจก็ไหวหวั่น จบตอน
“ชารอนจะไปเมืองไทยนะคะ..” เมื่อรับสายคีแรนก็ถอนใจอีกครั้งเห็นเค้าลางความยุ่งยากวุ่นวายเด่นชัดเลยทีเดียว “ไม่ต้องมาหรอก เดี๋ยวพี่ก็จะไปเยี่ยมคุณย่ากับน้องอยู่แล้ว” “ไม่เอา ชารอนจะไปหาพี่คีแรนที่เมืองไทยจะไปๆ” น้ำเสียงเง้างอดเอาแต่ใจไม่เปลี่ยนของน้องสาวทำให้เขารู้สึกขุ่นใจไม่น้อย เขาคิดว่าการที่ชารอนอยากจะมาเมืองไทยไม่ใช่แค่คิดถึงเขาแน่นอน.. “คุณย่าก็จะไปด้วยนะคะ” “ทำไมคุณย่าถึงจะมาด้วย มีแผนอะไรรึเปล่าน่ะเรา” “แหม.. พี่คีแรนพูดแบบนี้กับน้องได้ยังไง ชารอนแค่คิดถึงพี่คีแรนคุณย่าก็อยากไปเที่ยวเมืองไทยเท่านั้นเอง” “แค่นั้นจริงๆ รึ” “เยส.. จริงที่สุด ให้ชารอนไปหานะ นะๆๆ ชารอนอยากไปเที่ยวเมืองไทยเหมือนกันนะคะ ร้อนหน่อยแต่ชารอนทนได้ จริงๆ นะ” “โอเค งั้นพี่จะได้เตรียมห้องพักไว้ให้” “ขอบคุณมากค่า รักพี่คีแรนที่สุด..” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมา ใบหน้าหล่อเหลาดูกังวล สลักจิตมองคนที่ล้มกายนอนข้างๆ แล้วโอบกอดและหอมแก้มเธออย่างสนิทสนมแล้วก็อิ่มเอมใจที่คีแรนแสดงความรักเอาใจใส่เธอเหมือนคนที่รักกันแม้ว่าเขาจะไม่เคยบอกรักเธอก็ตาม.. “วันนี้เหนื่อยไหมคะ” “ไม่เหนื่อยสักนิด แค่เห็นหน้าอุ้มได้คุยกับลูกก็หายเหนื่อยแล้ว” “ลูกเพิ่งจะสี่เดือนเองนะคะ” สลักจิตหัวเราะเบาๆ วางมือทาบลงบนมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้ท้องนูนด้วยอายุครรภ์สี่เดือนเศษของตนอย่างอ่อนโยน คีแรนอ่อนโยนและเอาใจใส่เธออย่างดี ทุกๆ วันก่อนไปทำงานก็จะหอมแก้มและจูบหน้าท้องเธอเบาๆ พูดกับเจ้าตัวเล็กไปตามประสาของเขา ดูท่าทางคีแรนมีความสุขมาก เธอเองก็เช่นกัน “หมอบอกว่าเขาสามารถรับรู้ถึงความรักที่พ่อแม่มีต่อเขาได้แล้วนะ” “โมเมเอาเองรึเปล่าคะ..” สลักจิตยิ้มๆ ลูบอกกว้างเล่นเบาๆ “ไม่โมเมหรอก.. คิดถึงอุ้มจัง..” ปากว่ามือก็เริ่มลูบไล้แขนเรียวเบาๆ ดวงตาหวานเชื่อม แก้มสาวก็แดงเรื่อขึ้นมาทันที ร่างกายก็ร้อนผ่าวตื่นเร้ารับสัมผัสอันอ่อนโยนของเขา “คุณคีย์ก็พูดแบบนี้ทุกวัน” “แล้วอุ้มไม่คิดถึงคุณคีย์บ้างหรือ” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าน้อยๆ พร้อมทั้งมือก็ปลดเปลื้องชุดนอนลายสวยออกจากกายที่เริ่มอวบอิ่มด้วยอายุครรภ์มากขึ้น จนร่างนวลเปลือยเปล่า