บทที่1.จบตอน
“คุณอัคนีคะ คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ปล่อยบีไปเถอะค่ะ ฮือๆ” เธออ้อนวอนขอร้องเขาทั้งน้ำตาเมื่อเห็นท่าทางและแววตากรุ่นด้วยความโกรธของเขา อัคนีไม่มีทางปล่อยให้เธออยู่เป็นสุขแน่ๆ
“เธอจะมาขอร้องฉันให้ปล่อยเธอทำไมในเมื่อเธอกับพี่ชายสารเลวของเธอต้องการแบบนี้ ต้องการทำลายฉัน พี่ชายเธอมันแย่งแฟนฉันยังไม่พอ มันจะยัดเยียดให้ฉันเอาเธอมาเป็นเมียอีก พวกเธอพี่น้องนี่หัวสูงจริงๆ พี่ชายก็หวังเกาะเมียกิน หึ คงคิดว่ามีเมียรวยแล้วจะสบายสิท่า ส่วนเธอก็อยากได้ฉันเป็นผัวจนตัวสั่น”
“ไม่นะคะ บีไม่เคยคิดแบบนั้น พรุ่งนี้เราไปหย่ากันก็ได้”
“หย่าเหรอ เธอคิดว่าพ่อกับแม่ฉันจะเห็นด้วยอย่างนั้นเหรอ คนอย่างอัคนีไม่เคยต้องยอมให้ผู้หญิงคนไหนมามัดมือชกหรือมาสั่งให้ทำนั่นทำนี่หรอกนะ นอกจากแม่ของฉันและเธอก็ไม่ใช่แม่ของฉันด้วย แต่เป็นโสเภณีที่มีทะเบียนสมรสเท่านั้นล่ะ” คำพูดร้ายกาจออกมาจากปากหยักสวนสีแดงเรื่อราวปากอิสตรี แต่แต่ละคำพูดที่ออกจากปากนั้นช่างแสบสันและทำร้ายจิตใจคนฟังมากมาย บารนีมองหน้าของสามีหมาดๆ ด้วยความกลัวจับใจ ร่างบางในชุดสีขาวสะอาดถอยกรูดชิดผนังเมื่อร่างสูงใหญ่ของเขาปรี่เข้ามาใกล้ มือหนากระชากไหล่มนเข้ามาหาอย่างดุดันแล้วโน้มใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรลงมาช้าๆ ดวงตาสีน้ำเงินดูมืดดำจนบารนีหัวใจแทบหล่นไปอยู่แทบเท้าของเขา
“อย่าทำอะไรบีเลยนะคะ ได้โปรดสงสารบีเถอะ” เมื่อเห็นท่าทางของเขาอย่างนี้บารนีรู้สึกหวิวหวั่นในใจ ความเจ็บแปลบที่เหมือนร่างจะแตกเป็นเสียงๆ นั้นยังตรึงอยู่ในจิตใจอันบอบบาง และหากเขาทำแบบนั้นกับเธออีกเธอคงตายแน่ๆ บารนีมองเขาด้วยน้ำตานองหน้า...
