ตอนที่ 11 คุณบอกว่าคุณจะไม่แตะต้องฉัน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 11 คุณบอกว่าคุณจะไม่แตะต้องฉัน
ตอนที่ 11 คุณบอกว่าคุณจะไม่แตะต้องฉัน ในคฤหาสน์ตระกูลหลิน “จื๋อซี เครื่องประดับเหล่านั้นจะถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดีค่ะ ฉันให้เสี่ยวจื่อลงบันทึกไว้ในนามของคุณแล้วนะคะ” ป๋ายปิงเวยเข้าใจดีว่าเครื่องประดับและเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่เป็นของครอบครัวที่ร่ำรวยอย่างตระกูลหลิน ล้วนแล้วแต่เป็นของหรูหราราคาแพง เป็นสมบัติของครอบครัวที่จำเป็นต้องลงบันทึกไว้ เธอคงไม่โง่พอที่จะคิดว่าเครื่องประดับที่หลินจื๋อซีซื้อมาเหล่านั้นจะเป็นของเธอ ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่ป๋ายปิงเวยเองเธอก็ไม่ได้สนใจ “เป็นอะไรไปหละ เธอไม่ชอบหรอ” หลินจื๋อซีนั่งลงบนโซฟาตรงหน้าเตียง เขาเริ่มจุดบุหรี่ขึ้นแล้วสูบมัน “เนื่องจากเราเป็นสามีภรรยากันในนาม ฉันจึงจำเป็นต้องให้ความร่วมมือกับคุณอยู่บ่อยครั้งอย่างแน่นอนค่ะ คุณช่วยรักษาอาการให้กับคุณแม่ของฉัน แค่นี้ฉันก็รู้สึกซาบซึ้งพออยู่แล้ว และแน่นอนว่าฉันจะไม่ขออะไรจากคุณเพิ่มอีก” “ก็แล้วแต่เธอก็แล้วกัน ฉันจะกลับบริษัทแล้ว” หลินจื๋อซีดับบุหรี่ลง เขาลุกขึ้นแล้วเดินจากไป พร้อมกับรถโรสลอยด์สีเทาที่เร่งสปีดออกตัวไปด้วยความรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าป๋ายปิงเวยมักจะอยู่ในความคิดของหลินจื๋อซีเสมอ ตั้งแต่เริ่มรู้จักกับเธอมาจนถึงตอนนี้ ผู้หญิงคนนี้มักจะทำให้เขารู้สึกคลายกังวลใจได้มากขึ้น โดนเฉพาะอาการที่ดูค่อนข้างดื้อรั้นของเธอเมื่อครู่นั้น ยิ่งทำให้เขารู้สึกแปลกไปจากเดิม “เฉียง นายว่าคุณป๋ายเป็นคนยังไงหรือ” หลินจื๋อซีเหม่อมองทิวทัศน์ไปนอกหน้าต่าง พร้อมกับถามเฉียงขึ้นมาลอย ๆ “คุณป๋ายเธอเป็นคนที่มีมารยาท ปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความอ่อนโยนและสุภาพครับ” “อ่อนโยนและสุภาพอย่างงั้นหรือ” หลินจื๋อซีบ่นพึมพำราวกับว่ากำลังพูดอยู่กับตัวเอง ในขณะที่ถามเฉียงอยู่นั้น จิตใจของเขาก็ล่องลอยไปไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แน่หละ เมื่อตอนที่เธอยังเด็ก ครอบครัวของเธอสูญเสียคุณพ่อไปอย่างน่าเศร้าสลดใจและต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังกับแม่ของเธอ เธอต้องทุกข์ทรมานใจเป็นอย่างมากแน่ๆ คงเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงจากการระมัดระวังและใช้ชีวิตอย่างรอบครอบ ในขณะที่ตัวเธอเองนั้นก็ต้องประพฤติตัวให้ดีในสังคมอีกด้วย นึกถึงท่าทีที่ดูดื้อรั้นของป๋ายปิงเวยแล้ว