แม้จะอายต่อสายตาร้อนแรงของเขาแต่สลักจิตก็ไม่อาจจะปิดบังร่างกายของตนจากสายตาของเขาได้ “คิดถึงสิคะ จะปล่อยให้คุณคีย์คิดถึงอุ้มฝ่ายเดียวได้ไง” สลักจิตยิ้มหวานให้เขาอย่างจริงใจ เธอไม่ได้โกหกสักนิด เพราะเธอคิดถึงเขาทุกลมหายใจเข้าออกเลยก็ว่าได้... “คุณคีย์บอกอุ้มหรือยังว่าอุ้มสวยน่ารักที่สุด” “ไม่รู้สิคะ อุ้มจำไม่ได้” สลักจิตแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ “จริงหรือ.. ขี้ลืมแบบนี้ต้องเตือนความจำบ่อยๆ” แล้วเขาก็เตือนความจำเธอด้วยจุมพิตอ่อนหวาน สลักจิตเผยอปากรอรับจุมพิตจากเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ จากจุมพิตอ่อนหวานนุ่มนวลก็เริ่มร้อนแรงขึ้นตามอารมณ์หนุ่มสาวที่ระอุร้อนขึ้นตามแรงปรารถนา แม้ในยามที่รางกายของเธอเปลี่ยนแปลงไป แต่คีแรนก็ยังแสดงความปรารถนาต่อเธอไม่เสื่อมคลาย ทุกสัมผัสของเขานั้นอ่อนโยนอ่อนหวานเอาอกเอาใจ ทำให้เธอรู้สึกอิ่มเอมตื้นตันใจเหมือนว่าเธอเป็นดั่งนางฟ้าที่เขาต้องทะนุถนอม ยิ่งทำให้เธอหลงรักเขาจนหมดหัวใจ เรียกได้ว่ารักหัวปักหัวปำเลยก็ว่าได้ แล้วแบบนี้ถึงเวลาที่เธอต้องจากไปเธอจะทำใจได้อย่างไรกัน... “คุณคีย์ขา..” สลักจิตครางแผ่วพร่าลูบไล้เรือนกายของเขาอย่างรักใคร่ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะต้องตักตวงความสุขทุกหยาดหยด ทุกห้วงเวลาที่มีกับเขาไว้ให้มากที่สุด สิ่งไหนที่จะทำให้ตนเองมีความสุขโดยไม่ได้เบียดบังความสุขของเขาเธอจะทำมันทันที ร่างอวบอิ่มเผยอขึ้นเสียดสีกับเขาอย่างออดอ้อนเว้าวอน ซึ่งก็ได้รับการตอบสนองที่แสนเร่าร้อนจากเขากลับมา สองร่างเปลือยเปล่าโอบกอดเคล้าเคลียกันอย่างสนิทชิดเชื้อต่างปรนเปรอกันด้วยสัมผัสอันอ่อนหวาน คีแรนเป็นครูผู้สอนบทรักที่ดีและสลักจิตก็เป็นนักเรียนหัวไวที่สามารถตอบสนองบทรักของครูหนุ่มผู้เร่าร้อนได้อย่างดีเยี่ยม ดวงตาของทั้งคู่สบจ้องกันเหมือนจะตราตรึงอยู่ในความรู้สึกแสนหวานนี้ตลอดไป... “อุ้มถามคุณคีย์สักนิดได้ไหมคะ..” ในคืนหนึ่งหลังจากที่พายุรักร้อนแรงจบลง หนุ่มสาวก็ยังคงกอดก่ายกันอย่างมีความสุข มือใหญ่ไล้ต้นแขนเธอเล่นเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลาดูอิ่มเอมมีรอยยิ้มระบายอยู่ที่ริมฝีปากหยักสวย ดวงตาคมหลับพริ้มเธอจึงได้เห็นว่าคีแรนเป็นผู้ชายที่มีแพขนตาดกหนาและงอนช้อยราวกับผู้หญิงเลยทีเดียว