บทที่200 หมูที่ตายแล้วไม่กลัวน้ำเดือด   1/    
已经是第一章了
บทที่200 หมูที่ตายแล้วไม่กลัวน้ำเดือด
บทที่200 หมูที่ตายแล้วไม่กลัวน้ำเดือด จางเจิ้งกวางไม่รับสินบน วันนี้เขาไม่เพียงต้องขายหน้าหลายรอบ แต่ยังโดนคนถีบอีกต่างหาก ตอนนี้หน้าอกก็เจ็บแน่นไปหมด จะให้เขายอมจบเรื่องนี้ได้อย่างไร เขาไม่เพิกเฉยสายตาของหนานฉิง และเดินถึงเบื้องหน้าฉูเจ๋อหยางพร้อมกล่าวอย่างหยิ่งผยองไม่ไยดี “คุณเป็นทนายที่มีฝีมือที่สุดของเมืองจิ่นอันไม่ใช่รึ ตอนนี้ผมเจอปัญหา คุณช่วยผมแก้หน่อยก็แล้วกัน” น้ำเสียงของเขาฟังดูช่างน่าสงสาร นั่นทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นพากันสูดหายใจลึก หนานฉิงซึ่งหันหน้าหนีจากทุกคนหน้าเสียในทันที จางเจิ้งกวางไอ้คนงี่เง่าไม่มีมารยาท ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง หน้าด้านหน้าทน เธอไม่กล้าที่จะเร่งเร้าอาเจ๋อ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าคุณป้า เธอไม่มีทางที่จะสนใจไอ้คนงี่เง่านี่แน่นอน เรื่องมันเลยเถิดแล้ว เอาใบบัวมาปิดก็คงไม่มิด หนานฉิงหันไปกำลังจะพูดกับฉูเจ๋อหยาง แต่คนที่ด้านหลังกลับไม่ให้โอกาสนั้นแก่เธอ ฉูเจ๋อหยางเก็บอารมณ์ขันไว้และต้องการจัดการกับชายที่ไร้ประโยชน์ตรงหน้า เขาพูดพร้อมสีหน้าดูหมิ่น “ได้ คดีนี้ผมรับ” จางเจิ้งกวางยังไม่ทันได้มีดีใจ ประโยคต่อไปของฉูเจ๋อหยางก็ทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนไป “ผมรับทำคดีนี้ให้หล่อนแล้ว พรุ่งนี้คุณเตรียมรับหมายจากทนายได้เลย คุณจาง” น้ำเสียงของฉูเจ๋อหยางทำให้คนนั้นหน้าเปลี่ยนสีไปเลยทีเดียว วินาทีต่อมาจางเจิ้งกวางก็เริ่มเปิดปากด่าทอ “ฉูเจ๋อหยางคุณไม่ไว้หน้าผม ผมให้คุณทำคดีผมถือว่าผมให้เกียรติคุณแล้วนะ ไม่อย่างนั้นคุณคิดว่าตัวคุณเองเป็นอะไร ทนายกระจอกคนหนึ่งยังมีหน้ามาจีบหนานฉิงของพวกเรา…” เมื่อหนานฉิงได้ยินคำพูดของจางเจิ้งกวางก็โมโหจนแทบจะเป็นลม เธอไม่สามารถปกปิดใบหน้าเกลียดชังนั้นอีกต่อไป เธอโวยวาย “หุบปาก จางเจิ้งกวาง อาเจ๋อเป็นแฟนฉันพี่มีหน้าอะไรมาวิพากษ์วิจารณ์เขา เรื่องนี้รอพรุ่งนี้ค่อยสอบสวน ตอนนี้พี่รีบไสหัวไปเลย” เธอไม่กล้าที่จะมองว่าอาเจ๋อมีท่าทีเช่นไร เธอไม่คิดว่าจางเจิ้งกวางจะงี่เง่าไม่มีสมองได้ขนาดนี้ หมดหนทางเยียวยา ไม่ต้องพูดถึงว่าอาเจ๋อรับทำคดีให้เป้ยฉ่ายเวย เขาในฐานะทายาทรุ่นที่สองของตระกูลไม่คู่ควรแม้กระทั่งจะสวมรองเท้าให้อาเจ๋อ เมื่อพูดจบ หนานฉิงก็เดินไปข้างฉูเจ๋อหยางและขอโทษเสียงอ่อนเสียงหวาน “อาเจ๋อคุณไม่ต้องโมโห พี่ชายคนนี้ของฉันถูกสปอยแต่เล็กจนนิสัยเสียหมดแล้ว