3ภารกิจอันยิ่งใหญ่   1/    
已经是第一章了
3ภารกิจอันยิ่งใหญ่
“ดูป้าตื่นเต้นไปนะ เก็บอาการหน่อย” เขาเย้าแหย่คนที่กลับมาสวยสดใสเหมือนเดิมอีกครั้งและแววตาของเธอก็เต็มไปด้วยความหวังอันเรืองรอง “ยุ่งน่า ขับรถไปอย่าพูดมาก” อันโตนิโอมาเมืองไทยบ่อยกว่าเธอ และเขาก็ทำงานอยู่ที่นี่ด้วย เพราะต้องฝึกและทำงานกับคีแรนจนเรียนจบและไปๆ มาๆ ระหว่างไทย เดนมาร์ก “รู้แล้วน่า.. ซอยข้างหน้าก็ถึงแล้ว” “โอ้โห บ้านเขาสวยน่ารักจัง” “ด้านหน้าเป็นร้านอาหารและเครื่องดื่มยอดฮิตเลย เค้กอร่อย กาแฟก็อร่อย ลองกินมั้ยเดี๋ยวผมเลี้ยงป้าเอง” “บอกว่าอย่าเรียกป้า” “งั้นเรียกที่รัก” “งั้นเรียกป้าเหมือนเดิมเถอะย่ะ” ชารอนสะบัดหน้าพรืดอย่างฉุนนิดๆ อันโตนิโอหัวเราะชอบใจ “เอาล่ะถึงแล้ว ผมรอในร้านนะ ที่เหลือป้าจัดการเอง” “เฮ้ย.. ได้ไง ไปด้วยกันดิ” ชารอนดูกังวลและกระวนกระวายกับการเผชิญหน้ากับเพื่อนรักของสลักจิต “ไม่.. เรื่องนี้ใครผูกก็แก้เอง ผมจะคอยให้กำลังใจป้าอยู่ห่างๆ ป้าบอกเองนะว่าจัดการได้..” คีแรนกำชับเขาอย่างหนักแน่นว่าให้ชารอนเข้าไปหาและพูดคุยกับศรัณด้วยตัวเอง ห้ามเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวให้คอยดูห่างๆ เท่านั้นเพราะอยากให้ชารอนรู้จักจัดการกับปัญหาที่ตนก่อไว้ด้วยตัวของเธอเองและเขาก็เห็นด้วยอย่างมาก “จำไว้เลยนะ” “คร้าบ เดี๋ยวผมสั่งเค้กส้มรอ” เขารู้ว่าเธอชอบกินเค้กส้มและที่นี่ก็ทำเค้กได้อร่อยทุกรสชาติ อันโตนิโอผลักเธอเข้าไปหลังร้านเพื่อติดต่อขอพบกับเจ้าของร้าน... “หล่อนนี่เองที่ทำให้เพื่อนรักฉันหัวซุกหัวซุน.. นางมารร้ายขอตบสักทีสองทีเถอะ” เมื่อเห็นว่าเธอเป็นใคร ศรัณก็ปรี่เข้ามาตบหน้าเธอทันที เพี๊ยะๆ ชารอนหน้าหันไปตามแรงตบเรียกได้ว่าเห็นดาวเห็นเดือนเลยทีเดียว ซึ่งการกระทำของศรัณทำให้อันโตนิโอที่เฝ้ามองอยู่ห่างๆ ถึงกับรีบวางแก้วกาแฟในมือแล้วทำท่าจะเข้าไปช่วยแต่เขาเห็นว่ามีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเข้าไปหาพวกเขาเสียก่อน เขานั่งลงด้วยใจที่เต้นระทึกและลุ้นอยู่ห่างๆ ว่าจะเกิดอะไรต่อไปจากนี้... “หยุดนะรัน.. เด็กคนนี้นี่ทำไมเป็นคนแบบนี้” ครูวิไล แม่ของศรัณเข้ามาผลักลูกชายออกห่างหญิงสาวที่ล้มพับอยู่กับพื้นแล้วเข้ามาพยุงชารอนลุกขึ้นอย่างห่วยใย “ป้าขอโทษแทนรันด้วยนะหนู” “ไม่เป็นไรค่ะ” “หา.. เอ่อ..” ครูวิไลมึนงงไปเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าไม่โกรธลูกชายของตนที่ตบหน้าเอา “นังนี่มันสมควรโดนตบแล้วแม่ มันนี่ล่ะที่ทำให้ยายอุ้มหอบลูกหนีไปตกระกำลำบาก” ครูวิไลหันมามองหน้าหญิงสาวสวยตรงหน้าแล้วถอนใจเบาๆ จากสายตาคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานก็พอจะดูออกว่าหญิงสาวคนนี้มาที่นี่เพื่ออะไร “เอาล่ะไปคุยกันในบ้านเถอะ” แล้วครูวิไลก็จูงมือชารอนให้เดินผ่านรั้วเตี้ยๆ ผ่านซุ้มดอกไม้สวยงามเข้าไปในอาณาเขตบ้านหลังเล็กน่ารักร่มรื่นน่าอยู่ซึ่งไม่ห่างจากร้านกาแฟนนัก ส่วนอันโตนิโอก็โทรศัพท์หาคีแรนเพื่อรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นและนั่งรอชารอนด้วยความเป็นห่วง... ชารอนนั่งคุกเข่าอยู่หน้าบ้านของศรัณอย่างมุ่งมั่นและอดทนแม้ว่าแดดตอนเที่ยงวันที่ประเทศไทยนั้นมันไม่ได้ร้อนน้อยไปกว่าแดดกลางทะเลทรายเลยแม้แต่น้อย แต่หญิงสาวก็อดทนเพื่อเป้าหมายของตน เธอจะต้องพึ่งศรัณในการตามหาสลักจิตเพราะเขาคือความหวังเดียวของเธอ... “ทำไมทำแบบนี้ล่ะลูก” ครูวิไลถามลูกชายที่กอดอกมองชารอนนั่งตากแดดมาหลายชั่วโมงอย่างพออกพอใจด้วยความไม่สบายใจทั้งยังสงสารหญิงสาวต่างชาติคนนั้นด้วย นางรู้เรื่องราวที่หญิงสาวคนนั้นก่อไว้แล้วและเข้าอกเข้าใจได้ดีว่าทุกคนต่างก็ได้รับความเจ็บปวดไม่ต่างกัน แม้แต่ตัวต้นเหตุเอง นี่เป็นวันที่สามแล้วที่ชารอนตกลงทำตามขอเสนอของศรัณ หากว่าชารอนต้องการรู้ว่าสลักจิตอยู่ที่ไหน จะต้องคุกเข่ากลางแดดหน้าบ้านเจ็ดวัน ชารอนตกลงโดยไม่ลังเล ซึ่งเมื่อนางเห็นรูปร่างระหงอ้อนแอ้นกับผิวขาวผ่องดั่งเช่นสาวยุโรปแล้วก็นึกหวั่นใจ บวกกับอาการเมืองไทยในช่วงนี้ก็ร้อนมาก นางกลัวว่าชารอนจะเป็นลมแดดตายก่อนได้เจอสลักจิตกับลูก แม้ว่าจะผ่านมาสามวันแล้วชารอนก็ยังคงมีแรงสู้ต่อ แต่วันนี้นางก็สังเกตเห็นแล้วว่าหญิงสาวมีอาการไม่สบายอย่างแน่นอน “ก็เพื่อความสะใจไงแม่ คิดดูนะ ยายอุ้มกับลูกมันต้องตกระกำลำบากระหกระเหินหนีหัวซุกหัวซุนไปเพราะใคร แค่นี้ยังน้อยไป” ศรัณพูดอย่างเจ็บแค้นแทนเพื่อนรัก ผู้เป็นแม่ถอนใจหนักๆ “แล้วมันได้อะไร” “ก็ได้ความสะใจไงแม่.. แม่ก็ อย่าบอกนะว่าสงสารยายนั่น ไม่ได้นะ แม่ต้องเอาคืนมันให้สะใจสิ..” “แม่ไม่ใช่เด็กๆ เหมือนเธอนี่จ๊ะ” นางกอดอกมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ถึงแม้จะไม่แมนแต่ก็เป็นลูกที่ดีที่นางแสนจะภาคภูมิใจ “แม่อะ..” “ฟังแม่นะรัน.. เรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้ว ตอนนี้เขาก็สำนึกผิดแล้ว เขาอยากจะแก้ตัวแก้ไขสิ่งที่เขาทำผิดพลาด แล้วมันผิดตรงไหน ถ้ารันทำอะไรผิดสักอย่าง แล้วแม่โกรธไม่ยอมให้อภัยเลย รันจะรู้สึกยังไง” “มันไม่เหมือนกัน..” “เหมือนสิ เหมือนตรงที่เราจะปล่อยวางและให้อภัยกันได้ไหม..” ศรัณเงียบและนิ่งฟังผู้เป็นแม่ “รันโตแล้ว และตอนนี้เราควรจะใช้สติมากกว่าที่จะใช้อารมณ์ ถามว่าแม่โกรธไหมที่เขาทำกับอุ้มแบบนั้น แม่ก็โกรธ แต่แม่ก็เป็นแม่คนหนึ่งที่หากว่ามีลูกที่ทำผิดแล้ว ลูกสำนึกได้และยอมกลับตัวแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดไป แม่ก็ให้อภัยลูกได้ ในขณะเดียวกัน ถ้าเป็นรันทำผิดบ้าง เป็นฝ่ายที่ทำร้ายเขาบ้าง โดยที่เขาไม่ได้ผิดอะไร วันหนึ่งรันสำนึกผิด รันไปขอโทษเขาแล้วเขาไม่ยอมให้อภัยรัน รันจะรู้สึกอย่างไรจ๊ะ” “ก็เสียใจ” “แล้วยังโดนแกล้งต่างๆ นานาด้วยล่ะ” “ก็คงเจ็บปวด เสียใจ และคงร้อนด้วย” ศรัณเสียงอ่อย “นั่นล่ะ อีกอย่างแม่ว่า ความโกรธนั้นมันควรหายไปตั้งแต่รันตบหน้าสวยๆ ของเขาจนบวมฉึ่งแล้วนะ..” “ว้าย ตายแล้ว..” พอครูวิไลพูดจบศรัณก็อุทานเสียงดังแล้ววิ่งไปยังสนามหญ้าหน้าบ้านทันที ครูวิไลมองตามลูกชายแล้วยกมือทาบอกด้วยความวิตก ชารอนค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอะไรหอมๆ เย็นๆ ดวงตาสีมรกตมองรอบกายอย่างมึนงง ลำคอแห้งผาก “ลุกไหวไหมลูก” เสียงอ่อนโยนของหญิงวัยกลางคนตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจเป็นอย่างมาก หญิงสาวพยักหน้าช้าๆ แล้วพยุงตัวลุกขึ้นโดยมีนางเข้ามาช่วยเหลือ ชารอนกล่าวขอบคุณเบาๆ อย่างนอบน้อม ครูวิไลมองหญิงสาวอย่างพิจารณาแล้วถอนใจเบาๆ “ดื่มยาหอมก่อนนะ กลิ่นมันอาจจะไม่ถูกใจแต่ก็ช่วยได้ดีทีเดียว” ชารอนเบ้หน้าเมื่อนางยื่นแก้วน้ำที่มีน้ำสีน้ำตาลอ่อนและมีตะกอนสีน้ำตาลเข้มกองกันอยู่ที่ก้นแก้ว “มันเป็นยาชนิดหนึ่งของคนไทยน่ะ ช่วยเรื่องขับลม วิงเวียนเคลื่อนเหียนอาเจียน เป็นลมเป็นแล้ง อะไรทำนองนั้น” ชารอนพยักหน้ารับรู้แล้วค่อยๆ ลองจิบสิ่งที่เรียกว่ายาหอม แล้วทำหน้าเหยเกแต่ก็ลองดื่มมันจนเกือบหมดเพราะเมื่อลองชิมๆ ดูแล้วรสชาติถูกปากเธอเหมือนกัน “ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” “ไม่เป็นไรจ้ะ รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม..” ชารอนพยักหน้าช้าๆ มองไปด้านหลังของนางซึ่งศรัณกำลังมองมาที่เธอพอดี “ดีขึ้นแล้วก็กลับไปสิยะ หมดเวลาแล้ว” “รัน.. ไหนบอกแม่ว่าจะพูดกับเขาดีๆ” “ก็รันยังทำใจไม่ได้นี่แม่” “หรือจะต้องให้แม่ทำให้ล่ะจ๊ะ” “โธ่.. แม่อะ” ศรัณทำท่างอแงเหมือนเด็ก ครูวิไลทำตาดุๆ ใส่ลูกชายที่ยอมเดินมานั่งใกล้ๆ ส่วนตัวเองก็ลุกขึ้นขอตัวออกไปเพื่อให้ทั้งสองคุยกันเอง