และนี่เองกระมังทำให้ดวงตาของเขาดูวาวหวานมองทีไรหัวใจเธอก็ละลายกายสาวอ่อนระทวยทุกที... “หืม.. ถามอะไรครับ หรืออยากได้อีกสักยก” “บ้า.. คุณคีย์น่ะ อุ้มเหนื่อยแล้วค่ะ ง่วงด้วย” เธอหาวน้อยๆ ดวงตาก็เริ่มหรี่ปรือเพราะความง่วงงุนแต่เพราะมีสิ่งที่ค้างคาใจเธอจะต้องถามเขาให้ได้ “ถามมาสิครับ” “คุณคีย์จะไล่อุ้มออกจากบ้านหลังจากคลอดแล้วจริงๆ หรือคะ” คราวนี้เขาลืมตาขึ้นมองสบตากับเธอจริงจัง “อุ้มเอาความคิดนี้มาจากไหน” “ก็.. ในสัญญา..” เสียงเธอแผ่วเบาขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “ในสัญญา ว่ายังไง..” เหมือนน้ำเสียงเขาจะดุๆ สลักจิตจึงไม่กล้าพูดอะไรต่อ “ทำไมอุ้มถามแบบนี้ล่ะ เครียดมากไม่ดีต่อลูกรู้ไหม..” น้ำเสียงของเขาอ่อนลงแล้วหอมแก้มเธอเบาๆ สลักจิตน้ำตาคลอกับการกระทำอันแสนอ่อนโยนของเขา “อุ้มขอโทษค่ะ อุ้มแค่ไม่อยากจากคุณคีย์ไป อุ้มอยากอยู่กับคุณกับลูก อยากเป็นแม่ของแกจริงๆ หากอุ้มคลอดแล้วคุณคีย์อย่าไล่อุ้มไปไหนนะคะ ให้อุ้มอยู่เป็นพี่เลี้ยงเด็กก็ได้ อุ้มขอแค่อยู่กับคุณคีย์กับลูกแค่นั้น อุ้มจะไม่เรียกร้องอะไรเลย..” พูดไปพูดมาก็น้ำตาร่วงพรั่งพรูราวก๊อกน้ำแตกเสียอย่างนั้น “โธ่เอ๊ย เด็กน้อย.. หึหึ..” คีแรนหัวเราะจนร่างใหญ่สะเทือน สลักจิตหน้างอนึกน้อยใจคิดว่าเขาหัวเราะเยาะตน ทั้งอารมณ์ที่ไม่คงที่ของว่าที่คุณแม่ทำให้เธอยิ่งร้องไห้หนักขึ้นและทุบอกกว้างของเขาอย่างแง่งอน “คุณคีย์ห้ามหัวเราะเยาะอุ้มนะ และอุ้มไม่ใช่เด็กน้อยด้วย อุ้มจะเป็นแม่คนแล้ว” “ช่าย อุ้มไม่ใช่เด็กแล้ว ใหญ่..แล้ว..” คีแรนพูดกำกวมแก้มสาวก็เห่อร้อนขึ้นมาทั้งขัดเขินทั้งยังน้อยใจเขาอยู่ อารมณ์มันปนเปกันไปหมด “นี่ๆ คุณคีย์ลามก” เธอทุบอกเขารัวๆ คีแรนก็ยอมให้เธอทุบทั้งยังหัวเราะร่วนก่อนจะจับมือเล็กไว้แล้วก็จูบมือทั้งสองข้างของเธอเบาๆ “ขี้แยจังเลยครับคนเก่ง” “อุ้มจริงจังนะคะ” สลักจิตหน้างอ คีแรนยิ้มให้แล้วเช็ดน้ำตาออกจากแก้มนวลอย่างอ่อนโยนจนมันเหือดแห้ง “คุณคีย์ไม่เคยคิดจะไล่อุ้มไปไหนเลย อุ้มเป็นเมียคุณคีย์และเป็นแม่ของลูกคุณคีย์และมันจะแบบนั้นตลอดไป อุ้มจะต้องอยู่กับคุณคีย์ห้ามไปจากคุณคีย์เด็ดขาด.. โอเคไหม” “จริงหรือคะ คุณคีย์จะไม่ไล่อุ้มให้ไปไกลๆ จากลูกใช่ไหมคะ” “แน่นอนที่สุด.. เว้นเสียแต่อุ้มไม่อยากอยู่กับคุณคีย์และเลือกที่จะจากไปเอง” คราวนี้รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าหล่อเหลา แววตาของเขาดูจริงจัง “อุ้มไม่มีวันไปจากคุณคีย์ อุ้มจะอยู่กับคุณคีย์จนกว่าคุณคีย์จะไม่ต้องการอุ้มแล้ว..” “ไม่มีวันที่คุณคีย์จะไม่ต้องการอุ้ม..” “คุณคีย์..” สลักจิตมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างหลงใหลรักใคร่เปิดเผย แววตาของเธอบ่งบอกความรู้สึกทุกอย่าง ทั้งรักและเทิดทูนเขาสุดหัวใจ.. “คุณคีย์อย่าโกรธอุ้มนะคะที่อุ้มจะบอกว่า อุ้มรักคุณคีย์เหลือเกิน.. แม้ว่าคุณคีย์จะไม่รักอุ้มก็ไม่เป็นไรค่ะ อุ้มจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณคีย์แต่ขอแค่ให้อุ้มได้รักคุณคีย์ก็พอ..” สลักจิตบอกแล้วซบหน้ากับอกกว้างและกอดร่างแกร่งไว้แน่น เธอไม่อยากสบตาไม่อยากมองหน้าเขาเพราะกลัวว่าจะพบกับความเกลียดชังหรือโกรธเคืองจากเขา หากว่าคีแรนไม่พอใจที่เธอคิดเกินเลย เกินหน้าที่ของตน เธอคงทนไม่ได้แน่ๆ ที่จะต้องทนเห็นความเกลียดชังในแววตาคมวาวหวานแสนอ่อนโยนคู่นั้น “หลับเสียเถอะเด็กน้อย.. คุณคีย์ดีใจที่อุ้มรักคุณคีย์” เขาบอกแล้วลูบต้นแขนเธอเบาๆ เหมือนปลอบโยนเห่กล่อม ความเงียบปกคลุมห้องนอนกว้างและความง่วงงุนก็เป็นฝ่ายมีชัยเหนือเธอ สลักจิตหลับไปอย่างง่ายดายจึงไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ทอดผ่านจากดวงตาคม... วันต่อมาสลักจิตรบเร้าให้คีแรนพาไปเยี่ยมป้าสมจิตบ้างเพราะเธอรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูกตอนแรกคีแรนบ่ายเบี่ยงไม่ยอมพาเธอมาท่าเดียว สลักจิตถึงกับร้องไห้โฮออกมาด้วยความอัดอัดและน้อยใจ จนคีแรนใจอ่อนพาเธอไปที่บ้านและความจริงที่ได้พบเจอทำให้เธอถึงกับเข่าอ่อน.. “ป้าสมจิตตายแล้ว ตายตอนไหน ตายยังไง ทำไมไม่มีใครบอกอุ้มเลย..” ศรัณเองก็หน้าเสียเมื่อคีแรนขอให้เขามาด้วย “โธ่.. นังอุ้ม.. ฉันเองก็ไม่อยากให้แกไม่สบายใจเห็นแกท้องอยู่” “พวกเราห่วงอุ้มนะ” คีแรนเข้ามาปลอบ แต่เธอยังคงเสียใจอยู่แม้ว่าป้าจะไม่ดีกับเธอนักแต่ท่านก็มีบุญคุณกับเธออย่างมาก “อุ้มจะโกรธคุณคีย์โกรธแกด้วย..” เธอพูดพาลๆ ทั้งสองหนุ่มถอนหายใจหนักๆ “ยอมให้โกรธแต่แค่แป๊บเดียวนะ” ศรัณว่า “จะโกรธสามวัน..” สลักจิตพูดไปเช็ดน้ำตาไปแล้วรับโกฎิกระดูกจากหลวงพ่อด้วยความอาลัยรัก “โยมสมจิตมาหาอาตมาก่อนจะเกิดเรื่อง ฝากนี่ไว้ให้โยมด้วย” หลวงพ่อซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้บอกพร้อมทั้งยื่นซองกระดาษสีน้ำตาลให้เธอ “เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดาของโลก ความเสียใจย่อมมีแก่มนุษย์ที่ผูกพันกัน แต่สุดท้ายทุกชีวิตต้องพรากจากกันไปตามวาระ หากเรามองว่ามันเป็นธรรมดาก็จะเศร้าน้อยลงยอมรับความจริงได้ง่ายขึ้น ใช้ชีวิตเป็นปกติสุขได้เร็วขึ้น โยมทำใจให้สบายเถิด โยมสมจิตแกไปดีแล้ว หมดธุระแล้วอาตมาขอตัวก่อนนะ” หลวงพ่อเทศนาก่อนจะขอตัวจากไปทำกิจของตน สลักจิตเช็ดน้ำตาจนแห้งเหือดแล้วมองคีแรนกับศรัณอย่างขอโทษ แม้จะยังรู้สึกเคืองใจนิดๆ แต่เมื่อได้ฟังคำพูดของหลวงพ่อแล้วก็พอมีสติคิดได้บ้าง “เดี๋ยวฉันไปรอที่รถนะ” “อุ้มคงอยากอยู่คนเดียว.. คุณคีย์จะยืนรอใต้ต้นโพธิ์นะ” คีแรนชี้ไปที่ต้นโพธิ์ที่อยู่ไม่ไกลจากที่เธอยืนอยู่ สลักจิตพยักหน้าน้อยๆ แล้วนั่งลงเปิดซองสีน้ำตาลนั้นออกมา แล้วน้ำตาก็ไหลรินลงมาอีก.. ภาพในวัยเด็กของเธอกับพ่อแม่และกับป้าสมจิต ภาพเธอในชุดนักเรียนตอนขึ้นรับทุนการศึกษาในวันแม่ที่มีป้าสมจิตเป็นแม่ในวันนั้น ภาพที่เธอได้รางวัลดีเด่นในโรงเรียนที่มีป้าสมจิตอยู่เคียงข้าง ทุกภาพนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขที่ฉายทางแววตา แล้วเธอก็พบจดหมายของป้าสมจิต.. “อุ้ม.. ป้าขอโทษนะที่เคยทำร้ายแก เพราะความหน้ามืดตามัวเพราะความหลงของป้าเองที่ทำให้แกเกือบต้องสูญเสียอนาคต แต่ป้าก็ได้ชดใช้ให้แกแล้วด้วยการส่งแกให้ไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย คุณคีย์เป็นคนดีและเขาก็มาขอแกกับป้า ป้าเห็นว่าเขามีฐานะ มีความพร้อมที่จะดูแลปกป้องแกได้ และไอ้แสงมันจะไม่ทางไปทำร้ายหรือทำอะไรแกได้อีก ป้าจึงยอมขายแกให้เขาเพราะเห็นว่าเขาเป็นคนดี และเขาก็ช่วยไถ่ถอนบ้านที่จำนองไว้ให้ป้าด้วย บ้านหลังนี้จะเป็นของแก ทรัพย์สินที่ป้ามีจะเป็นของแก ป้าอาจจะเป็นป้าที่ไม่ดีนักแต่ป้าก็รักแก และทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านี้ และหากว่าป้าเป็นอะไรไป หรือตายก็ไม่อยากให้แกมาเห็นสภาพที่น่าสมเพชของป้า และป้าก็บอกคุณคีย์ไว้ว่าไม่ให้บอกแก ป้ารู้ข่าวว่าแกท้องแล้ว