บทที่ 9. คลี่คลาย กายใจ... จบตอน   1/    
已经是第一章了
บทที่ 9. คลี่คลาย กายใจ... จบตอน
“เอ่อ.. อุ้ม คือฉัน..” ชารอนขยับตัวไปมาอย่างอึดอัดและประหม่า ทั้งที่เตรียมพูดคำขอโทษไว้เป็นร้อยๆ รอบแต่พอเอาเข้าจริงๆ มันทำได้ยากเหลือเกิน... “คุณชารอนมีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ อุ้มพร้อมรับฟัง” ชารอนถอนหายใจหนักหน่วงรู้สึกลำคอตีบตันขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นรอยยิ้มจริงใจของสลักจิต ตอนแรกเธอคิดว่าสลักจิตจะต้องโกรธเกลียดเธอและไม่ยอมพูดคุยด้วย “ฉันขอโทษ..” ในที่สุดเธอก็พูดออกมาจนได้ ชารอนน้ำตารื้นดีใจที่ตนเองได้รับโอกาสได้กล่าวคำนี้.. “ขอโทษจริงๆ นะอุ้ม ขอโทษๆๆ” ชารอนลุกมาจะกราบเธอแต่สลักจิตดึงเธอไว้แล้วโอบกอดเธอแน่น ชารอนถึงกับน้ำตาไหลพราก “ไม่เป็นไรนะคะ อุ้มยกโทษให้คุณค่ะ” สลักจิตลูบหลังลูบไหล่ปลอบเธอเสียเองทั้งที่เป็นคนที่ถูกเธอทำร้าย ชารอนรู้สึกละอายใจเหลือเกิน “ขอโทษ ฉันขอโทษจริงๆ” ชารอนร้องไห้สะอึกสะอื้นทั้งละอายและดีใจที่สลักจิตยกโทษให้ทั้งสองกอดกันอยู่อย่างนั้นหลายนาที... “ขอบคุณนะอุ้มที่ยกโทษให้ฉัน” “ไม่เป็นไรค่ะ มันผ่านไปแล้ว ถือเสียว่ามันเป็นบทเรียนที่มีค่านะคะ” ชารอนมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพิจารณา สลักจิตโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วจริงๆ ใบหน้าที่ยังคงงดงามน่ารักเนียนใส ดูอ่อนเยาว์ แววตาสดใสและรอยยิ้มน้อยๆ ที่ประดับอยู่บนใบหน้านั้นทำให้สลักจิตดูน่ามองและทำให้คนมองรู้สึกสบายตาสบายใจ ในวัยเท่ากันเธอยังคงมีนิสัยเอาแต่ใจเหมือนเด็กสาวที่ขาดความรักความอบอุ่น ทำอะไรนึกถึงแต่ตัวเอง จนสร้างความเดือดร้อนเศร้าเสียใจให้กับทุกคนและเกือบจะสูญเสียสิ่งที่มีค่าไป นั่นก็คือ ครอบครัว... “ฉันละอายใจเหลือเกิน..” “คุณชารอนก็แค่อยากปกป้องครอบครัวจากคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างอุ้มเท่านั้นค่ะ มันแค่นั้นจริงๆ” “แต่มันก็ทำให้ทุกคนเจ็บปวด เธอรู้ไหมว่าฉันเหมือนตกนรกทั้งเป็น..” แล้วชารอนก็เล่าเรื่องที่ตนทำไม่ดีไว้ให้สลักจิตฟัง สลักจิตมีท่าทางสงบนิ่งและฟังเธออย่างตั้งใจไม่มีความโกรธเคืองในแววตาของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความเศร้าเมื่อรู้ว่าระหว่างที่เธอระหกระเหินไปเริ่มต้นชีวิตใหม่คีแรนก็ประสบความทุกข์ทรมานไม่ต่างกันแต่เขาไม่ได้บอกเธอเรื่องนี้ “ฉัน.. ฉันเลวมากที่ทำแบบนั้น ทำให้ทุกคนต้องเจ็บปวด” “คุณเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกันหรอกค่ะ คนไทยเขาเรียกว่า กรรมใดใครก่อคนนั้นก็ต้องรับ คุณเองก็ได้รับผลกรรม ผลจากการกระทำของคุณแล้ว เราทุกคนเจ็บปวดทรมานมาพอแล้วนะคะ อุ้มเคยโกรธเคยรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับอุ้มเลย แต่เมื่อรู้ว่าคุณเองก็เจ็บปวดพอๆ กัน อุ้มก็ไม่โกรธคุณหรอกค่ะ อีกอย่างหากไม่มีคุณชารอน เราสามคนพ่อแม่ลูกก็อาจจะไม่ได้พบกัน ขอบคุณนะคะที่ดูแลช่วยเหลือคุณคีย์จนหายดี หากไม่มีคุณก็ไม่รู้ว่าคุณคีย์จะเป็นอย่างไร.. ขอบคุณค่ะ” สลักจิตกุมมือเธอไว้แล้วยิ้มให้ ชารอนยิ้มตอบเธอเช่นกัน “เธอเป็นคนดี คุณย่าบอกกับฉันแบบนั้นตั้งแต่แรก แต่ฉันดื้อดึงไม่ยอมฟังจนทำให้เกิดเรื่องร้ายๆ แล้วฉันก็ยังหูเบาเชื่อยายไลลาอีก ยายมารร้ายนั่น มันทำรอคอยเวลาที่จะแก้เผ็ดพี่คีแรนมานานและมันก็ได้โอกาส และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับมันด้วย..” ชารอนเล่าเรื่องที่ไลลาเคยมีเรื่องมีราวกับคีแรนก่อนหน้านี้ให้ฟัง แต่เพราะเธอเป็นคนที่ถือทิฐิและคิดว่าตัวเองฉลาดจะหลอกใช้ไลลาแต่กลายเป็นว่าตนกลับโดนซ้อนแผนโดนหลอกใช้เสียเอง แต่ที่มันเป็นแบบนั้นก็เพราะตัวเธอเองด้วย... “แต่ไม่ต้องห่วงนะ คนอย่างไลลาจะไม่มีวันเข้ามาป่วนเราได้อีก” “ทำไมหรือคะ แล้วคุณไลลาเขาเป็นอะไรไปหรือคะ” “ไม่มีใครทำอะไรยายนั่นหรอก เขาทำตัวเขาเอง” “ยังไงคะ” “ก็หลังจากที่เราประสบปัญหาต่างๆ กันอยู่นี่ ไลลาเขาก็คงสะใจ มีความสุขมากที่ทำให้พี่คีแรนเสียใจได้ ทีนี้ไลลาเขาก็ไปรับงานต่างประเทศและใช้แผนเดิมๆ เพื่อจะจับผู้บริหารของบริษัทที่ว่าจ้างเขาเป็นนางแบบโฆษณาสินค้า แต่บังเอิญว่าเมียเขาจับได้และเขาไม่ยอมปล่อยผ่าน ไลลาโดนเล่นงานซะเละกลับประเทศไทยแทบไม่ทันดีไม่โดนตบหรือโดนน้ำกรดสาด เพราะได้ข่าวว่าเมียซีอีโอคนนี้ดุมาก พอกลับเมืองไทยมาก็ไม่มีงานไม่มีเงิน” “แย่จังเลยค่ะ น่าสงสารเขาเหมือนกันนะคะ” “คนอย่างไลลาน่าสงสารจริงๆ นั่นล่ะ เขารวยนะ แต่จมไม่ลง ชอบใช้ชีวิตข้าวของฟุ่มเฟือย ทีนี้พออยากได้อะไรก็ต้องได้ จะต้องได้จะต้องมีพอไม่มีก็แสวงหาจนกลายเป็นเสพติดและเคยชินกับการแย่งชิงอะไรมาแบบนั้น เงินมีแต่ใช้ปรนเปรอหมดไปกับความสำเริงสำราญมันก็หมดไปจนต้องใช้วิธีแย่ๆ เพื่อให้ตัวเองมาอยู่จุดเดิมแต่กลายเป็นว่ายิ่งแย่ไปใหญ่เมื่อปีที่แล้วฉันได้ข่าวว่าไลลาเขาไปเป็นพริตตี้รับงานหลายอย่าง ทำงานตัวเป็นเกลียวเลยและได้ข่าวอีกว่าเสพยาจนถูกจับและก็เข้าๆ ออกสถานบำบัด ตอนนี้ยังอยู่ในสถานบำบัดได้ข่าวว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย อาการหนักอยู่” “น่าสงสารจริงๆ นั่นล่ะค่ะ เธอคงอยากจะมีสักคนที่รักเธอจริงๆ” สลักจิตถอนใจกับเรื่องที่รับรู้ “ฉันเองก็เคยเป็นชินกับการเป็นที่รัก กลัวจะไม่มีคนรัก กลัวถูกแย่งความรัก จนทำเรื่องร้ายๆ กับเธอไง และฉันก็โชคดีตรงที่ทุกคนรักและให้โอกาสฉัน..” ชารอนยิ้มกว้าง เธอรู้สึกโชคดีจริงๆ โชคดีเหลือเกินที่มีคุณย่า มีพี่ชายพี่สะใภ้และหลานสาวที่น่ารัก ทุกคนต่างดีกับเธอเหลือเกิน “อุ้มก็โชคดีค่ะที่คีแรนรักอุ้มอย่างจริงใจและคุณชารอนก็รักอุ้ม” “แน่นอนสิ.. ฉันจะไม่รักเธอได้ไงล่ะ” ชารอนโผเข้ากอดสลักจิตไว้อย่างแสนรักแล้วทั้งสองก็พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างสนิทสนม... “ฉันขอโทษนะอุ้ม ฉันสัญญาว่าต่อจากนี้ฉันจะดีกับเธอให้มากๆ ฉันจะช่วยเหลือเธอทุกอย่างและจะไม่มีวันทำร้ายเธอกับลูกอีก” ชารอนให้สัญญาหนักแน่น.. “ดีใจจริงๆ ที่สองคนนั้นเข้ากันได้ดี” คีแรนกับคุณย่าแอบมองดูทั้งสองอยู่เงียบๆ ต่างก็ถอนใจและยิ้มให้กันอย่างมีความสุขเมื่อเห็นว่าทั้งสองสามารถยิ้มให้กันได้ “ชารอนเขาได้รับบทเรียนที่แสนแพงแล้ว ต่อจากนี้คงจะทั้งรักทั้งหลงกันล่ะ” “ผมว่าใครก็คงแตะไม่ได้แน่ๆ ทีนี้กลัวว่าจะตามใจกันเกินไปน่ะสิ” คีแรนพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องครีมซึ่งกินขนมอิ่มแล้ววิ่งเข้าไปหาคุณแม่กับคุณอาของตน และชารอนก็ทั้งกอดทั้งหอมพูดจาคะขาเอาอกเอาใจหลานสาวเต็มที่ ซี่งคนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยรู้ดีว่าชารอนนั้นแทบไม่ชอบเด็กเลย และค่อนข้างขี้รำคาญ เรียกได้ว่าเธอตรงข้ามกับคำว่ารักเด็กเลยทีเดียว แถมยังเจ้าระเบียบเจ้ากี้เจ้าการจนแทบจะขึ้นคานหาแฟนไม่ได้อยู่อย่างนี้ “หึหึ.. ย่าว่าคนที่จะเป็นฝ่ายตามใจนี่คงเป็นอามากกว่าล่ะมั้ง หลานบอกอะไรให้ทำอะไรคงทำตามหมด นั่นไง.. พูดไม่ทันขาดคำ” คุณย่าชี้ไปที่ชารอนที่กำลังทำท่าเต้นแบบน้องครีม ดูเหมือนเจ้าตัวน้อยจะสอนคุณอาคนสวยเต้น ท่าทางเก้ๆ กังๆ ที่พยายามเต้นตามหลานสาวทำให้ทั้งคีแรนและคุณย่าหัวเราะชอบใจ บรรยากาศในบ้านหลังงามที่เคยเงียบเหงาและเศร้าสร้อย บัดนี้เต็มไปด้วยความสุขที่อบอวลด้วยความรักและความเข้าใจ “คุณคีย์ปิดบังเรื่องสำคัญกับอุ้มนะคะ” สลักจิตพูดขึ้นเมื่อเขาก้าวขั้นเตียงมานอนเคียงข้าง วันนี้น้องครีมขอไปนอนกับคุณอาชารอนและชารอนก็เต็มใจรับดูแลน้องครีมอย่างเต็มอกเต็มใจ “หืม.. ไม่เคยปิดแค่ยังไม่อยากบอกกลัวอุ้มคิดมาก คิดว่าพออุ้มปรับตัวได้แล้วคุณคีย์จะบอก” คีแรนรู้ว่าเธอหมายถึงเรื่องอะไร “เมื่อไหร่หรือคะ.. คุณคีย์เห็นอุ้มเป็นคนคิดมากขนาดนั้นเลยหรือคะ” “ใช่สิ.. ไม่งั้นอุ้มจะกล้าทิ้งคุณคีย์หรือไง” เขาพูดยิ้มๆ สลักจิตหน้างอใส่เขา “คุณคีย์คงเจ็บปวดมาก” เธอลูบใบหน้าเขาเบาๆ แล้วจ้องไปในดวงตาคมอย่างลึกซึ้งก่อนจะเอมมือมาลูบขาเขา “อุ้มเพิ่งสังเกตว่าคุณคีย์เดินไม่เหมือนเดิม ขาอีกข้างมันยังไม่หายดีหรือคะ” “หายดีแล้ว เพียงแต่มันแค่ขัดๆ นิดหน่อยเวลาที่เราอยู่ในท่าไหนนานๆ เช่นอย่างนั่งนานๆ แล้วลุกทันทีก็จะเดินกะเผลกๆ ในช่วงแรกๆ ก็เหล็กทั้งนั้นนี่นะ..” เขาวางมือทาบลงบนมือของเธอ ที่ยังวางอยู่บนหน้าขาของเขา ด้วยความที่ขาดามเหล็กไว้ทั้งสองข้างทำให้บางครั้งเขาก็เดินกะเผลกๆ ไปบ้าง หรือบางทีเวลาที่อากาศเย็นหรือในตกฟ้าร้องก็ทำให้เขาเกิดอาการปวดแปลบภายในขาที่ดามไว้.. แต่มันก็บ่อยนักและเขาก็พยายามออกกำลังกายและทำกายภาพอย่างสม่ำเสมอจึงสามารถกลับมาเดินได้เป็นปกติ “อุ้มขอโทษค่ะ” เธอพูดเศร้าๆ “ขอโทษทำไม มันผ่านไปแล้ว ตอนนี้คุณคีย์ไม่เป็นไรแล้ว และมีความสุขที่สุด” “อุ้มรักคุณคีย์จัง” เธอโผกอดเขาแน่นร่างบอบบางสั่นน้อยๆ เหมือนจะสะอื้นไห้เสียอย่างนั้น “คุณคีย์ก็รักอุ้ม แม้ในยามที่คุณคีย์เจ็บปวดมองไม่เห็นก็คิดถึงแต่อุ้มเท่านั้น” “อุ้มก็เหมือนกันค่ะ อุ้มคิดถึงคุณคีย์ทุกวัน แต่ไม่กล้าตามข่าวกลัวว่าจะทำให้คุณคีย์ได้รับอันตราย อุ้มไม่มีใครแล้วในชีวิต มีแค่ลูกกับคุณคีย์อุ้มไม่อยากเสียคุณคีย์ไปอีกคน..” “คุณคีย์ก็ไม่อยากเสียอุ้มไป.. นับจากนี้เราจะอยู่ด้วยกันไปตลอดนะ อย่าทิ้งคุณคีย์ไปไหนอีก” “ไม่มีทางค่ะ คราวนี้ต่อให้มีใครมาข่มขู่หรือจะแย่งคุณคีย์ไปจากอุ้ม อุ้มจะไม่ใจอ่อนไม่ยอมง่ายๆ หรอกค่ะ อุ้มจะจัดการขั้นเด็ดขาดเลย” “จะจัดการยังไงหรือ..” คีแรนถามเสียงแผ่วพร่า เริ่มร้อนรุ่มด้วยไปทั้งกายเมื่อมือซุกซนกำลังรังแกร่างกายของเขาอย่างอาจหาญ “ก็จะ... ทำแบบนี้..” เธอบอกเบาๆ แล้วก้มลงกัดติ่งหูเขาเบาๆ คีแรนหัสเราะชอบใจทั้งเสียวซ่านและจั๊กจี้ “แบบนี้ใครจะกลัว..” “ไม่ได้ให้กลัวเสียหน่อยค่ะ..” สลักจิตยิ้มๆ แล้วเลื่อนมือไปยังกลางกายของที่กำลังร้อนฉ่าตื่นตัว... “แต่จะทำให้รักให้หลงแล้วไม่มีแรงไปหาเศษหาเลยต่างหาก” “แค่นี้คุณคีย์ก็ไปไหนไม่รอดแล้วทูนหัว..” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกระเส่าเมื่อมือน้อยแสนซนกำลังหยอกเย้าแก่นกายที่กำลังร้อนเร่า “คุณคีย์จะต้องเป็นของอุ้มคนเดียว.. เท่านั้น..” หญิงสาวบอกหนักแน่นแล้วมอบจุมพิตแสนหวานให้เขาเสียจนคีแรนแทบละลายกับการแสดงออกถึงเจตจำนงค์อันแรงกล้าของเธอ และเขาก็ชอบมันที่สุด ไม่นานทั้งสองร่างก็เปลือยเปล่าคลอเคล้ากันอย่างเร่าร้อน เพลิงเสน่หาลุกโชติช่วงและเต็มไปด้วยความหวานชื่นที่พวกเขาต่างมอบให้กันและกัน อย่างไม่มีเบื่อหน่าย...
已经是最新一章了
加载中