“เธอจะต้องชดใช้ที่ทำให้ชีวิตของฉันพังไม่เป็นท่า และเธอจะต้องชดใช้ที่พี่ชายของเธอมันแย่งแฟนฉัน...” อัคนีกล่าวเสียงลอดไรฟัน ใบหน้าหล่อเหลาเข้มด้วยความเกลียดชังและความคับแค้นใจที่ถูกมัดมือชก
ในคืนนั้น คืนที่เขาพร่าพรหมจรรย์ของบารนี แล้วพี่ชายของเธอกลับมาพบว่าเขาทำอะไรกับน้องสาวของตนอีกทั้งอดีตคนรักของเขาก็อยู่ในเหตุการณนั้นด้วย การแก้แค้นของเขาคงสิ้นสุดลงหากภัทราไม่อยู่ในคืนนั้น เพราะหญิงสาวไม่ยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปแม้รู้ดีว่าที่เขาทำแบบนี้เพราะอะไร สุดท้ายเรื่องมันก็ยิ่งมัดเขาไว้จนดิ้นไม่หลุดเมื่อบารนีอายุยังไม่ถึงยี่สิบปีและที่สำคัญบิดามารดาของเขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเขาและยังเข้าข้างบริบูรณ์กับภัทราว่าทั้งสองรักกันและไม่ได้ทำอะไรผิดต่อเขาด้วย พวกท่านจึงให้เขารับผิดชอบบารนีด้วยการแต่งงานและยังย้ำว่าเขาเองควรจะพิจารณาตนเองเสียก่อนก่อนที่จะเที่ยวโทษคนโน้นคนนี้ชีวิตของเขาล้มไม่เป็นท่าเพราะสองพี่น้องหน้าซื่อใจคดแล้วยังไม่มีใครสงสารเขาที่เป็นคนถูกกระทำด้วยซ้ำ อัคนีคิดในใจด้วยความเกรี้ยวกราด...
“อย่า ได้โปรด อื้อออ...” บารนีพยายามร้องขอความเมตตาจากเจ้าบ่าวของเธอ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะอัคนีบดขยี้เรียวปากบางของเธออย่างรุนแรงเหมือนเป็นการลงทัณฑ์จนเธอรู้สึกเจ็บไปทั้งเรียวปากและยังรับรู้รสเค็มของเลือดในปากด้วย เขาช่างใจร้ายเหลือเกิน สาวน้อยวัยสิบแปดคิดอย่างอ่อนล้าไร้หนทางจะหลุดออกจากกรงเล็บพญามารแต่แล้วเธอก็รู้ดีว่าตนไม่มีวันหนีพ้น เมื่อชุดเจ้าสาวแสนสวยถูกกระชากจนขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี และเนื้อผ้าก็ครูดกับผิวขาวลออของเธอจนแดงช้ำ แต่อัคนีก็ไม่สนใจตั้งหน้าตั้งตาจัดการกับเสื้อผ้าของเธออย่างไร้ความปราณีจนในที่สุดเธอก็เปลือยเปล่าสั่นเทาอยู่บนเตียงกว้างที่ไร้ความอบอุ่น...
“คุณเดียวขา อย่าทำอะไรบีเลย ได้โปรดเถอะ...” สาวน้อยยังไม่วายจะเอ่ยขอความเห็นใจพรางกระถดหนีร่างสูงใหญ่ที่ย่างสามขุมเข้ามาหาด้วยเรือนกายแกร่งเปล่าเปลือยและร่างกายของเขาบ่งบอกเป็นอย่างดีเมื่อมันแสดงความต้องการออกมาด้วยความแกร่งด้างใหญ่โต... สาวน้อยหน้าซีดตัวสั่นแล้วก็ต้องหวีดร้องออกมาอีกครั้งด้วยความหวาดกลัวเมื่อเขากระชากร่างบอบบางเข้าไปหาร่างแกร่งอย่างรุนแรงบดขยี้เรียวปากบวมช้ำด้วยความเดือดดาลอีกครั้ง มือหนาโลมลูบเรือนกายละมุนอย่างหยาบคายไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย ทรวงสาวแรกผลิต้องชอกช้ำเพราะมือภมรร้ายที่จิตใจเต็มไปด้วยความเกลียดชังต้องการฟาดฟันให้ศัตรูแหลกลาญไป