แต่นางก็เฝ้ามองอยู่ห่างๆ “โอเคๆ เรามาคุยตกลงกันก่อน” “ฉันพร้อมจะรับข้อเสนอทุกอย่างของเธอ” ชารอนบอกอย่างเร็วและตั้งใจฟัง ศรัณถอนใจหนักๆ “ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอสำนึกผิดแล้วจริงๆ น่ะเหรอ” “ฉันยิ่งกว่าสำนึกผิดอีก ฉัน.. รู้สึกผิดมาก และเหมือนตกนรกทั้งเป็น..” ชารอนบอกน้ำตาคลอ เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา “และฉันต้องการจะไถ่โทษ อยากเจอสลักจิตสักครั้งอยากบอกว่าฉันขอโทษ.. จริงๆ แล้วฉันอยากจะพูดเยอะกว่านี้นะ แต่ฉัน.. พูดไม่ออก แต่อยากบอกว่าฉันสำนึกผิดแล้วจริงๆ และอยากให้เธอช่วยเมตตาฉัน ช่วยให้ฉันได้พบกับสลักจิตเถอะ ฉันอยากรู้ว่าเขาอยู่ยังไง หลานฉันโตแค่ไหนแล้วและสลักจิตยัง.. ยังไม่แต่งงานใหม่ใช่ไหม..” คำถามสุดท้ายคือสิ่งที่เธอกลัว เพราะหากเป็นเช่นนั้น พี่ชายของเธอจะเป็นอย่างไรหนอ.. “นังอุ้มมันรักคุณคีย์จะเป็นจะตาย มันคงอยากแต่งงานใหม่หรอก” ศรัณประชด แต่มันทำให้ชารอนตาโตด้วยความหวัง “แสดงว่าสลักจิตยังไม่แต่งงานใหม่ใช่ไหม” ศรัณพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ อีกอย่างเขาก็ไม่อยากเสียเวลาเวิ่นเว้อ เพื่อนรักของเขาทุกข์ทรมานใจมานานพอสมควรแล้ว และหากเป็นไปได้เขาก็อยากให้สลักจิตได้พบกับคีแรน ได้เริ่มต้นชีวิตด้วยกันอีกครั้ง น้องครีม หลานสาวตัวน้อยของเขาก็จะได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ มีพ่อแม่อยู่พร้อมหน้า “ถ้าอุ้มมันเห็นเธอ มันคงหนีไป” ชารอนหน้าหมองลง “ฉันมันเลวมากเลย..” “พูดอีกก็ถูกอีก..” “แล้วฉันควรทำยังไงดี” “ก็ไปดูให้เห็นกับตาว่าอุ้มมันอยู่ยังไง แค่ดูห่างๆ ก่อน เหมาะสุด” “ฉันก็คิดไว้แบบนั้น ฉันละอายใจเกินกว่าจะเดินเข้าไปบอกอุ้มว่าฉันขอโทษ” “อันนั้นก็แล้วแต่เธอจะมีความกล้าหาญมากน้อยแค่ไหน ฉันช่วยได้แค่บอกว่าอุ้มอยู่ไหน แต่เธอคงต้องไปตามหาเอาเอง” ศรัณก็ยังไม่อยากให้ชารอนได้อะไรง่ายๆ เพราะเขาจะบอกแค่ว่าสลักจิตกับลูกอยู่ที่ไหน แต่ไม่บอกละเอียดและชารอนจะต้องเดินทางไปเสาะหาเอาเอง “แค่นี้ฉันก็ขอบคุณมากๆแล้ว ขอบคุณมากนะ ที่ให้โอกาสฉัน..” “สัญญาแล้วนะว่าจะไม่ทำร้ายอุ้มอีก และอย่าทำให้อุ้มตกใจจนหนีไปจนตามหาไม่เจอ” “สัญญาฉันสัญญา..” ชารอนยกมือขึ้นเป็นสัญญาณยืนยันว่าเธอจะรักษาสัญญานี้อย่างดี ศรัณพยักหน้าอย่างยอมรับแล้วบอกที่อยู่ของสลักจิตให้กับชารอน... “นี่ฉันทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้ยังไง” หลังจากที่พวกเขาตามหาจนพบว่าสลักจิตกับลูกอยู่ที่ไหนชารอนก็กลับมานั่งร้องไห้ฟูมฟาย