ป้าดีใจด้วยนะดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ สุดท้ายนี้ป้าขอให้แกอโหสิให้ป้าด้วยนะ ถึงป้าจะไม่ดีนักแต่ป้าสมจินตคนนี้ก็รักแก.. ป้ารักแกนะนังอุ้ม หลานที่รักของป้า” สลักจิตน้ำตาร่วงพรูเมื่อรับรู้ถึงความรักความหวังดีที่ป้าสมจิตมีแต่เธอเรื่อยมา และเข้าใจแล้วว่าทำไมป้าจึงบอกว่าทำไปเพราะรักเธอในวันนั้น เธอดูรูปเหล่านั้นและอ่านจดหมายของป้าสมจิตซ้ำไปซ้ำมาจนเมื่อสามารถทำใจได้จึงเดินไปหาคีแรนกับศรัณที่เดินมาสมทบกันรอเธออยู่ที่รถ “สบายใจขึ้นรึยัง” ศรัณเดินมาโอบไหล่เธออย่างที่เคยทำเสมอ “อืม.. สบายใจขึ้นแล้วขอโทษนะที่บอกว่าจะโกรธแกสามวัน” “อย่างแกจะโกรธใครได้เกินสามนาที” ทั้งสองหัวเราะให้กันอย่างรู้สึกดีขึ้น “เรากลับกันเถอะ” คีแรนเปิดประตูรถให้เธอขึ้นไปนั่ง เขายังพาเธอกลับไปดูบ้านของป้าสมจิตด้วยและยังให้ช่างมาต่อเติมซ่อมแซมใหม่ และสลักจิตรู้ถึงสาเหตุการตายของป้าสมจิตก็ทั้งนึกเสียใจและซาบซึ้งในความรักที่ป้าสมจิตมีให้เธอป้าสมจิตโอนเงินทั้งหมดที่ได้จากคีแรนเข้าไว้ในบัญชีของเธอทำให้นายไม่สามารถกดเงินมาใช้ได้ผลก็คือนายแสงไม่มีเงินไปใช้หนี้พนันและโดนทำร้ายหนีตายหัวซุกหัวซุน นายแสงหายไปจากชีวิตป้าสมจิตสักพักแต่แล้วก็วกกลับมาเมื่อหลายวันก่อนเกิดเรื่องอันน่าเศร้า พอมาถึงบ้านก็เกิดการทะเลาะกันกับป้าสมจิต นายแสงพยายามทำร้ายป้าสมจิตแต่ครั้งนี้ป้าสมจิตต่อสู้ไม่ถอยไม่ยอมอีกต่อไป แต่แล้วป้าสมจิตถูก็กนายแสงใช้มีดแทงจนบาดเจ็บสาหัส เพื่อนบ้านเห็นเหตุการณ์ก็ช่วยนำป้าสมจิตส่งโรงพยาบาล และแกก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งเธอก็เพิ่งรู้ว่าก่อนป้าสมจิตเสียชีวิตคีแรนได้ไปพบกับป้าสมจิต และป้าสมจิตก็สั่งเสียกับคีแรนไว้ว่าอย่าบอกเธอและยังฝากฝังเธอไว้กับเขา ส่วนนายแสงนั้นพอเกิดเรื่องก็หลบหนีไป แต่สุดท้ายนายแสงก็ถูกลูกน้องของเสี่ยคนหนึ่งฆ่าตายด้วยเรื่องหนี้พนันแต่ก็ไม่มีใครกล้าเอาผิด หรือสนใจกับการตายของนายแสง แล้วบทสรุปของคนชั่วอย่างนายแสงก็จบลงพร้อมกับชีวิตของป้าสมจิตด้วย... วันต่อมาสลักจิตก็ขอให้คีแรนพามาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ป้าสมจิตอีกครั้ง และนับจากนี้ชีวิตของเธอก็คงจะเหลือเพียงตัวคนเดียวเท่านั้นและก็ได้แต่หวังวาคีแรนจะเอ็นดูเธออย่างนี้ตลอดไป...
已经是最新一章了
加载中