บทที่ 2. แพะรับบาป... กับฝันร้าย...   1/    
已经是第一章了
บทที่ 2. แพะรับบาป... กับฝันร้าย...
สาวน้อยวัยยี่สิบที่กำลังจะเข้าสู่ปีที่ยี่สิบเอ็ดอีกไม่กี่วันนี้เดินยิ้มมาหาผู้เป็นบิดาซึ่งกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านหลังงามริมหาดทรายสวย ใบหน้าเรียวสะอาดไร้เครื่องสำอางนั้นเกลี้ยงเกลาละมุนละไมมากกว่าจะสวยผุดผาดจนคนมองต้องเหลียวหลังหากแต่เมื่อมองพิจารณาอย่างแท้จริงแล้วคนมองจะพบว่าสาวน้อยนามว่า มนตรา นั้นงดงามเพียงใด... ใบหน้าเรียวได้รูปประดับด้วยคิ้วโก่งเรียวโดยไม่ต้องพึ่งพาดินสอหรือสิ่งเติมแต่ง ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายสดใส จมูกเรียวเล็กแม้ไม่โด่งเป็นสันแต่ก็งดงามได้รูปรับกับริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อด้วยวัยสาวยามยิ้มแย้มอวดไรฟันขาวสะอาดแล้วรอยยิ้มของเธอยิ่งงดงามละลายใจคนมองเพราะมันยิ้มทั้งปากและดวงตาจนคนมองแทบหลอมละลายเลยทีเดียว... “ไม่ไปทำงานหรือเย็นนี้” นายมิ่ง เอ่ยทักบุตรสาวคนเล็กเมื่อเห็นว่าเย็นแล้วแต่มนตราก็ยังไมได้ออกไปทำงาน “มนเพิ่งโดนไล่ออกค่ะพ่อ...” “เรื่องเดิมๆ อีกล่ะสิ พ่อว่าเราเปลี่ยนงานไปทำอย่างอื่นก็ได้นะลูก อีกแค่เทอมเดียวมนก็จะเรียนจบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักส่งเสียตัวเองเรียนหรอกน่า แค่นี้พ่อมีแรงมีเงินส่ง...” “แต่มนไม่อยากอยู่เฉยๆ นี่คะ อีกอย่างการได้ทำงานด้วยเรียนด้วยมันทำให้มนขยันและฉลาดทันคนนะคะ” สาวน้อยยิ้มร่าแล้วมาแย่งสายยางจากมือผู้เป็นพ่อไปรดน้ำต้นไม้เสียเอง นายมิ่งมองบุตรสาวแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ มนตราเรียนภาคค่ำที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งในระดับอนุปริญญาและเทอมหน้าเธอก็จะเรียนจบแล้ว และทุกวันหลังเลิกเรียนในภาคปกติมนตราจะต้องไปทำงานพาร์ตไทม์ในตำแหน่งสาวเชียร์เบียร์ หรือพนักงานขายเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ทั้งหลายแหล่นั่นตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านอาหารใหญ่ๆ ที่มีการจัดงานเทศกาลลานเบียร์หรืองานชุมนุมสินค้าต่างๆ และทุกครั้งสาวน้อยก็จะกลับมาบ้านด้วยใบหน้าบูดบึ้งและน้ำตานองหน้าในตอนแรกๆ ที่ทำงาน แต่พอทำไปนานเข้ามนตราก็เรียนรู้ลูกล่อลูกชนและวิธีการหลบหลีกเอาตัวรอดจากบรรดาเฒ่าหัวงูหนุ่มขี้หลีทั้งหลายแหล่จากเพื่อนสาวๆ ที่ทำงานด้วยกันจนสามารถทำงานได้อย่างมีความสุขและปลอดภัยกลับบ้านและไม่ทำให้บิดาเป็นห่วงมากนัก แต่ด้วยความเป็นพ่อนายมิ่งเองก็อดห่วงลูกสาวอยู่ไม่น้อยและนึกสงสารชะตาชีวิตของมนตราที่เกิดมาเห็นหน้าแม่ได้เพียงสามปีเท่านั้นภรรยาของเขาก็เสียชีวิตด้วยโรคร้าย เขาจึงรับภาระเลี้ยงดูเธอกับพี่ชายมาตลอดสามสิบปีโดยไม่ได้แต่งงานใหม่... “เอ... พ่อคะ ช่วงนี้พี่เมืองหายหน้าไปนะคะ ปกติทุกๆ สามเดือนจะโผล่มา หรือไม่ถ้าเงินหมดก็จะมาหาเรานะคะ นี่ก็สามเดือนแล้วนะคะ ทำไมพี่เมืองไม่มานะ มันแปลกๆ ไปนะพ่อว่าไหม...” มนตราหันมาถามบิดาด้วยใบหน้ายุ่งๆ เมื่อ มิ่งเมือง พี่ชายของเธอเงียบผิดปกติ เพราะมิ่งเมืองเป็นคนที่ค่อนข้างจะเกเร ติดการพนันและชอบเที่ยวเตร่แม้จะมีงานทำเป็นหลักแหล่งในตำแหน่งหน้าที่คนขับรถของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งแต่ทุกๆ เดือน หรือบางทีก็อาจจะสามเดือนเขาจะมาที่นี่เพื่อมาขอหยิบยืมเงินจากเธอหรือไม่ก็จากบิดาทั้งที่มิ่งเมืองอายุก็สามสิบแล้วแต่ก็ยังหาสาระอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง... “อืม... นั่นสินะมันแปลกๆ ไป มนลองโทร. หาพี่เขารึยังลูก” แม้ลูกชายจะเป็นอย่างไรแต่ผู้เป็นพ่อก็ยังห่วงหาอยู่นั่นเอง หากเทียบกันแล้วนายมิ่งค่อนข้างห่วงมิ่งเมืองมากกว่ามนตราเสียอีก... “โทร. แล้วค่ะ แต่เป็นสัญญาณฝากข้อความทุกครั้งเลย ไม่รู้ว่าพี่เมืองเป็นอะไรไหมนี่มนก็ติดต่อพี่เมืองไม่ได้นานแล้วนะคะ” “พี่เขางานยุ่งหรือเปล่าลูก” “ก็ไม่รู้สิคะ เดี๋ยวค่ำๆ มนจะโทร. หาอีก มนรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้ค่ะพ่อ...” มนตรากล่าวเสียงแผ่วไปเล็กน้อย “คงไม่มีอะไรมั้งลูก...” “หากไม่มีพี่เมืองมนก็มีพ่อเหลืออยู่คนเดียวเรามีกันแค่สามคนหากไม่มีใครคนใดคนหนึ่งมันก็เคว้งคว้างนะคะพ่อ” หญิงสาวกล่าวเสียงเศร้าๆ “อย่าคิดมากเลยลูกเอาล่ะเรากลับเรือนเล็กกันเถอะ ไปกินข้าวกันดีกว่าพ่อหิวแล้ว...” นายมิ่งกล่าวตัดบท คำพูดของบุตรสาวทำให้ชายวัยหกสิบเศษครุ่นคิดและหนักใจทั้งห่วงบุตรชายบุตรสาว... เขามีเวลาอยู่อีกไม่นาน และเรื่องนี้เขาเองก็ไม่อยากให้ลูกๆ ได้รับรู้ว่าเขากำลังป่วย “ไม่หนูเล็ก อย่าทิ้งพี่ไป ที่รักของพี่อยู่กับพี่เถอะคนดี... อย่าจากพี่ไป อย่า หนูเล็ก อย่าไป... เฮือกกก...” อัครวัฒน์ผวาเฮือกเด้งตัวขึ้นจากที่นอนนนุ่มือหนาไขว่ขว้าไปกลางอากาศเหมือนจะคว้าอะไรสักอย่างไว้กับตนให้นานที่สุด... แต่สุดท้ายเขาพบเพียงความว่างเปล่า... ชายหนุ่มถอนใจร่างแกร่งชุ่มโชกด้วยเหงื่อจนเปียกชื้นไปทั้งกาย มือหนาเรียวยาวแบบบุรุษลูบใบหน้าหล่อเหลาซึ่งปราศจากรอยยิ้มมานานกว่าสองปีของตนอย่างอ่อนล้า... ตั้งแต่เขาได้สูญเสียคู่หมั้นไป เขาไม่เคยนอนหลับสนิทเลยสักครั้ง ทุกค่ำคืนเขามักตื่นกลางดึกและได้ยินเสียงหวานกระซิบบอกรักเขาแผ่วเบา เสียงหวานแห้งเครือแสนเบาแต่ดังก้องอยู่ในหัวของเขา... ร่างสูงลุกขึ้นจากที่นอนทั้งร่างกายที่ไร้อาภรณ์ปกปิดเขาไม่เคยใส่เสื้อผ้านอน... ยิ่งเมื่อเขาต้องอยู่อย่างเดียวดายเช่นนี้เขาก็ไม่คิดจะปกปิดร่างกายให้พ้นจากสายตาของใคร