ริมฝีปากร้อนผ่าวราวเปลวเพลิงขบเม้มอย่างรุนแรงไปตามผิวเนื้ออ่อนนุ่มและทิ้งรอยราคีไว้บนร่างกายสาวถ้วนทั่วไม่ว่าจะเป็นลำคอขาวผ่องเนินอกอวบใหญ่หรือแม้แต่หน้าท้องเนียนก็มีรอยแดงเป็นจ้ำจากการดูดกลืนด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือหน้าลูบไล้ผ่านไปที่ใดก็เหมือนมีเปลวไฟลามเลียไปที่นั่น...บารนีพยายามเบี่ยงหน้าหนีคมจุมพิตร้อนระอุนั้นแต่ก็ยากเหลือเกินเพราะเธอรู้สึกแสบร้อนไปทั้งตัว ร่างบางสั่นสะท้านทั้งด้วยความกลัวและความซ่านรัญจวนที่เริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อความร้อนแรงของสัมผัสจากชายหนุ่มนั้นอ่อนลงเธอจึงเริ่มปรับตัวและรับรู้สัมผัสนั้นได้
อัคนีเพลิดเพลินไปกับเรือนกายขาวลออเนียนนุ่ม ดื่มกินทรวงสาวอย่างหิวกระหายหลงใหลในความนุ่มหยุ่นและหอมหวานจากเรือนร่างที่เขาเชยชมอยู่ ความรุนแรงจากสัมผัสหายไปเหลือเพียงความเร่าร้อนมาแทนที่เมื่อสาวน้อยตอบสนองริมฝีปากร้อนผ่าวที่ดื่มกินยอดอกสีหวานอย่างเอร็ดอร่อยด้วยการแอ่นกายขึ้นเหนือที่นอนนุ่มยุ่งเหยิงเสนอตัวให้เขาดื่มกิน เรียวขาเสลาที่อัคนียอมรับว่ามันสวยกว่าเรียวขาของหญิงสาวที่ตนเคยควงแยกออกจากกันเปิดทางให้ร่างใหญ่โตของเขาแทรกเข้าไป ทุกการกระทำของเธอช่างไร้เดียงสาเสียงครางกระเส่าแผ่วหวานดังออกจากริมฝีปากบวมเห่อเพราะแรงจุมพิตของเขาก็ยิ่งเร้าอารมณ์หนุ่มให้เตลิด โอ คุณพระ... เธอช่างเซ็กซี่กว่าที่เขาคิดไว้ อัคนีมองทรวงอกอวบใหญ่ที่ไหวกระเพื่อมเพราะแรงหอบสะท้าน กายบางส่ายพลิ้วเมื่อมือหนาเลื่อนลงไปสำรวจซอกอ่อนไหวของอิสตรี
“เธอให้ความรู้สึกดีเหรอเกินสาวน้อย อา... เธอชุ่มฉ่ำ และรัดฉันแน่นจริงๆ” อัคนีเสียงแหบพร่าเมื่อนิ้วแกร่งของเขาแทบไม่สามารขยับได้เพราะความคับแน่นของเธอบีบรัดจนนิ้วของเขาชาไปหมด ชายหนุ่มถอนนิ้วออกจากซอกดอกไม้หวานฉ่ำจูบไล่จากใบหน้าหวานแดงก่ำลงมายังหน้าท้องนวลอย่างอดใจไม่ไหวเมื่อกลิ่นหอมจากดอกไม้สาวสดฉ่ำยั่วให้เขาลิ้มลอง... กลิ่นกายสาวน้อยล่อลวงให้เขาหลงใหลได้อย่างไม่น่าเชื่อ อัคนีคิดขณะแตะปลายลิ้นกับเกสรสีหวานชำแรกเรียวลิ้นผ่าวโลมเลียความอ่อนนุ่มของสาวน้อยที่ดิ้นเร่าครวญครางด้วยลีลาเจนจัด
“อื้อ ไม่นะ...โอ คุณเดียว... อย่า...” สาวน้อยครางไม่เป็นภาษา บารนีรู้สึกสับสนกับความรู้สึกตนเอง ร่างของเธอร้อนราวกับไฟในขณะเดียวกันก็รู้สึกมวนในช่องท้องและฉ่ำชื้นที่ใจกลางร่างซึ่งกำลังถูกชายหนุ่มจู่โจมอย่างเร่าร้อนด้วยปากและลิ้นของเขา ในใจหนึ่งก็รู้สึกกลัวความเจ็บแปลบที่เธอเคยผ่านพบมาก่อนหน้านี้ แต่อีกใจก็อยากรู้ว่าสัมผัสจากเขาจะทำให้เธอหายจากความทรมานนี้ได้หรือไม่
ความรู้สึกเสียวซ่านโจมตีเธอจนแทบมอดไหม้ความรู้สึกนี้ช่างแตกต่างจากครั้งแรกที่เขารุกรานเธอโดยสิ้นเชิง และตอนนี้เธอทรมานจากความรู้สึกนี้เหลือเกินและเธอก็รู้สึกแปลกใจกับความรู้สึกทีเหมือนลอยสูงขึ้นไปในอากาศแล้วตกลงมากระแทกพื้นที่อ่อนนุ่มพร้อมกับความรู้สึกเบาสบายแต่ไม่ทั้งหมดเพราะเธอรู้สึกถึงความร้อนที่จดจ่ออยู่ชิดกลีบกายสาวซึ่งสร้างความร้อนเร่าขึ้นในกายเธออีกครั้ง...
