ตอนที่ 6 Taste of Blood (2)   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 6 Taste of Blood (2)
‘เธอเท่านั้น ยูกะ’ เสียงอ่อนโยนของชินจิยังดังก้องอยู่ในห้วงความคิดของฉัน และแววตาที่มองฉันอย่างลึกซึ้งในคืนนั้น... ทำไมล่ะ ? ทำไมชินจิถึงต้องดื่มเลือดของฉันคนเดียวเท่านั้น ? แล้วเขาจะหิวบ่อยแค่ไหนกัน ? แล้วถ้าเขาดื่มเลือดของฉันคนเดียวไปเรื่อยๆ แบบนี้ ฉันจะตายไหม ? เรื่องแบบนี้น่ะบ้าสิ้นดี ทำไมโลกนี้ต้องมีแวมไพร์ด้วย !!!! และทำไมคนที่แวมไพร์เลือกดื่มเลือดถึงต้องเป็นฉัน !!!??? หลายวันต่อมา “ชินจิ นายอายุเท่าไหร่นะ ?” ฉันถามชินจิหลังเลิกเรียน “หนึ่งร้อยห้าสิบเจ็ดปี แปดเดือน ยี่สิบสองวัน” “โห จำได้ละเอียดจัง” “แวมไพร์ไม่เคยลืมวันเวลาในชีวิตที่ยาวนานของตัวเองหรอก” “แปลกนะ ทั้งๆ ที่ชีวิตมนุษย์สั้นกว่า แต่กลับจำวันเวลาของตัวเองไม่แม่นเท่าแวมไพร์” ฉันบอกบ้าง “บางทีฉันยังลืมวันเกิดตัวเองเลย” “ความสุขทำให้ลืมไงล่ะ” ชินจิยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นดูคล้ายมีรอยร้าวราวกับแก้วที่ใกล้ถึงวันแตกสลาย “เอ๋ ?” “ความสุขทำให้ลืมเวลา เธอเองคงรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วสินะ” ชินจิดูเศร้าลงไป แววตาที่หม่นลงลากสูงขึ้นไปมองท้องฟ้า “แล้วแวมไพร์ล่ะ ที่ไม่ลืมเวลาเพราะไม่มีความสุขงั้นเหรอ ?” “ก็แล้วแต่จะคิด” ฉันมองใบหน้างดงามของชินจิที่นิ่งไป แสงยามเย็นที่เข้ากันดีกับสีดวงตาที่น่าหลงใหลของชินจิกำลังสาดส่องมายังเสี้ยวหน้าของเขา...เสี้ยวหน้าที่งดงามเกินไป...นั่นก็เพราะเขาเป็นแวมไพร์ นายไม่น่าเป็นแวมไพร์เลย ชินจิ “นายอายุไม่เยอะอย่างที่ฉันคิดนะ” ฉันบอกชินจิยิ้มๆ “เธอคิดว่าฉันอายุเท่าไหร่ ?” “ตอนแรกนึกว่าซักห้าหกร้อยปี” “นั่นคงจะน่าเบื่อแย่” “ไหนว่ามีแต่คนร้องขอชีวิตอมตะไงล่ะ ? ฉันนึกว่านายจะอยากมีชีวิตยาวนานขนาดนั้นซะอีก” ชินจินิ่งไป ราวกับความเปลี่ยวเหงาเคลื่อนเข้ามาโอบกอดเขา “ฉันเคยเป็นมนุษย์มาก่อนนะ” “เหรอ !?” “นานมาแล้วล่ะ” แล้วชินจิก็เล่าเรื่องของเขาให้ฉันฟัง “ฉันเกิดที่ฮอกไกโด ที่นั่นน่ะอากาศหนาว ฉันก็เลยป่วยง่าย ฉันเจ็บออดๆ แอดๆ มาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ หมอบอกว่าฉันอาจจะมีชีวิตต่อไปได้ไม่ถึงมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ ตั้งแต่เด็กแล้วที่แสงมืดสลัวของห้องพยาบาลเป็นเพื่อนสนิทของฉัน ฉันมักจะได้ยินมันคุยกับฉันราวกับเป็นเพื่อนคนเดียวที่ฉันมี และหลายครั้งมันชวนให้ฉันหลับและไม่ต้องตื่นขึ้นมา เพื่อที่ฉันจะได้เดินทางไปกับมัน บางทีมันอาจจะเป็นความฝัน” ในยุคนั้นมีเด็กที่ตายไปมากมาย บ้างก็จากสงคราม และบ้างก็จากโรคร้าย แต่ชินจิไม่เคยทิ้งความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ “แล้วก็ถึงวันหนึ่งที่ฉันรู้ตัวว่าจะตาย และไม่ว่าฉันและพ่อแม่จะพยายามแค่ไหน ก็ไม่มีใครยื้อชีวิตฉันไว้ได้ ตอนนั้นมีรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นที่พยายามช่วยฉันในขณะที่คนอื่นถอดใจไปแล้ว” “รุ่นพี่ ?” “รุ่นพี่คนนั้นเป็นคนที่ฉันนับถือมาก และตอนนี้เธอก็ยังมีชีวิตอยู่ เพราะเธอเป็นแวมไพร์” “หา ? ...หมายความว่า...” “ใช่ รุ่นพี่ที่ห่วงใยฉันที่สุดได้ยื่นข้อเสนอที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนให้กับฉัน เธอถามฉันว่าอยากหลุดพ้นไปจากความทรมานและความตายไหม ฉันบอกว่าอยาก ไม่ว่ามันจะต้องแลกด้วยอะไร” “แล้ว...?” “แล้วเธอก็เปิดเผยตัวเองว่าเป็นแวมไพร์ ในริมฝีปากของเธอฉันเห็นเขี้ยวงอกออกมาเป็นครั้งแรก ฉันทั้งกลัว แต่ก็ทึ่งและรู้สึกอัศจรรย์มากด้วย เธอบอกว่าเพื่อชีวิตอมตะเหมือนกับเธอ ฉันต้องแลกกับชีวิตมนุษย์และแสงแดดที่งดงาม และต่อนี้ไปฉันต้องสาปแช่งพระผู้เป็นเจ้า อยู่ในคำสาปแช่งของทูตสวรรค์และมวลมนุษย์ และดื่มเลือดไปตลอดกาล” ชินจิหยุดพูด น้ำเสียงตอนที่เขาพูดว่าต้องดื่มเลือดไปตลอดกาลนั้นเศร้าทีเดียว แต่แล้วเขาก็ถอนใจแล้วยิ้มออกมา “แต่ฉันจะไม่ต้องตาย และไม่ต้องเจ็บปวดอีกแล้ว” ถึงจะเป็นรอยยิ้มที่งดงาม แต่ก็เปลี่ยวเหงาราวกับแก้วที่ปริร้าวเลยนะ “แล้วฉันก็ยื่นมือให้รุ่นพี่” ชินจิหลับตาและเบือนหน้า “วันนั้นรุ่นพี่ถามฉันถึงสามครั้งว่าแน่ใจหรือเปล่าว่าต้องการแบบนี้ ฉันตอบว่ามั่นใจ ฉันต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป” ฉันไม่สามารถพูดอะไรกับชินจิได้เลย ชินจิ ตอนที่นายรู้สึกว่ากำลังจะต้องตาย และไม่ว่าอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้ นายคงเศร้าและหวาดกลัวมากสินะ ดูชินจิจะดีใจที่รอดจากเหตุการณ์นั้นมาได้ แต่ฉันกลับเต็มไปด้วยน้ำตา “ยูกะ ?” “ชินจิ ฉัน...” แล้วชินจิก็ได้แต่นิ่งเมื่อฉันฟุบใบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเอง และนั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น เพราะฉันรู้ความจริงแล้ว ใจจริงของชินจิไม่ได้อยากเป็นแวมไพร์ เขาไม่เคยอยากเป็นแวมไพร์เลย “ยูกะ วันนี้ฉันเลี้ยงข้างเธอนะ” ชินจิบอกฉันเมื่อเวลาพักเที่ยงมาถึง วันนี้เขาเป็นดาวเด่นของชั้น เพราะไม่ว่าจะถามอะไรเขาก็ตอบได้หมด ไม่ว่าจะวิชาภาษา ศิลปะ หรือวิทยาศาสตร์ แต่ที่เป็นแบบนั้นฉันแน่ใจว่าไม่ใช่เพราะเขาอายุเป็นร้อยปีและเข้าโรงเรียนมาหลายรอบหรอก แต่เพราะเขาเป็นคนหัวดีก่อนที่จะกลายเป็นแวมไพร์ต่างหาก ชินจิตอนที่ยังเป็นมนุษย์เป็นคนแบบไหนนะ ? แล้วยุคสมัยห่างไกลที่ผ่านล่วงเลยมาแล้วนั้นล่ะ ? ดีจังนะที่เคยเห็นเวลาแบบนั้นมาแล้วและยังไม่ตาย ...ไม่มีวันตาย... “นายจะเลี้ยงข้าวฉันเหรอ ? ทำไมล่ะ ?” “ก็ฉันเอาเปรียบดื่มเลือดเธอมาหลายครั้งแล้ว ก็เลยอยากตอบแทนบ้าง” “ไม่อา ไม่ไป” ฉันส่ายหน้า มือกำสมุดแน่นราวกับมันเป็นโล่ที่จะช่วยฉันได้ แต่คงจะได้หรอกนะ เฮ้อ “ทำไม ? ไม่ไว้ใจ ?” ชินจิถาม แล้วเขาก็ยิ้มงดงาม “กลัวฉันกัดอีกเหรอ ?” ฉันพยักหน้า และนั่นก็ทำให้เขาหัวเราะแผ่วเบา ก่อนจะยื่นใบหน้าคมคายมาใกล้ฉัน “ครั้งนี้ไม่ ฉันสัญญา” ถึงจะกล้าๆ กลัวๆ แต่ฉันก็ยอมให้ชินจิพามาเลี้ยงอาหาร และมันเป็นอาหารสุดหรูที่ฉันไม่เคยกินมาก่อนเลย เพราะที่นี่คือภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสที่บริกรแต่งชุดภูมิฐานราวกับเตรียมตัวเสิร์ฟลูกค้าระดับราชนิกูล และนั่นก็ทำให้ฉันเกร็ง “อื้อหือ อาหารฝรั่งเศสนี่อร่อยดีนะ” ฉันชม “นายรู้ได้ยังไงน่ะว่ามันจะอร่อยแบบนี้” “ก็บอกแล้วไงว่าฉันลองกินมาแล้วทุกอย่าง” “แล้วมีอะไรทดแทนเลือดได้มั่งมั้ย โอเค อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่านายชอบไวน์แดง แต่ยังมีอย่างอื่นอีกไหมที่ดับความหิวของนายได้ ?” “ยูกะ เธอนี่ตลกจังนะ ทำไมชอบถามแวมไพร์เรื่องพวกนั้น แวมไพร์ไม่สนใจรสชาติอาหารมนุษย์หรอกน่า” “แต่ฉันยังไม่สิ้นหวังหรอกนะ” “?”
已经是最新一章了
加载中