อัครวัฒน์เดินเข้าห้องน้ำแล้วล้างหน้าด้วยน้ำเย็นๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อลบล้างภาพของคู่หมั้นที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดแดงฉานสุดท้ายเขาก็ต้องหยุดเพราะมันไม่ได้ช่วยอะไร แต่สิ่งที่ชัดเจนอยู่ในสายตาของเขาขณะนี้อีกภาพคือภาพใบหน้าของชายหนุ่มที่ขอบตาลึกโหลหนวดเคราเฟิ้มรุงรังเรือนดกดำยาวยุ่งเหยิง... ไร้คราบคุณโดมผู้งามสง่าแสนสำอางเช่นหนุ่มเจ้าสำราญที่หญิงสาวครึ่งค่อนโลกใฝ่ฝันถึงเหมือนในวันวาน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มนั้นหม่นมัวเต็มไปด้วยความหมองหม่นเมื่อนึกถึงจุดร้าวฉานที่นำไปสู่การสูญเสียที่ไม่ว่าเขาหรือเนวินก็ไม่มีวันได้มันกลับคืนมา... จุดร้าวฉานของเขากับเนวินนั้นมาจากการเสียชีวิตของ เนวิกา น้องสาวเนวินซึ่งต่างมารู้กันภายหลังว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ได้สามเดือนและอัครวัฒน์ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ ทำน้องสาวของเนวินท้องแล้วไม่ยอมรับทำให้ เนวิกาต้องฆ่าตัวตาย เพราะช่วงเวลานั้นเขากับเนวิกาไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ แต่ความจริงแล้วเขากับเนวิกาไม่เคยมีความสัมพันธ์กันเกินเลยมากกว่าคำว่าเพื่อนเลยสักนิดเดียว แต่ไม่มีใครเชื่อและเนวินก็ฝังใจเจ็บว่าเขาคือต้นเหตุ การตายของเนวิกาและพยายามหาทางแก้แค้นทำร้ายเขามาตลอดทั้งทางตรงและทางอ้อม จนตอนนี้ที่เนวินทำสำเร็จ เนวินได้ทำลายดวงใจของเขาจนป่นปี้โดยที่ตัวเนวินเองก็เพิ่งรู้ว่า คนที่ทำเนวิกาท้องนั้นคือเพื่อนชายอีกคนซึ่งอยู่ในกลุ่มเพื่อนๆ กลุ่มเดียวกันนั่นเอง และเพื่อนชายคนนั้นก็ฆ่าตัวตายตามเนวิกาไปโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุการฆ่าตัวตายของเขาคืออะไร มีเพียงคนเดียวที่รู้ดีคืออัครวัฒน์ซึ่งพยายามจะบอกแก่เนวินหลายครั้งแล้วว่าตนไม่ใช่คนที่ทำเนวิกาท้องแต่เนวินก็ไม่ยอมฟัง สุดท้ายก็เกิดเรื่องเศร้าขึ้น ในวันที่เขาตามจับตัวเนวินได้และต้องการจัดการกับเนวินขั้นเด็ดขาดนั้นอัครวัฒน์ได้นำหลักฐานทุกอย่างที่ตนพยายามจะบอกแก่เนวินหลายครั้งหลายครามาให้เนวินดูเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองและเพื่อให้เนวินตาสว่างว่าสิ่งที่เนวินพยายามทำนั้นมันคือความเข้าใจผิดมาตลอด ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวอัครวัฒน์เองคิดว่าไม่ควรจะรื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะมันจะเป็นการขุดคนตายมาขายให้อับอาย อะไรที่ควรจะจบสิ้นก็ควรจะจบไป แต่อัครวัฒน์ไม่คิดเลยว่าเนวินจะแค้นเขาถึงขนาดคิดทำร้ายกันจนนำไปสู่การสูญเสียชีวิตเช่นนี้ และเมื่อเนวินได้รับรู้ความจริงทุกอย่างจากจดหมายและเทปวีดีโอของเพื่อนชายคนนั้นที่อัดไว้และได้นำมันมาให้กับอัครวัฒน์ก่อนจะฆ่าตัวตาย