“เธอเป็นของฉันสาวน้อย เธอเป็นของฉันบารนี...” ชายหนุ่มครางกระซิบเสียงแหบพร่ายกกายเหนือร่างงามแล้วกดแทรกแก่นกายร้อนรุ่มเข้าสู่ใจกลางดงดอกไม้สดฉ่ำช้าๆ ใบหน้าหล่อเหลาเหยเกเพราะความคับแน่นบีบอัดจนเขาแทบขาดใจก่อนจะดุนดันแก่นกายเข้าหาร่างบางจนสุดตัวและแช่นิ่งไว้ให้เธอปรับตัวรับความยิ่งใหญ่ของเขาได้
“อื้ออ อ๊า... คุณเดียว...” สาวน้อยครางเสียงดังใบหน้าหวานเต็มไปด้วยเหงื่อพราวพราย เมื่อความเจ็บแปลบแทรกความเสียวซ่านเข้ามาแล้วอัคนีก็เริ่มขยับช้าแล้วเพิ่มแรงขับเคลื่อนโยกคลึงจนกายสาวสั่นระริก ความแปลกใหม่ที่ได้สัมผัสทำให้เธอต้องกรีดเสียงระบายความร้อนในกายออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำนั้นช่างไร้เดียงสาและเป็นธรรมชาติ การตอบสนองด้วยความเผลอไผลลืมตัวทำให้อัคนีพอใจเร่งจังหวะสวาทให้ร้อนแรงขึ้น สูงขึ้นๆ จนในที่สุดเขาก็พาเธอไปเยือนวิมานหวามแสนสุขได้สำเร็จและไม่ใช่แค่ครั้งเดียวเพราะครั้งที่สองและสามก็ตามมาจนกว่าเขาจะพอใจ...
ในท้ายที่สุดชายหนุ่มก็คิดอย่างเห็นแก่ได้โดยไม่สนใจคนตัวบางที่แทบจะสลบไปกับอกกว้างของเขาแต่เขาก็ยังจะดำเนินเกมพิศวาสต่อไปอีก...แต่ไม่นะ เธอไม่ยอมให้เขาทำอย่างนั้นแน่ๆ ถ้าเขาทำแบบนั้นอีกเธอมีหวังขาดใจตายแน่ๆ
ไม่นะ คุณเดียวอย่า... อย่า....
“อย่า ไม่นะคะคุณเดียวอย่าทำบีพอแล้ว... อย่า...” บารนีกรีดร้องแล้วปัดมือไปมาในอากาศก่อนที่ร่างบางจะผวาเฮือกจากที่นอนขึ้นมา ใบหน้าหวานซีดเผือดเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดโตๆ ผุดพรายเต็มใบหน้า หญิงสาวหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนจากความฝันแสนวาบหวาม มือบางเสยผมที่ตกลงมาปรกวงหน้าของตนออกเหลือบมองน้องบูมที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ข้างๆ แล้วก็ทอดถอนใจ
“น้องบูมจ๋า คุณแม่รักหนูนะครับคนดี... คุณแม่ควรจะทำอย่างไร จะทำอย่างไรดี...” บารนีก้มลงจูบแก้มยุ้ยของลูกชายแล้วนอนกอดร่างอ้วนกลมของน้องบูมไว้ด้วยความรักและหวงแหน หากเธอจะตัดสินใจทำในสิ่งที่คิดไว้ เธอก็จะต้องมีน้องบูมเคียงข้างแม้ว่าเธอจะไม่ได้อยู่ที่นี่และเธอจะไม่ใช่ บารนี ดีแลนด์...