เมามายอยู่อย่างนี้ อันโตนิโอมองหญิงสาวที่ร้องไห้ทั้งเมามายอยู่ตรงหน้าแล้วส่ายหน้าช้าๆ “พอแล้วป้า เมาแล้วไปนอนไป” “ม่ายมาว ฉันไม่ม่ายมาว ฉันเป็นคนเลว ฮือๆๆ” ชายหนุ่มเข้าใจอารมณ์ของเธอดีว่าเป็นอย่างไร เขาเป็นคนขับรถพาชารอนไปตามหาสลักจิตตามที่อยู่ที่ศรัณให้มา พวกเขาต้องใช้เวลาถึงสามวันเลยทีเดียวและเมื่อชารอนได้เห็นสลักจิตกับลูกสาวตัวน้อย หญิงสาวก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เขารีบถ่ายรูปสลักจิตกับลูกสาวไว้และส่งให้คุณย่าแครอลกับคีแรนได้ดูเพื่อทำให้คีแรนรีบรักษาตัวเองให้หายดีเพราะคีแรนต้องเข้าผ่าตัดขาทั้งสองข้างอีกครั้ง ตอนนี้คีแรนมองเห็นแล้ว เหลือเพียงการการทำกายภาพบำบัดให้หายดีและสามารถเดินได้เป็นปกติเท่านั้นเอง... “ฉันเกือบทำลายเด็กผู้หญิงที่น่ารักที่สุดดในโลกไปเพราะความเห็นแก่ตัวของฉ้านน.. ฉ้านมันคนเลว” น้องครีมเป็นเด็กหญิงที่น่ารักมากจริงๆ แม้เห็นเพียงไกลๆ เขาเองก็ยังตกหลุมรักเจ้าหญิงตัวน้อยที่แสนน่ารักสดใส เขาเองเพิ่งมีโอกาสได้เห็นสลักจิตคนที่คีแรนรัก ก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคีแรนถึงได้เสียใจมากที่เธอหนีมา คีแรนตามหาสองแม่ลูกนี้อยู่เกือบปีและแทบไม่เป็นอันทำอะไรจนเมื่อประสบอุบัติเหตุนั่นล่ะ เขาถึงได้หยุดตามหาสลักจิตกับลูกและจมอยู่กับความเศร้าโศกเรื่อยมา “พอเถอะป้า ผมไม่ให้ดื่มแล้ว กลับห้องไป” พวกเขาพักอยู่ที่บ้านพักริมหาดแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากหมู่บ้านที่สลักจิตอยู่นักและบรรยากาศดีทีเดียว “ไม่พอ จะเอาอีก อาวมา” “ไปๆ เข้าห้องตัวเองไปเลย เมาแล้วไม่รู้เรื่อง” “อย่ามายุ่ง นายนีโอ ไปเลย ไสหัวไปเลย.. วุ่นวาย เด็กบ้า..” “ถึงจะบ้าก็ไม่ขี้เมานะครับ เอาล่ะไปนอนได้แล้ว เมามากแล้ว” อันโตนิโอพยายามพยุงร่างระหงของคนที่เขาป้อแป้กลับเข้าห้องพัก แต่เหมือนชารอนจะไม่ยอมง่ายๆ จึงเกิดความชุลมุนกันอยู่พักใหญ่ แต่สุดท้ายเขาก็สามารถพาเธอกลับเข้าห้องพักได้สำเร็จ “โอย.. ฤทธิ์เยอะจริงๆ เลย ป้านะป้าทำผมเหงื่อตก อ้าวๆ นอนดีๆ สิ ตกเตียงแล้วนั่น..” ชายหนุ่มรีบไปคว้าร่างของคนที่กำลังจะกลิ้งตกที่นอนที่แม้จะกว้างขวางแต่ไม่พอให้คนเมาเกลือกกลิ้ง “ร้อน อย่ามายุ่ง” หญิงสาวเหมือนจะกำลังรู้สึกร้อนและอึดอัด ก็ดื่มไปเยอะจนร่างหอมๆ ที่เขาเคยชินมีกลิ่นเหล้าปะปน แต่ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกรังเกียจ กลับกันมันกลายเป็นกลิ่นที่ทำให้เขารู้สึกลุ่มหลง เริ่มร้อน