ยิ่งทำให้ในใจของหลินจื๋อซีนั้นรู้สึกสงสารเธอมากขึ้นอย่างบอกไม่ถูก “คุณผู้หญิงคะ ลงมาทานอาหารกลางวันด้านล่างได้แล้วค่ะ” แม่บ้านเสี่ยวชุ่ย ร้องเรียกป๋ายปิงเวยด้วยความนอบน้อมจากด้านนอกของประตู “อืม ฉันรู้แล้วจ่ะ” หลังจากที่หลินจื๋อซีกลับออกไป ป๋ายปิงเวยเธอนั่งเล่นอยู่เป็นเวลานานจนเผลอหลับไปบนเตียง ในขณะที่ตายังสะลืมสะลืออยู่นั้น เธอลุกขึ้นใส่เสื้อคลุมเพิ่มอีกหนึ่งตัวแล้วจึงเดินลงไปด้านล่าง ภายในห้องรับประทานอาหาร แม่หลินและปู่หลินนั่งรอป๋ายปิงเวยอยู่ก่อนแล้ว “คุณปู่คะ คุณแม่คะ ขอโทษที่ให้พวกคุณต้องรอนานเลย” ป๋ายปิงเวยยิ้มอย่างสุภาพ เธอเข้าไปนั่งแล้วจึงตักน้ำซุปให้แก่คุณปู่และคุณแม่ ปู่หลินยิ้มอย่างเบิกบานใจ “ปิงเวย ตรงนี้ให้อาชุ่ยเขาทำเถอะ เป็นเด็กดีจริง ๆนะเรา” ป๋ายปิงเวยตักซุปให้กับตัวเองเสร็จก็ก้มลงกินน้ำซุปต่อไปโดยไม่พูดอะไร พ่อครัวของตระกูลหลินล้วนแล้วแต่เป็นพ่อครัวที่มีฝีมือชั้นเลิศทั้งนั้น ช่างเป็นมื้ออาหารที่อร่อยเสียจริง ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่น้ำซุปหนึ่งถ้วยก็ตาม เพราะอย่างนั้นป๋ายปิงเวยจึงดื่มด่ำกับมืออาหารมื้อนี้เป็นอย่างมาก “ปิงเวยจ๊ะ เธอกับจื๋อซีเป็นยังไงกันบ้างหละช่วงนี้” แม่หลินดื่มน้ำซุปไปพลางถามไปพลาง “คุณแม่คะ หนูกับจื๋อซีช่วงนี้ก็ค่อนข้างดีค่ะ” ปู่หลินหัวเราะอย่างเมตตา “งั้นก็ดีแล้ว พวกเธอเมื่อไหร่จะมีลูกกันหละ ปิงเวยเอ้ย พวกเธอต้องมีหลานชายมาให้ปู่ได้อุ้มสักทีนะ” ปู่หลินกับแม่หลินดูเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทำให้ป๋ายปิงเวยรู้ได้ว่า สิ่งที่ผู้อาวุโสทั้งสองท่านต้องการก็คือ เร่งให้เธอมีลูกนั่นเอง “อืม หนูกับจื๋อซีจะพยายามค่ะ” ป๋ายปิงเวยตักอาหารเพิ่มใส่จานให้กับสองผู้อาวุโส ทั้งสองรับประทานอาหารอย่างมีความสุข พวกเขาพึงพอใจในตัวสะใภ้คนนี้เป็นอย่างมาก เพราะเธอไม่เพียงแต่เป็นผู้ที่มีจิตใจดีและมีมารยาทเท่านั้น แต่เธอยังเป็นคนที่มีทั้งความคิดและความกตัญญูอีกด้วย เธอรู้เรื่องรู้ราวกว่าคุณหนูผู้มั้งคั่งโดยทั่วไปอยู่มาก ทั้งยังมีจิตใจที่โอบอ้อมอารีมากกว่าเด็กสาวที่มาจากครอบครัวธรรมดาอีกด้วย ปู่หลินชื่นชอบเธอในทุก ๆด้าน ปู่หลินหันไปสบตากับแม่หลิน สายตาเขานั้นแฝงไปด้วยคำถามเป็นนัยๆว่า “คิดเหมือนกันใช่ไหม” แม่หลินพยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจ ภายในห้องทำงาน ในขณะที่หลินจื๋อซีนั่งตรวจเอกสารอย่างจริงจังอยู่นั้น จู่ ๆ เขาก็เกิดจามขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง เขามองดูเวลาก็พบว่าเวลาล่วงเลยไปจนมืดค่ำแล้ว เดิมทีคืนนี้เขามีนัดทานข้าวกับติงมั่นลี่ แต่นึกขึ้นได้ว่าที่บ้านก็ยังมีสาวงามอย่างป๋ายปิงเวยรอเขาอยู่ จู่ ๆก็ทำให้เขาอยากกลับบ้านไวขึ้นมา ถือโอกาสทำให้ความเย่อหยิ่งของติงมั่นลี่อ่อนลงด้วยก็ดี สำหรับหลินจื๋อซีแล้ว ติงมั่นลี่เป็นเพียงแค่หน้ากากที่ทำให้ผู้คนสับสนก็เพียงเท่านั้น บางครั้งเขาก็ขี้เกียจที่จะรับมือกับปัญหาต่าง ๆ “เลขาหลี่ รบกวนแจ้งคุณติงให้ผมหน่อยว่าวันนี้ผมติดธุระไม่สามารถไปร่วมทานอาหารกับเธอได้” ในขณะที่หลินจื๋อซีกำลังจะออกไปนั้น เขาก็ได้ชำชับเลขาหลี่ไว้ เขาไม่ต้องการให้ติงมั่นลี่โทรมาระเบิดใส่เขา ผู้หญิงคนนั้นเธอเซ็กซี่จริง ๆนั่นแหละ แต่เธอก็จู้จี้จุกจิกไม่เบา แถมยังทำให้เขาลำบากด้วยเหมือนกัน บางครั้งหลินจื๋อซีเองก็ขี้เกียจที่จะรับมือกับเธอ หลังจากผ่านเวลาอาหารค่ำ ป๋ายปิงเวยกลับห้องเตรียมตัวพักผ่อน ทันใดนั้นแม่หลินก็เปิดประตูเข้ามา ในมือถือของเธอเสื้อมาด้วยหนึ่งตัว “ปิงเวยจ๊ะ ยังไม่นอนใช่ไหม แม่ซื้อชุดนอนมาให้หนูหนึ่งชุด คืนนี้ก็ใส่ชุดนี้นอนแล้วกันนะจ๊ะ” แม่หลินกุมมือป๋ายปิงเวยไว้แล้วยิ้มอย่างหน้าชื่นตาบาน “ถึงแม้ว่าหนูกับจื๋อซีจะรักกันมาก แต่ผู้ชายหนะนะ บางครั้งก็ต้องการอะไรที่ดูเร้าใจบ้าง” หลังจากที่ป๋ายปิงเวยกำลังฟังแม่หลินพูดแบบมีเลศนัยเสร็จนั้น ป๋ายปิงเวยก็รู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที “คุณแม่คะ หนู…” “ปิงเวย หนูรีบไปเปลี่ยนเร็วเข้าสิจ๊ะ” แม่หลินพูดเสร็จก็จัดการดันตัวป๋ายปิงเวยเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที หลังจากเธอเปิดดูเสื้อแล้ว ป๋ายปิงเวยถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว เสื้อตัวนี้ช่างน้อยชิ้นเสียจนเธอรู้สึกว่ามันคงน้อยไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ในใจถึงแม้จะรู้สึกแทบคลั่ง แต่ก็ยังเปลี่ยนใส่เสื้อตัวนั้นอย่างเชื่อฟัง ไม่อย่างนั้นแม่หลินคงต้องทำให้เธอเสียเวลานานเป็นแน่ หลังจากที่ป๋ายปิงเวยเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อ ในตาของแม่หลินนั้นเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ดูดีมากเลยปิงเวย นี่คือสิ่งที่แม่ซื้อให้หนูเป็นพิเศษเลยนะจ๊ะ ใส่เสื้อตัวนี้นอนก็แล้วกัน เอาหละ นี่มันก็ดึกมากแล้ว จื๋อซีเองเขายังอยู่ด้านนอกประตู แม่ก็ไม่อยากรบกวนพวกเธอพักผ่อนกันแล้วหละ” ตอนที่แม่หลินเดินออกไปนั้นเธอก็เจอเข้ากับหลินจื๋อซีที่กำลังจะเข้ามาพอดี “ลูกจ๊ะ สู้ๆนะ แม่เชื่อมั่นใจตัวลูก” หลินจื๋อซีค่อนข้างงุนงงเล็กน้อย จู่ ๆคุณแม่ทำไมถึงพูดแบบนี้กันนะ เดินเข้าห้องมาเห็นป๋ายปิงเวยถึงได้เข้าใจ จริงๆแล้วป๋ายปิงเวยวันนี้เธอช่างดูเร่าร้อนเลยเชียวหละ เรือนร่างของหญิงสาวนั้นถูกห่อหุ้มด้วยชุดนอนแบบบางเบาสีแอพพริคอตที่ผ่านการตัดเย็บอย่างประณีต ช่วงอกของชุดนอนตัวนั้นประดับตกแต่งด้วยลูกไม้อย่างสวยงามละเอียดละออ ภายใต้แสงตกกระทบจากโคมไฟคริสทัลในห้องนอนทำให้มองเห็นผิวขาวอันเย้ายวนและมีเสน่ห์ของป๋ายปิงเวย เธอช่างดูน่าหลงใหล และบริสุทธิ์ผุดผ่องเสียจริง หลินจื๋อซีปิดประตูห้องลง เขายิ้มและมองไปที่ป๋ายปิงเวย "วันนี้เธอดูดีนะ" ป๋ายปิงเวยเหลือบตามองหลินจื๋อซี "ดารานางแบบรอบตัวประธานหลินไม่สามารถทำให้คุณพึงพอใจได้หรือไง" พูดเสร็จป๋ายปิงเวยก็เตรียมตัวกลับไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนเสื้อกลับเป็นชุดนอนของตัวเอง ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าข้อมือของตนถูกดึงเข้าไปยังอ้อมกอดอันอบอุ่นของหลินจื๋อซี “ในเมื่อแม่อุตส่าห์เตรียมไว้ให้ก็ไม่ต้องเปลี่ยนแล้วหละ” "คุณ...คุณคงจะไม่" ป๋ายปิงเวยซ่อนอาการหน้าแดงไว้ในอ้อมกอดของหลินจื๋อซี เธอสูดดมกลิ่นน้ำหอมจากเสื้อของเขา ภายในใจก็รู้สึกเสียใจ กลางวันหยอกล้อกับผู้หญิงคนอื่น กลางคืนก็อยู่กับคู่แต่งงานของตัวเอง “เมื่อกี้ยังดูพูดเก่งอยู่เลย ตอนนี้กลับอ่อนข้อลงแล้วหรือไง” หลินจื๋อซีอุ้มป๋ายปิงเวยขึ้นมาวางลงบนเตียง เขากอดเธอไว้ในอ้อมอกของตัวเอง จ้องมองดูป๋ายปิงเวยราวกับตัวเขาเองถูกมนต์สะกด คืนนี้เธอทำให้เขาใจเต้นแรงขึ้นมาเล็กน้อยจริงๆ “หลินจื๋อซี คุณบอกว่าคุณจะไม่แตะต้องฉันไง จะมาผิดคำพูดไม่ได้นะ” ป๋ายปิงเวยจ้องหลินจื๋อซีตาเขม็ง เธอพยายามที่จะสลัดตัวเองให้หลุดออกจากแขนของผู้ชายคนนี้ “คุณป๋ายครับ ก็แค่คำพูดของผู้ชายคุณก็เชื่อด้วยอย่างงั้นหรือ” หลินจื๋อซีหลี่ตามองเธอแล้วหัวเราะขึ้นมา “ประธานหลินผู้สูงส่งอย่างคุณคงจะไม่รังแกเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆคนนึงได้หรอกใช่ไหม” ป๋ายปิงเวยพูดไปด้วย ดิ้นไปด้วยอย่างสุดกำลัง จนไม่ทันรู้ตัวเลยว่า สายของชุดนอนไหลตกลงไปอยู่ที่ข้อศอกของเธอ ฉากอันสวยงามที่ดูเลือนรางนี้ ทำให้ดวงตาของหลินจื๋อซีเกิดอาการพร่ามัวในขณะที่เขาจ้องมองเธอ “ถึงจะเป็นประธาน แต่ก็เป็นผู้ชายนะ” หลินจื๋อซีเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ต้องการหยอกล้อกับลูกแมวตัวนี้นัก ดูเหมือนว่าการมองดูเธอไม่มีทางสู้นั้นช่างเป็นท่าทางที่ดูน่ารักน่าชังอะไรอย่างนี้ ความเหนื่อยล้าของตัวเองได้จางหายไปในทันที อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน “ไม่งั้น หากฉันต้องการเธอ ค่อยให้เธอสักหนึ่งล้านดีไหม” พูดจบ หลินจื๋อซีก็ขยับเข้าไปประชิดตัว และจูบลงบนริมฝีปากอันเรียวเล็กและงดงามของป๋ายปิงเวย
已经是最新一章了
加载中