พูดอะไรไม่เคยคิดหน้าคิดหลัง…” ฉูเจ๋อหยางขัดจังหวะเธอพูด เสียงเย็นชาไร้ความสนใจ “ผมคิดว่าคุณจางก็เป็นผู้ใหญ่แล้วนะ แต่ยังพูดจาเหมือนกับเด็กน้อย เพราะฉะนั้นในฐานะผู้ใหญ่ก็ควรจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองพูด” ผู้คนตรงนั้นเป็นมนุษย์ที่ได้รับการอบรมมาหลายปี ทำไมถึงจะฟังไม่ออกว่าสิ่งที่ฉูเจ๋อหยางพูดนั้นกำลังว่าจางเจิ้งกว่างอยู่ ไร้สมอง---โตแต่ตัว แต่จางเจิ้งกวางกลับฟังสิ่งที่ฉูเจ๋อหยางประชดประชันไม่ออก เขายังมีหน้าพูดอย่างหยิ่งผยอง “ผมจางเจิ้งกวางพูดคำไหนคำนั้น ฉูเจ๋อหยางคุณคิดเป็นปฏิปักษ์กับผม ทางที่ดีช่วยดูฐานะตัวเองก่อน ถ้าหากผมไม่ชอบคุณ คุณน้าก็คงจะไม่เห็นด้วยที่จะให้น้องสาวผมคบกับคุณ” หนานฉิงโกรธแทบอยากฆ่าคน กว่าเธอกับอาเจ๋อจะกลับมาดีกันได้ แค่เพราะคำพูดของไอ้งั่งจางเจิ้งกวางประโยคนี้ จะพาให้ความสัมพันธ์ของพวกเธอถึงทางตัน ไม่ต้องอ้าปากพูด เธอก็รู้สึกได้ว่าอาเจ๋อกำลังโกรธมาก เธอหมดหนทางช่วยพูดให้จางเจิ้งกวางได้อีกต่อไป เป้ยฉ่ายเวยไม่อยากให้ฉูเจ๋อหยางรับทำคดีนี้ ใจเธออยากจะฆ่าจางเจิ้งกวางให้ตาย แต่ว่าฆ่าคนผิดกฎหมาย คำพูดของหนานฉิงก็ชัดเจนอยู่แล้ว ตระกูลหนานจะต้องหาคำแก้ตัวให้จางเจิ้งกวางอย่างแน่นอน ไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิด ไม่มีพยาน ไม่มีหลักฐาน ไม่มีอะไรทั้งนั้น อาศัยคำให้การปากเดียว เธอได้แต่กล้ำกลืนรับความขื่นขมนี้ลงไป ไม่ต้องการได้ยินเสียงใครหน้าไหนอีก “จื่อเชียน เราไปกันเถอะ” เธอเหนื่อยล้ามาก หลี่จื่อเชียนมองผู้หญิงอ่อนแอในอ้อมแขน ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเธอ เขาพาเธอออกไปจากฝูงชน ฉูเจ๋อหยางขมวดคิ้ว เป้ยฉ่ายเวยเหมือนนกตัวน้อยที่ฝังศีรษะของเธอลงในอ้อมแขนของหลี่จื่อเชียนเพื่อหลบภัยอันตรายและพักพิง หลี่จื่อเชียนก็เหมือนผู้ปกปักรักษาอันชำนาญการ ให้เธอซบที่อ้อมอกอย่างระมัดระวัง ไม่ปล่อยให้ใครจ้องมอง ที่เป็นภาพที่แสนกลมกลืน มันเจ็บลึกๆในตาของเขา ในขณะที่หัวใจราวกับถูกกระชากอย่างรุนแรง เจ็บปวดจนไม่มีคำบรรยาย เหมือนส่วนที่สำคัญที่สุดของหัวใจได้จากไปพร้อมกับเธอเหลือไว้เพียงรูโหว่ที่ว่างเปล่า เป้ยฉ่ายเวย คุณเชื่อใจเขาขนาดนี้ เชื่อจนหนักแน่นเหมือนกับเหล็กไหม หนานฉิงนอกจากโล่งอกแล้วยังรู้สึกดีใจอย่างที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ นี่หมายความว่าชื่อเสียงของเป้ยฉ่ายเวยได้ถูกทำลายไปแล้ว เธอได้จงใจจัดเตรียมปาปารัสซี่เอาไว้แล้วหลายคน ได้ถ่ายรูปเป้ยฉ่ายเวยและจางเจิ้งกวางเมื่อครู่เอาไว้หมดแล้ว พรุ่งนี้พอได้เห็นหนังสือพิมพ์ เป้ยฉ่ายเวยก็ไม่สามารถมีหน้าอยู่ในเมืองจิ่นอันได้อีกต่อไป รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากเธออย่างรวดเร็ว ดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “เรื่องนี้ยังไม่จบ” ฉูเจ๋อหยางจ้องหนานฉิงขณะที่พูด สายตาที่เย็นชาของเขาเพ่งไปที่เธออย่างไม่สะทกสะท้าน เป็นการบอกให้เธอรู้ว่าทุกคำที่เขาพูดนั้นไม่ได้ล้อเล่น “อาเจ๋อ…” หนานฉิงตื่นตระหนก ดวงตากลมโตมีน้ำล้นเอ่อมองเขาอย่างอ่อนปวกเปียก เธอพยายามกระตุ้นให้เขาสงสารเธอสักเล็กน้อย แต่เธอลืมไปว่าเมื่อผู้ชายตรงหน้าโกรธเขาเย็นชาเพียงใด เขาแค่เหลือบมองเธอครู่หนึ่ง จากนั้นร่างสูงใหญ่ก็หันกลับและสาวเท้าเดินออกไป ผู้คนรอบข้างไม่รู้จะพูดอะไรกันอยู่สักพัก พวกเขาจ้องมองกันอย่างตื่นเต้น ที่ขายหน้าก็คือคนตระกูลหนาน กว่าที่เหาเสว่ฉินจะได้รู้ข่าวเรื่องนี้ก็จบลงไปแล้ว หนานฉิงและจางเจิ้งกวางถูกทิ้งอยู่ตามลำพัง งานเลี้ยงวันเกิดวันนี้จบลงไม่สวยนัก บรรดาแขกเหรื่อได้ชมละครชั้นดี เลยไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไร ในห้องนั่งเล่นเหาเสว่ฉินถามด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “เสี่ยวชิง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดีๆเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้” เธอรู้ดีว่าหลานชายคนนี้ไม่ได้ทำตัวดีนัก จะป้อล้อผู้หญิงก็ไม่ควรจะมาทำรุ่มร่ามในงานเลี้ยงเช่นนี้ ยิ่งมาถูกคนหมู่มากเห็นเข้าอีก ไม่เพียงแต่ขายหน้าตระกูลจางเท่านั้น ตระกูลหนานก็อับอายขายหน้าด้วยเช่นกัน ใจเธอทั้งโกรธทั้งอาย จะอย่างไรเขาก็เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของน้องสาว เธอก็ต้องรู้สึกทุกข์ใจเป็นธรรมดา แต่ว่าเมื่อเขาทำเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ ใครก็คงช่วยปิดไม่ได้ ตอนนี้ เธอได้รู้ว่าผู้หญิงที่จางเจิ้งกวางไปยุ่งด้วยก็คือเป้ยฉ่ายเวย จางเจิ้งกวางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ “คุณน้าทำไมไม่ถามผมสักคำว่าเจ็บรึเปล่า เรียกผมมาอบรมสั่งสอน วันนี้ผมมางานวันเกิดของเสี่ยวชิงด้วยความปรารถนาดี ใครจะรู้ว่าผู้หญิงเลวนั่นจะมีลูกเล่น ทำเอาซะผมซวย” เขาปัดความรับผิดชอบไปให้ผู้อื่น ทำราวกับว่าเขาเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดอย่างนั้น หนานฉิงเบะปากมองผู้ชายอย่างจางเจิ้งกวาง แต่เธอก็ไม่ได้อธิบายอะไร แค่ปล่อยให้จางเจิ้งกวางพูดเรื่องโง่ๆที่เขาทำเอาไว้ “ลุงได้ยินว่ามีคนต้องการให้หลานให้คำอธิบายแก่เขา ไม่อย่างนั้นเขาก็จะฟ้องร้องหลานใช่ไหม” เหาเสว่ฉินถาม
已经是最新一章了
加载中