ทำให้เนวินถึงกับเข่าทรุดหมดแรงเมื่อทุกสิ่งที่ทุกอย่างที่ตนทำมานั้นมันมาจากความเข้าใจผิดของตนที่คิดไปเองทั้งสิ้น... อัครวัฒน์รู้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันมาจากทิฐิที่ต่างคิดจะเอาชนะคะคานกันระหว่างเขากับเนวินทั้งสิ้นจึงทำให้ผู้บริสุทธิ์เช่นชลิตาต้องมารับเคราะห์กรรม... นั่นคือสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองรู้สึกผิดอยู่มิวายซึ่งเหตุผลข้อนี้เองทำให้เนวินสำนึกได้ในวาระสุดท้ายของชีวิตที่เนวินเป็นผู้ตัดสินใจจบชีวิตตนเองเพื่อชดใช้ให้แก่ชลิตา เนวินเลือกที่จะใช้วิธีเดียวกันกับที่ชลิตาใช้เมื่อได้รับรู้ความจริงซึ่งแม้อัครวัฒน์จะแค้นใจมากถึงขนาดจะฆ่าเขาได้แต่เนวินก็เลือกที่จะจบชีวิตตนเองโดยไม่ให้ใครสูญเสียอีกและเพื่อไม่ให้คนที่เขาเข้าใจผิดมาตลอดต้องมาแปดเปื้อนเพราะตน การฆ่าตัวตายของเนวินทำให้อัครวัฒน์เสียใจอยู่บ้างและคิดว่าการสูญเสียมันคงจบสิ้นเพียงเท่านี้ เขายกโทษให้เนวิน... แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผู้ชายคนนั้น คนที่ลักพาตัวชลิตาไปให้เนวินมันยังจะต้องชดใช้... “ถึงยังไงแกก็จะต้องชดใช้...” อัครวัฒน์ขบกรามแน่นด้วยความแค้นใจที่ยังไม่ได้สะสางกับผู้สมรู้ร่วมคิดอีกคน... ยิ่งได้รับรู้ว่าชลิตาใจเด็ดถึงขนาดต่อสู้สุดกำลังจนสุดท้ายเธอได้ใช้เศษแจกันจีนโบราณปาดคอของตนเพื่อหนีเงื้อมมือคนที่คิดข่มเหงเธอเขาก็ยิ่งแค้น... เธอปลิดชีพตนเองด้วยเศษแจกันแตกๆ เพื่อรักษาเกียรติของตนเอง... โอ ชลิตา เธอช่างเป็นผู้หญิงที่ใจคอเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก... หากชายคนนั้นไม่ลักพาตัวเธอไป เธอก็คงไม่จบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า ยิ่งคิดอัครวัฒน์ก็ยิ่งแค้นใจ ยิ่งคิดใจของเขาก็ยิ่งเหมือนแหลกสลายไปพร้อมๆ กับควันไฟที่ล่องลอยออกจากปล่องเมรุในวันเผาศพของเธอ... แม้เหตุผลที่เนวินทำร้าย ชลิตาจะมาจากความเข้าใจผิด และแม้ว่าเนวินจะชดใช้ความผิดของตนเองด้วยการฆ่าตัวตายไปแล้วก็ตาม แต่ความชั่วร้ายของ มิ่งเมือง ก็จะไม่ได้รับการยกเว้น... ใครก็ตามที่ทำร้ายคนของดีแลนด์ให้เจ็บช้ำสูญเสีย มันจะถูกลงโทษด้วยวิธีการของดีแลนด์ที่ไม่ต้องพึ่งพากฎหมายให้ยุ่งยากความแค้นนั้นจะต้อง ชดใช้ด้วยชีวิตต่อชีวิต...... “ฉันจะต้องได้ตัวแกมาลงโทษ... ไอ้มิ่งเมือง ไม่ว่าแกจะหลบอยู่ที่ไหน ไม่นานฉันจะต้องเจอแก...” อัครวัฒน์ขบกรามแน่น หยิบสร้อยคอของคนที่เขากำลังตามล่าหาตัวขึ้นมามองด้วยความเกลียดชังเหมือนว่าคนคนนั้นมายืนอยู่ตรงหน้า มือแกร่งเปิดจี้ห้อยคอออกซึ่งข้างในนั้นมีรูปของชายหนุ่มคนหนึ่งกับเด็กสาวหน้าตาแสนธรรมดา แต่เขากลับสะดุดตากับดวงตากลมโตสุกใสและรอยยิ้มของเธอเหมือนต้องมนต์... ดวงตาและรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวไขว้เขว...
已经是最新一章了
加载中