หนาวๆ ร่างกายตื่นเร้าขึ้นเมื่อเมื่อตอนนี้เขากำลังโอบกอดเธอไว้กรายๆ เพราะกันไม่ให้เธอตกเตียง “เดี๋ยวเช็ดตัวให้น่า อยู่เฉยๆ” “อย่า มายุ่งน่า ร้อน จะถอดเสื้อ” “เฮ้ย ถอดไม่ได้นะป้า” “จาถอดดด..” เธอแย้งมาเสียงอ้อแอ้ ใบหน้างามแดงก่ำยิ่งทำให้เขาเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ “ผมว่าผมกลับห้องดีกว่า เชิญป้านอนแก้ผ้าคนเดียวเหอะ อ้าว เฮ้ยย..” อันโตนิโอกำลังจะลุกขึ้นจากเตียงแต่ก็ต้องร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ คนที่กำลังจะถอดเสื้อผ้าของตนออกอย่างหงุดหงิดนั้นเซล้มมาโดนตัวเขาทำให้เสียหลักล้มตกเตียงไปด้วยกัน... “โอ๊ย.. เจ็บ..” คนเมายังมีความรู้สึกว่าเจ็บแต่ร่างกึ่งเปลือยนั้นทาบทับเขาไว้ทั้งตัว เขานี่สิเจ็บกว่า “โอย.. ป้านี่หนักเหมือนกันนะ “ว่าคายหนัก ใคร.. ฉานเหรอ ม่าย ฉันไม่เมา” “ไปคนละเรื่องเลย เอาล่ะลุกๆ” “ลุกม่ายไหวแล้ว จาอ้วก” “อ้าว งานเข้าเลย ไปๆ ไปห้องน้ำเลย” ชายหนุ่มรีบตะเกียกตะกายลุกแล้วอุ้มคนตัวอ่อนปวกเปียกเข้าห้องน้ำทันทีและเขาก็แสนจะโชคดีที่มาทันเวลา ชารอนโก่งคออาเจียนจนหมดไส้หมดพุงและหมดฤทธิ์ทั้งอย่างนั้น ตอนที่พาเธอเข้าห้องน้ำมาหญิงสาวก็อยู่ในชุดที่ไม่เรียบร้อยนัก คือเธอสวมเสื้อชั้นในลายลูกไม้สีแดงสดกับกางเกงผ้าเนื้อดีสีดำเท่านั้น และตอนนี้มันก็เป็นปัญหาสำหรับเขา... “เราต้องอดทน ต้องเป็นคนดีไม่คิดล่วงเกินป้าคนสวย.. ท่องไว้นีโอๆๆ” ชายหนุ่มพยายามข่มใจกับภาพตรงหน้า แม้ไม่ได้สติแต่ความงดงามของเธอก็เป็นสิ่งที่ตราตรึงใจเขามาตั้งแต่แรกพบ เขาพบชารอนครั้งแรกตอนอายุสิบหกตอนนั้นเหมือนโลกทั้งใบของเขามันหยุดหมุน ดวงตาของเขามันมองเห็นแต่สาวรุ่นพี่คนนี้มาตลอด ใจหนุ่มน้อยสั่นไหวระรัวและพยายามหาทางเข้าใกล้เธอ แต่สาวเจ้าก็เย่อหยิ่งถือเนื้อถือตัวเสียเหลือเกิน แรกๆ เขาก็คิดว่าตัวเองคงหลงไปตามประสาหนุ่มน้อยที่กำลังแตกเนื้อหนุ่ม แต่หลายปีที่ผ่านมา มันแน่ชัดในใจเขาแล้วว่า หลงรัก ชารอนจริงๆ หลงรักแบบถอนตัวไม่ขึ้น แบบต้องการเป็นคู่ชีวิต แต่เธอก็ไม่เคยเปิดโอกาสให้เขาสักที หากไม่หาเรื่องชวนทะเลาะ เขาจะไม่มีตัวตนในสายตาของชารอนเลย.. นั่นล่ะคือเหตุผลที่เขาต้องคอยเย้าแหย่ตามตอแยชารอนอยู่เสมอ แต่เอ.. ในเมื่อเธอไม่เปิดโอกาส แต่ตอนนี้โอกาสก็มาถึงเขาแล้วนี่หว่า ต้องฉกฉวยเอาไว้... อันโตนิโอชำเลืองตามองคนที่คอพับคออ่อนในวงแขนอย่างชั่งใจว่าจะฉกฉวยโอกาสอันงามนี้ไว้ดีหรือไม่.. “อย่าโกรธกันนะป้า.. ผมรอเวลานี้มานานแล้ว..”
已经是最新一章了
加载中