วันรุ่งขึ้นบารนีก็ออกไปทำงานตามปรกติ หญิงสาวแต่งหน้าบางๆ เน้นที่ดวงตาให้กลมโตโดดเด่น ร่างระหงเดินเข้าไปในตึกสำนักงานของดีแลนด์ซิลด์ด้วยท่วงท่ามาดมั่นและงามสง่าแต่ก็ดูอ่อนน้อมอยู่ในที พนักงานทุกคนทำความเคารพเธอด้วยความนอบน้อมและได้รับรอยยิ้มแสนพิสุทธิ์จากนายสาวผู้ซึ่งเป็นสะใภ้ของท่านประธานใหญ่ หากใครไม่รู้ที่มาที่ไปของตำแหน่งนี้ก็คงจะรู้สึกอิจฉาบารนีอยู่ไม่น้อย แม้ไม่เข้าใจว่าทำไมอัคนีถึงไม่เคยมาที่นี่ให้ใครๆ เห็นหน้าบุตรชายคนกลางแห่งตระกูลดีแลนด์ก็ตาม
“น้องบีมาแต่เช้าเลย นี่พี่ใช้งานน้องบีมากเกินไปรึเปล่า” อัครากล่าวขึ้นเมื่อเดินเข้าสำนักงานมาพบว่าภรรยาของน้องชายมาถึงแล้วและกำลังเดินเข้าไปนั่งประจำที่ในห้องทำงานส่วนตัวของเธอแล้ว นี่หากเขาไม่ได้มีประชุมนัดสำคัญกับลูกค้าเขาไม่รู้เลยว่าบารนีมาทำงานเช้าขนาดนี้
“สวัสดีค่ะพี่เด่น แต่แหมไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่วันนี้น้องบูมไม่กวนเท่านั้นเองบีเลยมาเช้าค่ะ ทุกวันก็มาเวลาทำงานปรกติ”
“แต่ไม่ต้องขยันมากนักก็ได้ พี่เกรงใจคุณพ่อ รู้มั้ยคุณพ่อน่ะหวงบีมากไม่อยากให้พี่ใช้งานบีเลยล่ะ” อัครากล่าวยิ้มๆ ปรกติแล้วเขาเป็นคนที่นิ่งๆ ไม่ค่อยพูด สิ่งที่คนภายนอกเห็นคือชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ราว 189 เซนติเมตร ใบหน้าเรียวได้รูปประกอบด้วยคิ้วดกหน้าเหนือดวงตาสีน้ำเงินเข้ม จมูกโด่งเป็นสันตรงรับกับริมฝีปากหยักสีเข้มที่น้อยครั้งจะแย้มยิ้มเขาจึงดูเป็นคนเย็นชาและดุดัน และเรือนผมยาวสลวยประบ่าคือเอกลักษณ์ของอัครา นักธุรกิจหนุ่มผมยาวแสนจะเย็นชาและติสต์สุดขั้วที่ไม่คิดจะแคร์คู่ค้าที่มองผมยาวสลวยของเขาด้วยสายตาแปลกๆ แต่เขาจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าผมยาวหรือสั้นมันเป็นเพียงค่านิยมและความคาดหวังของคนอื่นที่มักคิดว่านักธุรกิจจะต้องใส่สูทผูกไททรงผมเรียบแปล้ ซึ่งเขาไม่เคยสนใจตรงนี้เพราะเขาไม่ได้จะเข้ากรุงเทพฯ มาที่สำนักงานใหญ่ของดีแลนด์ซิลด์มากนัก
ส่วนใหญ่อัคราจะอยู่ประจำที่ไร่อัครามากกว่าเพราะที่นั่นอิสระและปราศจากพวกนักธุรกิจหน้าไหว้หลังหลอก และเมื่อเขาหยิบจับงานอะไรก็ตามงานงานนั้นจะต้องสำเร็จลุล่วงทำกำไรให้กับครอบครัวมหาศาลและตรงนี้เองทำให้บารนีชื่นชมอัครามาก แม้เขาจะดูเป็นหนุ่มชาวไร่มากกว่านักธุรกิจเจ้าของโรงทอดีแลนด์ซิลด์และผู้บริหารระดับสูงขององค์กรที่ทำรายได้จากสิ่งทอซึ่งมีมูลค่ามหาศาลแต่ภาพลักษณ์ของเขาก็คือหนุ่มชาวไร่ที่ไม่ใส่ใจกฎเกณฑ์ของเมืองหลวงหรือนักธุรกิจคนใด
ที่สำคัญอัครากับอัคนีมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกันมากและรูปร่างที่สูงห่างกันแค่เซนติเมตรเดียวไม่ได้ทำให้เขาทั้งสองดูแตกต่างกันสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนก็คืออัคราไม่เคยเย็นชากับเธอเขาพูดกับเธอมากกว่าพูดกับคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ จนบางทีอัครวัฒน์ซึ่งมักมาที่บ้านบ่อยๆ และค่อนข้างสนิทสนมกับเธอเพราะวัยใกล้เคียงกัน ก็ยังเคยเอ่ยล้อว่าเธอสามารถง้างปากเสือยิ้มยากให้ยิ้มและพูดมากได้ และหนุ่มทั้งสองคนนี้ไม่เคยสักครั้งที่เขาจะทำร้ายจิตใจเธอเหมือนใครบางคนที่เธอจำเป็นต้องเห็นเขาในฝันอยู่เสมอ...
“น้องบีเป็นอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นใบหน้าที่ค่อนดูหม่นหมองลง
“เปล่าค่ะ คือ บีแค่นอนดึกไปหน่อยค่ะเมื่อคืน”
“ออกแบบลายผ้าให้พี่ล่ะสิ จริงๆ แล้วไม่ต้องรีบก็ได้ งานเลี้ยงก็มีคืนนี้ น้องบีทำตอนนี้ยังทันเลยไหนพี่ขอดูหน่อยสิ” ชายหนุ่มบอกอย่างอ่อนโยน รู้สึกรักและเอ็นดูน้องสะใภ้ผู้อาภัพมากขึ้นเพราะบารนีไม่เคยอยู่ว่าง เธอมักจะทำนู่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา และบารนีก็ไปเป็นแขกที่ไร่อัคราเสมอเพราะไปดูการเลี้ยงไหมอีรี่และศึกษาพัฒนาผลิตภัณฑ์จากไหมกินใบมันสำปะหลังนั่นเอง จนตอนนี้ผลิตภัณฑ์จากไหมอีรี่ของดีแลนด์ซิลด์โด่งดังและเป็นที่นิยมของตลาด อีกทั้งยังสามารถเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของดีแลนด์ซิลด์ไปแล้ว ซึ่งผลิตภัณฑ์ต่างๆ นั้น บารนีคือผู้คิดค้นและออกแบบมันขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเครื่องนุ่มห่ม ของใช้ในบ้านอย่างผ้าม่านผ้าปูโต๊ะหรือกระเป๋าแบบต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานการออกแบบของบารนีทั้งสิ้น ตอนนี้เธอเป็นนักธุรกิจหญิงหน้าใหม่ที่ใครๆ ต่างก็จับตามอง แต่มีเพียงคนเดียวที่ตาบอดมองไม่เห็น...
“ค่ะพี่เด่น...” หญิงสาวยิ้มสดใสให้พี่สามี รอยยิ้มของเธอทำให้อัคราชื่นชมและสงสารเธอในเวลาเดียวกัน บารนีน่าจะมีความสุขกว่านี้....